ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN] ♡ See the light. {Minho & Taehyun | minam} -end-

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 18

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 537
      3
      19 ธ.ค. 57

    Chapter 18

     

     

     

     

     

     

                 "ไม่ว่าพี่จะพูดว่าพี่ชอบผมหรือไม่ก็ตาม ผมพูดได้แค่ว่า... ตอนนี้... ผมยังไม่อยากฟัง"

     

                 น้ำเสียงหนักแน่นของแทฮยอนทำให้เกิดความเงียบระหว่างกันอยู่เป็นนาที เป็นความเงียบที่ทำให้รู้สึกอึดอัด และทำให้ซงมินโฮทำตัวไม่ถูก แทฮยอนหลุบสายตาลงต่ำเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำท่าทางเหมือนอดกลั้นความรู้สึกที่มีมากมายในใจ และที่ทำให้แทฮยอนเสียใจมากที่สุด

     

                 สีน้ำเงินแผ่ออกจากมินโฮเป็นวงกว้าง

                 ชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่มองเห็นจากฮันบินเสียอีก

     

     

     

                 “...ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ...”

     

     

                 แทฮยอนทำลายความเงียบ เรียกคนที่ก้มหน้าคิ้วขมวดตรงหน้าให้หันขึ้นมองอย่างง่ายดาย แทฮยอนส่งยิ้มบาง ๆ ให้  ถึงจะไม่ใช่รอยยิ้มหวานที่ทำให้หัวใจของมินโฮชุ่มฉ่ำ แต่นั่นเรียกความมั่นใจของมินโฮกลับมาได้ไม่มากก็น้อย

     

                 “ขอเวลาผมอีกหน่อยได้ไหม... ผมยังไม่พร้อมจะตอบตกลงพี่ตอนนี้ และก็ไม่ได้รู้สึกแย่จนอยากจะปฏิเสธ...”

     

                 มินโฮเงยหน้าขึ้นจ้องแทฮยอนตาไม่กระพริบ สมองพยายามตีความหมายคำพูดที่แทฮยอนเพิ่งพูดกับเขาไปเมื่อครู่ การที่แทฮยอนพูดแบบนั้นหมายความว่า ที่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันนี้มันก็ไม่ได้แย่เท่าไร ไม่เคยแย่อย่างที่มินโฮคิด และแทฮยอนเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธแต่แรกด้วย

     

                 พอคิดได้แบบนั้นมินโฮก็เผยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ทำให้แก้มนิ่มของแทฮยอนขึ้นสีระเรื่อมาเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นก็ที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ

     

                 “ยิ้มอะไรอย่างนั้นเล่า” แทฮยอนแหว ส่วนมินโฮก็ได้แต่หัวเราะน้อย ๆ

     

     

                 “บางทีเราควรให้เวลากันและกันมากกว่านี้นะ...”

     

     

     

     

     

                 แทฮยอนกับมินโฮกลับมาที่หอพักด้วยบรรยากาศที่ดีจนซึงยุนสัมผัสได้ถึงความปกติ  ลีดเดอร์ตัวแสบที่ไม่เคยยอมแพ้เอาแต่วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังและถามว่าออกไปนี่ไปทำอะไรมาบ้าง ? ไปแอบเดทกันมาตั้งแต่เมื่อไร ? หรือถามว่าคบกันตั้งแต่ตอนไหน ทำเอาแทฮยอนตวาดหนัก ๆ ใส่และปิดประตูห้องตัวเองโครมใหญ่ ส่วนพี่จินอูก็บิดหูซึงยุนจนคนตัวแสบร้องขอขมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

                 มินโฮหัวเราะลั่นกับการหยอกล้อของซึงยุนได้สักพัก ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาซึงฮุนที่ร่วมวงอยู่ห่าง ๆ ยิ้มหวานยื่นหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างใส่ซึงฮุน จนคนอายุเยอะกว่าประทับฝ่ามือลงกลางกระหม่อมเบา ๆ ด้วยใจรัก

     

                

                 “เป็นไง คุยดีล่ะสิ ?” ซึงฮุนตบไหล่น้องชายปุ ๆ

     

                 “ก็ไม่เชิงอะ... แต่เด็กนั่นทำเอาผมใจแทบวาย”

     

                 “ทำไมวะ?”

     

                 “ก็เล่นพูดว่า ไม่ว่าผมจะพูดอะไรก็ยังไม่อยากฟัง...” มินโฮลูบหัวป้อย “ผมนี่คิดว่าจะแห้วละ”

     

                 “แทฮยอนมันสื่อสารกับชาวบ้านน้อยก็งี้อะ มีแต่คนเข้าใจผิด...” ซึงฮุนพูดพลางส่ายหัว

     

                 “...นั่นน่ะสิพี่” มินโฮถอนหายใจตามหลัง “แทฮยอนก็เป็นแบบนี้ตลอด เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่รู้มีปัญหาอะไรหนักหนาไหม”

     

                 “ถ้านายอยากรู้นายก็ต้องเข้าไปในโลกของเขาให้ได้” ซึงฮุนยิ้ม

     

                 “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายแล้ว... มินโฮ”

     

     

     

     

     

     

                 อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการแข่งขันที่แสนดุเดือด การแข่งขันที่เอาอนาคตของพวกเขาทั้ง 11 คนไว้เป็นเดิมพัน จากการฝึกซ้อมอย่างหนักทำให้ทีม A และทีม B ไม่ค่อยได้พบกันเท่าไร ทำแค่เพียงพยักหน้าให้กันน้อย ๆ ระหว่างเดินสวนกัน สร้างช่องว่างระหว่างมิตรภาพ และแปรเปลี่ยนมันเป็นช่องว่างของผู้แข่งขันไปทีละน้อย

     

                 ที่แทฮยอนสังเกตได้อย่างชัดเจนก็ไม่พ้นน้องเล็กอย่างจุนฮเวที่มีพื้นฐานนิสัยไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว เด็กคนนี้มั่นใจในตัวเองสูงและต้องการจะเป็นผู้ชนะ สายตาที่จุนฮเวมองเขามันเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขาเริ่มสนิทกับฮันบิน สีที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่แทฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับน้องชายคนนี้ เขารู้ว่าสถานการณ์ที่บีบบังคับแบบนี้ มันเกินกว่าที่ทำใจยอมรับสภาพหากต้องแพ้

     

     

                 ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือทางฝั่งเขาเองอย่างพี่ซึงฮุน คนที่แบกรับความฝันและความคาดหวังจากทุกคนเอาไว้ อย่างน้อยเขาก็เคยแข่งรายการแบบนี้มาก่อน เป็นคนที่มีพื้นฐานชื่อเสียงอยู่แล้วหากแพ้มันคงดูแย่ไม่น้อย แทฮยอนรู้ว่าซึงฮุนอยู่ที่ห้องซ้อมติดกันกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว และเขาก็ไม่คิดที่จะไปรบกวนอะไรด้วย สีแดงฉานที่เปล่งออกมาจากซึงฮุนเป็นเครื่องหมายอย่างดีว่าเขามุ่งมั่นและเต็มที่กับการแข่งขันครั้งนี้เพียงใด และเขาไม่คิดที่จะยอมแพ้

     

                 สิ่งหนึ่งที่แทฮยอนรู้สึกได้หลังจากผ่านพ้นวันเกิดครบรอบ 20 ปีของเขามาร่วมหลายเดือนคือ การที่เขาเริ่มมองเห็นใครๆ ได้น้อยลง เขาไม่แปลกใจเท่าไรที่พอโตขึ้นจะได้เจอกับคนที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น แต่บางครั้งที่มองออกไปบนท้องถนน พบกับเด็กตัวเล็ก ๆ สักคน เขาก็กลับไม่เห็นอะไรเลย

     

                 แทฮยอนไม่ได้รู้สึกแย่อะไรที่มันเป็นแบบนี้ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่อย่างน้อยเขาจะได้คิดถึงความรู้สึกใคร ๆ ให้น้อยลง และหันกลับมารักตัวเองให้มากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดชีวิต 20 ปี

     

     

     

     

     

                 สูดหายใจลึก ๆ เอาอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอดที่ริมระเบียงตึกเทรน มือขาวถือฝักบัวรดน้ำต้นไม้เล็ก ๆ ยิ้มน้อย ๆ ให้กับต้นไม้ที่ไม่ต้องมีความรู้สึกอะไร ไม่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของปัจจุบัน ไม่ต้องต่อสู้กับกดดันของอนาคต น่าแปลกที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดสูงส่งที่สุด แต่กลับรักษาสภาพของความสงบไว้ไม่ได้เลยสักนิด

     

     

                 “ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว ?”

     

                 เสียงทุ้มจากด้านหลังเรียกแทฮยอนหันไปทันที ลมพัดหนาวพัดปะทะเข้าสู่ใบหน้าจนแสบตา กระพริบตาได้สักพักก็พบว่าภาพตรงหน้าเบลอไปหมด แทฮยอนขยี้ตาอีกครั้งก่อนจะเพ่งสายตาปรับความคมชัดของภาพตรงหน้า

     

                 “พี่มินโฮ ?”

     

                 “อ่าฮะ” มินโฮเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะโบกมือตรงหน้าแทฮยอน “เป็นอะไรรึเปล่า ทำหน้าแปลก ๆ”

     

                 “อ่อ... เปล่า” แทฮยอนหันมารดน้ำต้นไม้ต่อ ขยี้ตาอีกครั้งก่อนจะพบว่าคอนแทคเลนส์ที่เขาใส่อยู่มันหลุดหายไปแล้ว

     

                 “บ้าจริง” เสียงสบถเบา ๆ เรียกความสนใจของมินโฮที่เดินมายืนข้างอยู่ตรงระเบียง แทฮยอนหรี่ตามองมินโฮใกล้ ๆ

     

                 “เห้ย แทฮยอนเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ?” มินโฮยิ้มแหย ๆ “แปลก ๆ นะเรา”

     

                 “ปะ..เปล่า” แทฮยอนก้มหน้าลงระเบียงต่อไป “พี่นั่นแหละมีอะไรรึเปล่า ?”

     

                 “ก็แค่มีหลาย ๆ อย่างมันคาใจน่ะ... แค่อยากรู้เรื่องของแทฮยอนมากกว่านี้อีกนิด” มินโฮยิ้ม

     

                 “..อืม...” แทฮยอนตอบสั้น ๆ

     

                 “แล้วก็...แค่อยากมีเวลาร่วมกันแบบที่แทฮยอนบอกบ้าง”

     

                 แทฮยอนหัวเราะขึ้น ทำเอามินโฮโวยวายว่าจะหัวเราะทำไม แต่แค่นั้นแทฮยอนก็เปลี่ยนจากหัวเราะเป็นอมยิ้มเล็ก ๆ แก้มป่องของแทฮยอนถูกดึงออกโดยมือหนาของมินโฮ แทฮยอนไม่ได้ปัดป้องอะไรแค่เพียงทำหน้าดุใส่มินโฮเท่านั้น ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง

     

                 “ที่พี่พูดมันก็ถูกนะ... ว่าแต่มีอะไรคาใจล่ะ ?” แทฮยอนพูดพลางยิ้ม

     

                 “ก็เรื่องที่แทฮยอนเคยบอก...” มินโฮปรับเสียงพูดให้เรียบขึ้น “เรื่องมองเห็นอะไรนั่น”

     

                 “เรื่องนั้นน่ะเหรอ” แทฮยอนหัวเราะเบา ๆ  “ก็แค่เรื่องไร้สาระที่อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อเท่าไร”

     

                 “...”

     

                 “แต่ถ้าเล่าให้ฟัง พี่ต้องสัญญานะว่าจะเชื่อทุกคำพูดที่ผมพูด ขอให้เชื่อว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง”

     

                 “พี่สัญญา” มินโฮยกนิ้วก้อยขึ้นให้กับแทฮยอน แทฮยอนยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเกี่ยวก้อยตอบกลับไป

                 “ผมน่ะ... เป็นอะไรสักอย่างที่เขาเรียกกันว่า ซินเนสทีเซีย’...” แทฮยอนยิ้ม “ฮันบินเป็นคนหาข้อมูลมาให้น่ะ”

     

                 “ฮันบินอีกละ” มินโฮพูดพลางทำหน้าเนือย

     

                 “หึงอะดิ ?” แทฮยอนยื่นหน้าส่งยิ้มกวน ๆ ให้

     

                 “...ก็...” มินโฮหลบสายตากวนของแทฮยอน “ช่างมัน ๆ ..  พูดต่อ ๆ”  

     

                

                 แล้วแทฮยอนก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองเป็นให้ฟัง ตั้งแต่สมัยเด็กที่มีเรื่องกับคุณครูจนไปเรียนไมได้ มีเรื่องกับเพื่อนในชั้นเพราะควบคุมอารมณ์ตอนเห็นเพื่อนเกลียดตัวเองไม่ได้  ความรักในสมัยเรียนที่น่าอึดอัดใจเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเสียใจแค่ไหนยามที่ปฏิเสธ จนถึงเรื่องตอนมัธยมที่มีความสามารถเกินไปจนไม่มีอาจารย์คนไหนอยากจะสอนเขา

     

                 มินโฮรับฟังแทฮยอนอย่างเงียบ ๆ ก่อนเลือกจะบีบไหล่แทฮยอนไว้เป็นการปลอบใจที่แทฮยอนต้องเจอชีวิตที่ยากลำบากแบบนั้นมาตลอด แทฮยอนรู้ว่ามินโฮคิดต่างจากฮันบินตรงที่ฮันบินมองว่ามันคือสิ่งมหัศจรรย์  แต่มินโฮเข้าใจเขา มินโฮรู้ว่านี่มันคืออาวุธที่ทำให้เขาแทบจะเป็นโรคประสาท

     

                 แทฮยอนคลี่คลายความสงสัยทั้งหมดว่าทำไมถึงเขาหายไปตอนมัธยมปลาย มินโฮเองไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรที่แทฮยอนเลือกที่จะหนีปัญหา แต่เมื่อได้มองอีกมุมก็ได้คิด แทฮยอนทนแบกรับความรู้สึกของคนอื่นมากว่า 18 ปีและนั่นคงทำให้คนตัวเล็กคนนี้ถึงขีดจำกัด

     

                 แทฮยอนพูดพลางยิ้มให้กับท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีส้มยามเย็น มินโฮรู้สึกดีที่อย่างน้อยเขาได้เห็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นหัวใจจากแทฮยอนบ้าง ไม่ใช่รอยยิ้มที่ยิ้มหวานหรือยิ้มอย่างมีความสุขแต่ทำให้มินโฮรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างน่าประหลาด และมินโฮก็หวังว่าการที่แทฮยอนเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ จะเป็นการระบายความอึดอัดในใจออกมาได้บ้าง

     

                 “เป็นไง ? ฟังแล้วรู้สึกเป็นไงบ้าง ?” แทฮยอนถามยิ้ม ๆ

     

                 “นายนี่น่าสงสารจริง ๆ เลยนะ”

     

                 มินโฮพูดพลางยีหัวแทฮยอนจนเจ้าของเรือนผมสวยทำหน้าบึ้ง ตีผัวะไปทีแขนหนาสองสามทีว่าผมที่เซตเอาไว้มันจะเสียทรงหมด ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน

     

                 “น่าสงสารก็ดูแลกันดี ๆ นะครับ” แทฮยอนแซว

     

                 “ครับ.. จะดูแลอย่างดีเลยครับ” มินโฮตะเบะ “ไปเหอะ... กลับหอได้แล้วล่ะ เย็นแล้ว”

     

                

                 มินโฮก้าวออกไปได้สองสามก้าวเตรียมจะเข้าสู่ตัวตึกเทรน แต่สักพักก็หยุดหันกลับมาเมื่อพบว่าแทฮยอนขมวดคิ้วเพ่งตาแน่น มือขาวเล็ก ๆ จับไว้ที่ชายเสื้อเชิ้ตที่ตั้งใจปล่อยไว้ให้ดูเท่ มินโฮหันไปมองแทฮยอนที่ยังคงขยี้ตาอย่างนั้น แอบได้เสียงเล็กสบถขึ้นเบา ๆ จนมิโฮต้องเอ่ยปากถาม

     

                 “เป็นอะไรรึเปล่า ? แปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

     

                 “พากลับหอหน่อยดิ...”

     

                 “หืม ?”

     

                 “มองไม่เห็นเลยอะ...” แทฮยอนเบะปาก “คอนแทคเลนส์หลุดหายไปแล้ว สองข้างเลย...”

     

     

                 ได้ยินแบบนั้นมินโฮก็หัวเราะออกมา ก่อนจะย้อนกลับไปคว้ามือเรียวมากุมไว้ ลอบมองแทฮยอนที่อยู่ข้าง ๆ ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ มินโฮลอบยิ้มให้กับท้องฟ้าโพล้เพล้สีส้มสวย ยิ้มให้กับช่องว่างระหว่างกันที่ดูจะลดลงมาอีกหน่อย ยิ้มให้กับมือนุ่ม ๆ ที่จับมือของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

     

                 ได้แต่หวังว่า จะได้จับมือกันต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ 




    >> TO BE CONTINUED.

     

     
     

     

    △△△△△

    หายไปตั้งนานเลย ขอโทษด้วยนะคะ
    สอบไฟนอลเทอมหนึ่งเสร็จแล้ว อัพแบบน่ารัก ๆ ให้ชุมฉ่ำหัวใจกันนะ ^^
    #ฟิคแสง



    ANOTHER TALK

    ฟิคเรื่องนี้ดำเนินมาจนถึงตอนที่ 18 แล้ว อีก 2-3 ตอนก็จะจบแล้วค่ะ
    ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่โพดรักมาก ๆ รักจนตั้งใจจะรวมเล่มเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ
    พอดีเจอร้านที่พอจะทำหนังสือจำนวนน้อย ๆ แบบนี้ได้ เลยว่าจะทำค่ะ

    ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจจะรวมเล่มขายนะคะ
    ไม่คิดจะเปิดพรีเป็นเรื่องเป็นราวอยู่แล้ว เพราะคิดว่าความสามารถเรายังไม่ถึงขนาดนั้น
    แต่เรื่องนี้จะรวมเล่มให้กับโพดกับเพื่อนโพดที่ชอบในฟิคเรื่องนี้เหมือนกัน
    และจะรวมเล่มให้คุณ scoopybin ผู้แต่ง este amor (#ฮันบินมีความลับ) ที่เคยส่งเล่มเรื่องนี้ให้โพด
    กับพี่โรส ผู้แต่ง #minamdevout ที่อยู่ข้าง ๆ โพดและวินเนอร์มาตลอดเลยค่ะ ^^

    เพื่อนโพดบอกว่าทำไมไม่ลองถามรีดเดอร์ดูไหมว่าอยากกันรึเปล่า
    โพดไม่ซีเรียสนะคะว่าจะอยากได้กันไหม 555 เพราะยังไงก็ตั้งใจทำไว้อยู่แล้วค่ะ
    ถ้าใครที่รักฟิคแสงเหมือนกัน เมนชั่นมาบอกกันได้ในทวิตเตอร์ หรือจะติดแท็กในทวิตไว้ก็ได้นะคะ
    โพดจะทำเล่มให้ จะไม่เรียกว่าขายแล้วกันนะคะ เรียกว่าช่วยจ่ายค่าพิมพ์กันจะดีกว่า 555

    ในเล่มจะมีการรีไรท์คำผิดและข้อความที่ชวนงงนิดนึง แต่เนื้อหาจะยังเหมือนเดิมค่ะ
    และเพิ่มพาร์ทหลังจากเดบิวต์ไปแล้ว ซึ่งตั้งใจจะลงในเด็กดีหลังจากจบไปแล้วประมาณ 1 ปีค่ะ
    (หรืออาจจะไม่ลงเลยถ้าขี้เกียจ /เอ๊ะ)

    ถ้าเกิดมีคนสนใจในเล่มเรื่องนี้จริง ๆ จะแต่งสเปเชียลของคู่พี่จินอูกับลีดคังให้นะคะ
    โพดจะรวมเล่มส่งโรงพิมพ์ประมาณกลางเดือนม.ค. ถ้ายังไงใครสนใจก็เมนชั่นมาได้นะคะ

    ขอบคุณที่รักฟิคแสง และอ่านฟิคแสงมาจนถึงตอนนี้
    ขอบคุณรอคอยไรท์เตอร์จอมขี้เกียจและชีวิตวุ่นวายคนนี้อัพมาโดยตลอดนะคะ 
    ขอบคุณจากใจจริง ๆ ค่ะ ^_____^



    with love : vizecoren.





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×