ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ~การกินอาหารมัน ๆ ~
~การกินอาหารมัน ๆ ~
การกินอาหารมัน ๆ ทั้งหลายก็ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว เพราะอาหารมัน ๆ เหล่านั้น จะถูกย่อยสลายเป็นกรด ไขมันเล็ก ๆ แล้วถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต แล้วต่อม ไขมัน จึงจะเอากรดไขมันเล็ก ๆ เหล่านี้มาประกอบเป็น ไขมันขนาดใหญ่ขึ้น ถ้าเปรียบเทียบ ก็สามารถเปรียบ กรดไขมันเล็ก ๆ เป็นตัวต่อ Lego ชิ้นเล็ก ๆ ไม่กี่แบบ และไขมันที่ถูกสร้างจากต่อมไขมันก็เปรียบเหมือน Lego ที่ต่อเสร็จแล้วเป็นรูปรถ รูปเรือ หรือรูปบ้าน ส่วนไขมันที่เรากินเข้าไปก็เปรียบเหมือน Lego รูปอื่นๆ ที่ไม่ใช่รูป รถ รูปเรือ หรือรูปบ้าน นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศอย่าง เช่น ในวัยรุ่น หรือช่วงการตั้งครรภ์ การกินหรือทายาใน กลุ่มสเตอรอยด์ ก็สามารถทำให้เกิดสิวได้ ยากินที่ใช้ใน ผู้ป่วยทางจิต เวชโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Lithium ก็เป็นสาเหตุอีกประการของการเป็นสิว ในการใช้ยา ทา พวกสเตอรอยด์ ถ้าทาอยู่นานพอในบริเวณหน้า หน้าอก หรือหลัง ก็จะสามารถทำ ให้เป็นสิวได้ ในบางคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรืออาการแพ้ต่าง ๆ ที่รุนแรง อาจจำเป็นต้อง ใช้ยากินหรือฉีดที่มีส่วนประกอบของ สเตอรอยด์ แม้ว่าใช้ไม่นานนัก บางครั้งก็สามารถ เป็นสิว ได้ สิวที่เกิดขึ้นจากยาพวกนี้มักมีรูปแบบเฉพาะของตัว เอง กล่าวคือ เป็นสิวที่เห่อ ขึ้นมาเป็นตุ่มหนองหรือตุ่มแดงๆ เหมือนกันหมด และเป็นกระจุกหรือเป็นปื้นใกล้ ๆ กัน การรักษาสิวสามารถทำได้หลายวิธี และแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อ เสียแตกต่างกันออกไป เริ่มต้นด้วยการรักษาที่นิยมกันทั่ว ไปคือ การใช้ยากินในกลุ่มของยาปฏิชีวนะร่วมกับยาทา ยาในกลุ่มของยาปฏิชีวนะนั้นอาจเป็นยาในกลุ่มของ Tetracycline, Erythomycin, Sulfa และแม้แต่ Penicillin โดยกลไกในการออกฤทธิ์น่าจะเกี่ยวข้องกับการลดจำนวน เชื้อ Propionibacterium acnes ที่อาศัยอยู่ในท่อต่อม ไขมันและเป็นตัวใช้ไขมันที่ขัง อยู่เป็นอาหาร แล้วปล่อย กรดไขมันออกมา อันจะทำให้เกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยัง พบว่า ยาปฏิชีวนะบางตัวยังมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ได้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลดจำนวน แบคทีเรียที่ว่า เลย ยาในกลุ่มของ Tetracycline, Sulfa และ Penicillin ก็มีราคาไม่แพง จึงเป็นที่นิยมโดยทั่วกัน สำหรับข้อเสีย ของยาในกลุ่มนี้คือ มีโอกาสที่จะแพ้ยาได้และอาการ ของการแพ้ยาอาจมีน้อยหรือรุนแรงจนกระทั่งถึงแก่ชีวิต ก็มีโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือพวก Sulfa สำหรับ Tetracycline อาการของการแพ้ยาอาจมีได้ตั้งแต่ คลื่นไส้ อาเจียร ผื่น แพ้ยาชนิดต่าง ๆ ไปจนกระทั่งถึงความผิดปกติของตับ การดื้อต่อยาปฏิชีวนะของเชื้อในลำ ไส้จนทำให้ลำไส้อักเสบ ฟันเหลืองในเด็กที่คุณแม่ได้รับยาขณะที่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยา ปฏิชีวนะทุกตัวที่ใช้ในการรักษาสิวอาจทำให้มีการเป็นตกขาว จากเชื้อราได้ด้วย เพราะอาจ เกิดการเปลี่ยนแปลงภาวะสม ดุลย์ของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ในความเห็น ของผู้เขียน การใช้ยาปฏิชีวนะจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้อยู่เป็น เวลานาน ๆ (เกินสองสัปดาห์) และไม่เหมาะกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและไม่ได้คุมกำเนิด เพราะยาทั้ง Sulfa และ Tetracycline มีผลไม่ดีแน่ต่อเด็ก ในครรภ์ นอกจากนี้ก็ควรใช้ภายใต้การดูแลจากแพทย์ ที่เอาใจใส่และได้รับการบอกให้ทราบถึงผลข้างเคียงที่อาจ จะเกิดจากยาด้วย
(เรื่องน่ารู้ยังมีอีกน่ะติดตามครั้งต่อไป)
การกินอาหารมัน ๆ ทั้งหลายก็ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว เพราะอาหารมัน ๆ เหล่านั้น จะถูกย่อยสลายเป็นกรด ไขมันเล็ก ๆ แล้วถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต แล้วต่อม ไขมัน จึงจะเอากรดไขมันเล็ก ๆ เหล่านี้มาประกอบเป็น ไขมันขนาดใหญ่ขึ้น ถ้าเปรียบเทียบ ก็สามารถเปรียบ กรดไขมันเล็ก ๆ เป็นตัวต่อ Lego ชิ้นเล็ก ๆ ไม่กี่แบบ และไขมันที่ถูกสร้างจากต่อมไขมันก็เปรียบเหมือน Lego ที่ต่อเสร็จแล้วเป็นรูปรถ รูปเรือ หรือรูปบ้าน ส่วนไขมันที่เรากินเข้าไปก็เปรียบเหมือน Lego รูปอื่นๆ ที่ไม่ใช่รูป รถ รูปเรือ หรือรูปบ้าน นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศอย่าง เช่น ในวัยรุ่น หรือช่วงการตั้งครรภ์ การกินหรือทายาใน กลุ่มสเตอรอยด์ ก็สามารถทำให้เกิดสิวได้ ยากินที่ใช้ใน ผู้ป่วยทางจิต เวชโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Lithium ก็เป็นสาเหตุอีกประการของการเป็นสิว ในการใช้ยา ทา พวกสเตอรอยด์ ถ้าทาอยู่นานพอในบริเวณหน้า หน้าอก หรือหลัง ก็จะสามารถทำ ให้เป็นสิวได้ ในบางคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรืออาการแพ้ต่าง ๆ ที่รุนแรง อาจจำเป็นต้อง ใช้ยากินหรือฉีดที่มีส่วนประกอบของ สเตอรอยด์ แม้ว่าใช้ไม่นานนัก บางครั้งก็สามารถ เป็นสิว ได้ สิวที่เกิดขึ้นจากยาพวกนี้มักมีรูปแบบเฉพาะของตัว เอง กล่าวคือ เป็นสิวที่เห่อ ขึ้นมาเป็นตุ่มหนองหรือตุ่มแดงๆ เหมือนกันหมด และเป็นกระจุกหรือเป็นปื้นใกล้ ๆ กัน การรักษาสิวสามารถทำได้หลายวิธี และแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อ เสียแตกต่างกันออกไป เริ่มต้นด้วยการรักษาที่นิยมกันทั่ว ไปคือ การใช้ยากินในกลุ่มของยาปฏิชีวนะร่วมกับยาทา ยาในกลุ่มของยาปฏิชีวนะนั้นอาจเป็นยาในกลุ่มของ Tetracycline, Erythomycin, Sulfa และแม้แต่ Penicillin โดยกลไกในการออกฤทธิ์น่าจะเกี่ยวข้องกับการลดจำนวน เชื้อ Propionibacterium acnes ที่อาศัยอยู่ในท่อต่อม ไขมันและเป็นตัวใช้ไขมันที่ขัง อยู่เป็นอาหาร แล้วปล่อย กรดไขมันออกมา อันจะทำให้เกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยัง พบว่า ยาปฏิชีวนะบางตัวยังมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ได้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลดจำนวน แบคทีเรียที่ว่า เลย ยาในกลุ่มของ Tetracycline, Sulfa และ Penicillin ก็มีราคาไม่แพง จึงเป็นที่นิยมโดยทั่วกัน สำหรับข้อเสีย ของยาในกลุ่มนี้คือ มีโอกาสที่จะแพ้ยาได้และอาการ ของการแพ้ยาอาจมีน้อยหรือรุนแรงจนกระทั่งถึงแก่ชีวิต ก็มีโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือพวก Sulfa สำหรับ Tetracycline อาการของการแพ้ยาอาจมีได้ตั้งแต่ คลื่นไส้ อาเจียร ผื่น แพ้ยาชนิดต่าง ๆ ไปจนกระทั่งถึงความผิดปกติของตับ การดื้อต่อยาปฏิชีวนะของเชื้อในลำ ไส้จนทำให้ลำไส้อักเสบ ฟันเหลืองในเด็กที่คุณแม่ได้รับยาขณะที่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยา ปฏิชีวนะทุกตัวที่ใช้ในการรักษาสิวอาจทำให้มีการเป็นตกขาว จากเชื้อราได้ด้วย เพราะอาจ เกิดการเปลี่ยนแปลงภาวะสม ดุลย์ของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ในความเห็น ของผู้เขียน การใช้ยาปฏิชีวนะจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้อยู่เป็น เวลานาน ๆ (เกินสองสัปดาห์) และไม่เหมาะกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและไม่ได้คุมกำเนิด เพราะยาทั้ง Sulfa และ Tetracycline มีผลไม่ดีแน่ต่อเด็ก ในครรภ์ นอกจากนี้ก็ควรใช้ภายใต้การดูแลจากแพทย์ ที่เอาใจใส่และได้รับการบอกให้ทราบถึงผลข้างเคียงที่อาจ จะเกิดจากยาด้วย
(เรื่องน่ารู้ยังมีอีกน่ะติดตามครั้งต่อไป)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น