คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : '' > P a s s i o n 3 *{rewrite
รถตำรวจมากมายจอดอยู่หน้าทางเข้าคอนโดเล็กๆ เช่นเดียวกับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเดินเข้ามามุงดูเหตุการณ์
ภายในคอนโดที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ สารวัตรหญิงปาร์คเยอึน กำลังมองดูสิ่งแวดล้อมภายในห้องเล็กๆ
ศพของชายวัยกลางคนนั่งนิ่งอยู่บนโซฟามุมห้องนั่งเล่น สภาพศพในมือถือปืนกระบอกเล็ก และมีคราบเลือดสาดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ สันนิษฐานว่ายิงตัวตาย
อีกศพคือหญิงสาวที่นั่งฟุบกับโซฟาใกล้ๆ ข้อมือบางของเธอถูกกรีดเป็นรอยทางยาว สันนิษฐานว่ากรีดข้อมือ
จากคำให้การของพยานสองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน..
“รุ่นพี่เยอึนคะ... มีอะไรรึเปล่า?” ซอนมิเรียกคนตรงหน้าที่ดูเหม่อๆ และดูเงียบผิดปกติ
“อ่ะ... ไม่มีหรอก” เยอึนส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ “มีหลักฐานอะไรเพิ่มมั๊ย”
“ไม่มีเลยค่ะ คงไม่ใช่การฆาตกรรมแต่เป็นการฆ่าตัวตายแน่นอนค่ะ”
“งั้นเหรอ”
“คะ?”
“เรากลับกรมตำรวจแล้วไปตรวจดูกันเถอะ” เยอึนว่าแล้วก็เดินออกไปทันที ซอนมียืนงงอยู่เล็กน้อยกับท่าทีรีบเร่งของรุ่นพี่ก่อนจะวิ่งตามเธอไป แม้ในใจยังคงสงสัยท่าทีแปลกไปของเยอึน
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น ไม่ทันที่อาจารย์จะพูดอะไรเพื่อเป็นการจบบทเรียน เหล่าศิษย์รักก็ลุกขึ้นจัดกระเป๋าของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นใคร
อาจารย์สาวถอนหายใจ ปิดหนังสือคู่มือการสอนลง พลันสายตาเธอเหลือบมองออกไปนอกโรงเรียน
หน้าประตูโรงเรียนมีรถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีดำขลับจอดอยู่ เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอนึกชื่นชมในความงามของมันจนพอสมควร เธอจึงเดินออกจากห้องเรียนที่ตอนนี้กำลังเหมือนรังมดที่ถูกน้ำราด เพราะมันกำลังวุ่นวายไปหมด
“ซอนเย! ว่างรึแปล่า วันนี้ไปเที่ยวกันนะ”
“เอ๋?! มะ..ไม่ได้หรอก ฉันต้องไปทำงานน่ะ”
“ซอนเย!! มีคนโทรศัพท์มาที่ห้องพักครูน่ะ อาจารย์บอกให้เธอไปรับด่วนเลย” โซฮีเพื่อนสนิทของเธอตะโกนบอกจากหน้าห้อง
ซอนเยรีบวิ่งออกไปที่ห้องพักครูอย่างรวดเร็วทันที เธอคว้าหูโทรศัพท์มาจากอาจารย์ ก่อนจะเลิกลั่กพูดกับปลายสาย
“ฮะ..ฮัลโหล”
“มินซอนเย ใช่มั๊ยคะ”
“ค่ะ”
“ฉันปาร์คเยอึนจากกรมตำรวจนะคะ... เราพบว่าพ่อแม่ของคุณเสียชีวิตแล้ว...”
“หา? วะ...ว่าไงนะ” ซอนเยรู้สึกชาไปทั้งหน้า เข่าอ่อนแทบไม่มีแรงยืน เผลอตะคอกใส่โทรศัพท์อย่างคุมสติไม่อยู่ “ตายแล้ว... แน่ใจเหรอคะ... แน่ใจแล้วเหรอคะ?!!”
ปลายสายเงียบไปก่อนที่จะตอบกลับมา “...ค่ะ กรุณามาติดต่อรับศพกับทางกรมตำรวจด้วยนะคะ”
“ไม่จริง...” ซอนเยพึมพำหลังจากวางสายไป
“ซอนเย... ไม่เป็นไรนะ” เสียงใสๆ ของโซฮีดังขึ้นข้างหลัง
“โซฮี บอกฉันทีสิ นี่มันแค่เรื่องโกหกกันใช่มั๊ย” ซอนเยหันมาหาเพื่อน น้ำใสเอ่อล้นดวงตาคู่สวย
โซฮีทำสีหน้าลำบากใจ ไม่รู้จะปลอบใจคนตรงหน้ายังไง เธอดึงซอนเยเข้ามากอดเอาไว้
“ไม่เป็นไร... เธอต้องผ่านมันไปได้แน่ ซอนเย... ไม่เป็นไร” โซฮีลูบเส้นผมสีน้ำตาลของซอนเยเบาๆ เป็นการปลอบใจ
ซอนเยเดินลงจากตึกเรียน แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องผ่านหน้าต่างกระจกที่ระเบียงทางเดินไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงเงาเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนซอนเย... เสียงส้นรองเท้าหนังเสียดสีกับพื้นกระเบื้องยางดังตึกๆ เป็นจังหวะไปเรื่อยๆ ขณะที่เจ้าตัวเดิน... บรรยากาศรอบกายสร้างความหดหู่ให้เธอเป็นอย่างมาก
ลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดเอาไว้ ทำให้ซอนเยหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งๆ ที่โรงเรียนไม่น่าจะมีใครอยู่แล้ว...แต่กลับมีร่างสูงบางของหญิงสาว ยืนพิงต้นไม้ใหญ่หน้าประตูโรงเรียน ผมสีดำดัดลอนเล็กน้อยปลิวสยายไปตามแรงลม...ซอนเยเร่งฝีเก้าให้เร็วขึ้น เธอวิ่งลงจากตึกเรียนแล้วตรงมาที่ต้นไม้ทันที
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ซอนเยถามพลางหอบหายใจตรงหน้ายูบินที่ยืนมองมือถืออยู่ในมือ
ถึงแม้เมื่อคืนจะมืด แต่เธอก็จำได้แม่น...
“ฉันจะมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าหน่อยไม่ได้รึไง”
“โกหก” ซอนเยเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างตัดพ้อ ยูบินยิ้มเล็กน้อย เก็บมือถือลงกระเป๋าเสื้อโค้ต “ก็ได้... เหตุผลคือ ฉันมาหาเธอ”
“ทำไม?”
“ไม่รู้สิ ก็แค่อยากเจอ” ยูบินไม่ได้สบตาซอนเย เธอกำลังมองเล็บที่เคลือบด้วยสีดำเล่นท่าทีไม่ใส่ใจซอนเยเลยแม้จะพูดว่าอยากเจอก็ตามที
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”
“เธอร้องไห้มาเหรอ” ยูบินเปลี่ยนเรื่อง
“อะ... อะไรนะ? เปล่านี่” ซอนเยตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ยูบินก็ถามคำถามแปลกๆ ราวกับรู้เห็นกับตา ยูบินหยุดเล่นกับเล็บ แล้วเดินช้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าซอนเย ยกมือขึ้นลูบแก้มใสเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ตาของเธอ มันบวมนะ”
ซอนเยก้าวถอยหนี “... อย่ามายุ่งน่ะ” เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นรัวเป็นกลอง ไม่ใช่เพราะวิ่งมา... แต่เพราะยูบิน
ยูบินหัวเราะ ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเก็บมือกลับเข้าไปซุกในกระเป๋าเสื้อโค้ต
“ฉันจะไปส่งที่บ้าน”
เมื่อได้ยินคำว่าบ้าน หัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบราวกับมีแรงดึง แต่เธอก็ยังคงคุมสติได้อย่างใจเย็น เธอเงยหน้ามองยูบินด้วยแววตาขอร้องก่อนจะเอ่ยถ้อยคำออกมาช้าๆ
“ถ้างั้นช่วยพาฉันไป...กรมตำรวจหน่อยได้มั๊ย”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
รถสปอร์ตคันหรูวิ่งช้าๆ อยู่บนถนนสายหลักกลางกรุงโซล ท้องฟ้าสีดำยามราตรีกำลังคืบคลานเข้ามาแทนที่สีส้มของแสงอาทิตย์ยามเย็น ยูบินยังคงขับรถวนไปวนมาอย่างไร้จุดหมาย เพราะคนที่นั่งข้างๆ เธอไม่อยากกลับบ้าน
“แล้วตกลงเธอจะไปไหน” ยูบินถามเป็นรอบที่ร้อย
“ไม่รู้” และซอนเยก็ตอบเป็นรอบที่ร้อยเช่นกัน
หลังจากกลับมาจากกรมตำรวจเพื่อไปดูผลวินิจฉัยศพเธอก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย ขึ้นรถมาก็นั่งก้มหน้านิ่งราวกับเป็นรูปปั้น
พวกญาติๆ ของเธอจะเป็นคนจัดการงานทุกอย่างให้เอง แต่ตอนนี้บ้านก็เข้าไม่ได้ จะต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติก่อน แต่เธอไม่อยากไป
ถ้อยคำของตำรวจสาวสะท้อนก้องอยู่ในหัวของเธอ
ฆ่าตัวตาย...งั้นเหรอ?
ง่ายจังนะ...ความตายเนี่ยะ...
“เธอชื่ออะไรน่ะ” ยูบินถามขึ้นทำลายความเงียบ
“มินซอนเย... แล้วคุณล่ะ” ซอนเยพูด แม้จะไม่อยากพูดเท่าไหร่นัก แต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายอยากคุยด้วยเหลือเกิน ยังไงก็ไม่ให้เสียน้ำใจ คนเขาอุตส่าห์ช่วยเหลือขนาดนี้แล้ว
“คิมยูบิน ยินดีที่รู้จักนะ”
“เช่นกันค่ะ...”
“ฉันเสียใจเรื่องพ่อกับแม่เธอด้วยนะ”
“...”
“ยังไงซะเธอก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเค้าล่ะ ถ้าเธอก้าวถอยหลัง มันอาจจะทำลายอนาคตของเธอก็ได้”
“แล้วไง? คุณไม่เข้าใจหรอก ความเจ็บปวดแบบนี้ คุณไม่มีทางเข้าใจ” ซอนเยพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน น้ำตาเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง เธอกำลังสติแตก แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้านิ่งเฉย
“ฉัน... เสียแม่ไปตอนเด็กๆ เด็กกว่าเธอในตอนนี้อีก...” ยูบินเอ่ยเสียงเรียบ เหยียบเบรกจอดรถอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเอนเบาะไปด้านหลังอย่างสบายๆ “แม่ฉันจากโลกนี้ไปตอนที่กำลังมีความสุขอยู่เลย... ตายไปต่อหน้าต่อตาฉันกับพ่อ... มันขมขื่นมากเลยรู้มั๊ยที่มองดูแม่ตัวเองเล่นสเกตบอร์ดอยู่แล้วถูกรถบรรทุกเฉี่ยวเอาน่ะ”
“...”
“ช่างเถอะ เรื่องนั้นเธอคงไม่อยากฟังนักหรอก” ยูบินตอบก่อนจะหันมายิ้มแปลกๆ ถึงตอนนี้ ซอนเยเพิ่งรู้ตัวว่ารถนั้นจอดอยู่ เธอหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ตอนนี้เธอกำลังอยู่หน้าคอนโดหรูใจกลางเมือง
“วันนี้ เธอค้างกับฉันก็แล้วกัน”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
“โทษทีนะ ห้องฉันมันรกไปหน่อย” ยูบินหันมาพูดยิ้มๆ ให้กับซอนเยขณะกำลังไขประตูห้อง เมื่อประตูห้องเปิดออก ยูบินเอื้อมมือไปเปิดไฟ ก่อนจะได้ยินเสียงดังมาจากซอนเย
“คุณไม่เคยเก็บกวาดห้องเลยหรอ”
“ไม่มีเวลาน่ะ ตามสบายนะ อยากทำอะไรก็ทำ”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่ามีผู้หญิงไร้ระเบียบขนาดนี้อยู่บนโลกด้วย”
ยูบินหัวเราะเล็กน้อยขณะเดินไปโกยกองหนังสือไปกองไว้ชิดผนังห้องให้ทางเดินกว้างขึ้น ในขณะที่ซอนเยมองอย่างหนักใจ ร่างบางโยนกระเป๋าเป้ลงบนพื้น แล้วเดินตรงไปยังโซฟา
เธอกำลังนึกอยู่ว่า ทำไมห้องนี้มันดูคุ้นตานัก... แถมผู้หญิงคนนี้ดูอีกทีก็เหมือนเคยเจอมาก่อน
“หิวรึเปล่าล่ะ” ยูบินถามขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้องนอน เธอสวมเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงขาสั้นสองคืบ โชว์น่องขาเรียวสวยไปจนถึงขาอ่อนเรียวงาม ซอนเยแทบเอาหมอนมาปิดหน้าด้วยความตกใจ...
เจ้าบ้านเป็นกันเองมากเกินไปแล้วมั้ง
“เอ่อ... ไม่ค่ะ ไม่หิว”
“งั้นเหรอ อืม... ทำไมทำหน้าแปลกๆ แบบนั้นล่ะ??”
“เอ้อ เปล่าไม่มีอะไรค่ะ”
“เธอนี่ตลกดี” ยูบินพูดแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ซอนเย ร่างบางสะดุ้งเฮือก ใจเต้นรัวเป็นกลองด้วยเหตุผลบางอย่างที่บอกไม่ได้ “จะอาบน้ำเลยรึเปล่า เดี๋ยวไปหยิบชุดให้”
“รบกวนด้วยนะคะ” ซอนเยโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณและขอโทษในเวลาเดียวกันยูบินยิ้มให้เธออย่างเอ็นดูแล้วลุกเดินเข้าไปหยิบชุดและผ้าเช็ดตัวมาให้เธอ
ซอนเยเดินไปที่ห้องน้ำ หางตาเธอเหลือบไปเห็นห้องครัวซึ่งมีประตูอยู่ติดกัน ท่าทางผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำครัวเลยสิท่า ห้องครัวนี่สะอาดสุดๆ ดีไม่ดีอาหารทุกมื้อไม่ไปกินข้างนอกก็ทำบะหมี่ถ้วยกิน วัฎจักรชีวิตวนไปวนมาอยู่แบบนี้... ไม่เบื่อบ้างรึไงนะ
เมื่อเธออาบน้ำเสร็จ เธอก็หยิบชุดที่ยูบินเอามาให้ออกมาจากม้วนผ้าขนหนูผืนใหญ่ โชคดีที่มันไม่ใช่ขาสั้นกับเสื้อยืดแขนกุดอย่างที่เธอคิดเอาไว้ แต่มันเป็นเสื้อยืดแขนยาวตัวใหญ่ๆกับกางเกงวอร์มหลวมๆ แทน
ซอนเยเดินออกจากห้องน้ำ นำผ้าเช็ดตัวไปตากไว้ที่ระเบียง ยูบินยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ในมือของเธอมีขนมห่อใหญ่อยู่ ปากก็เคี้ยวตาก็ดูทีวีอย่างไม่วางตา มันเป็นท่าทางที่ตลกๆ สำหรับซอนเย เธอเดินอมยิ้มไปนั่งลงข้างๆ
“ฉันยังไม่รู้จักคุณเลย”
“หือ ก็ฉันบอกเธอไปแล้วนี่” ยูบินหันมาก่อนจะรีบๆ เคี้ยวข้าวเกรียบในปากกลืนมันลงคอไปอย่างรวดเร็ว
“อ่า... ขอโทษค่ะ ฉันคงไม่ได้ฟัง” ซอนเยรีบขอโทษ เธอรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทเหลือเกินที่ไม่ได้ตั้งใจฟังชื่อของอีกฝ่าย
“คิมยูบิน จำไว้ล่ะ” ยูบินยิ้มกว้างให้คนตัวเล็ก
“ขอบคุณนะคะคุณยูบินที่ช่วยฉันขนาดนี้ ไม่งั้นฉันคงแย่แน่ๆ” ซอนเยยิ้มให้ แต่ยูบินเมินไปยังทางทีวี
ซอนเยจึงหันกลับมาสนใจรอบๆ ห้องบ้าง จากที่ตรงนี้ เธอมองเข้าไปในห้องครัว...ชามบะหมี่ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวที่เห็นจากตรงนี้มันช่างคุ้นตาเหลือเกิน...นั่นมันเป็นชามบะหมี่ที่ฉันทำงานอยู่นี่นา...แล้ว... ผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนโหดๆ คนนั้นแน่เลย แต่เขาไม่เห็นจะโหดเหมือนคราวที่แล้วเลย... คงต้องมองใหม่แล้วแหละ
ซอนเยนั่งดูทีวีซักพัก เธอก็เริ่มง่วง ในเมื่อสาวห้าวข้างๆ เธอเอาแต่ดูข่าว พอช่วงโฆษณาก็เปลี่ยนไปดูหุ้น... ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย
“เธอนอนที่เตียงฉันก็ได้นะ” ยูบินพูดขึ้นเมื่อเห็นร่างบางหาวหวอดๆ
“แล้วคุณจะนอนไหนล่ะ”
“ก็นอนนี่แหละ” ยูบินตอบเรียบๆ แล้วหันกลับไปดูทีวีต่อ
“แต่ว่า...”
“เดี๋ยวฉันมีงานต้องทำเยอะ คงไม่ได้นอนอยู่แล้วล่ะ”
“งั้น... รบกวนด้วยนะคะ” ซอนเยโค้งตัวอีกครั้ง แล้วเดินเข้าห้องนอนไป แม้จะลังเลใจเล็กน้อย แต่เธอก็ต้องนอนในห้องนี้
ร่างบางกระโดดขึ้นเตียงทิ้งน้ำหนักตัวจนสปริงเด้ง เธอไม่ได้เปิดไฟตอนเข้ามา จึงมองไม่เห็นอะไรมากนัก มือบางคลำหาผ้าห่มแล้วดึงมาคลุมตัว ดวงตากลมโตปิดลงอย่างเหนื่อยล้า
เรื่องในวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะผ่านมาได้... เธอไม่รู้ว่าคิมยูบินเป็นใครมาจากไหน เป็นคนที่รู้จักกันเพียงสองวันเท่านั้น
แต่ถ้าไม่ได้คนๆ นี้... เธอก็อาจจะหาทางออกเป็นอย่างอื่นไปแล้วก็ได้...
ถ้าไม่ใช่เพราะคิมยูบินพาเธอมาที่นี่... บางทีเธออาจจะตามคุณพ่อคุณแม่ของเธอไปแล้ว...ร่างบางคิดก่อนที่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า....
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ยูบินควานหาโทรศัพท์ที่หล่นลงไปซุกอยู่ระหว่างซอกเบาะโซฟา กดหมายเลขอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ”
“เรื่องของมินซอนเย...” ยูบินหยุดพูดไปเธอเหล่มองประตูห้องนอนเล็กน้อยให้แน่ใจว่าร่างบางเจ้าของชื่อนี้จะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาที่ฟังแล้วน่าขนลุกเป็นที่สุด...
“ฉันฝากที่เหลือด้วย”
____________________________________________________________________
ลงครั้งแรก : 16 ต.ค. 51
แก้ไขล่าสุด : 3 ธ.ค. 54
ความคิดเห็น