คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : อ้อมกอดแห่งรัก # ฉันกลัวคุณ
...................................................................................................................
หลังจากที่ แอนนี่ พี่เลี้ยงสาวสัญชาติอเมริกาของอภันตีและนภันตา ได้จัดการการขายตั๋วทดแทนแก่ลูกค้าที่เป้นชนวนต้นเหตุของเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอจึงหันหน้าไปทางผู้บริหารหนุ่มของยูนิเวอแซลแห่งนี้ และได้เอ่ยคำขอโทษเป็นการใหญ่ ที่น้องเลี้ยงของเธอทำงานสะเพร่าไปนิด
" ดิฉันต้องขอประทานโทษจริงๆนะคะ ท่าน ดิฉันจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองค่ะ " คำพูดที่แสดงถึงการขอโทษของพี่เลี้ยงสาวดังขึ้นมา
ในขณะนั้น อภันตียืนอยู่ข้างๆช่องขายตั๋วสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าไปชมสิ่งต่างๆ นั้น เธอก็พานคิดไปจ้องหน้าชายหนุ่มไป พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า " นี่น่ะหรือ ผู้บริหารอีกคนของที่นี่ " ขณะที่คิดไปก็พิศจ้องมองชายหนุ่มไปเรื่อยๆ
" รูปหน้าที่เข้ารูป ผิวสีน้ำตาลแดง คิ้วเข้มที่ดกหนา ดวงตาที่ยาวรีเหมือนกับเม็ดอัลมอนด์ที่เธอชอบกินเป็นประจำ จมูกโด่งขึ้นเป็นสัน ปลายนั้นเชิดขึ้นนิดๆแสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้น ชอบเอาชนะ ริมฝีปากเล็กหนาอย่างชายทั่วไป รูปร่างสูงใหญ่ ขนาดไซส์ของฝรั่งที่ไม่ใช่แบบไซส์ชายไทยที่บ้านเรา หน้าอกขึ้นเป็นมัดอย่างกับคนที่รักสุขภาพโดยการออกกำลังกายเป็นประจำ อายุน่าจะประมาณ 30 นะนี่ โดยรวมแล้ว ต้องบอกได้คำเดียวเลยว่า "หล่อ" "
หลังจากที่เธอขอโทษในความสะเพร่าของน้องเลี้ยงของเธอแล้วนั้น แอนนี่ได้สะกิดอภันตีเพื่อที่จะได้แนะนำกับเธอว่าชายหนุ่มที่เธอไปขึ้นเสียงด้วยเมื่อกี๊นี้เป็นใคร
เนื่องจากว่าเธอเผลอพิศจ้องชายหนุ่มอยู่จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่เลี้ยงของเธอสะกิดข้างลำตัวของเธอเบาๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงรนๆเพื่อให้อภันตีรู้สึกตัวว่า
"เมย์จ๊ะๆ นี่ผู้บริการของที่นี่ที่เป็นคนไทยอย่างที่พี่เคยบอกเราไว้ก่อนหน้านี้แล้วยังไงล่ะ "
ทันใดนั้นแหละที่เธอพึ่งจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เบาๆว่า
"ว่าไงนะคะ พี่แอนนี่ นี่น่ะหรือนายจ้างที่นี่ของเมย์และเพื่อน "
"ใช่จ๊ะ ว่าแต่ว่า พี่ว่า เมย์รีบขอโทษท่านก่อนดีกว่านะ จะได้ไม่มีเรื่องใหญ่โตไปมากกว่านี้น่ะ " น้ำเสียงและคำพูดที่แสดงถึงความร้อนรนของพี่เลี้ยงสาวที่ปิดไม่มิดพูดออกมาขณะที่ยืนอยู่ข้างๆกับอภันตี
ในขณะที่ อภันตีกับแอนนี่กำลังถกเถียงกันว่าจะขอโทษหรือไม่นั้น ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าช่องเคาน์เตอร์ขายตั๋วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาว่า
"ตกลงเธอจะรู้สำนึกไหม ว่าที่เธอทำน่ะมันผิด "
ด้วยคำพูดนั้นแหละที่เป็นชนวนระเบิดที่ทำให้อภันตีตะโดนกลับมาด้วยความโกรธโดยไม่สนใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอเป็นใคร ว่า
"คุณจะบ้าหรอ คุณจะให้ชั้นรู้สำนึกผิดอะไรล่ะ ในเมื่อชั้นไม่ได้ทำผิดซะหน่อย " อภันตีคิดว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไรซักนิดเลย เธอไม่เข้าใจว่าแค่เธอ หันหลังไปหาของแค่นี้ แล้วมีลูกค้ามายืนรอแปปเดียวน่ะ จะทำให้เธอถูกว่าๆกระทำความผิด
"เธอจะไม่ยอมรับใช่ไหม " ภูมิทัศน์ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆอีกครั้งหนึ่ง
"ใช่ เพราะว่าชั้นเชื่อว่าชั้นไม่ได้ทำอะไรผิดซักนิดเดียว " คำพูดที่ตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านของหญิงสาวนั้นทำให้ชายหนุ่มโกรธเป็นอย่างมาก
" แล้วเราจะได้รู้กัน ชั้นจะทำทุกทางเพื่อให้เธออยู่ที่นี่ได้อย่างไม่มีความสุขเลย " เสียงที่ตอบกลับมาหลังจากที่ได้ฟังคำตอบที่ไม่เป็นที่หน้าพอใจขอหญิงสาว ทำให้ภูมทัศน์รู้สึกว่าโดนหยามเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่เคยมีพนักงานคนไหนกล้าดีกับเขาอย่างนี้มาก่อนเลย
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปจากช่องขายตั๋วทันที
.....................................................................................................
" นี่ครับ ประวัติทุกอย่าง รวมั้งข้อมูลของ พนักงานของเราที่ชื่อ อภันตี สราญวงศ์ฉัตร ได้มาแล้วครับท่าน " เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนประวัติพนักงานพูดกับนายจ้างของเขาพร้อมทั้งยื่นประวัติของหญิงสาวให้กับนายจ้าง
" ท่าทางผู้หญิงที่ชื่ออภันตีนี่จะโชคร้ายแล้วมั้งนี่ " เจ้าหน้าที่ฝ่ายประวัติบุคคลคิดไปพลางรอรับฟังคำสั่งของเจ้านายตัวเอง " นายเราจะเอาประวัติของพนักงานหญิงคนนี้ไปทำไมนะ อยากรู้จัง "
" คุณไปได้แล้วล่ะ ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลชุดนี้ " ภูมิทัศน์ พูดขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้ามอง
"ครับ ท่าน " หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ประวัติบุคคลก็ออกจากห้องไป
" เธอเสร็จชั้นแน่ ยัยสาวน้อยตัวแสบ " เสียงเย็นห้าวเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่คนที่เข้าให้หาข้อมูลเดินออกจากห้องไป
....................................................................................
" เมย์ เกิดอะไรขึ้นน่ะ นี่นุชออกไปหาหัวหน้าแค่แปปเดียวแล้วทิ้งให้เมย์ขายตั๋วคนเดียวแล้ว ทำไมมันเกิดเรื่องได้ล่ะ " น้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจและห่วงใยในตัวลูกพี่ลูกน้องของเธอดังขึ้นมาหลังจากที่มีคนมาเล่าให้เธอฟังว่า อภันตี ไปมีเรื่องกับนายจ้าง
" โอ๋ๆๆๆๆๆ นุชจ๋า อย่าซีเรียสไปเลยน้า ไม่มีอะไรหรอก คิดมากไปได้หน้า " น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความสบายๆของอภันตีที่พูดกับนภันตา นั้นยิ่งทำให้เธอโมโหเข้าไปใหญ่
" นี่เมย์ จะไม่ให้นุช ห่วงและคิดมากได้ยังไงล่ะ อย่าลืมสิว่าเรามาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนะ เราจะไปมีเรื่องกับคนอื่นได้ที่ไหนล่ะ " เสียงของนภันตาที่พูดออกมาแสดงออกถึงความโมโห ผสมกับความห่วงต่อลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างมาก
"โอเค นุช เมย์สัญญานะว่าจะพยายามไม่มีเรื่องกับใครอีกเลยนะจ๊ะ น้าๆๆๆ อย่าโกรธ อย่างอนเมย์เลยน้า งอนมากแก่เร็วๆน้า ๆๆๆ " เสียงออดอ้อนพร้อมทั้งคำสัญญาของอภันตีทำให้สีหน้าของนภันตาดีขึ้น
"งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะนะ นี่เพื่อนๆรอกันอยู่แล้วดด่านหน้าประตูแล้วด้วย ไปกันเถอะนะจ๊ะ เดียวไปซื้อข้าวกินกันด้วยน้า ไปๆๆๆๆๆ กันเถอะ " เสียงของอภันตีดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่เธอกำลังชวนลูกพี่ลูกน้องสาวของเธอหลังจากเลิกงานแล้ว ก็จะได้ไปซื้ออาหารมากินกันตอนเย็นนี้
"จ๊ะ งั้นเราไปกันเถอะ เพื่อนๆคงรออยู่แล้วมั้งเนี่ย " จากนั้นทั้งสองสาวก็เดินไปหาเพื่อนๆทั้ง 4 คนที่ยืนรอที่จะกลับบ้านพร้อมกันที่หน้าประตูทางเข้า
..................................................................................
"นี่ซื้ออาหารสด แล้วไปทำกันกินเองกันไหม " เสียงของ มิววี่ดังขึ้นมา พร้อมทั้งมีเสียงตอบรับมาจากหลายๆคนด้วย
" เอาสิ ซื้อเป็นอาหารสดไปแล้วไปทำกันเองดีกว่า ว่าแต่ว่าจะทำอะไรกินกันล่ะ " เสียงของ กอล์ฟ ปละพลัมมี่ ตอบกลับมาแทบจะทันที
" สปาเก๊ตตี้ เห็ดหอมใส่หมูไง " อภันตีตอบกลับมามันที เพราะว่าความอยากกินสปาเก๊ตตี้เป็นอย่างมาก
จากนั้นทั้ง 6 สาวก็ลงมือ แยกกันไปซื้ออาหารสำหรับที่จะทำกินกันเองคืนนี้
______________________________________________________
หลังจากกลับจากซื้ออาหารทั้งหกสาวก็มาที่บ้านพัก
" เอ... พวกเราซื้ออะไรกันมามั่งนะ แล้วซื้อกันครบไหมเนี่ย " กิ๊ฟฟี่พูดขึ้นมาพร้อมกับถามไปในตัวในขณะที่ยืนดูของที่ซื้อมาทั้งหมดที่ว่างอยู่บนโตะกินข้าวในครัว
" อ๊ะ รู้สึกว่าเราจะขาดอะไรไปอย่างน้า " เสียงของกิ๊ฟฟี่พูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ตรวจดูว่าซืออะไรมาขาดหรือไม่
" ขาดอะไรจ๊ะ คนสวย " อภันตีถามกลับไปด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ทะเล้น ขณะที่กำลังยินหวีผมอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ
"อ้าว ก็ขาดพริกไทยน่ะสิ " กิ๊ฟฟี่ตอบกลับมาทันทีที่อภันตีพูดจบด้วยใบหน้าที่งอๆๆ เพราะรู้ว่าถ้าสปาเก๊ตตี้ขาดพริกไทยเมื่อไหร่ เมื่อนั้นล่ะ มันก็ไม่ใช่สปาเก๊ตตี้แท้น่ะสิ
" ไม่เป็นไร เดี๊ยวเมย์เดินออกไปซื้อใหม่ก็ได้จ๊ะ " อภันตีขันอาสาที่จะไปซื้อพริกไทยมาให้
"งั้นก็รีบไปรีบมานะ ระวังตัวด้วยล่ะ " กิ๊ฟฟี่บอกกับอภันตีก่อนที่เธอจะเดินออกไป
"จ้า ไม่ต้องห่วงหรอกน่า จะรีบไปแล้วรีบกลับ " อภันตีตอบรับกลับมา
.................................................................
WarmmarT(supermarket)
ขณะที่อภันตีกำลังที่จะเดินไปซื้อพริกไทยที่สโตว์ ทันใดนั้นเธอก็เห็นกับนายจ้างหนุ่มไทยของเธอกำลังขับรถช้าๆอยู่ทางฝั่งที่เธอเดินอยู่ในตอนแรกเธอก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอก จนกระทั่งเพ่งจ้องไปในความสลัวในเวลาตอนเย็นของประเทศอเมริกานั่นแหละ เธอจึงเห็นชัดๆว่าเป็นเขา คนที่เธอทะเลาะด้วยเมื่อตอนบ่ายๆวันนี้
เธอจ้องเขาจนเขารู้สึกตัวหันมามองนั่นแหละ เธอจึงรีบหันไปอีกทางให้ดูเหมือนว่าเธอมองไม่เห็นเขา แต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะยอม หลังจากที่ชายหนุ่มมองเห็นอภันตีที่กำลังยืนจ้องมองตัวเขาออยู่นั้นล่ะ เขาก็รีบชะลอรถลงและจอดรถชิดข้างถนนทันที และรีบเดินลงมาหาเธอ
" สวัสดี " เสียงทักทายของภูมิทัศน์ ดังขึ้นที่ด้านหลังของอภันตี
เธอสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ค่อยๆหันหน้ามาทางนายจ้างของเธอ พร้อมกับพูดเลียนแบบคำพูดของเขาว่า " สวัสดี "
ชายหนุ่มเลยจัดการเริ่มการสนทนากับอภันตีทันที
" เธอจะไปไหนหรือ "
" ชั้นจะไปไหนมันก็เรื่องของชั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานคุณ "
" แต่ว่าเธอเป็นพนักงานของยูนิเวอแซลนะ ถ้าเธอไม่บอกชั้นว่าเธอจะไปไหน แล้ว ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาล่ะ ใครจะช่วยเธอได้ล่ะ " เสียงของภูมิทัศน์ยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ " แล้วตอนนี้น่ะนะ มันก็มืดแล้วด้วย ถนนสายนี้น่ะนะ ตอนเช้าจนถึงบ่ายแก่ๆน่ะ พอเดินได้นะ แต่ว่าหลังจากเวลานั้นน่ะ บอกได้คำเดียวว่า น่ากลัวนะ " เสียงเขาเขายังคงพูดออกมาแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อภันตีรู้สึกนึกกลัวขึ้นมาในความรู้สึกโดยทันที พร้อมกับอยากจะรีบๆเดินออกไปจากถนนสายนี้ให้เร็วที่สุด แต่ว่าภูมิทัศน์ก็ไม่ยอมให้ได้เดินไปไหนไกล เพราะว่าทันทีที่เธอเริ่มออกเดินเท่านั้นแหละ เขาก็เข้าไปคว้าต้นแขนเธอทันที " ขวับ "
" คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยชั้นนะ ปล่อยๆๆๆๆนะ " อภันตีร้องออกมาด้วยความตกใจที่เห้นเขาคว้าต้นแขนของเธอแล้วพยายามจะลากไปที่รถยนต์คันหรูสัญชาติเยอรมัน
จนเขาดันเธอจนเข้าไปนั่งในรถของเขาได้แล้ว
" ช่วยด้วยค่า มีคนจะฉุดชั้น ช่วยด้วย " เสียงร้องของเธอดันขึ้นมาทันที
" เงียบเดี๊ยวนี้นะ เดี๊ยวใครเขาก็นึกว่าชั้นฉุดเธอมาเพื่อจะเอาไปทำมิดีมิร้ายหรอก " ภูมิทัศน์ พูดลอดริมฝีปากออกมา
"ก็หรือว่าไม่จริงล่ะ ปล่อยชั้นนะ ปล่อยยยย " อภันตียังคงร้องใช้ช่วยต่อไป
" ถ้าเธอไม่หยุดร้องนะ ชั้นจะจัดการเธอจริงๆด้วย หยุดร้องซะ " เสียงของชายหนุ่มแทบจะพูดออกมาแบบเสียงลอดไรฟัน
" ไม่ ชั้นจะร้อง ช่วยด้วยค่า ช่วย..อุ๊บ.. " เสียงร้องของความช่วยเหลือของอภันตีหายไปในลำคอทันทีเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหนากระด้างของภูมิทัศน์
" อื้อ .... ๆๆๆๆ อ่อยอั๊นอ๊ะ อ่อย... " เสียงร้องอู้อี้ขอความช่วยเหลือของเธอ ดังอยู่ในลำคอ
ตอนแรกภูมิทัศน์ว่าจะจูบเธอเพื่อไม่ให้เธอร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ แต่ว่าไม่รู้ทำไม จูบไปจูบมา เขากับมีความรู้สึกว่าไม่อยากจะถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากอบอิ่มที่แสนหวานของเธอเลยซักนิด เขาค่อยๆไล้ลิ้นไปยังรอบๆริมฝีปาก พร้อมทั้งค่อยๆใช้ความชำนาญช่ำชองในเรื่องกามารมณ์นี้ด้วยความเป็นต่อ เขาค่อยๆพยามยามเปิดปากของเธอเพื่อจะได้เข้าไปลิ้มรสชาติอันแสนหวาน
ในขณะที่อภันตีรู้ตัวว่าโดนจู่โจมจากภูมิทัศน์ด้วยจูบ นี้ เธอพยายามหลีกเลี่ยงเขาด้วยการหันหน้าหนี แต่ว่าเขาก็ยังคงตามมาตลอด เธอรู้สึกว่าตัวเธอค่อยๆจะละลายให้ได้ และจูบนี้ของเขานั่นเองที่ทำให้เธอหวนคิดไปถึงจูบในความฝันเมื่อครั้งที่เธอยังอยู่ที่เมืองไทย
ภูมิทัศน์ค่อยๆถอนริมฝีปากออกเมือเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอม แต่ว่าร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวยลงในออ้มแนเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดกระซิบชิดริมฝีปากทั้งของเขาและของ " อภันตี ได้เปรด เปิดปากสิ " ชายหนุ่มพูดไป ดวงตาของเขาก็พราวไปด้วยความปรารถนา ความต้องการในตัวหญิงสาวเป็นอย่างมาก อภันตีไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ร่างของเธออ่อนไปหมด ดังนั้นเมื่อเขากระซิบมาว่าให้เปิดปาก นั่นแหละ เธอก็เริ่มขยับริมฝีปากอ้าออกนิดนึง ด้วยความลังเล แต่ว่าทันทีที่เธออ้าปาก ภูมิทัศน์ก็ฉวยโอกาสนี้ ฉกลิ้นร้อนชื้นของเขาเข้าไปในโพรงปากของเธอพอดี
อภันตีมีความรู้สึกว่าลิ้นของเขาพยายามควานหาลิ้นของเธอ และไม่นานเกินรอ เขาก็พบกับมัน และเขาก็ได้นำลิ้นที่ไวปานงูฉกของเขาเข้าเกี่ยวกะหวัดรัดพันกับลิ้นเล็กๆของเธอทันที พอลิ้นทั้งสองเข้ารัดพันกัน ทั้งภูมิทัศน์และอภันตีก็เหมือนจะลืมทุกอย่าง ทั้งคู่จูบกันหนักหน่วง มือที่เคยปัดป้องของหญิงสาวก็เริ่มเปลี่ยนจากการปัดป้องมาเป็นโอบรอบคอของชายหนุ่มแทน ฝ่ามือของชายหนุ่มเริ่มลูบไล้ไปตามลำตัวของหญิงสาว และระเรื่อยมาจนถึงหน้าอกอวบอิ่ม เขาค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้เสื้อสายเดียวเล็กสีขาว พร้อมทั้งเอามื่อของเขาวางทาบไว้แล้วเริ่มขยับมือเบาๆก่อน จากนั้นก็เริ่มคล้าคลึงที่ปลายยอดอกทั้งๆที่ฝ่ายหญิงยังคงมีบราเซียร์ตัวสวยปกปิดอยู่ อภันตีรู้สึกว่าเธอเหมือนจะร้อนไปหมดทั้งตัว จนจนกระทั่งหญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าจะหายใจไม่ทันจากการจูบมาราธอนของเขา ชายหนุ่มจึงค่อยๆละริมฝีปากของเขาออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มอย่างแสนเสียดาย นั่นแหละที่เริ่มทำให้อภันตีรู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็รับพลักชายหนุ่มออกไปทันที
.................................................................................
ความคิดเห็น