ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : THE DRAGON เทพมังกรป่วนสามโลก บทที่ 1:เช้าวันที่แสนจะสดใส(100%)(ขออนุญาติในการเปลี่ยนค่าเปอร์เซนตอนค่ะ)
บทที่ 1
เช้าวันที่แสนจะสดใส
เด็กน้อยเอ๋ย...
คราเทล...
หือใครเรียกข้าหน่ะ หนวกหูเสียจริง เด๋วจับหม่ำซะหรอก
เวลาที่กงล้อแห่งโชคชะตานั้นอยู่ใกล้เจ้ามากกว่าเดิมแล้ว วันที่พลังของเจ้าจะตื่นขึ้นมาเต็มตัว...
เวลาไหน เวลาที่ข้าจะได้กินอย่างจุใจนะหรือ แล้วพลังอะไร?? ข้างงไปหมดแล้วนะ!
ลืมตาซิ เด็กน้อยคราเทล...
ข้าง่วงใครจะทำไม? อีกอย่างข้าก็โตแล้วน่ะ...
"เจ้าจะตื่นได้หรือยัง คราเทล!! สายกินบ้านกินเมืองขนาดนี้ยังจะนอนต่อได้อีกเรอะ!"
ผั๊วะ!!! โอ๊ย!!!
"ทำอะไรของเจ้านะยายแก่!!"ร่างสูงสปริงตัวขึ้นมาจากพื้นไม้ข้าง ๆ เตียงเล็กที่ไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่นักมองก็รู้ว่า เขาถูกเตะล่วงจากเตียง! หนอย! ใบหน้าหล่อปนสวยที่ถูกปิดด้วยผมสีเพลิงยาวที่ยุ่งเหยิงราวกับรังนกปิดไว้บางส่วน ดวงตาสีแดงเพลิงคู่สวย มองไปยังตัวต้นเหตุที่บังอาจอัญเชิญเขาลงจากเตียงทั้ง ๆ ที่ฝันดีว่าได้ยินเสียง
อะไรสักอย่างบอกว่าเวลาที่จะได้กินไม่อั้นจะมาถึงในไม่ช้า(?) ร่างเล็กที่สวมผ้ากันเปื้อนยืนเท้าสายเอว ใบหน้าที่มีริ้วรอยขึ้นตามกาลเวลามองด้วยความเบื่อหน่ายอย่างปกติ ก็เจ้านี้เป็นอย่างนี้ทุกวันจะให้เขาทำอย่างไรได้นอกจากต้องมาเนรเทศอัญเชิญลงจากเตียงถ้าวันไหนเจ้านี้ตื่นได้ตัวเอง วันนั้นข้าคงไม่มีชีวิตที่จะมองหน้าเจ้านั้นแล้ว ยายแก่ที่คราเทลเรียกคิดด้วยความเบื่อหน่ายจนเป็นกิจวัตประจำวัน
เด็กหนุ่มร่างสูงค่อนข้างเพรียวนั่งน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บระบม ไม่ว่าโดนกี่ทีก็ยังคงไม่ชินแรงยัยแก่นี้ แรงน้อยซะที่ไหนล่ะ! ถีบมาได้ นี้ถ้าใบหน้าอันงดงาม(?)ของเขามีริ้วรอยขึ้นมาละก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน (เอาไว้บนนั้นแหละ)เนื่องจากฟุ่งซ่านมากเกินไปทำให้มารดาไม่แท้หรือที่เรียกเมื่อครู่ว่ายัยแก่เริ่มทนไม่ไหวยืนกระดิกเท้ารอ นั่งรอ ตีลังการอเจ้านี้ยังคงนั่งพยักหน้า เออ ออ อยู่คนเดียว จนใบหน้าอันเหี่ยวย่นเพิ่มริ้วรอยขึ้นมาอีกหนึ่งก่อนจะตรงไปซ้ำอีกที
โป๊ก!!
"ทำอะไรนะ! เจ้าทำกับข้าอย่างงี้มันบาปนะ!! เด๋วรอยย่นก็เพิ่มอีกหรอก!"เด็กหนุ่มนั่งกุมหัวที่โนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นี้ถ้าหัวข้าเสียรูปข้าจะขอให้รอยย่นบนหน้าเพิ่มขึ้นอีก!!
"เลิกนินทาข้าในใจได้แล้ว จะไปไหมตลาดนะ!!" เหมือนอ่านใจได้ แม่เลี้ยงของเด็กหนุ่มมองด้วยความเหี้ยมโหดที่จำเป็นต่อการขู่เจ้าหัวฟูนี้ ร่างสูงสะดุ้งอย่างตกใจก่อนจะกระเถิบเข้ามากอดขาอย่างเอาใจ
"ไปซิ! ข้าไม่ได้นินทานะแค่เกือบ ๆ เท่านั้นเอง นะ...นะ"ใบหน้าหล่อปนสวยมองอย่างออดอ้อน ทำเอาใจคนแก่อ้อนระท่วยแต่ยังคงแข็งใจไว้
"จะไปก็ไป ข้าไม่ได้ล่ามโซ่ห้ามเจ้า"ว่าแล้วก็สะบัดหน้าไปอีกทาง ร่างสูงทำหน้ายินดีก่อนจะกระโดดโลดเต้นแล้วร้อง เย้ ราวกับเด็กน้อยก่อนจะวิ่งออกไปนอกห้องทันที ร่างเล็กที่เมื่อครู่ตีหน้ายักษ์ ค่อย ๆ คลายออกจนดูเป็นชราใจดีคนหนึ่งมองตามร่างสูงด้วยความเอ็นดู แย้มยิ้มมุมปากทั้งสองข้างอย่างมีความสุข เขารู้นะว่าจิตใจของเด็กคนนั้นดีงามขนาดไหนถึงภายนอกจะเห็นเป็นเด็กกวน ๆ หาเรื่องไปทั่ว แต่ข้างในกลับต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง
นางได้หลงรักเด็กคนนั้นตั้งแต่แรกพบ วันที่แสงทั้งเจ็ดสีส่องลงมายังโลก เขาได้เจอเด็กตัวน้อย ๆ ที่นอนหลับอย่างน่ารักอยู่ในไข่สีเพลิงและตะกร้าแปลก ๆ พร้อมกับชื่อที่เขียนอยู่ในกระดาษ ตอนฝนตกใต้ต้นไม้ประจำหมู่บ้าน.....ว่าแต่... ข้าลืมอะไรบางอย่างหรือปล่าวนะ??
กลับมาทางร่างสูงที่เดินออกมาจากบ้านอย่างเริงร่า ก็ แหม จะมาตลาดสดที่เต็มไปด้วยของกินทั้งทีนี้ ตลอดทางชาวบ้านแถว ๆ นั้นต่างมองมาที่ชายหนุ่มที่เดินไปไม่สนใจอะไรเลย เด็กสาวและไม่สาวแถวนั้นต่างมองด้วยความเคลิบเคลิ้มจนลืมอริยาบทที่ตนเองทำอยู่ บ้างที่กำลังถือของต่างทำหลุดมือแต่ก็ยังคงไม่สนใจ หรือไม่ก็กำลังป้อนข้าวให้คู่รักแต่แทนที่จะเข้าปากก็กลายเป็นเข้าจมูกแทน นี้ยังไม่นับพวกแท้หรือไม่แท้ เสือ สิง กระทิง กระเทย เอ๊ย! แรด อีกนะเจ้าพวกนั้นต่างจับกลุ่มกระซิบกระซาบมองมาที่เด็กหนุ่มปานจะกลืนกิน
บ้างก็พวกที่แมนร้อยเปอร์เซ็นที่มองมาอย่างเคลิบเคลิ้มจะไม่ให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า ผมสีเพลิงยาวที่แม้จะยุ่งเหยิงเหมือนไม่ได้หวีมาหลายปีแต่ก็ยังคงดูดี ดวงตาสีเด่นไม่แพ้ผมคู่สวยคมออกโตนิด ๆ ดูแน่วแน่ ขี้เล่น จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากแดงสด ใบหน้าหล่อปนสวยที่แสนจะดึงดูดทุกเพศทุกวัยขนาดนี้...จากการที่พวกนั้นคิด มันให้เด็กหนุ่มขนลุกรู้สึกหนาวยะเยือกก่อนจะมองไปทางต้นเหตุที่มองเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม ด้วยความที่ไม่รู้อะไร ทำให้เด็กหนุ่มฉีกยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี คนที่อยู่แทบ ๆ นั้นต่างล้มลงไปกันเป็นพรวนอย่างไม่ได้นัดหมาย นี้สินะที่แม่เลี้ยงท่านลืมเอาไว้ วิบัติครั้งใหญ่จริง ๆ...
เด็กหนุ่มร่างสูงผมสีแดงเพลิงยังคงเดินมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายอย่างไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม ตลอดทางนั้นเต็มไปด้วยของกินมากมาย ตัวบ้านแถวนี้ส่วนมากจะเป็นหินอ่อนสีสวยเล็กใหญ่กันไปถึงเขาจะกะเพาะหลุมดำกินไม่เลือกแต่ตอนนี้ดวงตาคู่สวยมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาอะไรอยู่ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างยังคงเป็นเหมือนเดิม...ล้มละเนระนาดขัดขวางการจราจลทางเดิน
เมื่อได้เจอเป้าหมายแล้วเด็กหนุ่มร่างสูงรีบวิ่งไปทันที ก่อนจะพบว่าที่วิ่งเข้าไปนั้นเป็นร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้างทาง คราเทลยิ้มหน้าระรื่น(มาก)มาหา หญิงวัยกลางคนหนึ่งที่กำลังนั่งมองเขาด้วยความเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะพูดสิ่งที่ต้องการออกไปทันที
"ซาลาเปาไส้ถั่วแดง 2 ลูกครับ!"ว่าแล้วก็ยิ้มให้หนึ่งทีทำเอาสติของหญิงวัยกลางขาดผึ่งทันที เจ้าหล่อนทำท่าอ่อนละท้วยเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ไม่ปาน
"ดะ....ได้จ้า~"พูดเสร็จก็ก้มทำอะไรสักอย่างแต่สายตายังคงจับจ้องมองเด็กหนุ่มที่ยืนมองนู้นมองนี้อยู่อย่างไม่เป็นสุข ก็กว่ายายแก่นั้นจะปล่อยเขามาสักครั้งก็ยากเกินทนแล้วไม่รู้วันนี้เป็นอะไรถึงให้เขาออกมาเอง แถมไม่ห้ามด้วยนะ แต่มันก็เป็นการดีต่อเขานะ หึหึ พอบ่นในใจจบก็ดูเหมือนของที่สั่งจะได้แล้ว
"อะ...ไส้ถั่วแดง 2 ลูกแต่ พี่สาวให้ฟรี 4 ลูกจ๊ะ อุ๊ย!"
"ขะ...ขอบคุณครับ.."ตอนแรก ๆ เขาก็ดีใจว่าได้ฟรีอยู่หรอกนะ แต่คำว่า 'พี่สาว' นี้มันไม่เกินไปหน่อยร๊อ แถมยังมีแอบขยิบตาและแอบจับมือตอนเขารับซาลาเปามาอีกด้วย เขาคาดว่านี้ถ้าไม่มี'พ่อทูนหัว'ที่นั่งจ้องเขม็งอยู่ข้างหลัง 'พี่สาว'คนนี้คงยกทั้งร้านให้ฟรีแน่ ๆ แต่ด้วยความเป็นพวกปล่อยแล้วปล่อยเลย
ทำให้เขาเดินออกมาทันทีมือเรียวหยิบซาลาเปาอันใหญ่ ๆ มาหนึ่งลูกที่กำลังร้อนได้ที่เข้าปากก่อนจะเคี้ยวอย่างมีความสุข แต่แค่นี้นะ'จิ๊บจ๊อย'มันแทบจะไม่รู้สึกถึงความร้อนนั้นเลย จะเรียกว่าเป็นความสามารถพิเศษตั้งแต่ยังเด็กเลยก็ได้ และแล้วตลอดทางไปนั้นเด็กหนุ่มก็ยังคงไม่สนใจสิ่งรอบข้างเหมือนเคยในมือมีของที่ซื้อมาอยู่เต็มแถมทุกร้านยังมีโปรโมชั้นพิเศษ ซื้อ 1 แถม 3 ให้เขาเป็นคนสุดท้ายอีกต่างหาก ก่อนที่ซาลาเปาลูกสุดท้ายจะเข้าปากดวงตาสีเพลิงก็ดันไปเห็นผู้คนกำลังยืนก่อกลุ่มล้อมวงตรงกลางเอาไว้ด้วยความที่เป็นคนอบยุ่งเรื่องไปทั่วทำให้เด็กหนุ่มเช้าไปถามคนในนั้นทันที
"นี้ ๆ พี่ชายข้างในมีอะไรหรอ"เด็กหนุ่มสกิดคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด แต่ชายคนนั้นเมื่อหันมามองเขาก็ตาค้างไม่พูดอะไร ทุกคนที่ถามล้วนเป็นอย่างนี้ทุกรายจนเด็กหนุ่มไม่มีทางอื่นนอกจากแทรกตัวเข้าไปถามตัวต้นเหตุเมื่อมองเข้าไปกลางวง
ก็เห็นเป็นชายร่างบึก ขนาด บิ๊ก ประมาณ 4-5 คนที่กำลังยืนล้อมเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่หน้าร้านเล็ก ได้วยความชอบหาเรื่องป่วน ๆไปทั่วแบบไม่รู้ตัวทำให้เด็กหนุ่มตะโกนถามไป ถ้าจะหยุดตอนนี้คงไม่ทันแล้วหล่ะเราะเขาเป็นคนคิดปุ๊ปพูดปั๊บแบบไม่ให้เปลืองพื้นที่สมอง......จะเรียกว่าขี้เกียจก็ได้...
"นี้ ๆ พี่ชายทำอะไรกันหน่ะ!!"พี่บิ๊กทั้งหลายต่างหันมาหาร่างสูงด้วยใบหน้าหาเรื่องเหมือนพวกฆาตกรโรคจิต?ทุกคนต่างถอยหลังหลบให้ตัวต้นเหตุของเสียงหัวฟูสีเพลิงเด่นออกมา เอาล่ะงานนี้ทำเองแท้ ๆได้เห็นแจ่มแจ้งสมใจแล้ว.. คราเทลเอ่ย...จะทำยังไงดีนี้...ตู
"ใจป้ำดีนี้หว่าเอ็ง! แกกล้าแหยมอยากมีเรื่องกับข้าเรอะ!"พี่บิ๊กผมสีเขียวที่ตัดเป็นทรงหนามจรเข้ที่คาดว่าดูดีที่สุด ได้ตะคอกใส่คราเทล เขาที่ไม่อยากมีเรื่องมากที่สุดได้แต่โบกมือแล้วส่ายหน้าไปมา เหงื่อเม็ดใสค่อย ๆ อาบใบหน้าทีละนิด
ข้ายังไม่อยากมีเรื่องหรอกนะ ไม่งั้น...
คราเทลคิดไม่ทันจบพี่บิ๊กร่างใหญ่ทั้งหลายเดิมเข้ามาล้อมวงก่อนจะกระชากร่างบอบบางของเด็กหญิงที่ขัดขืนสุดกำลังพลักมาทางเขาราวกับกำลังจะเล่นล่อมวงกันอยู๋ เขารับร่างของเด็กหญิงเอาไว้อย่างเบามือก่อนจะคลายอ้อมกอด ร่างเล็กสั่นนิด ๆ ก่อนจะเงยใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นมามองอย่างอ้อนวอน ดวงตากลมสีน้ำตาลใสคลอไปด้วยหยาดน้ำ ทำเอาใจคนรักเด็กอย่างเขาอ่อนฮวบแบบไม่ถึงวิทันที
ใครจะว่าเขาเป็นตาแก่โลลิก็ไม่สน เพื่อเด็ก ๆ ผู้น่ารักเขาจะปกป้อง!!
คราเทลตั้งปติธานในจะอย่างแน่วแน่ก่อนจะฉีกยิ้มให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยนทำเอาคนยืนมุงพากันล้มเป็นแถบ มือเรียวดันร่างเล็กไว้ข้างหลังก่อนจะยืนตัวตรงด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าดูดีฉีกยิ้มอย่างสง่างามให้ทำเอาพวกชายฉกรรจ์ตาพร่าไปชั่วขณะ คราเทลไม่รอช้าพุ่งตัวจัดการให้เร็วที่สุด!!
ร่างเพรียวจัดการรวบมือเจ้าคนแรกที่กำลังตาพร่าไว้ด้านหลังก่อนจะวาดมืออีกข้างไว้บนไหล่จากนั้นก็บิดแรง ๆ ขนพี่บิ๊กคนนั้นร้อง โอ๊ย ด้วยความเจ็บ ขาเรียวสกัดท่อนขาใหญ่จนร่างนั้นลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความจุกทันที คราเทลเข้าไปหาคนที่ใกล้ที่สุดจากนั้นใช้เท้ายันเข้าไปกลางลำตัวด้วยความที่พละกำลังของเขาแตกต่างจากคนที่ไปทำให้ร่างใหญ่นั้นพุ่งเข้าไปในกองขยะทันที พี่บิ๊กคนที่ 3 และ 4 เริ่มรู้สึกตัวแล้วก็มองสภาพพี่บิ๊กที่ลงไปนอนกับพื้นก่อนจะกัดฟันกรอด ๆ แล้วพากันวิ่งเข้ามาหาคราเทลทันที ร่างเพรียวเอี้ยวตัวหลบไปด้านหลังก่อนจะช่วยซ้ำเติมสองคนนั้นที่วิ่งเข้าหากันด้วยใบหน้าตื่นตะหนกโดยการดันทั้งสองให้เข้าหากันจนชนดัง โครม! แล้วสลบคาที่ทันที คราเทลยืดตัวตรงก่อนจะยิ้มสบาย ๆ
ผู้คนที่มีชีวิตรอดต่างเริ่มยืนเชียร์คราเทลด้วยความสนุกสนานกันทันที ทำเอาคนสุดท้ายที่คาดว่าเป็นหัวหน้า น่าซีดเป็นไก่ต้มทันที ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาทางรอด
เจ้านี้ดูบอบบางแต่ทำไมถึงซัดคนตัวโตให้สลบคาที่ได้ทันที คน คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!!
"ปะ...ปีศาจชัด ๆ!!"เมื่อไม่มีหนทางพี่บิ๊กคนนั้นก็คิดเข้าข้างตัวเองทันที
แต่ข้าเป็นคนที่ร่างกายแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแล้วน่ะ เพราะฉะนั้นหมัดเล็ก ๆ อย่างนั้นไม่มีทางทำให้เขาเจ็บได้แน่ ๆ!!
ดูเหมือนคราเทลจะอ่านความคิดทางสีหน้าของพี่บิ๊กคนนี้ออก ก่อนจะฉีกยิ้มที่หน้าขนลุกให้อีกรอบ
"เจ้าคนชั่วรังแกแม้กระทั่งเด็กสาวผู้น่ารัก แสนบอบบางแบบนี้... ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!!"คราเทลครุ่นคิด ดูจากรูปร่างอันใหญ่โตเทอะทะ นั่นแล้วคงเน้นทางตรงมากกว่าทางอ้อม แล้วท่าทางพลังกายจะเยอะอยู่ไม่ใช่น้อย โดนทีคงจุกหน้าดู แต่ถึงจะมีรูปร่างใหญ่กำลังกายเยอะ มันยังคงแตกต่างกับเขาที่มีพลังกายมหาศาลถึงแม้วิชาการต่อสู้ที่ฝึกมานิดหน่อย แต่พอบวกกับพรความเร็วเป็นเลิศ งานนี้ก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่ แต่อย่าเพิ่งวางใจเลยดีกว่าไม่แน่พี่บิ๊กคนนี้อาจจะมีลูกเล่นอะไรอยู่ก็ได้...
ชายฉกรรจร่างโตนั้นแสยะยิ้มเหี้ยม แต่คราเทลยังคงรักษารอยยิ้มสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวได้อย่างคงที่ ทำให้ชายร่างใหญ่หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
"หนอย! แค่ล้มเจ้าพวกกาได้อย่าทำเป็นกร่างอวดเก่งไปหน่อยเลยดีกว่า!! มา! ข้าจะสั่งสอนแกด้วยกำลังของตัวข้าเอง!!"ไม่รอช้ามือหนาของชายฉกรรจ์คว้าดาบสั้นที่อยู่ตรงเอวออกมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่คราเทลทันที มือหยาบกร้านเงื้อขึ้นฟาดมีดสั้นเป็นแนวตรงทันที คราเทลเอี้ยวตัวได้อย่างสบายถึงแม้ว่าท่าทางของพี่บิ๊กคนนี้จะดูแม่นยำ แต่ดวงตาของเขากลับมองจุดลอดของท่านั้นได้หากมีความเร็วเสริมหน่อยล่ะก็อาจจะเฉี่ยว ๆ เขาเลยก็ได้ แต่ว่าความเร็วของชายคนนี้แม้จะดูเร็วในสายตาของคนธรรมดาแต่สำหรับเขามันก็เป็นแค่ภาพที่ค่อย ๆ ขยับเสียมากกว่า
เมื่อมองเห็นทางเล็ดลอดคราเทลก็ฟาดมือเป็นแนวเฉียงตรงจุดตายอย่างแม่นยำทันที ชายร่างใหญ่ที่ป้องกันไม่ทันนั้นกัดฟัน กุมมือที่หน้าอกด้วยความเจ็บสาหัสราวกับกระดูกร้าวเอาไว้ก่อนจะถอยกลับไปตั้งหลักอักที นี้ถ้าร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอล่ะก็ป่านนี้คงจะหักแล้วเป็นแน่ แถมยังมีความเฉียบคมและแม่นยำในการลงมือ แต่ท่าทางสบาย ๆ แบบนั้นดูก็รู้ว่าออมมือให้อยู่
คน ๆ นี้เก่งเกินไปแล้วถ้าข้าไม่รีบจัดการล่ะก็ จะถูกล้มเองแน่! คงต้องงัดวิธีนี้ขึ้นมาแล้วสินะ ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงก็ตาม หึหึ รับรองแกสู้ข้าไม่ได้แน่ไอหนู!!
ชายร่างใหญ่คิดอย่างมั่นใจก่อนจะยกมือขึ้นตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ทันที คราเทลมองท่าทีนั่นอย่างงุนงงแต่ยังคงรักษารอยยิ้มอันสง่างามเวลาตื่นเต้นหรือสนุกเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย ชาวบ้านต่างมองอย่างงุนงงสักพักก่อนจะเริ่มแตกตื่น พากันลากซากคนรู้จักหนีทันทีเมื่อลมที่พัดเริ่มรุนแรงพุ่งตรงไปยังฝ่ามือหนาของชายคนนั้นจนกลายเป็นลูกบอลสีดำที่ใหญ่ไม่มากลอยอยู่ บนมือ เด็กหญิงตัวน้อยที่ยังไม่หนีไปเกาะชายเสื้อของคราเทลไว้แน่นจนเขาต้องย่อตัวก้มลงให้สม่ำเสมอกัน
"ไม่เป็นอะไรหรอก พี่ชายคนนี้จะปกป้องเจ้าเอง แต่เจ้าถอยไปห่าง ๆ หน่อยนะ"คราเทลฉีกยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ให้เด็กหญิงที่หน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะผงกหัวให้จากนั้นก็เดินถอยไปห่าง ๆ ตามที่ว่า แต่มันจะห่างไปไหม เขาไม่กัดหรอก! คราเทลยิ้มให้จนตาหยีก แล้วกลับมายืนตรงเหมือนเดิม ในใจก็แทบจะเข้าไปฟัดเด็กหญิงอยู่ร่อมร่อ
พลังงานเต็มเปี่ยม ข้าจะเอาเจ้ากลับบ้าน!!
แต่ก็ต้องกลับมากลุ้มอีกครั้งเมื่อไม่รู็ว่าก้อนดำ ๆ ที่ลอยอยู่นั่นคืออะไร ดูเหมือนนั่นจะเป็นไม้ตายของพี่บิ๊กคนนั้นจริง ๆ เขาเดาไม่ผิดจริง ๆ ด้วยสินะ ว่าแล้วก็พยายามทบทวนความจำตอนที่อ่านหนังสือแบบเปิดผ่าน ๆ เผื่อจะมีประโยชน์ แต่ก็ได้ผลเพราะความจำของเขาดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า สิ่งที่ลอยอยู่บนมือนั่นเรียกว่าเวทย์มนตร์เป็นสิ่งที่น้อยคนจะมี เพียงรวบรวมได้นิดเดียวก็สามารถทำลายบ้านได้หลังหนึ่งทีเดียว และส่วนมากเผ่าที่มีพลังเวทย์มากที่สุดก็จะเป็นเผ่ามังกรที่เขาไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง เขาเคยได้ยินข่าวมาแว่วแว่วว่าทั้งพวกที่มีพลังเวทย์สูงหรือปานกลางจะถูกรวบรวมไปที่วิหารเทพมังกรเพื่อปกป้องโลกจากความมืดที่ค่อย ๆ กัดกินทีล่ะนิด แต่สิ่งที่อยูในมือของชายร่างใหญ่ก็ดูดเอาทุกสิ่งเข้าไปเหมือนกันงั้นแสดงว่านั่นเป็นพลังที่ร้ายแรงที่สุดนะสิ! เวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงสองเวทย์ คือเวทย์ศาสตร์มืดของเอฟผู้ที่ครอบครองศาสตร์น้อาจจะถูกกลืนกินจนคลุ้มคลั่งกลายเป็นอมนุษย์ได้ และ เวทย์แห่งแสงสว่างขององค์มหาเทพที่มีประโยชน์สารพัด ส่วนธาตุอื่นคือเป็นรองทั้งหมด เฮ้อ...งานนี้ไม่หมูแล้วสิ!!
ดูเหมือนชายร่างใหญ่จะรวบรวมพลังเท่าที่ได้แล้วเขาฉีกยิ้มให้อย่างผู้ชนะ ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
"ฮ่า ๆ ๆ! อึ่งละสิเจ้าหนูทีนี้จะได้้รู้สำนึกซะบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กลับใคร!!!"
คราเทลยืนเคะหูโดยไม่รู้ว่าท่าทางนั้นจะเป็นการยั่วโมโหชายฉกรรจ์ที่กำลังบ้าคลั่ง และส่วนสมองของเขาก็เริ่มค้นหาวิธีที่จะต่อกรกับเวทย์แห่งความมืดก็คือเวทย์ขององค์มหาเทพ แต่ปัญหามันอยู่ที่เวทย์มนตร์มันต้องเรียกด้วยอะไร คาถา? อาวุธ? คราเทลเริ่มเรียบเรียงความทรงจำในห้องสมุด ก่อนจะค้นเจอ
'เวทย์มนตร์นั้นสามารถเรียกได้โดยการท่องคาถาโบราณหรือไม้เท้าเวทย์มนตร์สำหรับคนที่มีพลังเวทย์น้อยเพื่อจะเป็นตัวช่วยดึงความสามารถของธาตุนั้นออกมา แต่สำหรีบคนที่มีความสามารถนั้นติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่จำเป็นต้องท่องคาถาโบราณ แค่รวบรวมสมาธิก็เพียงพอต่อการเรียกเวทย์มนตร์ออกมาจากร่างกายได้แล้ว...'
หลังจากใช้เวลาทบทวนไป 2 วินาทีก็แทบทำให้ความอดทนของคนตรงหน้าหมดไปเขาก็ดึงสติกลับมาก่อนจะกลุ้มใจเรื่องที่บอกว่าให้รวบรวมสมาธิเพื่อที่จะเรียกธาตุออกมาแต่ดันไม่ได้บอกนี้สิว่าต้องตั้งสมาธิยังไงหากตั้งผิดวิธีอาจจะทำให้เขาดับไปด้วยก็ได้ และดูเหมือนชายฉกรรจ์ที่ยืนอดกลั้นมาตั้งนมนานก็เริ่มจะทนไม่ได้
"อยากตายไว ๆ นักใช่ไหม งั้นข้า...จะเป็นคนสงเคราะห์ให้เอง!!!"ชายร่างใหญ่ปล่อยลูกบอลที่ราวกับหลุมดำมายังเขาคราเทลมองไปข้างหลังซึ่งเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังเกาะต้นไม้ใกล้ ๆ เป็นที่ยึดทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เขาต้องรีบหาทางเค้นสมองให้เร็วที่สุด
'เป็นไงเป็นกันทำมั่ว ๆ ไปซะ หลังจากนี้คงเป็นดวงของเราล่ะ!'
เศษไม้เริ่มกระจายไปทั่วจนทำให้บาดแก้มของเขาจนเรียกเลือดแต่จิตใจของเขากำลังจดจ่อกับการตั้งสมาธิจนลืมความเจ็บปวดนั้นไปหมด รอบข้างนั้นเริ่มมืดมิด ก่อนจะค่อย ๆ ปรากฎลูกบอลสีดำที่เข้าใกล้เข้ามาช้า ๆ ราวกับเป็นภาพถ่ายและเข้าใกล้เขาเข้ามากทุกที เส้นสีเขียวกระจายไปทั่วก่อนจะเพ่งไปข้างหน้าซึ่งเป็นเส้นสีแดงคาดว่าเป็นชายฉกรรจ์คนนั้นเขามองไปที่มือของตนเองก่อนจะเห็นเป็นเส้นสีเขียว ในความมืดนั้นเขามองเข้าไปตรงช่องท้องก่อนจะรวมสมาธิจดจ่อตรงหน้าท้องและเริ่มมีละอองสีขาวที่กระจัดกระจายทั่วร่างกายเริ่มมารวมตัวที่ช่องท้องเขาเริ่มปิ๊งไอเดียแล้วค่อยขยับทีละนิดก้อนลูกบอลสีขาวสะอาดก็ค่อย ๆ ขยับตามก่อนจะเริ่มไล่ลูกบอลสีขาวไปตามฝ่ามือเขาคิดบังคับใก้มันออกมาก่อนจะรู้สึกได้ถึงไอร้อน ๆ ที่กำลังกระทบแผ่นหลังของเขา เขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นระรัวเร็วขึ้นก่อนจะลืมตาโพล่งทันที
ตู้ม!!
ควันสีขุ่นบดบังการมองเห็นเงาสีดำร่างใหญ่มองซ้ายมองขวาเขาคือชายฉกรรจ์ต้นเหตุของควันนั้นเอง ชายคนนั้นมองซ้ายมองขวาก่อนจะมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเมื่อแน่ใจว่าเด็กหนุ่มได้ตายไปแล้วเขาก็ยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งสภาพของเขาดูร่อแร่เพราะก็โดนพลังแห่งความมืดไปเหมือนกัน
"ฮ่า ๆ ๆ เป็นไงละเจ้าเด็กอวดดีอยากอวดเก่งมาเบ่งกับข้า โกคาโร่ คิเคมะ บุตรชายของเจ้าเมืองที่นี้คนนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!"
ผ่านไปสักพักชายร่างใหญ่เริ่มแน่ใจแล้วว่าคราเทลต้องไม่รอดอย่างแน่นอนเขาแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวไปหาเด็กสาวที่ยืนตัวสั่น ดวงตากลมโตสีอ่อนคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เธอมองไปยังจุดที่มีแต่ควันโขมงลอยวน
ซึ่งเป็นที่เดียวกับคราเทลยืนอยู่เมื่อครู่ ร่างบอบบางรีบก้าวถอยอย่างหวาดกลัว เมื่อรับรู้ได้ถึงชายร่างยักษ์ที่ก้าวมาหาเธออย่างไม่เร่งรีบราวกับเธอเป็นเพียงแค่ลูกไก้ในกำมือเท่านั้น มุมปากของชายคนนั้นฉีกยิ้มอย่างน่ารังเกียจ
"ตาเจ้าแล้วนังหนู ข้าจะลงโทษเจ้าที่อาจหาญต่อต้านข้า!"
"มะ...ไม่... ฮึก ไม่น่ะ....!"
แผ่นหลังของเด็กสาวแนบกับต้นไม้อย่างเย็นเยียบ ดวงตาสั่นระริกมองเงาที่ค่อย ๆ คลืบคลานมาหาเธออย่างหวาดกลัวระเสียใจ
เธอเป็นแค่เด็ก! และรู้ถึงการลงโทษที่ชายร่างยักษ์นั้นพูดมาดี ถึงแม้ว่าโทษที่ต่อต้านมันจะไม่ร้ายแรงมากนัก อย่างน้อยก็แค่ถูกขังไว้ในที่มืด 2-3 วัน แต่จากข่าวที่ลือ บุตรชายคนเดียวของท่านเจ้าเมืองนี้ เป็นคนเอาแต่ใจ ชอบรังแกคนอ่อนแอ เป็นหัวหน้าพวกอัธพาล และหยิ่งราวกับเป็นผู้สูงศักดิ์ เลยคิดว่าถึงตนจะทำอะไรไปคงไม่มีใครกล้าขัดใจ ไม่นานมานี้เธอก็ได้รับเรื่องมาว่า คิเคมะสังหารคนรับใช้ด้วยเรื่องที่ว่าขัดใจ ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าหลังจากที่เธอถูกจับ จะเจอกับอะไรบ้าง!
"ยังไงก็หนีข้าไม่พ้นหรอก นังหนู!"คิเคมะ ที่อยู่ตรงหน้าของเด็กสาวตัวเล็ก ก้มหน้ามองอย่างเหยียดหยาม แล้วเหยียดยิ้มมากกว่าเดิม ร่างบอบบางสั่นราวกับลูกนกตัวน้อย เธอมองเงานั้นราวกับเป็นยมฑูต ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาหลับแน่น เหมือนกับไม่อย่างเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เมื่อมือใหญ่หยายกร้านเอื้อมมาเพื่อจะบีบคอเธอ
ข้ายังไม่อยากตาย!
"มะ... ไม่น่ะ พี่ชาย! ม่าย!..!!"
เพี๊ยะ!
แต่ก่อนที่มือใหญ่นั้นจะถูกตัวเด็กหญิงกลับถูกฝ่ามือเรียวสะบัดอย่างแรงใส่ คิเคมะจะหันไปตวาดใส่คนที่บังอาจทำร้ายร่างกายเขา กลับรู้สึกได้ว่าตนถูกกำปั้นเล็ก ๆ ที่ท้องถ้าเป็นกำปั้นธรรมดาคงไม่ระคายผิวของเขาแม้แต่น้อย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความร้อนราวกับลาวากลิ่นเนื้อไหม้ลอยเข้าจมูก เขาเบิกตากว้างพร้อมกับร่างยักษ์ที่พยายามเกร็งตัวตั้งแต่เมื่อครู่กระเด็นออกไปชนกับกำแพงหินอ่อนจนเป็นรอยร้าว และสลบวูบอย่างไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าของเจ้าของกำปั้นเมื่อครู่แม้แต่น้อย
"ทำไมออกมาเป็นอย่างนี้ได้เนี้ย เอาเถอะ อย่างน้อยก็รอดไป..."เสียงนุ่มเอ่ยอย่างโล่งใจ พลางถอดถอนใจเบา ๆ ดวงตากลมโตของเด็กสาวค่อย ๆ หรี่ขึ้นข้างหนึ่ง เธอยังไม่แน่ใจว่าตนจะปลอดภัย จึงคิดจะค่อย ๆ ทำเป็นไม่รู้ตัวเพื่อความปลอดภัยของชีวิต แต่เมื่อเธอเห็ฯบุรุษตรงหน้า ความคิดเมื่อครู่ก็ถูกสลัดออกไปทันที
"พะ... พี่ชาย!"'พี่ชาย'ที่ว่ายกมือเรียวลูบหัวของเด็กสาวราวกับปลอบประโลม คราเทลยิ้มให้นิด ๆ ถึงแม้ว่ามันจะดูแปลก ๆ เมื่อใบหน้าบางส่วนนั้นยังเป็นจุดดวง ๆ สีดำอยู่ก็ตาม
'โชคดีที่ผลข้างเคียง ไม่มากอะไรไม่งั้นเราคงได้หางเพิ่มมาแน่ ๆ'
คราเทลคิดในใจอย่างขำ ๆ ก่อนจะเหลือบมองเส้นผมสีเพลิงของตนที่เคยยาวเกือบกลาง ๆ กลับกลายเป็นว่่า มันสยายตัวทิ้งลงพอดีกับสะโพกของเขาแบบพอดิบพอดี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี ว่ากันว่าการที่เราจะฝึกการเรียกพลังเวทย์มักจะมีผลข้างเคียงตามอำนาจที่ร้องขอ อย่างเช่น ศาสตร์มืด อาจจะทำให้มีหัวงอกออกมาจากหัว หรือไม่ ก็มีดวงตาทั่วร่างกายราวกับปีศาจ หากว่าผู้ทีมีความสามารถพิเศษใช้ว่าจะไม่มีผลข้างเคียง ถึงจะมีก็ไม่ร้ายแรงมากนัก โอกาส ที่จะไม่ติดคำสาป มีเพียงแค่ 1% เท่านั้น ณ บัดนี้ก็ยังไม่มีใครที่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงเลยแม้แต่คนเดียว
ดูเหมือนชายร่างใหญ่จะรวบรวมพลังเท่าที่ได้แล้วเขาฉีกยิ้มให้อย่างผู้ชนะ ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
"ฮ่า ๆ ๆ! อึ่งละสิเจ้าหนูทีนี้จะได้้รู้สำนึกซะบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กลับใคร!!!"
คราเทลยืนเคะหูโดยไม่รู้ว่าท่าทางนั้นจะเป็นการยั่วโมโหชายฉกรรจ์ที่กำลังบ้าคลั่ง และส่วนสมองของเขาก็เริ่มค้นหาวิธีที่จะต่อกรกับเวทย์แห่งความมืดก็คือเวทย์ขององค์มหาเทพ แต่ปัญหามันอยู่ที่เวทย์มนตร์มันต้องเรียกด้วยอะไร คาถา? อาวุธ? คราเทลเริ่มเรียบเรียงความทรงจำในห้องสมุด ก่อนจะค้นเจอ
'เวทย์มนตร์นั้นสามารถเรียกได้โดยการท่องคาถาโบราณหรือไม้เท้าเวทย์มนตร์สำหรับคนที่มีพลังเวทย์น้อยเพื่อจะเป็นตัวช่วยดึงความสามารถของธาตุนั้นออกมา แต่สำหรีบคนที่มีความสามารถนั้นติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่จำเป็นต้องท่องคาถาโบราณ แค่รวบรวมสมาธิก็เพียงพอต่อการเรียกเวทย์มนตร์ออกมาจากร่างกายได้แล้ว...'
หลังจากใช้เวลาทบทวนไป 2 วินาทีก็แทบทำให้ความอดทนของคนตรงหน้าหมดไปเขาก็ดึงสติกลับมาก่อนจะกลุ้มใจเรื่องที่บอกว่าให้รวบรวมสมาธิเพื่อที่จะเรียกธาตุออกมาแต่ดันไม่ได้บอกนี้สิว่าต้องตั้งสมาธิยังไงหากตั้งผิดวิธีอาจจะทำให้เขาดับไปด้วยก็ได้ และดูเหมือนชายฉกรรจ์ที่ยืนอดกลั้นมาตั้งนมนานก็เริ่มจะทนไม่ได้
"อยากตายไว ๆ นักใช่ไหม งั้นข้า...จะเป็นคนสงเคราะห์ให้เอง!!!"ชายร่างใหญ่ปล่อยลูกบอลที่ราวกับหลุมดำมายังเขาคราเทลมองไปข้างหลังซึ่งเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังเกาะต้นไม้ใกล้ ๆ เป็นที่ยึดทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เขาต้องรีบหาทางเค้นสมองให้เร็วที่สุด
'เป็นไงเป็นกันทำมั่ว ๆ ไปซะ หลังจากนี้คงเป็นดวงของเราล่ะ!'
เศษไม้เริ่มกระจายไปทั่วจนทำให้บาดแก้มของเขาจนเรียกเลือดแต่จิตใจของเขากำลังจดจ่อกับการตั้งสมาธิจนลืมความเจ็บปวดนั้นไปหมด รอบข้างนั้นเริ่มมืดมิด ก่อนจะค่อย ๆ ปรากฎลูกบอลสีดำที่เข้าใกล้เข้ามาช้า ๆ ราวกับเป็นภาพถ่ายและเข้าใกล้เขาเข้ามากทุกที เส้นสีเขียวกระจายไปทั่วก่อนจะเพ่งไปข้างหน้าซึ่งเป็นเส้นสีแดงคาดว่าเป็นชายฉกรรจ์คนนั้นเขามองไปที่มือของตนเองก่อนจะเห็นเป็นเส้นสีเขียว ในความมืดนั้นเขามองเข้าไปตรงช่องท้องก่อนจะรวมสมาธิจดจ่อตรงหน้าท้องและเริ่มมีละอองสีขาวที่กระจัดกระจายทั่วร่างกายเริ่มมารวมตัวที่ช่องท้องเขาเริ่มปิ๊งไอเดียแล้วค่อยขยับทีละนิดก้อนลูกบอลสีขาวสะอาดก็ค่อย ๆ ขยับตามก่อนจะเริ่มไล่ลูกบอลสีขาวไปตามฝ่ามือเขาคิดบังคับใก้มันออกมาก่อนจะรู้สึกได้ถึงไอร้อน ๆ ที่กำลังกระทบแผ่นหลังของเขา เขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นระรัวเร็วขึ้นก่อนจะลืมตาโพล่งทันที
ตู้ม!!
ควันสีขุ่นบดบังการมองเห็นเงาสีดำร่างใหญ่มองซ้ายมองขวาเขาคือชายฉกรรจ์ต้นเหตุของควันนั้นเอง ชายคนนั้นมองซ้ายมองขวาก่อนจะมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเมื่อแน่ใจว่าเด็กหนุ่มได้ตายไปแล้วเขาก็ยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งสภาพของเขาดูร่อแร่เพราะก็โดนพลังแห่งความมืดไปเหมือนกัน
"ฮ่า ๆ ๆ เป็นไงละเจ้าเด็กอวดดีอยากอวดเก่งมาเบ่งกับข้า โกคาโร่ คิเคมะ บุตรชายของเจ้าเมืองที่นี้คนนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!"
ผ่านไปสักพักชายร่างใหญ่เริ่มแน่ใจแล้วว่าคราเทลต้องไม่รอดอย่างแน่นอนเขาแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวไปหาเด็กสาวที่ยืนตัวสั่น ดวงตากลมโตสีอ่อนคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เธอมองไปยังจุดที่มีแต่ควันโขมงลอยวน
ซึ่งเป็นที่เดียวกับคราเทลยืนอยู่เมื่อครู่ ร่างบอบบางรีบก้าวถอยอย่างหวาดกลัว เมื่อรับรู้ได้ถึงชายร่างยักษ์ที่ก้าวมาหาเธออย่างไม่เร่งรีบราวกับเธอเป็นเพียงแค่ลูกไก้ในกำมือเท่านั้น มุมปากของชายคนนั้นฉีกยิ้มอย่างน่ารังเกียจ
"ตาเจ้าแล้วนังหนู ข้าจะลงโทษเจ้าที่อาจหาญต่อต้านข้า!"
"มะ...ไม่... ฮึก ไม่น่ะ....!"
แผ่นหลังของเด็กสาวแนบกับต้นไม้อย่างเย็นเยียบ ดวงตาสั่นระริกมองเงาที่ค่อย ๆ คลืบคลานมาหาเธออย่างหวาดกลัวระเสียใจ
เธอเป็นแค่เด็ก! และรู้ถึงการลงโทษที่ชายร่างยักษ์นั้นพูดมาดี ถึงแม้ว่าโทษที่ต่อต้านมันจะไม่ร้ายแรงมากนัก อย่างน้อยก็แค่ถูกขังไว้ในที่มืด 2-3 วัน แต่จากข่าวที่ลือ บุตรชายคนเดียวของท่านเจ้าเมืองนี้ เป็นคนเอาแต่ใจ ชอบรังแกคนอ่อนแอ เป็นหัวหน้าพวกอัธพาล และหยิ่งราวกับเป็นผู้สูงศักดิ์ เลยคิดว่าถึงตนจะทำอะไรไปคงไม่มีใครกล้าขัดใจ ไม่นานมานี้เธอก็ได้รับเรื่องมาว่า คิเคมะสังหารคนรับใช้ด้วยเรื่องที่ว่าขัดใจ ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าหลังจากที่เธอถูกจับ จะเจอกับอะไรบ้าง!
"ยังไงก็หนีข้าไม่พ้นหรอก นังหนู!"คิเคมะ ที่อยู่ตรงหน้าของเด็กสาวตัวเล็ก ก้มหน้ามองอย่างเหยียดหยาม แล้วเหยียดยิ้มมากกว่าเดิม ร่างบอบบางสั่นราวกับลูกนกตัวน้อย เธอมองเงานั้นราวกับเป็นยมฑูต ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาหลับแน่น เหมือนกับไม่อย่างเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เมื่อมือใหญ่หยายกร้านเอื้อมมาเพื่อจะบีบคอเธอ
ข้ายังไม่อยากตาย!
"มะ... ไม่น่ะ พี่ชาย! ม่าย!..!!"
เพี๊ยะ!
แต่ก่อนที่มือใหญ่นั้นจะถูกตัวเด็กหญิงกลับถูกฝ่ามือเรียวสะบัดอย่างแรงใส่ คิเคมะจะหันไปตวาดใส่คนที่บังอาจทำร้ายร่างกายเขา กลับรู้สึกได้ว่าตนถูกกำปั้นเล็ก ๆ ที่ท้องถ้าเป็นกำปั้นธรรมดาคงไม่ระคายผิวของเขาแม้แต่น้อย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความร้อนราวกับลาวากลิ่นเนื้อไหม้ลอยเข้าจมูก เขาเบิกตากว้างพร้อมกับร่างยักษ์ที่พยายามเกร็งตัวตั้งแต่เมื่อครู่กระเด็นออกไปชนกับกำแพงหินอ่อนจนเป็นรอยร้าว และสลบวูบอย่างไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าของเจ้าของกำปั้นเมื่อครู่แม้แต่น้อย
"ทำไมออกมาเป็นอย่างนี้ได้เนี้ย เอาเถอะ อย่างน้อยก็รอดไป..."เสียงนุ่มเอ่ยอย่างโล่งใจ พลางถอดถอนใจเบา ๆ ดวงตากลมโตของเด็กสาวค่อย ๆ หรี่ขึ้นข้างหนึ่ง เธอยังไม่แน่ใจว่าตนจะปลอดภัย จึงคิดจะค่อย ๆ ทำเป็นไม่รู้ตัวเพื่อความปลอดภัยของชีวิต แต่เมื่อเธอเห็ฯบุรุษตรงหน้า ความคิดเมื่อครู่ก็ถูกสลัดออกไปทันที
"พะ... พี่ชาย!"'พี่ชาย'ที่ว่ายกมือเรียวลูบหัวของเด็กสาวราวกับปลอบประโลม คราเทลยิ้มให้นิด ๆ ถึงแม้ว่ามันจะดูแปลก ๆ เมื่อใบหน้าบางส่วนนั้นยังเป็นจุดดวง ๆ สีดำอยู่ก็ตาม
'โชคดีที่ผลข้างเคียง ไม่มากอะไรไม่งั้นเราคงได้หางเพิ่มมาแน่ ๆ'
คราเทลคิดในใจอย่างขำ ๆ ก่อนจะเหลือบมองเส้นผมสีเพลิงของตนที่เคยยาวเกือบกลาง ๆ กลับกลายเป็นว่่า มันสยายตัวทิ้งลงพอดีกับสะโพกของเขาแบบพอดิบพอดี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี ว่ากันว่าการที่เราจะฝึกการเรียกพลังเวทย์มักจะมีผลข้างเคียงตามอำนาจที่ร้องขอ อย่างเช่น ศาสตร์มืด อาจจะทำให้มีหัวงอกออกมาจากหัว หรือไม่ ก็มีดวงตาทั่วร่างกายราวกับปีศาจ หากว่าผู้ทีมีความสามารถพิเศษใช้ว่าจะไม่มีผลข้างเคียง ถึงจะมีก็ไม่ร้ายแรงมากนัก โอกาส ที่จะไม่ติดคำสาป มีเพียงแค่ 1% เท่านั้น ณ บัดนี้ก็ยังไม่มีใครที่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงเลยแม้แต่คนเดียว
_________________________________
ขี้เกียจจจจจจ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ จุ๊บ!.
Good buy.~
ไรเตอร์เปลี่ยนเปอร์เซนการอัพของแต่ล่ะตอน
ให้น้อยลงน่ะค่ะ เพราะไรลงเยอะอัดกันในตอนเดียว
ไม่ได้ค่ะ จะขอย้ายอีกครึ่งนึงไปแต่ง
ในตอนต่อไป
กราบขออภัยในความไม่สะดวกอย่างแรงค่ะ
_____________..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น