ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN] ♡ See the light. {Minho & Taehyun | minam} -end-

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 638
      3
      5 เม.ย. 57

    Chapter 8

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 คิมฮันบินหลบมาตรงระเบียงห้องพักของเขาอยู่คนเดียว สายตาครุ่งคิดกับบทสนทนาระหว่างเขากับแทฮยอนเมื่อกลางวัน ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่คิดสนใจอะไร แต่กับคิมฮันบินนั้นไม่ใช่

     

     

               “ไอ้บ้าเอ๊ย เมื่อไรจะเลิกเถียงวะ ฉันเห็นนะ ! ฉันเห็นหมดทุกอย่างแหละ”

     

     

               “เห็นอะไร ? คนอื่นเขาก็เห็นเหมือนกันหมดแหละ หรือพี่เห็นอย่างอื่น ?”

     

     

     

               “เป็นอะไรแน่วะ ? ไม่อะ พี่เขาไม่ได้เกลียดกูแน่ ๆ แต่เขาจงใจปกปิดอะไรสักอย่าง”

     

                 ฮันบินสบถอย่างหัวเสีย มือขยี้ผมไปจนเสียทรงหมดคราบคิมฮันบินไปเสียสนิท แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อเรื่องที่สามารถรบกวนจิตใจเขาได้มีแค่ไม่กี่เรื่องหรอก เรื่องงาน เรื่องเพลง เรื่องของแทฮยอน และเรื่องคนคนนั้น...

     

                 ร่างสมส่วนตามอายุ 17 ปีของฮันบินก้าวกลับเข้ามาในหอพัก อากาศเย็นแบบนั้นไม่ได้ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมา ขออยู่ในห้องพักที่เปิดฮีตเตอร์อุ่น ๆ ไว้ยังจะดีเสียกว่า ฮันบินก้าวเท้ายาว ๆ ผ่านสมาชิกในทีมที่นั่งกระจุกกันอยู่ตรงโซฟา ก่อนจะโบกมือสองสามทีเป็นเชิงว่าจะเข้านอนแล้ว

     

                 แต่จริง ๆ เขาก็ไม่นอนหรอก

     

                 มือหนาล็อกประตูห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง มือก่ายหน้าผากอย่างที่ทำประจำ ก่อนใบหน้าเต็มไปด้วยพิรุธของนัมแทฮยอนจะลอยมา

     

                

                

                 “พรุ่งนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 แทฮยอนหยิบโทรศัพท์เรือนสวยก่อนจะเสียบหูฟังเข้าไปอย่างที่เคยทำในทุกวัน มือเรียวลากผ่านหน้าจอเลือกเพลงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะกดเล่น สายตากวาดมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นสมาชิกในทีมเล่นกันเสียงดังและดูสนุกสนานดี สีที่เห็นก็ปกติ ไม่ได้รบกวนจิตใจเขาเท่าไรนัก จึงตัดสินใจเดินฟังเพลงสูดอากาศยามเช้าไปก่อนจะเข้าสู่การฝึกฝนที่หนักหน่วง

     

                 Rrrr

     

                 โทรศัพท์ในมือของแทฮยอนส่งเสียงเตือนสั้น ๆ ขึ้นมา เป็นเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นสนทนาที่แทฮยอนเองไม่ค่อยจะได้ใช้มันเท่าไร เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสงสัยเป็นทวีคูณเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่ง

     

                 B.I  sent you a message.

     

              

               แทฮยอนขมวดคิ้วทันที เรื่องที่เขาทำกับฮันบินเมื่อวานมันทำให้ฮันบินเสียใจ เขารู้ดี แต่เขาไม่คิดว่าฮันบินจะยังส่งข้อความอะไรมาหาเขาอีก

     

     

     

                 B.I :  อย่าเพิ่งเข้าตึก ออกมาคุยกันหน่อย ผมรออยู่ที่เดิม

     

     

              

                 คิ้วของแทฮยอนแทบจะเป็นปมอยู่แล้วเมื่อเห็นข้อความแบบนี้จากฮันบิน อ่านดูก็รู้ว่าไม่พอใจแน่ ๆ แต่ให้เขาทำยังไงได้ ในเมื่อเรื่องที่เขาพยายามปกปิดนั้นมันใหญ่เกินกว่าจะให้ใครรู้ โกรธฮันบินจริง ๆ ที่เซ้าซี้ แต่เขาเองก็ไม่ต้องการให้มันบานปลายไปถึงขั้นนี้เหมือนกัน

     

                 แทฮยอนกำลังรู้สึกผิด

     

     

                 Taehyun :  อีก 10 นาทีนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 ขายาวก้าวฉับไปตรงระเบียงหลังตึกที่คุ้นเคย แทฮยอนมองเข้าไปเห็นฮันบินถือฝักบัวรดน้ำต้นไม้อันเล็กรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงนั้น ฝีเท้าชะลอลง แทฮยอนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเข้าไปหาฮันบิน

     

     

                 “มีอะไรกับพี่ ? ถ้าจะมาขอโทษเรื่องเมื่อวานก็ไม่ต้อง”

     

     

                 แทฮยอนพูดตัดบทก่อนเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้อยากมาคุยกับฮันบินสักนิด ทั้งที่ในใจอยากจะขอโทษเด็กตรงหน้านี่ใจแทบขาด ไม่คิดอยากจะให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่ด้วยสถานการณ์และความจำเป็นที่ต้องปกป้องตัวเองของเขา แทฮยอนเลยตวาดฮันบินไปอย่างนั้น

     

     

                 “พี่เป็นอะไร ?”

     

                

                 ฮันบินจ้องหน้าแทฮยอนอย่างไม่วางตา สายตาไม่ยอมแพ้แบบนั้นที่แทฮยอนไม่คิดว่าจะถูกจ้องมาใส่เขาทำให้เขาหวั่นใจ ฮันบินเป็นอะไรแน่

     

                 “นายหมายถึงอะไร ?”

     

                 “พี่มองเห็นอะไร ?”

     

     

                 แทฮยอนนิ่งไป หน้าของเขาชาไปหมด รู้ว่าฮันบินเป็นคนช่างสังเกต แต่ไม่คิดว่าจะเอาเรื่องนี้เก็บไปคิดขนาดนี้ แทฮยอนพนันได้เลยว่า ถ้าเขาพูดแบบนี้กับพี่ซึงฮุน พี่เขาคงไม่มาซักไซ้แน่

     

                 นึกแล้วก็รู้สึกดีไปอีกแบบ

                 หมายความว่าฮันบินใส่ใจเขา

     

     

                 “ไม่ใช่เรื่องที่ฮันบินควรรู้เลย..” แทฮยอนตอบเสียงอ่อน

     

                 “ไม่ได้อยู่ที่ควรรู้รึเปล่าว่ะพี่ เราเป็นครอบครัวนะ มีอะไรเราควรจะคุยกันมั้ย ?” ฮันบินพูดเสียงหนักแน่น

     

                 แทฮยอนไม่รู้ว่าฮันบินคิดว่าเขามองเห็นอะไร คิดว่าจินตนาการของฮันบินมันจะไปไกลถึงขั้นเรื่องที่เขามีความสามารถพิเศษอะไรแบบนั้นรึเปล่า หรือแค่เห็นว่าคนอื่นนินทา เขาไม่รู้อะไรเลย

     

                 ความรู้สึกเหมือนคนทำผิดที่ต้องสารภาพผิด และกำลังจะได้รับการลงโทษ...

     

     

                 “ฮันบิน... ตั้งใจฟังนะ”

     

     

                 “...”

     

     

                 “ไม่ว่าจะเชื่อเรื่องที่พี่เล่าหรือไม่ก็ตาม... ขอให้รู้ไว้ว่า ทั้งหมดคือความจริง...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 “แทฮยอนไปไหนวะ”

     

                 มินโฮที่เดินนำหน้าอยู่หันกลับมาถามทุกคนในกลุ่ม  หลังจากที่เล่นกันมาตั้งนาน เขาลืมไปเลยว่าน้องเล็กของเขาเองก็เดินตามเขามาเหมือนกัน แต่เห็นฟังเพลงอยู่ ก็ไม่อยากไปรบกวนจิตใจอะไรเท่าไรนัก

     

                 เพราะเมื่อคืนหลังจากที่แทฮยอนยกหม้อรามยอนมาให้พวกเขากินกัน ซึงยุนกับจินอูก็กลับมาพอดี แต่แทนที่แทฮยอนจะมากินรามยอนด้วยกัน กลับขอตัวไปอาบน้ำแล้วเข้านอนทันทีไปซะอย่างนั้น มินโฮเองรู้สึกได้ว่าแทฮยอนต้องเจออะไรมาก่อนที่จะกลับมาที่หอแน่ ๆ ก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่เขารู้ว่าแทฮยอนไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้

     

     

                 “เออนั่นดิ เมื่อคืนก็แปลก ๆ นะ” พี่จินอูเองก็เอะใจเหมือนกัน

     

                 “จริง ๆ แทฮยอนก็เป็นแบบนี้แหละ 4 มิติสุด ๆ อะ ฮ่ะๆ” ซึงยุนพูดกลั้วหัวเราะ แต่กลับไม่มีใครเล่นตลกกับเขาด้วย

     

                 “เดี๋ยวก็คงมา คงแวะไปซื้ออะไรกินแหละ” ซึงฮุนพูดคลายความกังวล สายตามองไปยังมินโฮที่ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา

     

     

                 ซึงฮุนเองก็ช่างสังเกตไม่แพ้ฮันบินเหมือนกันแหละ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 ฮันบินประสานมือกันไว้บนราวระเบียง สายตาจ้องไปยังแทฮยอนที่เหมือนกำลังคิดว่าจะพูดเรื่องพวกนี้ออกไปหรือไม่ แทฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง

     

                 “ตกลง ผมจะฟังพี่.. พี่ก็อย่าโกหกผมนะ”

     

                 “อืม.. พี่ไม่โกหกหรอก” แทฮยอนยิ้มบาง  ๆ “แต่ก็ไม่น่าเชื่อจริง ๆ นั่นแหละ”

     

                 “บอกมาเถอะพี่... ใครทำอะไร ใครแอบไปว่าผม หรือ...” ฮันบินร่ายยาว แต่ไม่ทันจะพูดจบ

     

                 “พี่เห็นสีอะ.. เห็นเหมือนสีมาจากตัวคน เห็นเป็นเรือง ๆ ...” แทฮยอนพูดขัดฮันบินขึ้นมา พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

                 “ฮะ ?” ฮันบินหันมาทำตาโตใส่

     

                 “ไม่น่าเชื่อล่ะสิ.. แต่เห็นจริง ๆ นะ” แทฮยอนยิ้มอีกครั้ง “มีคนชอบหาว่าพี่เป็นคนบ้า แต่ก็แปลกที่พี่ยอมรับ ฮ่า ๆๆๆ”

     

                 “มันไม่น่าเชื่อจริง ๆ แหละ” ฮันบินเลียริมฝีปากล่าง บ้าจริง ใครมันจะมาเห็นสีจากชาวบ้านชาวช่อง แล้วเห็นแบบไหนกัน ?

     

                 “ใช่มะ ? เห็นเป็นหลายสีด้วยนะ ตามความรู้สึกของคนนั้นเลย” แทฮยอนก้มหน้า “ใครจะรักจะเกลียดใคร พี่รู้หมดเลย...”

     

     

                 ฮันบินมองหน้าแทฮยอนด้วยแววตาอ่อนโยน เขาเข้าใจว่าทำไมแทฮยอนถึงดูเป็นคนนิ่งเงียบ เขายอมรับเหมือนกันว่าตอนเด็ก ๆ ก็เคยคิดอยากจะอ่านใจใครสักคนได้ อยากรู้ว่าเขาคิดกับเรายังไง แต่เขาลืมคิดไปจริง ๆ ว่า ถ้าได้รู้ว่าคนรอบข้างเกลียดเขา ไม่พอใจเขาขนาดไหน ชีวิตเราจะก้าวเดินต่อไปยังไงนะ...

     

                

                 “พี่แทฮยอนนี่เข้มแข็งจังเลยนะ” ฮันบินยิ้มหวาน “รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรา แต่ก็อดทนไว้ ต้องไม่เป็นอะไร... พี่โคตรเข้มแข็งเลย”

     

                 “นั่นสินะ... แล้วรู้ไหมไม่ใช่แค่คนนะฮันบิน... โน้ตเพลงเอยอะไรเอย พี่เห็นเป็นสี ๆ ในอากาศเลยอะ” แทฮยอนวาดมือขึ้นบนฟ้า พลางยิ้มกว้าง

     

                 ฮันบินตาโตขึ้นอีกครั้ง “เห๊ยแบบนั้นสีก็สวยเว่อร์เลยดิ เพลงเราอย่างเพราะ บอกเลย ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ”

     

                 “ใช่ปะล่ะ... ถึงได้ชอบฟังเพลงไง... เวลาใครรู้สึกแย่ พี่ก็เห็นหมดอะ แล้วก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย ถ้าได้ฟังเพลง ได้เห็นสีสวย ๆ พี่ก็รู้สึกดีขึ้น”

     

                 ฮันบินเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ดูสบายใจขึ้นเยอะยามที่ได้พูดเรื่องที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา เขาสงสัยเหมือนกันว่าแทฮยอนจะปิดความสามารถพิเศษพวกนี้ไว้ทำไม แต่พอมาคิดว่าถ้าเป็นตัวเอง เขาก็คงเลือกที่จะไม่บอกใครเหมือนกัน

     

     

                 เพราะตอนนี้เขาก็ห่วงความรู้สึกของพี่แทฮยอนมาก

                 แทฮยอนก็คงไม่อยากให้ใครห่วง

     

     

     

     

                 “แล้วตอนนั้น... พี่มองเห็นอะไรอะ ?” ฮันบินถามแบบจงใจละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

     

                 แทฮยอนนิ่งไป จะให้เขาพูดว่าเขาเห็นว่าพี่ซึงฮุนโกรธพวกเขาและทีม B มากแค่ไหนอย่างนั้นเหรอ แทฮยอนไม่อยากพูดออกไปเลย เขากลัวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเปลี่ยนไป กลัวเด็กทีม B จะมองพี่ซึงฮุนผู้แสนใจดีที่ตั้งใจจะขอโทษพวกเด็ก ๆ วันนี้อย่างมีอคติไป ...เพราะเขา

     

                 “พี่.. ไม่บอกได้ไหม”

     

                 “ผมสัญญาว่าจะไม่โกรธ... ผมไม่ใช่คนพาล พี่ก็รู้” ฮันบินส่งยิ้มย้ำความมั่นใจให้แทฮยอน

     

                 “เมื่อวานน่ะ... พี่ซึงฮุนโกรธจริง ๆ ... เขาไม่ได้แกล้ง เขาโกรธจริง ๆ”

     

     

                 ฮันบินนิ่งไปชั่วครู่ แทฮยอนใจไม่ดี กลัวว่าฮันบินจะรู้สึกแย่กับซึงฮุน เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็คงจะมีความรู้สึกไม่ดีต่อคนที่เกือบจะอัดหน้าเราแน่

     

     

                 “ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะเป็นคนแบบนั้น” ฮันบินพูดอย่างผิดหวัง

     

                 “จริง ๆ พี่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” แทฮยอนพูดช้า ๆ “ความกดดันมันทำให้เราทำได้ทุกอย่างแหละ”

     

                 “...” ฮันบินเงยหน้ามองฟ้าพลางสบถอะไรในอากาศ แทฮยอนใจเสีย

     

                 “นี่ไง พี่ถึงไม่อยากบอก ...บอกไปฮันบินก็เป็นแบบนี้”

     

     

                 แทฮยอนหมุนตัวจะกลับเข้าไปในตึกเพราะยังไม่อยากคุยกับฮันบินที่ตอนนี้ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดี แทฮยอนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเพราะฮันบินก็ยังคงเป็นฮันบินที่เขามองไม่เห็นอยู่เหมือนเดิม เขาไม่ได้โกรธฮันบิน แค่ยังไม่อยากพูดด้วยตอนนี้

     

     

                 แต่ข้อมือเรียวก็ถูกมือของคนอายุน้อยกว่าคว้าเอาไว้เสียก่อน แทฮยอนชะงักเท้าแต่ไม่คิดจะหันกลับ รอดูว่าฮันบินจะพูดอะไรรึเปล่า เขาคิดไปแบบนี้ แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรมากกว่า

     

                

                 “อย่าเพิ่งไป คุยกันก่อน”

     

     

                 แทฮยอนหันกลับมา เลิกคิ้วเชิงถามว่าเรายังมีอะไรต้องคุยกันอีกเหรอ ฮันบินมองอีกคนด้วยอ้อนวอน และเป็นอีกครั้งที่เท้าของแทฮยอนก้าวเข้าหาฮันบิน

     

                

                 “พี่เห็นรึเปล่าว่าผมรู้สึกยังไง ?”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                 มินโฮนั่งรอแทฮยอนอยู่ในห้องซ้อมอยู่สักพักใหญ่ แต่ก็ไร้วี่แววของที่เขารอจะกลับมาที่ห้องซ้อม มินโฮเองก็ไม่ใช่คนที่ความอดทนสูงเท่าไร จึงขอตัวออกมาตามแทฮยอนให้ไปซ้อมด้วยกัน ทั้งที่ทุกคนก็ปราม ๆ ไปว่าแทฮยอนก็เป็นแบบนี้ ชอบอยู่คนเดียว แต่มินโฮกลับขึ้นเสียงกลับมาว่า แล้วจะให้แทฮยอนอยู่คนเดียวแบบนี้ต่อไปน่ะนะ ? ทุกคนเลยปล่อยให้มินโฮออกมาตามหาแทฮยอน

     

                 ไม่รู้อะไรดลใจให้มินโฮก้าวไปที่แรกคือระเบียงหลังตึก เขาคิดเสมอว่าตรงนั้นเป็นที่ที่ดีที่สุดที่จะคลายเครียดได้ เขาเองก็ไปที่นั่นอยู่บ่อย ๆ และคิดว่าแทฮยอนเองก็คงชอบความร่มรื่นที่เดียวของตึกนี้ไม่ต่างกัน

     

                 แล้วก็เป็นอย่างที่มินโฮคิด เขาเห็นแทฮยอนกำลังพิงระเบียงอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มจางระบายบนใบหน้าทำให้มินโฮใจชื้นว่าแทฮญอนคงไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ก่อนจะเข้าไป เขากลับเอะใจว่าแทฮยอนกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ จึงหลบไปซอกที่คิดว่าพวกเขาสองคนคงจะไม่สังเกตเห็น

     

     

     

                 “นี่ไง พี่ถึงไม่อยากบอก ...บอกไปฮันบินก็เป็นแบบนี้”

     

     

                

                 มินโฮขมวดคิ้วหนา แทฮยอนกำลังคุยกับฮันบิน ? แล้วกำลังคุยเรื่องอะไรกัน ? หัวใจของเขาสั่น ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเขาก็สังเกตได้ว่าฮันบินกับแทฮยอนค่อนข้างจะใส่ใจกันและกันอยู่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นคนที่แทฮยอนไม่ถูกด้วย

     

     

                 “อย่าเพิ่งไป คุยกันก่อน”

     

                

                 มินโฮเห็นแทฮยอนถูกคว้าข้อมือเอาไว้ หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ มินโฮแทบจะสบถด่าหัวใจตัวเองว่าทำไมเป็นอะไรบ้า ๆ แบบนี้ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขาแค่อยากรู้เหตุผลที่ทำให้แทฮยอนกับฮันบินต้องหลบมาคุยกันสองคนแบบนี้

                

                

               “พี่เห็นรึเปล่าว่าผมรู้สึกยังไง ?”

     

     

     

                 “หึ”

     

                 เสียงแค่นหัวเราะออกจากมินโฮอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้าวออกจากตรงไปอย่างไม่หันกลับ

     

     

                

                

     

                 

    >> TO BE CONTINUED.






     

     
     

     

    △△△△△

    มาทิ้งระเบิดไว้อีกครั้ง ชอบจริงทำให้คนเข้าใจผิด 555
    อัพทิ้งไว้ก่อน จะมาขอลาค่ะ ลาไปกาญจนบุรีตั้งแต่วันที่ 5 - 16
    ไปเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบแกทแพทรอบ 2 ต้องไปอ่านไกล ๆ ตัดขาดอะไรงี้ 5555 

    ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งฟิคเค้าไปไหนน้า สัญญาว่ากลับมาจะอัพสามตอนรวด ;w;

    talk ยาวนิดนึง จะบ่นนิดหน่อยว่า เรื่องนี้แพลนไว้ว่าจะมีแค่ 20+ นิด ๆ ตอนเอง
    แต่ตอนนี้ก็ตอน 8 แล้วคนอ่านก็เป็นหน้าเดิม ๆ เลย (ซึ่งคนรู้จักทั้งนั้น ลากมาอ่าน 555)
    ขอบคุณทุกคนที่กดโหวตกดเฟบมาก โดยเฉพาะพี่โรสที่โพดไม่ค่อยจะได้ไปเมนท์เลย 
    น้องพีด้วย เพราะอ่านในไอแพดเมนท์แล้วไม่สวยเลยรอเปิดคอมมาเม้นทีเดียวขอโทาด้วยนะคะ /ไหว้งาม

    รักรีดเดอร์ทุกคนมากเลยนะคะ ฟิคเครียด ๆ แบบนี้มีคนอ่านขนาดนี้เราก็ปลื้มมากจริง ๆ
    เมนท์ของทุกคนเป็นกำลังใจให้โพดนะ ขอบคุณทุกคนมากค่ะ 
    #ฟิคแสง


    with love : vizecoren.



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×