คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมบทตอนจบ
คำรบที่สอง
ต่อจากคราวที่แล้ว
พระโพธิ์สัตว์จุติ
ภายหลังจากที่ยมบาลได้รับพรวิเศษและของวิเศษสองสิ่งจาก นางพญาไท่เอ๋อ เขาก็จัดสร้างวิหารเทพอายุขัย ไว้ ณ แดนนรกครั้ง นำของวิเศษทั้งสองมาเก็บรักษาไว้ คราวนั้นเขาเองก็กลุ้มใจอย่างยิ่งเนื่องด้วยไม่รู้วิธีใช้ ของวิเศษทั้งสอง เขาเฝ้านั่งทบทวนคำกล่าวที่นางพญาไท่เอ๋อฝากให้เป็นปริศนาข้อความว่า
เทพ มาร มนุษย์ก็มีชีวิต
ย่อมมีสิทธ์กำหนดชีวิตตนเอง
ไม่ควรแบ่งชั้นวรรณะ
ไม่ควรแบ่งเขาแบ่งเรา
ไม่ควรกำหนดชะตาของผู้ใด
ทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ผู้ทำดีสมควรได้ดี
ผู้ทำชั่วย่อมสมควรรับโทษ
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กรรม...
เขานั่งใคร่ครวณ นับร้อยปี ครั้งหนึ่งเง๊กเซียนฮ่องเต้ จ้าวสวรรค์มีพระบัญชาให้ยมบาลเข้าเฝ้าที่วิหารแดนฟ้า ด้วยทราบว่ายมบาลทูลขอให้นางพญาไท่เอ๋อ สละความเป็นอมตะของสรรพชีวิต ครั้งยมบาลเข้าเฝ้า เง๊กเซียนฮ่องเต้ก็รับสั่งให้เขามอบของวิเศษทั้งสองแก่แดนสวรรค์ หากแต่เขาแย้งค้านว่า นางพญาปารถนาให้ของทั้งสองอยู่ที่แดนนรก และให้ใช้กำหนดสรรพชีวิตทั้งไตรภูมิ ให้สิ้นสูญความอมตะ
เง๊กเซียนฮ่องเต้กริ้วมากด้วยหมายใช้ของทั้งสองสิ่งเพื่อให้ทวยเป็นเป็นอมตะเช่นเดิม แต่ยมบาลกลับขัดคำสั่ง จึงให้จับกุมยมบาลไปประหารเสียที่ลานสวรรค์ และส่งเทพเอ้อชิง ไปเป็นยมบาลที่แดนนรกแทนและให้นำของวิเศษมามอบให้แดนสวรรค์ เผยชิ่งหมดศรัทธาในตัวสวรรค์ และคร่ำครวญถึงกฎแห่งกรรม พลางคิดถึงคำที่นางพญาไท่เอ๋อมอบให้ ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต เมื่อเขาจบชีวิตลง แดนนรกกลับสั่งสะท้านอย่างประหลาด แม้แดนสวรรค์ก็เกิดเหตุผิดปกติ แสงจรัสทั่วสามโลก ยมบาลเผยชิ่งกลับปรากฏอีกครั้งเบื้องหน้าของเง๊กเซียนฮ่องเต้ในนาม โพธิ์สัตว์แดนนรก ที่มีร่างกาบสีทองอร่ามนั่งสมาธิบนฐานดอกบัวสิบกลีบพร้อมกล่าวว่า
“ผู้ที่เห็นแก่ส่วนตนย่อมไม่ควรคู่ปกครองคนหมู่มาก ผู้ที่เห็นแก่ผองชนถึงคู่ควรปกครอง ผู้ใดทำดีสมควรได้ดี ทำชั่วย่อมสมควรได้รับกรรม พระองศ์เป็นถึงจ้าวสวรรค์กลับทำตนไร้คุณธรรม บาปกรรมย่อมไม่อาจเลี่ยงแดนสวรรค์ย่อมมิอาจดำรง”
กล่าวจบก็หายไป เง๊กเซียนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ด้วยไม่คาดว่ายมบาลจะมีอำนาจเพียงนี้ จึงเสด็จลงสู่แดนนรกเพื่อค้นหาความลับของของวิเศษทั้งสองสิ่ง แต่เมื่อสำผัสกับเสาวิบากกรรม เง๊กเซียนกลับหายสาปสูญไปจากสามโลกโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เมื่อแดนสวรรค์ขาดผู้นำเหล่าเทพล้วนชิงดีชิงเด่นส่งผลให้แดนสวรรค์ปั่นป่วนอย่างมาก
เทพมารดับสูญ
สวรรค์แตกออกเป็นสองฝ่ายอันได้แก่ เทพอุดรมังกรฟ้า และเทพทักษิณทะเลใต้ ทั้งสองต่างหมายตาตำแหน่งเง๊กเซียนฮ่องเต้เพื่อปกครองทั้งสามโลกเมื่อไม่อาจตกลงจึงเกิดการสู้รบ เลือดจึงล้างแดนสวรรค์ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เผยชิ่ง ออกมาห้ามปรามการรบแต่ก็ไม่เป็นผล จึบเสด็จไปทูลเชิญนางพญาไท่เอ๋อมาห้ามศึก ระหว่างทางที่เสด็จไปบังเกิดเป็นแสงสว่างสีทองทอดยาวสวยงาม เบื้องล่างนั้นมีหญิงชาวนาที่กำลังอุ้มลูกกลับบ้าน หนูน้อยร้องถามมารดาว่า
“แม่จ๋าๆ ดูคนนั้นสิมีอสงสีสวยๆออกจากตัวเต็มไปหมดเลย น่าเคารพยิ่งนัก”
หนูน้อยกล่าวพลางชี้มือขึ้นฟ้า มารดาจึงยิ้มและกล่าวกับลูกน้อยว่า
“นั่นคือคนที่ทำแต่ความดี จิตใจงดงาม คิดถึงแต่ผู้อื่นเป็นหลัก ไม่ทำเรื่องที่ส่งผลร้ายแก่ใคร เมื่อคนเราตายไปก้คงได้เหมือนเขาผู้นั้นละลูก”
นางสอนลูกของนาง ด้วยหวังให้ลูกของนางเชื่อฟังและเป็นคนดี แต่หารู้ไม่ว่า ตาของเด็กน้อยทอดประกายอย่างแรงกล้าด้วยความมุ่งมั่น และหลายหมื่นปีข้างหน้า นางจะภาคภูมิใจในบุตรคนนี้ของนางไปชั่วกาลปวสาน
เมื่อพระโพธิสัตว์ มาถึงวิหารนางพญาไท่เอ๋อ ก็รีบกราบทูลเรื่องให้ทรงทราบ นางพญากริ้วมากหมายใช้ไฟอัคคีอันร้อนแรงเผาไหม้ทวยเทพให้สิ้นไป ด้วยความร้อนแรงแห่งเปลวไฟเหล่าทวยเทพล้มตายไม่น้อย จะหนีเพียงใดก็ไม่อาจพ้นชะตากรรม เปลวไฟลุกลามไปทั้งสามโลกไม่เว้นแม้แต่แดนนรกและแดนนิทราพญามาร สรรพชีวิตล้มตายมากมาย มหามาราที่ถูกไฟร้อนแรงคุกคามก็บังเกิดโทสะ ทลายแดนบาดาลขึ้นไปอาละวาดสวรรค์ปะทะกับนางพญาไท่เอ๋อที่กำลังกริ้วโกรธ ทั้งสามโลกล้วนตกอยู่ในความเศร้าและเงาแห่งความตายด้วยกันทั้งสิ้น
การต่อสู้ดำเนินไปสามร้อยปีสุดท้ายมหามารา และ นางพญาไท่เอ๋อดับสูญไปพร้อมกันแดนสวรรค์ถูกไฟร้ายเผาไหม้รุนแรงร้อนระอุ ชั้นเมฆระเหยหลายเป็นอุทกภัยท่วมแดนโลกให้ล้มตายมากมายไม่หยุดหย่อน แดนนรกและบาดาลกลับหนาวเหน็บแทบขาดใจ เหล่าเทพและมนุษย์รอดตายเหลือเพียงหยิบมือเท่านั้นเอง
เทพมารดร เหลียนฮัว
เหลียนฮัว ธิดาแห่งเทพภูผาและนางพญาไท่เอ๋อมิอาจทนดูต่อไปได้ จึงอ้อนวอนต่อพระบิดาที่ดับสูญไป ณ วิหารธรรมบรรลุมรรค ด้วยความสงสารในสรรพชีวิตที่ต้องล้มตายลงอย่างไร้ความผิด พลันบังเกิดแสงสว่างจากในวิหารกระจายไปทั่ว เป็นศิลาพิทักษ์ชีวิต ที่ล่องลอยไปในที่ต่างๆ ซ่อมแซมแดนฟ้า ลดทอนเปลวอัคคี เสริมสร้างชั้นเมฆ เพียงในนานแดนฟ้าก็กลับสู่ความสงบ เมื่อไฟดับ ชั้นเมฆหยุดละลายอุทลภัยในโลกมนุษย์ก็สงบ ศิลาชั้นที่สองพุ่งทะลวงชั้นน้ำยังสะดือทะเล ผวนน้ำผันสมุทร จนระดับน้ำสู่สภาวะปกติศิลานั้นได้กลายเป็นโซ่ผนึกทะเลใต้ที่คอยควบคุมระดับน้ำเอาไว้ ศิลาชิ้นที่สามได้มุ่งสู่แดนนรกปลดปล่อยแสงเจิดจ้าละลาสยชั้นน้ำแข็งจนกลายเป็นสายน้ำข้ามภพ ที่ใช้สำหรับส่งวิญญาณไปเกิดยังภพใหม่ของแดนนรก ทวยเทพที่เหลือรอดต่างสำนึกผิดและทูลเชิญ เหลียนฮัวครองสวรรค์ในนาม เทพมารดร
ฝ่ายพระโพธิสัตว์เผยซิ่งกลับโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ จึงหมายตายจากไปแต่เทพมารดรกลับห้ามไว้และหมอบหมายให้เฝ้าแดนนรกตัดสินโทษและพิทักกฏแห่งกรรมอย่างเป็นธรรมเพื่อลบความเสียใจของพระโพธิ์สัตว์
มารร้ายผยอง
หมื่นปีต่อมา จ้าวปีศาจ บุตรแห่งมหามารารวบรวมพลพรรคปีศาจน้อยใหญ่หมายรุกรานสวรรค์เพื่อแก้แค้น ก่อความเดือดร้อยยังที่ต่างๆมากมาย เหล่าทหารฟ้าทั้งหลายล้วนต่อต้านอย่างสุดความสามารถ ผลักกันรุกผลัดกันรับไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีใครชนะใครแพ้ มารร้ายจึงยิ่งได้ใจ ถึงกลับออกจากแดนมาร มาข่มเขง มนุษย์ในโลกพิภพ
พระธรรมไร้ขอบเขต
แสนปีต่อมามารร้ายและทวยเทพยังมิอาจมีชัยชนะเด็ดขาด และมนุษย์ล้วนอยู่อย่างยากลำบาก ผู้มีอำนาจยิ่งใหย่ผู้ต่ำต้อยไม่ต่างจากหมูหมา ราชาต่างๆล้วนเอาใจหมู่มารมนุษย์ผู้หนึ่งนาม สิทธิ์ราช เจ้าชายของแคว้นหัสนาปุระ ในประจิมทวีป ทรงเบื่อหน่ายในความสุขสบายและรังเกียจที่จะสบายบนความทุกของผู้อื่น เขาแอบเห็นพระบิดาส่งเด้กๆไปให้เป็นอาหารเหล่าปีศาจและเห็นสภาพอันน่าเวทนา นานาประการ เขาจึงตัดสินในไม่ขอยุ่งกับทางโลกออกแสวงหาความสงบ
ครั้งหนึ่งเทพมารดรมองเห็นความพยายามและความตั้งใจของเขาจึงทดลองใจเขาด้วยการแปลงกายเป็นสาวงามมาทอดไมตรีให้ แต่กลับถูกปฏิเสฐ จึงให้ทวยเทพแปลงกายมาเป็นหมู่มารเพื่อรบกวนและพยายามให้เขาล้มเลิกความตั้งใจแต่ก็ไม่เป็นผล ครั้งสุดท้ายกลับแปลงเป็น คนอาภัพจำนวนมากที่หิวโหยอดอยากน่าเวทนา ครั้งนี้กลับได้รับความสนใจจากชายหนุ่ม เขายอมสละสิ่งที่ติดตั้วมาทั้งหมดให้แก่คนเหล่านั้น หมู่มารร้ายครั้นเห็นก็แปลงกายเป็นหมู่แร้งหิวโหยดักหน้าเขาไว้ เขาเกิดเมตตาเฉือนเนื้อตัวเองให้แก่หมู่มาร หมู่มารก็คืนร่างและหัวเราะเยอะเขาต่างๆนานา เขาก็หาได้ว่าอะไร เพียงนั่งสมาธิอย่างเงียบๆและนึกทบทวนสิ่งต่างๆ โดยมีหมู่มารก่อกวนถึงหนึ่งปีเต็มในที่สุดเขาก็รู้ถึงความเป็นจริง บรรลุถึงอริยสัจ และความเป็นไปแห่งกรรม เมื่อปัญญาก่อเกิดความพร้อมในใจก็ตามมา เขาตรัสรู้ถึงความเป็นไปแห่งโลก บรรลุถึงที่สุดแห่งจักรวาล แสงสีทองเรืองรองปรากฏจากกาย หมู่มารร้ายหวาดกลัวหนีหายไปแสงสาดส่องไปทั่วฟากฟ้า เหล่าทวยเทพล้วยยินดรีปรีดาสรรเสริญว่า “พระผู้เป็นเจ้าบังเกิดแล้ว”
ในแดนนรกเองก็ปรากฏแสงสว่างไปทั่วเหล่าสัตว์นรกภูติต่างมีความสุข ยมบาลและยมทูติเองก็สำผัสความอบอุ่นได้พระโพธิสัตว์เผยชิ่งเองก็ล่วงรู้และเสด็จมาเฝ้าพระภาคเจ้าที่พึ่งตรัสรู้ และถามถึงหนทางอันประเสริฐที่ทรงค้นพบ พุทธองค์ก็เทศนาธรรมอันบริสุทธ์โปรดโดยมิได้หวงแหน ทำให้พระโพธิสัตว์บรรลุอรหันต์ในทันที หมู่มารเมื่อทราบข่าวการตรัสรู้ก็ยกทัพมาหมายสังหาร แต่ก็พ่ายแพ้ไป พุทธองค์ทรงโปรดสัตว์โลกอยู่แปดสิบปีจึงสละสังขารปรินิพพานสู่แดนสุขาวดี
และเรื่องราวทั้งหลายก็กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไปสามหมื่นปี
****************************************
จบปฐมบทแล้วนะครับ คราวหน้าจะขึ้นเรื่องกันแล้วครับผม
ความคิดเห็น