ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WG :: Passion Desire :: [Yoobin x Sunye]

    ลำดับตอนที่ #2 : '' > P a s s i o n 1 *{rewrite แก้คำผิด

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 54


                จัดการเองแล้วกันเสียงห้าวเอ่ยลอยๆ กับลูกน้องทั้งสอง

    คิมยูบินที่ใครๆ ก็เกรงกลัวนั่งเท้าคางกับพนักวางแขนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ เรียวขาสวยวางพาดลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ถูกเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอมองลูกน้องซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่อายุมากกว่าเธอหลายปีด้วยสายตาแข็งกร้าวอันเป็นเอกลักษณ์เด่นของเธอ 

    ทั้งอำนาจสั่งการและท่าทางสง่าของเธอทำให้เธอดูน่าเกรงขามจนน่ากลัว เพราะการตัดสินใจของเธอนั้น สามารถพรากชีวิตอันมีค่าของใครก็ได้ที่มีรายชื่ออยู่บนกระดาษ A4 สีขาว 2 แผ่นที่เย็บติดกันในมือเธอ

    ตอนนี้รายชื่อแรกที่เธอวงไว้ด้วยปากกาหมึกเคมีแดงฉานนั้น เป็นครอบครัวเดียวกัน และเพิ่งล้มละลาย...ล้มละลายตอนที่ยังไม่มีเงินจ่ายหนี้เนี่ยะนะ... หึ น่าสมเพชชะมัด

    ยูบินยิ้มมุมปากอย่างเลือดเย็น อย่างน้อยครอบครัวนี้ก็ยังน่าสงสารอยู่ในสายตาคนอย่างเธอ

    ไปได้แล้ว อย่ารุนแรงไปนะ เดี๋ยวไม่มีแรงหาเงินแล้วจะยุ่ง

    หลังจากชายร่างใหญ่ทั้ง 2 เดินออกจากห้องไป ยูบินก็อ่านข้อมูลใบรายชื่ออีกซักพักก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ด้านหลังโต๊ะทำงาน

    ตึกคอนกรีตสูงใหญ่ไล่ระดับความสูงกันไปเรื่อยๆ จนลับสายตา แม้จะอยู่ชั้น 15 ของตึก แต่ก็ยังสามารถมองการจราจรติดขัดเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน มองเห็นผู้คนมากมายที่ตัวเล็กเกือบเท่ามดเดินขวักไขว่เต็มไม่หมด

    เบื่อ... ชีวิตน่าเบื่อๆ แบบนี้... ทำไมทุกคนถึงอยากต้องการมันกันอยู่นะ บางทีความตายอาจจะช่วยให้หลุดพ้นจากบ่วงความน่าเบื่อนี่ก็ได้...

    ยูบิน

    ป๊า?” เจ้าของชื่อหันไปทางต้นเสียงที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้

    ว่าไงลูก ได้หนี้คืนบ้างไหมผู้เป็นพ่อเดินเข้ามากอดร่างบอบบางของลูกสาวอย่างอารมณ์ดี

    ไม่รู้สิ บางคนก็ตายไปแล้วล่ะ

    ไม่เป็นไรๆ ค่อยๆ ทำไปแล้วกันนะ

    อือยูบินตอบ

    เธอแตกต่างกับพ่อของเธอโดยสิ้นเชิง พ่อของเธอเป็นชายหนุ่มอายุปลาย 30 เป็นคนอารมณ์ดี และมีรอยยิ้มตลอดเวลา ผิดกับยูบินที่เป็นหญิงสาวเย็นชา ไร้รอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่กลับเป็นรอยยิ้มเย็นชา ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็เป็นแค่คนเย็นชา

    หนูคิดถึงแม่ยูบินพูดขึ้น สายตาเหม่อไปที่ตึกสีขาวซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ แม่ตาย.. ที่นั่น

    อือ... แม่ของยูบินน่ะ ตอนนี้คงกำลังเล่นเสกตบอร์ดอยู่บนสวรรค์มั้งชายหนุ่มกลั้วหัวเราะ เมื่อนึกถึงภาพภรรยาสาวของตน เธอชอบเล่นสเกตบอร์ดมาก... และเพราะสเกตบอร์ด ทำให้เธอต้องจากไป...

    คงงั้น ว่าแต่ป๊ามาทำไม

    ก็มาหายูบินไง

    งั้นก็ดี หนูฝากป๊าทำงานต่อที จะกลับบ้านนอนแล้ว อ่านรายชื่อพวกเหนียวหนี้แล้วจะอ้วก

    จ้ะ ลูก ^^ ขับรถดีๆ นะยูบิน อย่าซิ่งแรงนะชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างอ่อนโยนให้กับลูกสาว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มมุมปากเย็นชาแบบที่เจ้าตัวชอบทำแทนที่จะเป็นรอยยิ้มสดใสของสาวน้อยที่มีให้กับพ่อ

    ยูบินหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีดำ แล้วหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเครื่องบางที่เธอมักจะพกพามันไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เธอหอบของเหล่านั้นมาที่รถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีดำที่ขัดมันจนใช้แทนกระจกได้  โยนข้าวของเข้าไปที่เบาะข้างคนขับอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่กำลังก้าวมานั่งที่ที่นั่งคนขั

    ภายในรถของเธอรกมากจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นรถของผู้หญิง แต่ยังไงก็ตาม ยูบินไม่เคยคิดจะเคลียร์ของในรถเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มีหนูมาทำรังก็คงไม่คิดจะทำความสะอาดมันอยู่ดี

    มือบางหักพวงมาลัยหนังให้รถเลี้ยวขวาเข้าคอนโดหรูใจกลางเมือง ก่อนจะจอดไปในช่องที่ถูกตีเส้นแบ่งไว้ด้วยสีขาวอย่างนุ่มนวล

    ยูบินดับเครื่อง ดึงกุญแจรถออก หยิบกระเป๋ากับโน๊ตบุ๊คมาก่อนจะล็อครถ

    เธอเดินตรงไปที่ห้อง กองทุกอย่างไว้บนโซฟา

    อย่าว่าแต่ในรถสปร์ตคันเล็กๆ เลย ห้องคอนโดกว้างขวางที่เธออาศัยอยู่นั้นก็เต็มไปด้วยสารพัดของเกลื่อนกลาดพื้นไปหมด แต่ยูบินไม่ได้ใส่ใจมันเลยแม้แต่น้อย จุดหมายของเธอคือเตียงใหญ่ที่ไม่เคยเก็บเตียงเลยตั้งแต่อยู่มา

    ร่างบางกระโจนใส่เตียง ฟุบหน้ากับหมอนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

    กริ๊งง ....

    มาส่งบะหมี่ค่ะเสียงใสดังขึ้นหน้าประตูหลังจากสิ้นเสียงกริ่ง

    ยูบินเงยหน้าขึ้นจากหมอนอย่างหงุดหงิดใจ น่ารำคาญชะมัดเลย ให้ตายสิ

    ขอโทษนะคะ มีใครอยู่มั๊ยคนส่งบะหมี่ยังคงตะโกนเสียงใสต่อไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องหงุดหงิดจนแทบจะคว้าปืนมายิงอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนึกได้ว่าตัวเองก็หิวเหมือนกัน...

    ยูบินเดินมาเปิดประตู พบสาวน้อยผิวน่ารักยืนอยู่หน้าห้อง กำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตากลมโตและกำลังยิ้มให้เธออยู่ 

    ฉัน..ไม่ได้สั่งเธอพูดด้วยเสียงแข็งกร้าวราวกับไล่อีกฝ่ายกลายๆ

    อืมมเด็กสาวมองกระดาษใบเสร็จในมือ ไม่ทราบเหมือนกันอ่ะค่ะ แต่คนสั่งเค้าฝากโน๊ตนี่มาค่ะ สาวน้อยพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้ยูบิน

    นี่ป๊าเองนะ ป๊ากลัวยูบินหิว เอาบะหมี่ไปกินแล้วกันนะ ^ ^’

    ยูบินถอนหายใจแล้วรับถ้วยบะหมี่มาจากเด็กสาวตากลมที่ยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเธอกำลังจะปิดประตูห้อง จู่ๆ เด็กสาวก็คว้าประตูเอาไว้ซะก่อน

    อะไรอีกยูบินเอ่ย น้ำเสียงบ่งบอกความรำคาญเต็มที่

    เด็กสาวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ รู้สึกกลัวแววตาแข็งกร้าวของคนตรงหน้าขึ้นมาทันที นี่ถ้าพูดไปอีกสองสามคำ คนตรงหน้านี่จะฆ่าเธอมั๊ยนะ?

    เอ่อ... ยังไม่ได้จ่ายตังค์ค่ะเธอพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    ไม่ต้องทอนยูบินหยิบเงินโยนให้เด็กสาวอย่างไม่ใส่ใจแล้วปิดประตูห้องใส่หน้าอย่างแรง เธอได้ยินเสียงบ่นอย่างไม่พอใจของเด็กสาวหน้าห้อง แต่ช่างมันเหอะ ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกอยู่แล้ว 

    ว่าแต่หน้ายัยคนเมื่อกี้มันคุ้นๆ แต่มีคนเป็นร้อยเป็นพันที่ยูบินเคยเห็น บางทีอาจจะไปคล้ายๆ กับคนในแบล็คลิสต์ของป๊าก็ได้มั้ง ยังไงตอนนี้กินบะหมีดีกว่า

    ... ป๊านะป๊า จะให้กินทั้งที จะจ่ายให้หน่อยก็ไม่ได้ บ้าชะมัด ...

    ยูบินกดเปลี่ยนช่องทีวีอย่างซังกะตาย เธอพาดขาเรียวสวยไว้บนโต๊ะกาแฟที่มีถุงขนมที่ทั้งกินหมดแล้วและยังไม่หมดวางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองภาพในจอแก้วที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

    ข่าวการตายของนักศึกษาหนุ่มที่ฆ่าตัวตายเพราะเหตุชู้สาวฉายอยู่หลังจอแก้ว ยูบินกระตุกยิ้มเล็กน้อยขณะมองภาพญาติผู้ตายกำลังร่ำไห้ถึงผู้ที่จากไป

    พวกที่ไม่รู้จักการใช้ชีวิต มันก็สมควรตายอยู่แล้ว...

    พวกที่เชื่อในความรักก็เหมือนคนโง่คนนึง

    ความรักน่ะ มีจริงในโลกที่ไหนล่ะ

    ไร้สาระชะมัด...

     

    T rrr …  rrrrr....

    เสียงโทรศัพท์ลอยเข้ามาในโสตประสาท ยูบินหลับเมื่อไหร่ไม่รู้ เสียงโทรศัพท์ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมา แขนเรียวควานหาโทรศัพท์ตามต้นเสียงขณะที่ตายังคงปิดอยู่ มันน่าจะอยู่ใกล้ๆ กับโซฟานี่แหละ ถ้าจำไม่ผิด

    ไอ้บ้าที่ไหนมันโทรมาตอนนี้วะ

    และแล้วเธอก็เจอโทรศัพท์ แสงไฟจากหน้าจอมันดับแล้วก็ดังขึ้นมาเป็นรอบที่สาม นิ้วเรียวกดปุ่มรับโทรศัพท์ก่อนจะนำท่อนพลาสติกสีขาวขนาดพอดีมือขึ้นมาแนบหู

    นั่นใครเสียงห้าวถามไปทันทีที่กดปุ่มรับโทรศัพท์

    คุณยูบินครับ ผมได้ไปจัดการกับลูกหนี้รายล่าสุดมาแล้ว... แต่ลูกสาวของพวกเขาไม่อยู่ครับ

    งั้นเหรอยูบินถามอย่างไม่ใส่ใจขณะมองดูเล็บมือที่เคลือบด้วยสีดำของเธอก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไร ไปตามจับลูกสาวมาให้ฉันก็แล้วกัน

    ครับเสียงชายหนุ่มพูดจบสายก็ตัดไป ยูบินโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟา เอนตัวลงนอนอีกครั้งอดทนรอของเล่นชิ้นใหม่ที่กำลังมาถึงในไม่ช้า

    ท้องฟ้านอกหน้าต่างมืดลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ยูบินหลับไปนานพอสมควรเหมือนกันดวงตาคมจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ไฟของตึกราบ้านช่องและศูนย์การค้าเริ่มส่องสว่างขึ้นทีละจุด เธอมองดูกลุ่มก้อนเมฆที่ถูกแสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมจนเป็นสีมส้มอย่างเหม่อลอย

    เมื่อไหร่ของเล่นของเธอจะมาเสียที...

    T rrr …  rrrrr....

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ยูบินเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

    ว่าไงเธอกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

    ขออภัยด้วยครับ คุณยูบิน แต่เธอหนีไปไหนก็ไม่ทราบครับ

    งั้นเหรอ?” ยูบินเอ่ยเสียงเย็นจนคนฟังเสียงสันหลังวาบ รีบหน่อยแล้วกันก่อนที่ฉัน.. จะหมดความอดทน

    ครับๆเสียงปลายสายเอ่ยอย่างรีบร้อนก่อนจะวางหูไป ยูบินจ้องมองโทรศัพท์ในมือ แล้วโยนมันไว้ข้างๆ ก่อนจะดันตัวให้ลุกขึ้นตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนราวตากผ้าที่อยู่ที่ระเบียง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป.. 

    --------------------------------------------------------------------------------------------

    แฮ่ก... แฮ่ก... เจ้าพวกบ้า ต้องการอะไรกับฉันนักนะร่างบางพูดพลางหอบหายใจ เธอแอบอยู่ในซอกเหลือบมืดและแคบ หลังจากหนีพวกมาเฟียทวงหนี้ที่ตามเธอมาติดๆ อยากร้องไห้เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวเกินกว่าจะปล่อยให้หยาดน้ำใสไหลรินลงมาได้

    ถ้าเกิดทำเสียงอะไรออกไปล่ะ.. แล้วมันเกิดได้ยินเข้า... จะทำยังไง...

    ทำยังไงดี...

    ซอนเยยกมือขึ้นกุมหน้า อยากจะออกไปจากซอกเหม็นๆ นี่เต็มที หากแต่เจ้าพวกบ้านั่นยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ นั้น

    เหนื่อยแล้วนะ... ไปเสียที

    ขบริมฝีปากบางขณะยื่นหน้าออกไปมอง ดูเหมือนรถเบนซ์สีดำคันหรูจะขับออกไปแล้ว

    มันไปแล้วใช่มั๊ย...

    ซอนเยมองรอบๆ ชั่งใจว่าจะออกมาดีมั๊ย และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจออกมา ดูเหมือนพวกที่ตามล่าเธออยู่จะกลับไปแล้ว เธอหนีมาไกลพอสมควร หลังจากเลิกงาน เธอตรงดิ่งกลับบ้าน  ตอนนี้สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่เต็มที เธอฝืนส่งยิ้มให้กับทุกๆ คนอย่างยากลำบาก

    ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเธอหรอก... แม้แต่แฟนหนุ่มของเธอ...ความทุกข์ที่เธอพยาพยามแบกรับมันไว้ แม้จะรู้ว่ามันหนักไปสำหรับเธอ แต่เธอก็ยอมรับมัน... แทนที่จะให้พ่อกับแม่ของเธอรับมันแทน เธอจะหาเงินใช้หนี้ให้หมดเอง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...

    T rrr r rr…

    เสียงมือถือเครื่องเล็กสั่นครืดพร้อมกับเสียงเพลงดังออกมาจากกระเป๋าของเธอ

    ซอนเยควานหาในกระเป๋าแล้วหยิบมันขึ้นมา ชื่อของแฟนหนุ่มโชว์หราอยู่บนหน้าจอ

    ยอโบเซโย?” ซอนเยกรอกรเสียงทักทายไป

    หวัดดีซอนเยอีกฝ่ายตอบกลับมา เป็นไงบ้าง

    ไม่เป็นไร ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นไรจริงๆ นะ

    อือ ดีแล้วล่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ

    ขอบใจนะ ซอนเยตอบพร้อมกับยิ้มออกมา อย่างน้อยจีฮุนก็ยังเป็นห่วงเธอ

    ซอนเย ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ...เสียงของอีกฝ่ายเบาลง

    หัวใจดวงน้อยของร่างบางเริ่มเต้นผิดจังหวะไป เต้นรัวระทึกจนจะกลายเป็นกลองอยู่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้น... ลางสังหรณ์ไม่ดีเลย... กลัวว่าสิ่งที่จีฮุนจะพูดนั้น มันจะเลวร้าย

    มะ.. มีอะไรหรอ

    คือฉัน... ซอนเย ตั้งแต่เราคบกันมา... เธอคิดยังไงหรอ

    หมายความว่ายังไง

    ฉันขอโทษนะ แต่ฉันว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้หรอกซอนเย

    ทำไมล่ะ? จีฮุน ทำไม? ฉันทำผิดอะไรงั้นเหรอ

    เธอไม่ได้ผิด.. ไม่ผิดเลย ฉันผิดทุกอย่าง ฉันทำให้เธอผิดหวัง ขอโทษนะซอนเย...จีฮุนหยุดไปก่อนจะพูดขึ้น... มันเป็นประโยคสุดท้าย ที่ซอนเยจะได้ยินจากเขา...

    แต่เราอย่าเจอกันอีกเลยนะ

    ตู๊ดดดดดด ............

    สายถูกตัดไปแล้ว แต่ซอนเยยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน หยาดน้ำตาที่กลั้นไว้มานานค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มเนียน

    ทำไม... ทำไมกัน...ฉันทำอะไรผิด

     

    ร่างบางเดินไปตามถนนที่ทอดยาวอย่างเชื่องช้า เรื่องราวมากมายถาโถมเข้ามาเกินกว่าที่เด็กผู้หญิงไฮสคูลปี 3 จะรับมันไหว ภายในหัวขาวโพลน ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี... จะจัดการเรื่องราวทั้งหมดนี่ยังไงดี...

    พระเจ้าพรากทุกอย่างไปจากเธอ... ทำแบบนี้ทำไม... ทำไปทำไม??

    ซอนเยยืนอยู่หน้าสนามเด็กเล่นที่เธอและจีฮุนชอบเดินมาด้วยกันบ่อยๆ เธอชอบนั่งอยู่บนสไลเดอร์พลาสติกเหมือนเด็กๆ และจีฮุนก็มักจะนั่งรอรับตัวเธออยู่ด้านล่าง บางครั้งก็นั่งไกวชิงช้าให้กันอย่างมีความสุข

    แต่ความสุขในวันนั้น... มันจบลงแล้ว

    เธอมองถนนที่มืดมิด ตอนนี้ถนนไม่มีรถเลย มันเงียบมาก...เงียบจนวังเวง...

    แม๊วว วลูกแมวสีขาวตัวหนึ่งร้องเรียกเธออยู่อีกฟากของถนน แสงสว่างมัวๆ จากหลอดไฟข้างทางที่คาดว่าไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นชาติ สาดส่องไปยังขนสีขาวมอซอของมัน มันกำลังจ้องมองเธอราวกับอ้อนวอนให้เธอรับมันไปอยู่ด้วย ถ้ามีคนดูแลมัน เจ้าเหมียวคงจะดูดีกว่านี้.... ซอนเยคิด

    เจ้าเหมียวตัวน้อยลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเธอ แต่แล้วแสงไฟของรถยนต์คันหนึ่งก็ปรากฎขึ้นจากทางด้านหลังกำลังแล่นตรงมาด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องยนต์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว

    หนีไปสิ... หนีไปซอนเยพูดพึมพำ แต่ดูเหมือนเจ้าลูกแมวจะไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย มันยังคงเดินตรงมาหาเธอ

    ลูกแมว กำลังจะตาย?

    ไม่... ไม่นะ!” ซอนเยร้องตะโกน ทิ้งกระเป๋าลงบนพื้น แล้ววิ่งตรงไปที่ลูกแมวตัวนั้นขณะเดียวกันที่รถสปอร์ตคันหรูที่วิ่งตรงเข้ามา

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!

    ............... ลาก่อน ทุกอย่างบนโลกนี้ .................

    ______________________________________________________________________________

    ลงครั้งแรก : 3 ก.พ. 51
    แก้ไขล่าสุด : 1 ธ.ค. 54

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×