ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN] ♡ See the light. {Minho & Taehyun | minam} -end-

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 638
      3
      28 มี.ค. 57

    Chapter 7

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 “เออ !! วันนี้มึงกับกูต้องตายกันไปข้างนึง !!!” ซึงฮุนแผดเสียงลั่น มือหนาเอื้อมไปที่คอเสื้อของจุนฮเว แต่คนที่ถูกกระชากคอเสื้อ กลับทำหน้าตาไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร

     

                 “จะต่อยกันเรื่องอะไร ? แพ้ผม ?”  ฮันบินถามขึ้นเสียงเรียบ

     

                 “มึงพอเถอะซึงฮุน กลับหอไปสงบสติก่อน” มินโฮกระชากตัวซึงฮุนไว้ก่อนจะพาออกจากห้องซ้อมไป มือของซึงฮุนยังกำแน่น เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะก้าวออกไปแต่โดยดี

     

                 “ซึงฮุนมันเป็นอะไรของมันอะ” จินอูถามขึ้นมาหลังจากที่เหตุการณ์คลี่คลายไปได้สักพักใหญ่

     

                

                

                 ทุกคนดูขวัญเสียอยู่ไม่น้อยกับการอาละวาดของซึงฮุน ยิ่งกับฮันบินและจุนฮเวด้วยแล้ว จุนฮเวยอมรับเลยว่ากลัวจริง ๆ ตอนที่พี่ซึงฮุนกระชากคอเขาไปแบบนั้น ฮันบินเองก็กลัวเหมือนกันที่ไปต่อปากต่อคำกับซึงฮุน แต่ชาติเสือย่อมไม่ไว้ลาย ใจดีสู้สิงโตไปก่อนมันก็คงไม่เสียหายอะไร

     

                 แทฮยอนเองก็อารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ใจเย็นเท่าไรอยู่แล้ว ฉะนั้นตาขวาง ๆ ของเขาจึงส่งไปทั่วบริเวณห้องซ้อม

     

                 “ฉันขอตัวนะ” แทฮยอนพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะก้าวออกจากห้องซ้อมไป

     

     

     

     

     

     

     

                 อากาศบริสุทธิ์บริเวณระเบียงหลังตึก ต้นไม้ห้อมล้อมรอบบริเวณทำให้แทฮยอนรู้สึกดีกว่าการอยู่ในห้องซ้อมแคบ ๆ ที่มองไปทางไหนก็มีแต่กระจกสะท้อนใบหน้าตัวเองกลับมาให้เห็นตลอด

     

                 เขาค่อนข้างผิดหวังกับท่าทีของพี่ซึงฮุนในวันนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซึงฮุนต้องทำอะไรแบบนั้น มันไม่ใช่การแกล้งเล่น ๆ แบบที่เขาเคยเจอตอนเด็ก ๆ แต่นั่นคือความรู้สึกจริง ๆ ของซึงฮุน แต่แทฮยอนก็ได้แต่ปล่อยมันไป ถ้าต่อจากนี้จะต้องมองหน้ากันไม่ติด หรือมีความรู้สึกไม่ดีอะไรก็ตาม มันก็เป็นผลจากการกระทำของเจ้าตัวเอง เขาคงไม่อาจจะช่วยอะไรได้

     

     

                 ฮันบินเดินตามแทฮยอนออกจากห้องซ้อมมาเหมือนกัน เหตุผลคล้าย ๆ  กันคือต้องการจะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินไปจนถึงระเบียงก็เจอแทฮยอนยืนอยู่ที่เดิม เสียงถอนหายใจแสดงความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจเป็นเหมือนแม่เหล็กให้ฮันบินเดินตรงเข้าไปหาแทฮยอน

     

                 “พี่เป็นไรไหม ?” เสียงนิ่ง ๆ เรียกแทฮยอนให้ละสายตาจากท้องฟ้าสีหม่น

     

                 “นายนั่นแหละเป็นอะไรไหม ถ้าไม่ได้จุนเน่นายตายคามือพี่ซึงฮุนแน่ ๆ” แทฮยอนตามเสียงดุ ๆ กลับ

     

                 “พี่ซึงฮุนไม่ทำอะไรขนาดนั้นหรอก”

     

                 “ไอ้บ้าเอ๊ย เมื่อไรจะเลิกเถียงวะ ฉันเห็นนะ ! ฉันเห็นหมดทุกอย่างแหละ”

     

     

                 แทฮยอนฟิวส์ขาดจนเผลอตวาดฮันบินไป เขาเองไม่ใช่คนใจเย็น และเหตุการณ์วันนี้มันทำให้เขาอึดอัดจนเหมือนจะเป็นบ้า อยากจะควักลูกตาบ้า ๆ นี่ออกมาแล้วโยนทิ้งไปไกล ๆ เสียด้วยซ้ำ

     

     

                 เกลียดตัวเองเหลือเกินที่เป็นแบบนี้

     

     

                 “เห็นอะไร ? คนอื่นเขาก็เห็นเหมือนกันหมดแหละ หรือพี่เห็นอย่างอื่น ?” ฮันบินขมวดคิ้วถาม

     

                 แทฮยอนเม้มปากล่าง หลังจากที่หลุดอะไรแปลก ๆ ออกมา อันที่จริงคำถามนี่มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย บางทีแทฮยอนอาจจะเห็นใครซุบซิบกัน หรือสายตาอาฆาตที่ฮันบินเผลอไม่ได้สนใจไป แล้วเขาก็จะตบท้ายว่าแทฮยอนช่างสังเกต แต่ท่าทีของแทฮยอนที่ส่งกลับมามันไม่ใช่ มันมีพิรุธมากกว่าจะเป็นเรื่องปกติ

     

                 “คือ...ฉัน”

     

                 ฮันบินเลื่อนมือไปจับมือขาวที่มีไฝที่นิ้วโป้งไว้อย่างแผ่วเบา บีบช้า ๆ เชิงผ่อนคลายไม่ให้แทฮยอนเลิกลั่กไปมากกว่านี้ ตอนนี้ฮันบินชักอยากจะรู้แล้วว่าคนตรงหน้ามีความลับอะไรกันอยู่แน่

     

                 “พี่มีอะไรก็พูดมาเถอะ สัญญาว่าจะฟังทุกอย่าง และจะไม่บอกใคร”

                

                 แทฮยอนกัดปากล่างเสียจนฮันบินกลัวว่าปากจะแตกไป แทฮยอนยังคงนิ่งไม่พูดอะไร ก็สายตาจะเหลือบมองไปที่มีของฮันบินที่จับมือของเขาไว้อยู่

     

                 “ปล่อยพี่”

     

                 “พี่มีอะ..” ฮันบินพูดไม่ทันจะจบประโยค แทฮยอนก็สะบัดมือออกจากฮันบินก่อนจะก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตู

     

                 “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พอเถอะ เลิกวุ่นวายเรื่องส่วนตัวพี่สักที” หันกลับมาพลางบอกฮันบินด้วยประโยคทำลายน้ำใจไปอย่างนั้น เสียงแทฮยอนกลับสั่นจนเขาเองยังประหลาดใจ

     

                 แต่มีสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า

     

     

     

                 ฮันบินยืนก้มหน้ามองมือของตัวเองที่เพิ่งถูกแทฮยอนสลัดออกไปเมื่อครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองฟ้า เม้มปากอย่างที่เคยทำ

     

                 “ช่างเถอะ ผมขอโทษ”

     

                 แทฮยอนเบิกตาโพลง เมื่อเขามองเห็นสีจากร่างของฮันบิน แทฮยอนกำมือแน่นให้เล็บจิกฝ่ามือตัวเองว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป

     

                 แทฮยอนเห็นสีจากฮันบินแล้ว

                 แต่ครั้งแรกที่เห็น กลับเป็นสีน้ำเงิน

     

                 สีน้ำเงินแห่งความเศร้า

     

                 และเหตุผลคือตัวเขาเอง...

                

                

     

     

     

     

     

     

     

                 แทฮยอนก้าวต่อไปโดยทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเรื่องฮันบิน  เดินออกจากตึกเทรนมาเรื่อย ๆ ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองอยู่หน้าหอพักแล้ว หอพักที่เขาเดินไปกลับอยู่อย่างนี้เป็นปี เดินทั้งตอนมืดตอนสว่าง ไม่น่าแปลกที่ร่างกายจะพาเขามาที่นี่โดยอัตโนมัติ

     

                 เขากดลิฟต์ตัวเดิมขึ้นไปจนถึงหน้าห้อง ก่อนจะเสียบคีย์การ์ดและเข้าห้องไป สายตาไปสะดุดกับรองเท้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นมาเพราะผู้มาก่อน เขาถึงนึกได้ว่าพี่ซึงฮุนและพี่มินโฮออกไปจากห้องซ้อมก่อน คงไม่มีทีไหนให้ไปได้นอกจากที่หอที่สินะ

     

                 “ซึงฮุนมาแล้วเหรอ ทำไมมาไวจัง”  เสียงทุ้มตะโกนออกมาจากในห้อง แทฮยอนถึงกับทำอะไรไม่ถูก ถ้าการที่มินโฮถามแบบนี้ แสดงว่าพี่ซึงฮุนเพิ่งออกจากห้องไป และเขาต้องอยู่กับมินโฮสองคน...

     

                 “ไม่ใช่พี่ซึงฮุน ...แทฮยอน” แทฮยอนตอบกลับเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง และพบมินโฮนอนดูทีวีอยู่บนโซฟา

     

                 แทฮยอนใจสั่น เขาเพ่งสายตามองและไม่เห็นสีอะไรจากมินโฮเหมือนเดิม ร่างบางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กที่เข้าชุดกัน

     

                 แทฮยอนเหลือบมองมินโฮเป็นระยะ ๆ ในใจก็คิดสงสัยว่ากลัวเขาจะตาย แต่ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อีก แทฮยอนขมวดคิ้วแน่น ถอนหายใจอยู่อย่างนั้นจนมินโฮออกปากถาม

     

                 “อะไร อยู่กับพี่อึดอัดมาก ?”

     

                 “บ้าเหรอ.. ไม่ใช่หรอก...” แทฮยอนตอบเลิกลั่ก

     

                 “ก็ดูดิ๊ คิ้วเนี่ย .. เนี่ย ๆๆๆๆๆ ขมวดจนจะผูกเป็นโบได้สามรอบแล้ว ฮ่าๆๆ” มินโฮไม่พูดเปล่า ยังเอานิ้วมาจิ้ม ๆ ตรงหว่างคิ้วแทฮยอนอีก แทฮยอนหันหน้าหนีเพราะหัวใจที่เต้นแรงขึ้น

     

                 นี่เขากลัวหรือเขาเป็นอะไรแน่ ?

     

                 “พอแล้วน่า.. แล้วพี่ซึงฮุนไปไหน ?” แทฮยอนถามขึ้นห้วน ๆ

     

                 “พูดห้วนเหมือนเดิมเลยนะ”  มินโฮดุ “ซึงฮุนไปซื้อขนมที่มาร์ทอะ ก็พี่กินเรียบหมดละ ฮ่า ๆ”

     

                 เหมือนเดิม ? แทฮยอนเอียงคอ อะไรที่มินโฮว่าว่าเหมือนเดิมนะ

     

                 “พี่พูดเหมือนเราเคยสนิทกันมากอย่างนั้น” แทฮยอนพูดตามที่คิดออกไป

     

                 “อ้าว ทำไมพูดงี้ล่ะครับน้องแทฮยอน  พี่อะเป็นรุ่นพี่สายเดียวกับเพื่อนเรานะครับ” มินโฮเปลี่ยนอิริยาบถมานั่ง แล้วจ้องหน้าแทฮยอน

     

                 แทฮยอนหรี่ตามองมินโฮก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เขานึกออกแล้วล่ะ

     

                 “พี่ที่เป็นเพื่อนพี่หัวฟูที่อยู่บล็อกบีคนนั้นน่ะเหรอ ?”

     

                 “เออ นั่นแหละ ! นั่นไอ้พโย นั่นแหละ ๆ นึกออกแล้วสินะ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ” มินโฮตบตักดังป้าบ ก่อนจะหัวเราะลั่น

     

                 “ใครมันจะจำได้ล่ะ แต่ก่อนพี่ดำกว่านี้ตั้งเยอะ” แทฮยอนพูดเสียงนิ่ง แต่ทำให้มินโฮหยุดขำทันทีทันใด

     

                 “ใครมันจะไปขาวผ่องแบบน้องล่ะครับบบบ แหม่”

     

                 แทฮยอนหัวเราะขึ้นเบา ๆ ตอนนี้เขาประติดประต่อเหตุการณ์ขึ้นมาได้นิดหน่อย เขาเคยรู้จักกับมินโฮแต่นึกไม่ออกว่ามินโฮเป็นใคร การที่มองไม่เห็นแล้วหัวใจเต้นแปลก ๆ อาจจะเพราะกลัว หรืออะไรก็ตามแต่ คงเป็นเพราะตัวเขาเองที่คิดมากไปเอง แทฮยอนยิ้มให้กับตัวเองที่ชอบคิดมากตลอด

     

                 “อืม ครับ ๆ” แต่แทฮยอนก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงนิ่งและพูดน้อยเหมือนเดิม

     

     

                 มินโฮนั่งเงียบอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่คิดอะไรอยู่ เขาดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่แป้กว่าเคยรู้จักกับแทฮยอนมาก่อน แต่ท่าทางของแทฮยอนที่อึดอัดเวลาอยู่ใกล้เขามันยังคงอยู่ มินโฮลอบถอนหายใจเบา ๆ ให้กับความคิดของตัวเอง

                

                 “กลับมาแล้วเว้ย เอ้า แทฮยอนกลับมาแล้วเหรอ” เสียงสดใสตามด้วยเสียงปิดประตูมาจากทางหน้าห้อง รองเท้าของแทฮยอนมักจะมีสไตล์จากคนอื่นเสมอ นั่นทำให้ทุกคนจดจำมันได้อย่างดี

     

                 “อื้ม ครับ” แทฮยอนตะโกนตอบกลับไป “พี่ซึงฮุนเป็นไงบ้าง”

     

                 “อืม... ฉันเครียดไปหน่อยน่ะ พรุ่งนี้ว่าจะไปขอโทษพวกเด็ก ๆ อยู่เหมือนกัน” ทั้งสีหน้าและสีเปล่งจากร่างของซึงฮุนทำให้แทฮยอนยิ้มออกมา พี่ซึงฮุนยังคงเป็นพี่ซึงฮุนที่น่ารักเหมือนเดิม

     

                 “ดีแล้วพี่ พวกเรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน” แทฮยอนมอบยิ้มให้ซึงฮุน

     

                 “เอ้อ แทฮยอนมาก็ดีละ” พี่ซึงฮุนพูดขัดเหมือนคิดอะไรได้ “ต้มรามยอนให้กินหน่อยดิ แหะ ๆ”

     

                 มินโฮเบิกตาก่อนจะถามซึงฮุน “แทฮยอนเป็นคนต้มรามยอนเหรอ ??? เห้ย ลูกคุณหนูแบบนั้นอะนะ” แทฮยอนส่งสายตาพิฆาตให้มินโฮ จนเจ้าตัวจ๋อยไป

     

                 “อะไรเล่าพี่มินโฮ... รอแปบละกัน”  แทฮยอนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะลุกตรงไปยังห้องครัว

     

     

     

                 เหลือแรปเปอร์ไลน์สองคนนั่งเมาท์กันเสียแล้ว

     

     

                 “เห๊ย คุยกับน้องเขาได้แล้วหรอวะ ??” ซึงฮุนพูดด้วยคำพูดไม่เป็นทางการกับมินโฮ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกถูกชะตากับมินโฮมาก ๆ เหมือนรู้ตักกันมานานแล้วอย่างนั้น หรือเป็นเพราะกลไกการตีสนิทของเขากันแน่

     

                 “โหย แล้วทำไมจะคุยไม่ได้ล่ะพี่ ก็บอกแล้วว่าเคยรู้จักกัน ตอนนี้แทฮยอนก็จำได้ละ”

     

                 “แทฮยอนก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำเหมือนมีอะไรในใจตลอด”

     

                 “นั่นดิ... ตอนแรกอะ โคตรอึดอัดเลยตอนมองหน้าแทฮยอน เหมือนเจ้าตัวจะกลัว ๆ ผมอะ แต่รู้ปะ ผมแม่งกลัวกว่าอีก ฮ่า ๆๆๆๆๆ” มินโฮพูดกลั้วหัวเราะ

     

                 “นี่ไม่บอกก็ไม่คิดว่าเป็นมักเน่นะ เวลาทำหน้าดุนี่แบบ ฮ่า ๆๆๆๆ”  ซึงฮุนพูดแซวน้องเล็กของวง

     

                 ซึงฮุนเองก็เป็นคนที่ชอบสังเกตคนรอบข้างอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่วันแรกที่มินโฮเข้ามา เขาก็เริ่มเห็นเค้าลางไม่ดีระหว่างมินโฮกับแทฮยอนแล้ว ความรู้สึกคล้าย ๆ กับตอนฮันบินไม่มีผิด จนซึงฮุนแอบโมโหด้วยซ้ำว่าทำไมน้องเล็กของหอพักเขาถึงได้มีปัญหากับคนอื่นเขาไปทั่วอย่างนี้

     

                 แต่พอเรื่องราวระหว่างฮันบินกับแทฮยอนดูจะลงตัวขึ้นมา แทฮยอนกับฮันบินที่คุยกันมากขึ้นก็ทำให้ซึงฮุนคิดว่าแทฮยอนเองก็เป็นเด็กธรรมดาคนนึงที่ไม่รู้จะวางตัวยังไงในสังคมมากกว่า แต่เรื่องมันยิ่งชักจะไปกันใหญ่ตรงที่เป็นมินโฮ เพราะมินโฮเองดูซีเรียสมากที่แทฮยอนไม่ยอมคุยด้วย จนออกปากถามซึงฮุนเลยว่า แทฮยอนไปประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมที่ไหนมารึเปล่า

     

                 ซึงฮุนเองก็ยังไม่เคยไปคุยเรื่องนี้กับแทฮยอน อันที่จริงไม่มีใครตรงเข้าไปคุยกับแทฮยอนเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกกะว่าจะฝากความหวังไว้กับซึงยุนที่อายุไล่เลี่ยกัน แต่ก็กลายเป็นเจ้านี่ดันติดพี่จินอูยิ่งกว่าอะไร จนเขาแทบจะให้สองคนนี้มันเลิกเป็นเด็กเทรนแล้วให้มันอพยพไปอิมจาโด ไปครองรักกันอย่างมีความสุขที่ปลายเกาะแล้ว

     

                 พอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ซึงฮุนก็เริ่มรู้ตัวว่าเขาเองต้องทำอะไรสักอย่างบ้างแล้ว












    >> TO BE CONTINUED.

     

     
     

     

    △△△△△

    ตอนนี้ดูไม่เครียดขึ้นมาหน่อย .////.
    โมเมนต์มินัมมาแล้วนะคะทุกคน ใจเย็น 5555
    #ฟิคแสง

    with love : vizecoren.





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×