คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อ้อมกอดแห่งรัก # กว่าจะมาถึง
ความเดิมตอนที่แล้ว
ทันใดนั้น อภันตีก็สะดุ้งพรวดตื่นขึ้นมาทันที
........................................................
“ เอ้อๆ ฮื่อๆๆ” เสียงหายใจของคนที่เพิ่งสะดุ้งตื่นจากความฝัน เหมือนกับคนที่วิ่งมาด้วยความรวดเร็วในระยะ500 เมตร ด้วยความเร็วเพียง 10 วินาทีได้
“ อะไรกันเนี่ย ชั้นฝันบ้าอะไรกัน “ เสียงที่เอ่ยลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มพูดเบาๆกับตัวเอง
อภันตีนั่งอยู่บนเตียงเพื่อปรับระดับการหายใจให้คงที่ก่อน และขณะที่ปรับระดับการหายใจช้า เธอก็ค่อยๆคิดว่าเธอฝันถึงอะไร
“ จูบ มันอะไรกันแน่ “ เธอคิดไปพร้อมกลับลูบไปยังริมฝีปากของเธอ ความรู้สึกยังคงอยู่
“ มันคงไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่ความฝัน “ คิดได้อย่างนั้นแล้ว ก็หันไปมองยังนาฬิกาตั้งโต๊ะ “ อ่อ เพิ่งจะตี 4 20 นาทีเอง “ จากนั้นเธอก็ล้มตัวลงนอนราบไปกลับเตียงที่มีเสาสี่เสาที่ประดับไปด้วยผ้าลูกไม้สีเขียวอ่อน ที่เป็นสีที่เธอชอบที่สุดประดับอยู่ และ ดวงตาก็เริ่มปิดลงจากนั้นก็เข้าสู่นิทราอีกครั้งหนึ่ง
แต่ว่าสิ่งที่เธอคิดว่ามันเป็นแค่ความฝัน คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น มันกลับทำให้เธอคิดผิด สิ่งนี้จะทำให้เธอพบกับสิ่งที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคาดคิดมาก่อน
................................................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น 8:15 นาฬิกา ที่ห้องรับประทานอาหาร
“ ว่าไงลูกสาว เตรียมของที่จะไปเรียบร้อยแล้วรึยัง หืมห์ “ น้ำเสียงสบายๆของผู้เป็นพ่อ ถามไปยังลูกสาวสุดที่รักเมื่อเห็นว่าเธอเดินมานั่งทบนเก้าอี้ไม้สักที่บุหนังรองเอาไว้เพื่อความสบาย
“ เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณพ่อ “ เธอตอบกลับมายังบิดาของเธอด้วยคำพูดที่ไพเราะ
“ ดีแล้วลูกงั้นเรามาทานข้าวกัน นั่น คุณแม่ก็ลงมาแล้ว” เสียงเชิญชวนของบิดาของเธอให้ทานข้าวพร้อมกับที่คุณแม่ของเธอก็ลงมายังห้องอาหารพอดี
“คุณแม่คะ ทานข้าวกันเถอะค่ะ “ เสียงหวานๆของอภันตี ชวนมารดามาทานข้าวด้วยกัน
“เอ้อ ว่าแต่ว่า หนูจะไปอีก 2 วันแล้ว แม่กับคุณพ่อจะไปส่งนะจ๊ะ ว่าแต่ว่าหนูต้องนั่งเครื่องกี่ชั่วโมงล่ะจ๊ะ “ เสียงของคุณสรัลดา มารดาของเธอบอกกับลูกสาว พร้อมกับถามไปในตัว
“ ค่ะ คุณพ่อ คุณ แม่ คือว่าเมย์กับน้องนุช ออกเดินทางตอน เที่ยงคืนน่ะค่ะ แต่ว่าต้องไปเช็คอินกระเป๋าก่อนตอน 3 ทุ่มน่ะค่ะ แล้วพอเครื่องออกตอนเที่ยงคืน เราก็ต้องนั่งเครื่องไปถึง 3 ต่อน่ะค่ะ ต่อแรก ก็ไปลงที่ ไต้หวันก่อน
แล้วก็รอเครื่องประมาณ 3 ชม. แล้วก็ขึ้นเครื่องไปลงที่ แอล.เอ ค่ะ จากนั้นก็ไปตรงไปที่ ฟลอริดาเลยค่ะ เบ็ดเสร็จก็รวม 23-24 ชั่วโมง ค่ะ เฮ้อ ต้องนั่งจนเมื่อก้นแน่ๆเลย “ เสียงหวานๆที่ตอบกลับมาของอภันตีบอกแก่มารดาและบิดาของเธอ
“ อืม 24 ชั่วโมงเชียว อดทนไว้ลูก “ เสียงของผู้เป็นบิดาให้กำลังใจแก่ลูกสาวเพียงคนเดียว
..............................................................................
2 วันต่อมา
ณ สนามบินดินเมือง
Terminal 1 ผู้โดยสารขาออก เวลา 3 ทุ่ม
“สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า “เสียงของนภันตา หรือ น้องนุชดังขึ้นมาจากด้านหลังของผู้อาวุโศ คราวพ่อและแม่เธอได้ วันนี้ นภันตาสวมเสื้อแขนกุดสีม่วงเปลือกมังคุดของ DIOR ทำให้ขับผิวเธอให้ดูสว่างมากขึ้น และสวมกางเกงแสล็คแบบขายาวสีดำ ในมือของเธอมีทั้งกระเป๋าถือ และ เสื้อแจ็คเก็ตที่จะใส่ทับไว้วางพาดบนแขนข้างซ้าย
“สวัสดีจ๊ะ หนูนุช เตียมของที่จะเช็คอินเรียบร้อยรึยังจ๊ะ เอ้อ ว่าแต่ คุณพ่อ คุณแม่ของหนูล่ะจ๊ะ ป้าว่าจะไปคุยทักทายด้วยหน่อย “ เสียงของคุณสรัลดาผู้เป็นป้าสะใภ้ ถามเธอด้วยความเอ็นดู
“รอเช็คอินพร้อมกับเมย์น่ะค่ะ แล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ ท่านยืมอยู่ตรงนั้นค่ะ “ พูดพร้อมกลับผายมือไปทางที่บิดาและมารดาของเธอยืนอยู่ และมี อภันตี ยืนทักทายกับพ่อและแม่ของเธออยู่ก่อนแล้ว
จากนั้น อภันตีก็เดินออกมาหา นุช วันนี้อภันตีสวมชุดที่น่ารักมาก เธอสวมเสื้อที่มีแขนแบบตุ๊กตาสีขมพู พร้อมกับกระโปรงพอดีเข่าสีขาว ซึ่งเหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก และใส่รองเท้าแบบเปิดข้อสีขาวยี่ห้อ ROXY
“ นุชจ๊ะ มาถึงนานรึยัง แล้วเช็คอินกระเป๋าเรียบร้อยรึยังเอ่ย “ เสียงของเมย์หรือ อภันตีถามมายังลูกพี่ลูกน้องของเธอ
“ เพิ่งมาถึงเหมือนกันจ๊ะ แต่ว่ายังไม่ได้เช็คอินหรอก เพราะว่าจะรอเช็คอินพร้อมเมย์น่ะ “ เสียงหวานใสตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ
“ อืม งั้นเราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ “ “ คุณพ่อคุณแม่คะ เดี๋ยวเมย์กับน้องนุชเข้าไปเช็คอินกระเป๋าก่อนนะคะ “ เธอพูดกับนภันตา พร้อมทั้งบอกกับบิดาและมารดาของเธอไปด้วย
หลังจากที่เช็คอินกับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย อภันตีก็ถามนภันตาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนๆของตัวเองว่า “ นี่นุชจ๊ะ เพื่อนๆของเราไปไหนกันน่ะ หรือว่ายังไม่มาอีก “
“ อ๋อ พวกนั้นน่ะ เขาเช็คอินคนละฝั่งกับเราน่ะ คือว่า กิ๊ฟฟี่ พลัมมี่ และก็กอล์ฟ เขาต้องไปกับสายการบิน อื่นน่ะ แต่ว่า เราก็จะมาเจอกันที่ ฟลอริดานะ เพราะว่า ทั้ง3คน น่ะ ต้องแวะไปหาญาติที่ แคลิฟลอเนียก่อนน่ะจ๊ะ
เพราะฉะนั้นเรา 2 คน ก็ต้องนำหน้าไปก่อน 1 วันจ๊ะ “ นภันตาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแบบสบายๆ
“หรอ แต่ถ้าจะเปลี่ยนสายการบินอื่นก็น่าจะบอกเราก่อนนะ เพราะว่าเราจะได้ไปพร้อมกัน “ เธอยังคงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ ในตัวเพื่อนๆเธอ
“ พวกนั้นก็อยากจะบอกก่อนนะ ถ้าพวกนั้นเขารู้ก่อนน่ะ จริงๆ นุชก็พึ่งรู้วันนี้เหมือนกันจ๊ะ พวกนั้นก็พึ่งรู้เมื่อวันนี้ตอนเช้าเหมือนกันน่ะ” เสียงที่ตอบกลับมายังคงพูดเรื่อยๆ
“ จริงๆ พวกนั้นก็อยากไปพร้อมเราเหมือนกันนะ เพราะว่าจะได้มีเพื่อนไปกันหลายคนแล้วก็ปลอดภัยกว่าด้วยน่ะ”
“ อืม งั้นก็ช่างมันเถอะ แค่นี้เอง “ อภันตีพูดออกมา จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่ขี้งอนนิดหน่อย แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรก็เท่านั้นเอง
ทั้งคู่ยืนคุยไปได้ซักพักหนึ่ง คุณสรัลดาก็เดินเข้ามาพร้อมกับคุณพัทธ์ และคุณพ่อ คุณแม่ ของนภันตา
“ หนูนุชจ๊ะ ป้าขอฝาก เมย์กับหนูหน่อยนะ ป้าเป็นห่วงจริงๆนะ เมย์เขาก็ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นอยู่ด้วย แล้วนี่ต้องไปอยู่เมืองนอกเมืองนาอย่างนี้บอกตรงๆนะจ๊ะ ว่าป้าเป็นห่วงมากเลย “ คุณสรัลดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลในตัวลูกสาว
“ คุณป้าไม่ต้องห่วงค่ะ นุชรับรอง ว่านุชจะดูแลเมย์เป็นอย่างดีเลยค่ะ “ นภันตารับรองอย่างแข้งขันกับป้าสะใภ้ของเธอ
“ แหม คุณแม่ก็ ลดเครดิตของเมย์เลยนะคะ ใช่ว่าเมย์จะทำอะไรไม่เป็นซักอย่างซักหน่อย “ เสียงงอนๆของลูกสาวของเธอตอบกลับขึ้นมาทันทีที่คุณสรัลดาพูดจบ
“ Attention Please , ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพ ไต้หวัน เที่ยวบินที่ TG 457 ขอเชิญเตรียมตัวที่หน้า gate ที่ 24 ได้แล้วค่ะ “ เสียงประกาศที่ดังออกจากลำโพงได้ดังขึ้น
“ คุณพ่อ คุณแม่ และคุณลุง คุณป้าคะ เมย์ต้องไปแล้วนะคะ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ แล้วเมย์ถึงที่ ฟลอริดาเมื่อไหร่ เมย์จะรีบโทรกลับมาทันทีเลยนะคะ “ เสียงหวานๆของอภันตี และนภันตาเอ่ยขึ้นมากับผู้ที่ตนรักและเคารพ
“จ๊ะ ลูก ดูแลตัวเองด้วยนะ มีอะไรก็รีบติดต่อกลับมาเลยนะจ๊ะ “ เสียงของคุณ สรัลดา ผู้เป็นมารดา และเสียงของ มารดาของนภันตาก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ อย่าลืมโทรมาที่ถึงฟลอริดานะลูกนะ คุณพ่อคุณแม่ กับลุงกับป้าจะได้ไม่เป็นห่วง
“ ค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ “ ทั้ง อภันตี และนภันตา พูดขึ้นมาพร้อมกันราวกับได้นัดกันไว้
แล้วทั้งสองก็เดินไปยังทางเข้าผู้โดยสารขาออกนอกประเทศ เพื่อไปยังเครื่องบินที่จะพาเธอทั้งคู่ไปยังประเทศ แห่งเสรีภาพ ในอีกไม่ถึง 30 ชั่วโมง
.........................................................................ง
บนเครื่องบิน ภายในห้องโดยสารชั้น First Class ของสายการบินไทย
“ เอ้อ ตื่นเต้นจังเลย จะได้ไปอเมริกาแล้วนะ นุช “ เสียงที่แสดงความตื่นเต้นและความดีใจอย่างปิดไม่มิดของอภันตีดังขึ้นมาเบาๆเพื่อให้ได้ยินกัน สองคน
“ นุช ก็เหมือนกันจ๊ะ ดีใจที่จะได้ไปอเมริกาเหมือนกัน “ น้ำเสียงของ นภันตาก็แสดงออกถึงความดีใจเหมือนกันเมื่อพูดถึงเรื่องที่จะได้ไปทำงานที่อเมริกา
ใช่ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศ จริงๆแล้วทั้งคู่น่ะ เที่ยวมาเกือบหมดทั่วทั้งยุโรปแล้ว แต่สาเหตุที่ดีใจน่ะ คือว่าทั้งคู่จะได้ไปทำงานที่อเมริกาต่างหาก
ทันใดนั้นด้านหลังของที่นั่งของทั้ง อภันตีและนภันตาก็ได้ปรากฏเสียงดังลอดออกมาเบาๆว่า “ เฮ้อ ทำไมมันน่าเบื่ออย่างงี้เนี่ย คุณพ่อนะคุณพ่อ ไม่น่าส่งเรามาดูงานที่อเมริกาเลย “ เสียงบ่นเบาๆของชายหนุ่มด้านหลังหญิงสาวทั้งคู่บ่นเบาๆไป และยังคงบ่นไปเรื่อยๆจนกระทั่ง นภันตารู้สึกรำคาญและอยากเห็นหน้าตาของเจ้าของเสียงนัก จึงค่อยๆหันกับไปชำเลืองมองดู และก็ต้องสะดุ้งตกใจทันที
ก็เพราะว่าชายหนุ่มขี้บ่นคนนั้นหน้าตาเหมือนกับนายคนที่เคยควงสาวคล้องคอสีแดงที่เดินชนหล่อนที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อ 2 วันก่อน เห็นจะได้ จะว่าไป นภันตาคิด “ ตานี่ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ผิวขาวแบบผู้ดีแล้วก็ผิวสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะด้วย คิ้วเข้ม ดวงตาเรียว นัยน์ตาเหมือนกับนกเหยี่ยวเวลาที่มองไปทั่วๆ จมูกโด่งขึ้นเป็นสัน ริมฝีปากที่หนา แต่ไม่ได้หนาอย่างคนส่วนมากทั่วไป รูปร่างที่ดูดีเหมือนกับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ และก็ไหล่ที่กว้างอย่างกับนักกีฬาว่ายน้ำ สะโพกเพรียวได้รูป ไม่แปลกใจเลยว่าหน้าตาอย่างงี้จะไม่มีสาวมาตอม “ คิดไปเรื่อยๆจนไม่ได้สังเกตว่าคนที่ถูกมองนั้นจ้องมายังตัวเองเต็มที่ พอเธอเงยหน้าขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ นภันตาก็แทบช็อค เพราะว่าดูเหมือนเขาจะจ้องมองเธอมานานแล้ว
“ เอ่ย คุณครับ มีอะไรเปล่าครับเห็นจ้องมองผมอยู่ตั้งนาน “ ชายหนุ่มแกล้งถามกลับไป แต่จริงๆแล้วทันทีที่เขารู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมองนั่นแหละเขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สังเกตอะไร จนกระทั่งเขาจ้องกลับและถามคำถามแก่เธอไปนั่นแหละ เธอจึงดูเหมือนรู้สึกตัว
“ เอ่อ เปล่าค่ะ เปล่า “ นภันตารีบตอบกลับมา
“ แต่ผมว่าผมเห็นนะครับว่าคุณจ้องมองผมอยู่ และผมก็รู้สึกว่าผมเคยเห็นหน้าคุณที่ไหนมาก่อนนะ เอ ..... รู้สึกว่าจะเป็นที่ห้างเมื่อ 2 วันก่อนใช่ไหมน้า “ ชายหนุ่มแกล้งแหย่ยเล่น ที่จริงแล้วเค้าก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้น พอนึกไปนึกมาก็นึกออกว่าเคยเจอที่ไหน ใช่แล้ว เขาเคยเจอเธอที่ ห้างสรรพสินค้าที่เข้าไปเดินกับเจน คู่ควงคนล่าสุดของเขาน่ะเอง
นภันตารู้สึกว่าตัวเองน่าซีดไปเลย ทันทีที่เขาบอกว่ารู้จักเธอ
“ มีอะไรหรอ นุช “ “ แล้วนั่นใครน่ะ เอ๊ะ นั่นมันคนที่เดินกับผู้หญิงที่ชนเธอที่ห้างวันนั้นเนี่ย “ อภันตีถามแล้วก็พูดขึ้นมาทันทีที่จะได้ด้วยเสียเบาๆ แต่ว่า ชายหนุ่มที่นั่งข้างหลังก้ยังคงได้ยินอยู่ดี
“ สวัสดีครับ ผม เมฆา พัทธ์ศิวาวงศ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วคุณ ... “ เมฆ แนะนำตัวเองพร้อมทั้งเอ่ยถามชื่อ ทั้งสองสาว
“ สวัสดีค่ะ ดิฉัน อภันตี สราญวงศ์ฉัตรค่ะ “ เมย์เอ่ยตอบไป เพราะรู้สึกว่าถ้าเข้าเอยแนะนำตัวเองแล้วๆ เราไม่แนะนำตอบกลับมันคงจะ เป็นการเสียมาราทอย่างมากเพราะว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเธอเคยสอนว่าถ้าใครก็ตามที่แนะนำตัวกับเราก่อน แล้วไม่แนะนำตัวกลับจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก
“ แล้วคุณ..... “ หันมามองยัง นภันตาแล้วเลิกคิ้วถาม
“ นภันตา สราญวงศ์ฉัตร “ นุชตอบกลับมาด้วยเสียงห้วน
“ ในที่สุดฟ้าก็ทำให้ผมได้มาพบคุณ นภันตา “ เมฆา คิดอย่างหมายมาด แล้วก็เริ่มทำความรู้จักกับทั้งคู่
........................................................................................
“ทำไมพวกเราต้องไปที่เดียวกลับตานั่นด้วยนะเนี่ย “ เสียงบ่นแสดงความไม่พอใจของนภันตาดังขึ้นมา หลังจากที่ทั้งคู่ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกัน
“ จะเป็นอะไรล่ะ เราจะได้มีเพื่อนเดินร่วมทางด้วยไม่ใช่หรอ ไม่ดีรึไง “ เสียงของอภันตีตอบกลับไปทันที
“ดีมันก็ดีน่ะสิ แต่ว่านุชไม่ชอบน่ะ คนอะไรเจ้าชู้ยักษ์ ขนาดขุนแผนยังเรียกพ่อเลยนะ เมย์ “ เสียงบ่นยังคงตามมาอีก
“ เอาล่ะ ยังไงเราก็คงต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไงต่อไป
.............................................................................
12.00 นาฬิกา เวลาเที่ยงตรง ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
“เฮ้อ ในที่สุดเราก็มาถึงซะที “ เสียงของทั้งสองสาวดังขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่อยู่ที่บ้านพักที่ทางโครงการจัดไว้ให้ และหลังจากที่เธอโทรศัพท์ถึงคุณพ่อคุณแม่ของเธอว่าเธอทั้งคู่เดินทางมาถึงโดยสวัสดิภาพแล้ว
" อาบน้ำ แล้วก็ไปซื้อของกินดีกว่า นะนุชนะ " เสียงของ อภันตีเอ่ยขึ้นมา
" โอค จ้า อาบน้ำเสร็จแล้ว เราก็ไปหาอะไรทานกัน " เสียงของนภันตาตอบกลับมา
หลังจากที่ทั้งคู่กลับมาจากการซื้อของเรียบร้อย พร้อมทั้งทำอาหารทานกันเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลาประมาร 3ทุ่มของอเมริกา ทั้งคู่จึงตัดสินใตเข้านอนเพื่อ เอาแรงไว้ไปสัมภาษณ์กับนายจ้างของเธอพร้อมเพื่อนๆในวัน พรุ่งนี้ตอน บ่ายโมงตรง
....................................................................
ติดตามตอนต่อไปนะค
ความคิดเห็น