คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พบกัน
ตอนที่ 1 พบกัน
“ &*&^*$#$&&*^%$@$ ”
เสียงเพลงอันแสนไพเราะ ถูกร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงของ นรีกานต์ แก้วไพศาล หรือกานต์ที่เป็นนักร้องยอดนิยมประจำร้านอาหารแห่งนี้ เพราะหญิงสาวเป็นคนที่สวย ใบหน้าที่มีเค้าโครงเป็นรูปไข่ มีดวงตากลมโต โดยเฉพาะดวงตาที่มีสีน้ำทะเล ยิ่งดึงดูดให้หญิงสาวมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น จมูกที่โด่งรับกับริมฝีปากสีชมพู และผมที่ยาวตรงสีดำขลับยิ่งช่วยเสริมให้หญิงสาวมีความงามที่โดดเด่นได้มากยิ่งขึ้น
“ผู้หญิงคนนี้”
มาร์ค ลอเรน จ้องมองหญิงสาวที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยความสนใจ เพราะเป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่มีเรื่องกับเขาเมื่อช่วงกลางวันนี้ ที่จะร้องไห้เวลาที่เขาพูดเสียงดังด้วย แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อเห็นหล่อนร้องเพลงอยู่บนเวที ผู้หญิงก็เหมือนกันหมดทุกคน ต้องการแต่ความสบาย พอคิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็ยิ้มเย็นเลยทีเดียว
...............................................................................................................................................................
เมื่อช่วงเช้าที่บริษัทในเครือของตระกูลลอเรน ที่มีผู้บริหารคือลูกชายคนเล็กของตระกูล เป็นผู้บริหาร มาร์ค ลอเรน ได้จ้องมองหญิงสาวที่เผลอเดินอีท่าไหนก็ไม่รู้ ทำขนมที่มาส่งหกใส่เสื้อสูทราคาแพงของเขา โดยมีบอดิการ์ดสองคนเดินมาข้างหลังเข้าบังมิให้ถูกเจ้านายของตน แต่คงสายเกินไปเพราะขนมทั้งหมดได้อยู่บนเสื้อสูทเสียแล้ว
“ขอ.....ขอโทษค่ะ” เสียงของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย
“เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหะ” เสียงยักษ์หนึ่งดังขึ้น
“ขอโทษ ขอโทษค่ะ”
“ยังจะมีหน้ามาขอโทษอีก” เสียงยักษ์หนึ่งดังขึ้นอีก
“คือ........ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
“พอแล้ว”
แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้นายยักษ์หนึ่งและนายยักษ์สองหยุดลง และก้มหัวเคารพเหมือนผู้นั้นเป็นเจ้าชีวิต สั่งอะไรก็ทำตามหึ เสียงนินทาในใจของหญิงสาวเคราะห์ร้าย โดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลย เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็ต้องตะลึงงันเลยที่เดียว เมื่อพบกับผู้ชายที่หล่อราวรูปปั้นแกะสลัก ที่มีโครงหน้าที่ได้สัดส่วน รับกับเรียวตาที่มีดวงตาสีดำเป็นส่วนประกอบ ที่เหมือนมีอำนาจบางอย่างอยู่ในดวงตานั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะก็ดูมีเสน่ห์ที่จะดึงดูดเพศตรงข้ามได้เลยที่เดียว และคนที่หลงก็เป็นคนที่ตกตะลึงอยู่ตอนนี้เอง
“มองอะไร” น้ำเสียงที่ทรงอำนาจดังขึ้นอีกครั้ง ที่ถึงไม่ดูหน้าก็รู้ว่าคนพูดกำลังโมโหอยู่
“เปล่า......เปล่าค่ะ คือขอโทษด้วยนะค่ะที่ทำขนมหกใส่เสื้อคุณ”
“ไม่เป็นไร งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”
“เออ.....คุณจะให้ฉันซักเสื้อให้คุณก็ได้นะค่ะ แล้วพรุ่งนี้ดิฉันจะรีบเอามาคืนให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรฉันมีคนซักให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่เธอต้องมาซักให้ฉันหรอ”
“เออ.....ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเต็มใจ ถ้าไม่เพราะความซุ่มซามของฉัน คุณก็คงไม่มีสภาพแบบนี้เหรอค่ะ เอามาเถอะค่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาให้ค่ะ”
“อยากได้นัก...เอ้าเอาไป”
ชายหนุ่มพูดออกมาในที่สุดในขณะที่อารมณ์กำลังเดือดเหมือนลาวาไหลออกจากภูเขาไฟ ที่เขามีอารมณ์เดือดไม่ใช่เพราะแม่สาวตัวน้อยตรงหน้านี้หรอก แต่เป็นเพราะไม่สบอารมณ์กับงานที่ออกมาไม่ได้ดังใจเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะเจอสารพัดขนมที่แม่สาวน้อยคนนี้จะมอบมันให้แก่เขา แล้วยังมีท่าที่ว่าจะร้องไห้ออกมาลอมมะลออยู่แล้ว เขาจึงตัดความรำคาญโดยให้เสื้อแก่สาวน้อยคนนี้ไปแทน แล้วจึงออกเดิน
“แล้วพรุ่งนี้ จะรีบเอามาให้นะค่ะ”
เสียงตะโกนของหญิงสาวที่ไม่วายจะร้องบอกชายหนุ่มที่เดินห่างตัวไปเรื่อยๆๆ
........................................................................................................................................................
พอคิดถึงตรงนี้ มาร์ค ลอเรน ก็เหมือนไม่เข้าใจตัวเองที่สั่งให้เซียร์และ พฤกษ์ลูกน้องคนสนิทสองคน ไปสืบประวัติหญิงสาวมาโดยละเอียด โดยรู้มาว่าหญิงสาวมีชื่อว่า นรีกานต์ แก้วไพศาล เป็นลูกกำพร้าโดยมีน้องคนหนึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรคที่ต้องการเงินรักษาจำนวนมาก หญิงสาวจึงต้องทำงานหนัก โดยตอนเช้าจะเป็นคนส่งขนมให้แก่ร้านขนมที่พอจะมีชื่อเสียง พอตกเย็นหญิงสาวก็ต้องไปร้องเพลงที่ร้านอาหารกลางเมือง ซึ่งก็ค่ายๆ ผับ แต่จะมีดีกรีหน่อยก็ตรงที่เป็นที่ ที่คนที่เป็นคนมีเงินเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ พอเลิกงานก็ไปหาน้องที่โรงพยาบาล แล้วถ้ามีงานอะไรมาให้หญิงสาวทำ หญิงสาวก็รับทำหมดเพื่อต้องการเงินไปรักษาน้องของตน พอลูกน้องทั้งสองเล่าจบ ชายหนุ่มก็มีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา แล้วจึงเผลอยิ้มออกมาน้อยๆ พอลูกน้องคนสนิททั้งสองคนเห็นดังนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมาทันที่ ทำไมถึงยิ้มอย่างนั้น ลูกน้องทั้งสองคนลอบมองกันในฐานที่เข้าใจ ว่าเมื่อไรที่เจ้านายของตนยิ้มอย่างนี้เมื่อไรหรือให้ใครแล้ว ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ แต่จะร้ายแรงแค่ไหนนั้น ทั้งสองไม่อาจรู้ได้เลย
ชายหนุ่มแค่อยากมาดูสาวน้อยตรงหน้าที่ทำงานเป็นนักร้องอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้เท่านั้นเพื่ออยากให้แน่ใจอะไรบางอย่างที่ชายหนุ่มคิด แต่ก็ต้องสะดุดความคิดลง เมื่อเห็นว่ากำลังมีผู้ชายร่างอ้วนจับมือสาวน้อยของเค้าอยู่ ดวงตาของมาร์คตอนนี้เปรียบดังเปลวเพลิงที่พร้อมจะลุกไหม้ใครคนนั้นที่มายุ่งกับคนของเค้าได้เลยที่เดียว
เซียร์และพฤกษ์ได้เห็นสีหน้าของเจ้านายตัวเองแล้ว ก็เข้าใจโดยไม่ต้องมีคำบอกกล่าว ชายหนุ่มทั้งสอง จึงเดินไปยังผู้ชายที่กำลังยุ่งกับผู้หญิงของเจ้านายเค้าอยู่
“ช่วยปล่อยมือด้วย”
“แล้วแกยุ่งอะไรด้วย จับมือนักร้องมันผิดหัวใครว่ะ”
“จะปล่อยหรือไม่ปล่อย”
“ไม่ปล่อยโว้ย มีอะไรไหม แกรู้ไหมว่าแกพูดอยู่กับใคร”
สาวน้อยที่ได้แต่ยืนอยู่ตรงกลางมองสลับไปมา แต่พอเห็นหน้าของคนที่เข้ามาช่วยเธอจากแขกที่มีรูปร่างอ้วนที่จับมือเธอ ก็ต้องตกใจเพราะเป็นคนเดียวกับที่เธอทำขนมหกใส่เจ้านายของทั้งสองคนเมื่อเช้านี้ แล้วหญิงสาวจึงมองหาชายหนุ่มที่เป็นเจ้านายของทั้งสองคน แต่ไม่ต้องมองหานานเพราะชายหนุ่มเป็นคนที่โดดเด่น ถึงจะมีคนเป็นจำนวนมากก็เถอะ หญิงสาวเจอสายตาที่ชายหนุ่มมองมาก็เกิดอาการหนาว หนาว สั่น สั่น ยังไงไม่รู้ เหมือนตนนั้นทำผิดมหันต์อย่างนั้นแหละ แล้วก็กลัวจะมีเรื่องแล้วตนนั้นจะถูกเจ้าของร้านไล่ออก และถ้าได้ออกเธอจะเอาเงินที่ไหนไปใช้ในการรักษาน้องเหล่า หญิงสาวคิดในใจ
“ไม่รู้ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน มีปัญหาอะไรไหม”
เสียงของชายหนุ่มที่เมื่อกี้เห็นนั่งอยู่โซฟา แต่ตอนนี้กับมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เร็วจริงๆ
พอชายที่หาเรื่องกำลังจะพ้นคำด่าก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นหน้าของผู้มาใหม่ เขามาร์ค ลอเรน เจ้าของธุรกิจมากมายทั่วโลก และเป็นผู้มีอิทธิพลทั้งในวงการธุรกิจและมาเฟีย จึงไม่มีผู้ใดที่ต้องการที่จะมีเรื่องกับปีศาจร้ายอย่างเขากันหรอก ชายร่างอ้วนคิดได้ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า
“ไม่มีครับ เออ.....คือผมไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงของคุญมาร์ค ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ถ้ารู้แล้วก็ใส่หัวไปซะสิ” เสียงของยักษ์หนึ่งที่หญิงสาวเคยเรียกในใจดังขึ้น
“ครับ” แล้วชายร่างอ้วนก็เดินจากไป โดยทิ้งให้หญิงสาวตรงหน้ามองหน้าของคนที่ตนเพิ่งรู้จักว่าชื่อ มาร์ค ตามลำพัง แล้วชายหนุ่มก็พูดขึ้น
“ผมต้องการคุยกับคุณ......ตามลำพัง”
ความคิดเห็น