ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO]The Whisper of Wind เสียงกระซิบของสายลม

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4............สอบสวน..............

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 55


    ตอนที่ 4  .....................สอบสวน..........................

     

     

     “ไอเตี้ย!

    ชานยอล  พยายามเขย่าร่างคนตัวเล็กที่ หลับคาโต๊ะ เรียน หลังจากเรียนเสร็จ เพื่อนตัวเล็กของเขาก็หลับไปตอนไหนไม่รู้

    “หงิง~~~ ฮื้อ~” คนตัวเล็กครางเสียงเล็กๆออกมาพร้อมถอนหายใจเบาๆ และยังคงหลับต่อไป ซึ่งเสียงเล็กๆของคนตัวเล็ก ไม่ต่างกับเสียงลูกหมาในความคิดของ ชานยอล อยู่แล้ว ตามนิสัยของเพื่อนร่างเล็กคนนี้ ถ้าหลับล่ะก็ จะมีเสียงครางแบบนี้ออกมาเสมอ ซึ่ง ชานยอลก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

    “มึงจะตื่นดีๆ รึจะให้กูอุ้มมึงกลับหอ!” ร่างสูงตะโกนใส่หูข้างซ้ายของ ร่างเล็ก ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นขึ้นมาแหกปากร้องด้วยความตกใจ

    “ว๊าก!!! เชี้ยไรวะ?!”  

    เมื่อร่างสูงเห็นเพื่อนตัวเล็กตกใจ  ก็อดหัวเราะไม่ได้  ท่าทีของคนตัวเล็ก เหมือนจะยังตื่นไม่เต็มที่ ปากยังหาววอด  ดวงตาคู่เล็กๆ ตี่ๆ  เหลือบมองเสาไฟฟ้าที่ยืนจังก้าอยู่ข้างๆโต๊ะเรียน ด้วยสีหน้าเอือมระอา คนตัวเล็กพยุงร่างตัวเองขึ้นมายืน เก็บเก้าอี้เข้าที่  และสะพายกระเป๋าเดินลิ่ว ออกจากห้องเรียนก่อนที่เสาไฟฟ้าเมื่อกี้จะเคลื่อนที่ตามมากอดคอคนตัวเล็ก

     

    “แม่ง ตามหลอกตามหลอนกูทั้งตอนตื่น และตอนหลับแบบนี้ มึงจะเอายังไงกับกูวะ”

     

    ร่างเล็กบ่นด้วยความหงุดหงิด มือซ้ายก็พลางแคะหูซ้ายที่ดูเหมือนจะดับไปหลังจากที่ถูกเสียงทุ้มๆของคนข้างๆ ว๊าก ใส่หูจนอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไร

    “โธ่มึง.......เห็นใจกูหน่อยกูเหอะไม่มีเพื่อนเดินกลับหองะ  ทีเมื่อวานมึงยังไม่บ่นเลยนะ”  

    “ที่แท้ก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เองมึง  ทำไมวะก็ที่เมื่อก่อน..........” คนตัวเล็กกำลังจะเอ่ยถึงบางอย่างแต่กลับหยุดชะงัก มองสีหน้าคนข้างๆ เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้  คนตัวเล็ก ขยี้หัวของตนเองอย่างอารมณ์เสีย เขาเกือบจะทำร้ายจิตใจคนร่างสูงครั้งที่ 2 แล้ว  คนร่างเล็ก จึงเอื้อม มือไปจับแขนของคนข้างๆ ไว้ เพื่อให้คนข้างๆอย่าใส่ใจกับคำพูดที่หลุดออกจากปากของเขาไปตอน

    “เออ.....งั้นต่อไปนี้ มึงก็กลับหอพร้อมกูทุกวันเลยละกัน วันไหนมึงไม่กลับพร้อมกู  มึงตาย”

    เมื่อคนตัวเล็กพูดถึงขนาดนั้น ร่างสูงก็ยกยิ้ม อย่างสบายใจ  แต่กลับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาสายตาของร่างสูงตอนนี้กำลังจะคลอไปด้วยน้ำตา  เพราะนึกถึงคนบางคนที่เคยพูดแบบนี้เหมือนกัน

     

    [เราจะเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวันเลยนะ วันไหนยอลไม่กลับด้วยกัน พี่จะโกรธยอลนะ]

     

    “เห้ย! ไอเปรต มึงเป็นไรวะ หน้ามึงเหมือนโดนของเลยสาส” คนตัวเล็กหันหน้ามาถาม

     

    “เอ่อ ป่าว ไม่ได้เป็นไรๆ แค่คิดไรไปเรื่อยเปื่อย (ฟึดฟัด)” ร่างสูงถูจมูกโด่งๆของตนเองไปมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเองและเก็บอารมณ์ไม่ให้บ่อน้ำตาแตกต่อหน้าคนข้างๆ

     

    “เห้ย ! ฟึดฟัดๆ แบบนี้ หวัดแดกไงมึง?  ถ้ามึงเป็นไข้ขึ้นมา ไม่ดีแน่ สาส  พรุ่งนี้ที่ชมรมสำคัญมากนะมึงเดี๋ยวพวกรุ่นน้อง  Heart call จะผิดหวังนะเว้ย”

    คนตัวเล็ก ยื่นแขนไปจับหน้าผากร่างสูง ที่ยังคงทำจมูกฟุดฟิดๆ  ร่างสูงมองร่างเล็กอย่างลึกซึ้งแต่คนตัวเล็กกลับสนใจแต่อุณหภูมิร่างกายของ เขา

     

    “เวรแล้วมึง  กูว่าวันนี้มึงไม่สบายแน่ๆ ตัวมึงรุมๆ หน้ามึงแดงด้วย”

     

    “บยอนแบคฮยอน”  เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น สายตาจ้องเข้าไปนัยน์ตาของคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังแต่ว่า คนตัวเล็กกลับไม่ได้สังเกตอะไรจากร่างสูง เมื่อคนที่โดนเรียกว่าเตี้ยมาตลอด ถูกเรียกด้วยชื่อเต็มก็เกิดความสงสัยกับไอเปรตตัวข้างๆ ที่เรียกชื่อเค้าออกมาซะเต็มยศ ว่ามันต้องการจะสื่อถึงอะไร

     

    “เชี้ย!หยอย ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกชื่อกูเต็มแบบนี้นะมึง วันนี้มึงคิดยังไงเรียกกูแบบนี้วะ?”

     

    “ป่าว ฮึฮึ แค่กลัวลืมชื่อมึงเฉยๆ”  เมื่อร่างเล็กแสดงอาการสงสัย ร่างสูงก็เปลี่ยนสีหน้าจริงจังเมื่อครู่ทันที ร่างสูงฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ เพื่อให้เพื่อนข้างๆเบาใจ แต่ดูเหมือนจะสร้างความสงสัยให้คนข้างๆมากกว่าเมื่อยิ่งยิ้ม ก็ยิ่งมีน้ำตาไหลออกมา

    บรรยากาศระหว่างทางกลับบ้าน รู้สึกจะไม่เหมือนเดิม ร่างสูงก้มหน้าตลอด หน้าผมที่หยิกหยอยของเขา
    ดูจะปกปิดความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กก็ยังคงข้องใจกับเพื่อนข้างๆ ที่เอาแต่ก้มหน้ามองทางเดิน อย่างเดียว
      

     

    “ปาร์คชานยอล”  สีหน้าของแบคฮยอน เริ่มจริงจังขึ้นมา บวกกับน้ำเสียงที่ดูจริงจังเหมือนตอนนั้นตอนที่ร่างสูงโดนคนข้างๆ อำเล่น และเกือบทำให้ร่างสูงเชื่อสนิทใจว่า แบคฮยอน เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ คิดไม่ซื่อ

     

    “อะไร...(ฟึด)..เตี้ย..มึงกลัวลืมชื่อกูอีกรึไง มุกนี้กูเล่นแล้วนะมึง” ร่างสูงสูดจมูกฟึดฟัด พูดไป หัวเราะไป แต่ความรู้สึกในใจก็ยังคงกักเก็บความเศร้าไว้

     

    “มึงยังรัก ไอเหลือกนั่นอยู่ใช่ไหม?” แบคฮยอนพูดขึ้น สีหน้าไม่มี วี้แววว่าจะเล่นๆหรือหลอกอำคนตรงหน้าอีกแล้ว สายตาของทั้งสองปะทะกัน  โดยสายตาแบคฮยอนเป็นเชิงบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับความจริงมา 
    ชานยอลเมื่อรู้ว่าสู้สายตาคนตัวเล็กไม่ได้ก็เงียบและไม่กล้าพูดอะไรออกมา

     

    “กูถามว่ามึงรักมันอยู่ใช่ไหม?”  แบคฮยอนเริ่มขึ้นเสียงใส่ร่างสูง ที่ก้มหน้าเงียบและไม่พูดอะไร

     

    “ตกลงมึงรักมันใช่ไหม!!!!!!!ไอหยอย” แบคฮยอนเริ่มตะโกนเสียงดังขึ้น  คนตัวสูงก็ยังคงก้มหน้าเงียบเช่นเดิม ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลย

     

    “เชี้ย! ไม่ตอบกู กูก็ไม่ถามแล้วสาส เจ็บคอ” เมื่อตะคอกใส่คนตัวสูงจบ คนตัวเล็กก็เดินเชิด สะบัดหน้าหนีแล้วเดินนำหน้าไป ร่างสูงมองตามหลังร่างบางๆของคนตัวเล็ก ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามไป

     

    “เฮ้ย! เตี้ยมึงอย่าเชิดใส่กูแบบนี้สิ” ชานยอลเร่งฝีเท้าตามร่างเล็กที่ดูเหมือนจะงอน เขา

     

    “กูไม่ได้งอน มึง แต่กูเครียด!” แบคฮยอนหันมาค้อนใส่ร่างสูง

     

    “เตี้ย~ มึงเครียดไรวะ ไม่เอาๆ เดี๋ยวตีนกาขึ้น แล้วไม่สวยน้า~~~” ร่างสูงแหย่คนตัวเล็ก ด้วยการจับแก้มคนตัวเล็กบิดไปมา คนตัวเล็ก ดูจะมีท่าทีที่หงุดหงิด เพิ่มขึ้น

     

    “ทะลึ่งแล้วมึง” คนตัวเล็กเริ่มทำสีหน้าเฉยเมย  ร่างสูงเห็นก็พยายามตามตื้อเพื่อนตัวเล็กของเขา

     

    “มึงเครียดไรอ่า~~

     

    “เมื่อวานหัวกูเกือบเป็นธุลีก็เพราะมึงแล้ว วันนี้กูหูดับกับเจ็บคอเพราะมึง ยังไม่พออีกหรือ?”
    คนตัวเล็กหันมาขึ้นเสียง  

     

    “เตี้ย~ อย่าเหวี่ยงสิ คนสวยเขาไม่เหวี่ยงหรอกน้า ^ ^ แบคฮยอนนี่ ต้องสวยต้องน่ารักสิอย่าทำหน้าแบบนั้นน้า                                                                                                                          ชานยอลยังคงแซวเพื่อนตัวเล็กต่อ มือหนาก็ยังคงจับแก้มนุ่มๆของคนตัวเล็กไว้ พลางบิดไปมาด้วยความ
    หมั่นเขี้ยว ยิ่งคนตัวเล็กทำคิ้วชนกัน มันยิ่งทำให้ ชานยอล ยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่

     

    “ไอหยอย! มึงเห็นหน้ากูเป็นไรวะ!!!  มือหนักชิบ  เล่นกับกรูทีไรไม่เคยออมแรงเลยนะมึง รู้ไหมกูเจ็บ กู รำคาญ ระบมไปหมดแล้ว สาสๆๆ”

     

    คนตัวเล็กที่เก็บกดมานาน อาละวาดใส่คนข้างๆ ด้วยการกระหน่ำฟาดฝ่ามือบางๆ ลงบนอกของคนตรงหน้า  แต่คนร่างสูงตรงหน้ากับหัวเราะร่า พลางรับฝ่ามือบางที่ฟาดลงมาบนตัวเขาอย่างสนุก

     

    เดินกันมาสักพัก จนถึงที่หมาย คนตัวเล็กรีบสะบัดก้น เดินหายวับเข้าห้องไป  ร่างสูง ยืนเซ็ง ที่วิ่งตามไปไม่ทัน จะเคาะห้องคนตัวเล็กเดี๋ยวจะกลายเป็นการรบกวน เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องตัวเองไปเหมือนกัน 

     

    ไอเตี้ย ทำไมแกถึงทำให้ฉัน รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆทุกวันเลยวะ



    +++++++++++++++++++++

     

    “เสี่ยวลู่ วันนี้นายอยู่เย็น ใช่มะ”เสียงของผู้หญิงผมสั้น หน้าตาน่ารัก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเอ่ยถามผม    ในขณะที่ผมกำลังจัดแจงยกเก้าอี้ และสะพายกระเป๋าเตรียมไปห้อง ผอ. ตามที่นัดกับอาจารย์ ลี ฮโยมินเอาไว้

     

    “อื้อ มีอะไรเหรอ?”

     

    “คือว่า...ช่วยทำเวร แทนฉันด้วยนะ ขอร้องล่ะ คือว่า ฉันโดดเวรหลายรอบแล้ว ก็เลยโดนทำเวรคนเดียววันนี้ แต่ว่า วันนี้ฉันมีนัดดูคอนเสิร์ต กับเพื่อนๆน่ะ เลยไม่ว่าง ขอโทษด้วยนะ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก โซฮี  เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง ^ ^” ผมตอบรับคำร้องขอของเพื่อนสาวผมไป

     

    THANK YOU มากๆ เสี่ยวลู่ กลับมาเดี๋ยวซื้อของมาฝากนะจ๊ะ ไปละน้า~~บาย~~~

     

    พูดจบโซฮี ก็วิ่งพรวดพราดออกจากห้องไป ทิ้งผมให้ยืนโดดเดี่ยวคนเดียวในห้อง  T^T เหงานะครับ

     

    ผมจัดการวางกระเป๋าไว้ตรงระเบียงหน้าห้อง ก่อนผลุบเข้าห้องไปปัดกวาดเช็ดถู  ด้วยความรวดเร็ว เพราะถ้าผิดนัดกับ ผอ. ขึ้นมา ผมคงโดนเล่นไม่ใช่น้อย  นี่มันก็เริ่มเย็นมากแล้ว ท้องฟ้าเริ่มสีมืดลงแต่พระอาทิตย์ยังคงส่องผ่านหน้าต่างห้องเรียนที่ผมกำลังปิดมันอยู่

     

    ในขณะที่ผมกำลังล็อคห้องเรียน ผมมีความรู้สึกว่า มีคนยืนมองผมอยู่น้า~ และก็น่าจะมองผมนานแล้วด้วย
    ไม่ว่าผมเดินไปตรงไหน มันมีความรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม มีลมพัดเบาๆผ่านหน้าผมบาง ได้ยินเสียงลมพัด ฟิ้วๆ มันไม่ได้เหงาอย่างเดียวแล้วครับ มันผสมความสยดสยอง ตามสัญชาติญาณของคนอยู่คนเดียว
    แล้วระแวงคิดไปต่างๆ นานา

     

    สักพักผมเห็นเงา แวบผ่านหลังผมไป ผมหันไปมองก็ไม่เห็นมีอะไร  คือว่า.........ผมชักจะควบคุมสติไม่ได้แล้วครับ มือไม้ผมสั่นไปหมด พอล็อคห้องเสร็จผมก็รีบจ้ำอ้าวออกจากตรงนั้นทันที และผมก็รีบติดเทอร์โบวิ่งไปห้อง  ผอ. อย่างไม่รอช้า   (ไรท์เตอร์:เสี่ยวลู่นายลืมอะไรรึเปล่า??)



    +++++++
     


    ณ  ห้องธุรการ

     

    ถึงแล้วสถานที่ที่เหมือนจะปลอดภัย แต่ว่าหน้าห้องธุรการมี รองเท้าหนังสีดำ เงาวับ แบบนี้ หลายคู่จังครับ รองเท้าส้นสูงของผู้หญิงก็มี เอ่อไม่ใช่เวลานั่งสงสัยรองเท้านี่หว่า รีบๆ เข้าไปข้างในดีกว่า

     

    [แอ๊ด..........]

    “ขออภัยที่มาช้าครับ”  เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป มีอาจารย์ ฮโยมินนั่งรออยู่ กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อีก 2 นาย มีคนที่นั่งถัดจากตำรวจอยู่เป็น.......เทพบุตร  ไม่ใช่! นศ. หน่วยราชการหน้าตาดีคนหนึ่ง  ดูจากสูต นศ. ที่ใส่แล้วยังมีตรากระทรวงติดอยู่ด้วย เท่ห์มากมายครับ

     

    “ยืน บื้ออยู่ทำไม เสี่ยว ลู่หาน รีบมานั่งตรงเน่เซะยะ”  นี้ ผอ. มหาลัยนี่เหรอครับ .......O_Oa

     

    ผมเดินไปนั่งเผชิญหน้ากับ ผอ.  อะไรหว่า    ไม่รู้จักครับ  ผมเหลือบมองไปตรงป้ายชื่อ ที่ติดอยู่หน้าโต๊ะ 
    ผอ.  เอ๋??
    Snooppy นี่มันหมายความว่ายังไงกันครับ =   =

      

    “สวัสดีครับ ทุกท่าน  สวัสดีครับ ผอ. สนู๊ปปี้” ผมกล่าวทักทายทุกคนในห้อง ที่หน้าตาแต่ละคนเหมือนอยู่ในโหมดเคร่งเครียด พอๆกับห้องประชุมสภานักศึกษาเลยก็ว่าได้ครับ

     

    เมื่อผมกล่าวทักทายออกไป ดูเหมือน ผอ. จะควันออกหูทันที  ร่างบาง ผมทรงกะลา แถมท่าทางตุ้งติ้งๆ
    แบบนั้น ไม่ถามก็น่าจะดูออกนะครับ ฮิฮิ

     

    “ใครใช้ให้นายเรียกฉันว่า สนู๊ปปี้ ยะ ฉันมีชื่อนะยะ ฉันชื่อ ลี ซึงฮวาน ย่ะ จำใส่สมองใสๆไร้การศึกษาของเธอไปเลย เสี่ยวลู่หาน”

     

    โห เป็นชุดเลยครับ ผมได้แต่นั่งทำหน้าอึ้งๆ ใส่ ขณะที่อาจารย์ ฮโยมิน ลุกมาห้ามปามร่างเล็กที่ดูจะโมโห
    ฟาดงวงฟาดงาใส่ผม จนหน้าตาแดงแป๊ดเลย.........

     

    “ขอโทษด้วยครับ  ทุกท่าน เชิญสอบสวนได้เลยครับ”  เอ้า ผอ. จู่ๆ แกก็เปลี่ยนโหมดทันที ที่รู้สึกตัวว่าเจ้าพนักงานแต่ละคนนั่งทำหน้าระอาใส่แก ว่าแต่กลับไปแต๋วแตกเหมือนเดิม ก็ดีครับ รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของ
    ผอ. จะพังยับเยิบมาตั้งนานแล้ว

     

    “ครับ เข้าประเด็นเลยละกันครับ คุณเสี่ยว ลู่หาน”  นศ.หนุ่มผม บรอนซ์ทอง ดุจเทพบุตร เอ่ยขึ้น เขาหล่อมากๆเลย บุคลิกท่าทางเหมือนเป็นตำรวจมากๆ  แต่ติดที่ ยังดูอ่อนวัยไปน่าจะรุ่นเดียวกับผมนะแม้การแสดงจะดูเป็นผู้ใหญ่ก็เถอะ

     

    “ครับ”

     

    “เมื่อวันที่ นศ. ชาย ปี 3  ตกจากที่สูงและเสียชีวิต ไม่ทราบว่า คุณ ทราบเรื่องนี้ ตอนไหนครับ”

     

    “หลังจากเกิดเหตุ ประมาณ 2 วันครับ”

     

    “แล้วคุณรู้จักกับ นศ. ชาย คนนี้ไหมครับ?”  ตำรวจยื่นรูปมาให้ดู ทีนี้ไม่มีเลือดแฮะ แต่ภาพเก่าสุดๆ

    “ไม่ทราบครับ”  ก็ไม่รู้จัดงะ ภาพก็เป็นแบบเก่า มาก มีรอยยับซะขนาดนี้ ผมดูไม่ออกครับ

     

    “แต่ นศ. ชายคนนี้รู้จักคุณ นะครับ”

     

    “???????? เหรอครับ แต่ผมยืนยันนะครับ ผมไม่รู้จักเค้าครับ”

    นศ. คนนี้ทำไมรู้จักผมล่ะ =   = ผมไม่รู้จักนะ แล้วผมจำได้ว่า ตอบคำถามแบบนี้ ไปหลายครั้งแล้ว

     

    “เราผมเศษกระดาษแผ่นนี้ บริเวณที่เกิดเหตุ” ตำรวจกล่าวก่อน  ยื่นเศษกระดาษ แผ่นบางๆมาให้ผม

     

    [เสี่ยวลู่หาน]     อ้าวเห้ย! ชื่อตูนี่หว่าครับ  (ไรท์เตอร์:ตกใจเกินไปไหมเสี่ยวลู่)

     

    “คุณอยู่ในเหตุการณ์ ที่ นศ.ชาย คนนี้ เสียชีวิต ด้วยสินะครับ” นศ. ชายผมบรอนซ์ทอง ยังคงถามผมต่อไป
    และยิ่งถามก็เหมือนจะยิ่งกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เขาถามผม หรือเขาขู่ฆ่าผมกันแน่วะครับ

     

    “เดี๋ยวครับ! มันยังไงครับ?”

     

    “วันที่  20 เดือน 4 เขาเสียชีวิตในวันนั้น แล้วจากการค้นหาข้อมูลที่น่าจะเกี่ยวกับคดี ผมทราบมาว่าวันนั้น
    คุณ มาที่มหาลัย  เพื่อทำอะไรบางอย่าง จริงไหมครับ”

     

    ผมนึกย้อนกลับไปในวัน นั้น เอ่อ.....O [] O.....นั่นมันวันเกิดผมนะครับ ผมก็ต้องกลับประเทศจีนเพื่อไปหา
    อาป๊า อาม๊า ผมสิ แล้วผมจะมามหาลัยทำไม แต่เดี๋ยวก่อน ................นึกดีๆ
     

    “.......ผมมาที่นี่ ใน วันนั้นครับ.........”   อืมใช่ครับตอนนี้ผมนึกได้แค่ PSP เครื่องหนึ่งที่อยู่ใต้โต๊ะ
    ...........ซึ่งมันเป็นของผม ผมไม่ยอมให้มันถูกยึดเด็ดขาดครับ
    > [] < จากนั้นแล้วยังไงต่อนึกๆๆ

     

    “คุณมาทำอะไร  เสี่ยวลู่หาน”  บรรยากาศในห้องอึมครึมมากครับ กดดันเสี่ยวลู่คนนี้สุดๆ ขนาดผอ. สนู๊ปปี้
    ยังอ้าปากค้างกับแต่ละคำถาม ของการสอบสวน ที่ผมกำลังโดนอยู่นี่ล่ะครับ

     

    “คือว่า ผมลืมของไว้ ก็เลยมาเอาครับ” จำได้แค่นี้จริงๆ ว่าลืม PSP ไว้ในห้องเรียน =W=

     

    “แล้วได้ยินเสียง หรือเห็นคนอื่นบ้างไหมในวันนั้น”

     

    “เอ่อ.........ไม่นี้ครับ...??”  

    เอ่อ นึกๆดูแล้ว จริงๆก็เจอนะ  ผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งผ่านผมไปตอนผมกำลังกลับบ้าน ผิวขาว จั๊วะเลย
     แล้วก็บอกว่า อย่าบอกใครนะ ว่าเขามามหาลัย  เดี๋ยวเพื่อนเขาจะว่าเอา แล้วเขาก็ชู ซองจดหมายที่มีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจอันบิ๊ก ติดอยู่ขึ้นมาโบกโชว์ผม แถมทำหน้า แบบว่า ฟินนาเร่ เขินอาย ใส่ผมอีก  อืม จะบอกตำรวจ
    ไปก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นะ  คงไม่มีคนบ้าที่ไหนฆ่าใครด้วยจดหมายรักหรอกจริงไหมครับ 555+

     

    “แต่เราทราบมาว่า มีคนอยู่ใน เหตุการณ์ 3 คน นั่นรวมถึงคุณด้วย”

    ถึงตรงนี้ สีหน้า ผอ. สนู๊ปปี้ ดูจะตกตะลึงมาก ในขณะที่อาจารย์ ฮโยมิน นั่งหน้าซีดไปแล้ว  
    คนที่ต้องหน้าซีดและตกตะลึง คือผมตะหากครับ .........ไม่ใช่แค่หน้าซีดอย่างเดียวครับ ผมรู้สึกอึดอัดมากๆ
    แม้อุณหภูมิในห้องจะเย็น แต่ใครจะรู้จะเห็นว่าเสี่ยวลู่คนนี้ มีเหงือออกมามากแค่ไหน

     

    “อ้าว? ผมด้วยเหรอ!

     

    “ครับ ส่วนที่เหลือ เรายังไม่ทราบแน่ชัด แต่ ที่มีหลักฐานและกำลังเป็นที่น่าสงสัยที่สุด ก็คือคุณนะครับเสี่ยวลู่หาน”

     

    “ผะ...ผม”

     

    อกเสี่ยวลู่จะแตกครับ พูดถึงขนาดนี้ ผมบอกตรงๆครับ ว่า ผมดวงซวยไปแล้ว แค่วันเกิดผม มีคนตายอะไรมันจะมาเชื่อมโยง ผูกมัดซะจนกลายเป็นว่า ผมโดนเหมารวมว่าเป็นฆาตรกร

     

    “ฉันว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะค่ะ เสี่ยวลู่ นายกลับบ้านไปได้เลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ จะสอบไมไหว”

    อาจารย์สาว ฮโยมินกล่าวขึ้น   สีหน้าเธอดูเป็นห่วงผมมาก คงจะเห็นใจผมใช่ไหมครับอาจารย์

     

    “อืม งั้นพอแค่นี้ก่อน แต่ยังไง พวกเราคงต้องให้นายทำบันทึกประจำวันมาส่ง ในอาทิตย์หน้าด้วย
    แล้วคุณ ลี ฮโยมินครับ ช่วยเซ็นรับรองด้วยนะครับ” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น

     

    “ค่ะ เดี๋ยวทางนี้ ฉันจะดูแลเองค่ะ”

     

    “งั้นผมขอตัวครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึง หนุ่มผมบรอนซ์ทองคนนั้น กล่าวลาก่อน ใบหน้าหล่อของเขาจะหันมาจ้องหน้าผม   แค่นี้ก็ขนลุกมากแล้วนะครับ.........คุณเทพบุตรสุดโหด สอบสวนโหดจริงๆ ถ้าฆ่าผมด้วยสายตาได้ผมก็คงจะตายคาห้อง ผอ. สนู๊ปปี้ไปนานแล้ว

     

    “งั้นขอตัวนะครับ อาจารย์ ขอบคุณมากครับ ลาล่ะครับ ผอ.” ผมหันไปเอ่ยลา อาจารย์ ฮโยมิน  กับผอ.สนู๊ปปี้
    ที่ตอนนี้ กำลังนั่งเอายาดม เสียบรูจมูก แล้วพยักหน้าส่งมาให้ผม ไม่รู้ว่า ผอ. แก เมาการสอบสวนแทนผม
    หรือหลงความหล่อของ นศ. หนุ่มผมบรอนซ์ทองคนนั้นกันแน่ ฮิฮิ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    โอย.........มาอัพอีกตอนนึงแล้วครับ  ไรท์เตอร์เทียร์ รู้สึกจะปวดหัว เลยไม่ได้อัพ แต่ไม่เป็นไร
    ผมแต่งแทน อาจจะช้าไปหน่อยนะครับวันนี้ แต่ยังไงก็อัพเพื่อรีดเดอร์ทุกคนครับ 
    แชปนี้  ความรู้สึกผมบอกตรงๆ อ่านแล้ว เครียดแทนลู่หาน เลยครับ 
    เหงื่อตกตามเหมือนกัน กับคำถามของ คริส
     เอิ่ม ถ้าแป๊ก หรือ เห่ย ยังไง ก็ขออภัยนะครับ                            
      ช่วยคอมเม้น โหวต หรือติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้พวกไรท์เตอร์ด้วยครับ  
    (ริน ถ้าอ่านอยู่ ตอนนี้  แชปต่อไป ตอนที่  5 ตา หนูแล้ว รีบๆ แต่งต่อแล้วอัพเลย เด๋วเทียร์ ดุไม่รู้ด้วย)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×