คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 8
Chapter 8
คิมฮันบินหลบมาตรงระเบียงห้องพักของเขาอยู่คนเดียว สายตาครุ่งคิดกับบทสนทนาระหว่างเขากับแทฮยอนเมื่อกลางวัน ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่คิดสนใจอะไร แต่กับคิมฮันบินนั้นไม่ใช่
“ไอ้บ้าเอ๊ย เมื่อไรจะเลิกเถียงวะ ฉันเห็นนะ ! ฉันเห็นหมดทุกอย่างแหละ”
“เห็นอะไร ? คนอื่นเขาก็เห็นเหมือนกันหมดแหละ หรือพี่เห็นอย่างอื่น ?”
“เป็นอะไรแน่วะ ? ไม่อะ พี่เขาไม่ได้เกลียดกูแน่ ๆ แต่เขาจงใจปกปิดอะไรสักอย่าง”
ฮันบินสบถอย่างหัวเสีย มือขยี้ผมไปจนเสียทรงหมดคราบคิมฮันบินไปเสียสนิท แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อเรื่องที่สามารถรบกวนจิตใจเขาได้มีแค่ไม่กี่เรื่องหรอก เรื่องงาน เรื่องเพลง เรื่องของแทฮยอน และเรื่องคนคนนั้น...
ร่างสมส่วนตามอายุ 17 ปีของฮันบินก้าวกลับเข้ามาในหอพัก อากาศเย็นแบบนั้นไม่ได้ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมา ขออยู่ในห้องพักที่เปิดฮีตเตอร์อุ่น ๆ ไว้ยังจะดีเสียกว่า ฮันบินก้าวเท้ายาว ๆ ผ่านสมาชิกในทีมที่นั่งกระจุกกันอยู่ตรงโซฟา ก่อนจะโบกมือสองสามทีเป็นเชิงว่าจะเข้านอนแล้ว
แต่จริง ๆ เขาก็ไม่นอนหรอก
มือหนาล็อกประตูห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง มือก่ายหน้าผากอย่างที่ทำประจำ ก่อนใบหน้าเต็มไปด้วยพิรุธของนัมแทฮยอนจะลอยมา
“พรุ่งนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
แทฮยอนหยิบโทรศัพท์เรือนสวยก่อนจะเสียบหูฟังเข้าไปอย่างที่เคยทำในทุกวัน มือเรียวลากผ่านหน้าจอเลือกเพลงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะกดเล่น สายตากวาดมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นสมาชิกในทีมเล่นกันเสียงดังและดูสนุกสนานดี สีที่เห็นก็ปกติ ไม่ได้รบกวนจิตใจเขาเท่าไรนัก จึงตัดสินใจเดินฟังเพลงสูดอากาศยามเช้าไปก่อนจะเข้าสู่การฝึกฝนที่หนักหน่วง
Rrrr
โทรศัพท์ในมือของแทฮยอนส่งเสียงเตือนสั้น ๆ ขึ้นมา เป็นเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นสนทนาที่แทฮยอนเองไม่ค่อยจะได้ใช้มันเท่าไร เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสงสัยเป็นทวีคูณเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่ง
B.I sent you a message.
แทฮยอนขมวดคิ้วทันที เรื่องที่เขาทำกับฮันบินเมื่อวานมันทำให้ฮันบินเสียใจ เขารู้ดี แต่เขาไม่คิดว่าฮันบินจะยังส่งข้อความอะไรมาหาเขาอีก
B.I : อย่าเพิ่งเข้าตึก ออกมาคุยกันหน่อย ผมรออยู่ที่เดิม
คิ้วของแทฮยอนแทบจะเป็นปมอยู่แล้วเมื่อเห็นข้อความแบบนี้จากฮันบิน อ่านดูก็รู้ว่าไม่พอใจแน่ ๆ แต่ให้เขาทำยังไงได้ ในเมื่อเรื่องที่เขาพยายามปกปิดนั้นมันใหญ่เกินกว่าจะให้ใครรู้ โกรธฮันบินจริง ๆ ที่เซ้าซี้ แต่เขาเองก็ไม่ต้องการให้มันบานปลายไปถึงขั้นนี้เหมือนกัน
แทฮยอนกำลังรู้สึกผิด
Taehyun : อีก 10 นาทีนะ
ขายาวก้าวฉับไปตรงระเบียงหลังตึกที่คุ้นเคย แทฮยอนมองเข้าไปเห็นฮันบินถือฝักบัวรดน้ำต้นไม้อันเล็กรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงนั้น ฝีเท้าชะลอลง แทฮยอนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเข้าไปหาฮันบิน
“มีอะไรกับพี่ ? ถ้าจะมาขอโทษเรื่องเมื่อวานก็ไม่ต้อง”
แทฮยอนพูดตัดบทก่อนเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้อยากมาคุยกับฮันบินสักนิด ทั้งที่ในใจอยากจะขอโทษเด็กตรงหน้านี่ใจแทบขาด ไม่คิดอยากจะให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่ด้วยสถานการณ์และความจำเป็นที่ต้องปกป้องตัวเองของเขา แทฮยอนเลยตวาดฮันบินไปอย่างนั้น
“พี่เป็นอะไร ?”
ฮันบินจ้องหน้าแทฮยอนอย่างไม่วางตา สายตาไม่ยอมแพ้แบบนั้นที่แทฮยอนไม่คิดว่าจะถูกจ้องมาใส่เขาทำให้เขาหวั่นใจ ฮันบินเป็นอะไรแน่
“นายหมายถึงอะไร ?”
“พี่มองเห็นอะไร ?”
แทฮยอนนิ่งไป หน้าของเขาชาไปหมด รู้ว่าฮันบินเป็นคนช่างสังเกต แต่ไม่คิดว่าจะเอาเรื่องนี้เก็บไปคิดขนาดนี้ แทฮยอนพนันได้เลยว่า ถ้าเขาพูดแบบนี้กับพี่ซึงฮุน พี่เขาคงไม่มาซักไซ้แน่
นึกแล้วก็รู้สึกดีไปอีกแบบ
หมายความว่าฮันบินใส่ใจเขา
“ไม่ใช่เรื่องที่ฮันบินควรรู้เลย..” แทฮยอนตอบเสียงอ่อน
“ไม่ได้อยู่ที่ควรรู้รึเปล่าว่ะพี่ เราเป็นครอบครัวนะ มีอะไรเราควรจะคุยกันมั้ย ?” ฮันบินพูดเสียงหนักแน่น
แทฮยอนไม่รู้ว่าฮันบินคิดว่าเขามองเห็นอะไร คิดว่าจินตนาการของฮันบินมันจะไปไกลถึงขั้นเรื่องที่เขามีความสามารถพิเศษอะไรแบบนั้นรึเปล่า หรือแค่เห็นว่าคนอื่นนินทา เขาไม่รู้อะไรเลย
ความรู้สึกเหมือนคนทำผิดที่ต้องสารภาพผิด และกำลังจะได้รับการลงโทษ...
“ฮันบิน... ตั้งใจฟังนะ”
“...”
“ไม่ว่าจะเชื่อเรื่องที่พี่เล่าหรือไม่ก็ตาม... ขอให้รู้ไว้ว่า ทั้งหมดคือความจริง...”
“แทฮยอนไปไหนวะ”
มินโฮที่เดินนำหน้าอยู่หันกลับมาถามทุกคนในกลุ่ม หลังจากที่เล่นกันมาตั้งนาน เขาลืมไปเลยว่าน้องเล็กของเขาเองก็เดินตามเขามาเหมือนกัน แต่เห็นฟังเพลงอยู่ ก็ไม่อยากไปรบกวนจิตใจอะไรเท่าไรนัก
เพราะเมื่อคืนหลังจากที่แทฮยอนยกหม้อรามยอนมาให้พวกเขากินกัน ซึงยุนกับจินอูก็กลับมาพอดี แต่แทนที่แทฮยอนจะมากินรามยอนด้วยกัน กลับขอตัวไปอาบน้ำแล้วเข้านอนทันทีไปซะอย่างนั้น มินโฮเองรู้สึกได้ว่าแทฮยอนต้องเจออะไรมาก่อนที่จะกลับมาที่หอแน่ ๆ ก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่เขารู้ว่าแทฮยอนไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้
“เออนั่นดิ เมื่อคืนก็แปลก ๆ นะ” พี่จินอูเองก็เอะใจเหมือนกัน
“จริง ๆ แทฮยอนก็เป็นแบบนี้แหละ 4 มิติสุด ๆ อะ ฮ่ะๆ” ซึงยุนพูดกลั้วหัวเราะ แต่กลับไม่มีใครเล่นตลกกับเขาด้วย
“เดี๋ยวก็คงมา คงแวะไปซื้ออะไรกินแหละ” ซึงฮุนพูดคลายความกังวล สายตามองไปยังมินโฮที่ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา
ซึงฮุนเองก็ช่างสังเกตไม่แพ้ฮันบินเหมือนกันแหละ
ฮันบินประสานมือกันไว้บนราวระเบียง สายตาจ้องไปยังแทฮยอนที่เหมือนกำลังคิดว่าจะพูดเรื่องพวกนี้ออกไปหรือไม่ แทฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง
“ตกลง ผมจะฟังพี่.. พี่ก็อย่าโกหกผมนะ”
“อืม.. พี่ไม่โกหกหรอก” แทฮยอนยิ้มบาง ๆ “แต่ก็ไม่น่าเชื่อจริง ๆ นั่นแหละ”
“บอกมาเถอะพี่... ใครทำอะไร ใครแอบไปว่าผม หรือ...” ฮันบินร่ายยาว แต่ไม่ทันจะพูดจบ
“พี่เห็นสีอะ.. เห็นเหมือนสีมาจากตัวคน เห็นเป็นเรือง ๆ ...” แทฮยอนพูดขัดฮันบินขึ้นมา พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ฮะ ?” ฮันบินหันมาทำตาโตใส่
“ไม่น่าเชื่อล่ะสิ.. แต่เห็นจริง ๆ นะ” แทฮยอนยิ้มอีกครั้ง “มีคนชอบหาว่าพี่เป็นคนบ้า แต่ก็แปลกที่พี่ยอมรับ ฮ่า ๆๆๆ”
“มันไม่น่าเชื่อจริง ๆ แหละ” ฮันบินเลียริมฝีปากล่าง บ้าจริง ใครมันจะมาเห็นสีจากชาวบ้านชาวช่อง แล้วเห็นแบบไหนกัน ?
“ใช่มะ ? เห็นเป็นหลายสีด้วยนะ ตามความรู้สึกของคนนั้นเลย” แทฮยอนก้มหน้า “ใครจะรักจะเกลียดใคร พี่รู้หมดเลย...”
ฮันบินมองหน้าแทฮยอนด้วยแววตาอ่อนโยน เขาเข้าใจว่าทำไมแทฮยอนถึงดูเป็นคนนิ่งเงียบ เขายอมรับเหมือนกันว่าตอนเด็ก ๆ ก็เคยคิดอยากจะอ่านใจใครสักคนได้ อยากรู้ว่าเขาคิดกับเรายังไง แต่เขาลืมคิดไปจริง ๆ ว่า ถ้าได้รู้ว่าคนรอบข้างเกลียดเขา ไม่พอใจเขาขนาดไหน ชีวิตเราจะก้าวเดินต่อไปยังไงนะ...
“พี่แทฮยอนนี่เข้มแข็งจังเลยนะ” ฮันบินยิ้มหวาน “รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรา แต่ก็อดทนไว้ ต้องไม่เป็นอะไร... พี่โคตรเข้มแข็งเลย”
“นั่นสินะ... แล้วรู้ไหมไม่ใช่แค่คนนะฮันบิน... โน้ตเพลงเอยอะไรเอย พี่เห็นเป็นสี ๆ ในอากาศเลยอะ” แทฮยอนวาดมือขึ้นบนฟ้า พลางยิ้มกว้าง
ฮันบินตาโตขึ้นอีกครั้ง “เห๊ยแบบนั้นสีก็สวยเว่อร์เลยดิ เพลงเราอย่างเพราะ บอกเลย ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ”
“ใช่ปะล่ะ... ถึงได้ชอบฟังเพลงไง... เวลาใครรู้สึกแย่ พี่ก็เห็นหมดอะ แล้วก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย ถ้าได้ฟังเพลง ได้เห็นสีสวย ๆ พี่ก็รู้สึกดีขึ้น”
ฮันบินเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ดูสบายใจขึ้นเยอะยามที่ได้พูดเรื่องที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา เขาสงสัยเหมือนกันว่าแทฮยอนจะปิดความสามารถพิเศษพวกนี้ไว้ทำไม แต่พอมาคิดว่าถ้าเป็นตัวเอง เขาก็คงเลือกที่จะไม่บอกใครเหมือนกัน
เพราะตอนนี้เขาก็ห่วงความรู้สึกของพี่แทฮยอนมาก
แทฮยอนก็คงไม่อยากให้ใครห่วง
“แล้วตอนนั้น... พี่มองเห็นอะไรอะ ?” ฮันบินถามแบบจงใจละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
แทฮยอนนิ่งไป จะให้เขาพูดว่าเขาเห็นว่าพี่ซึงฮุนโกรธพวกเขาและทีม B มากแค่ไหนอย่างนั้นเหรอ แทฮยอนไม่อยากพูดออกไปเลย เขากลัวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเปลี่ยนไป กลัวเด็กทีม B จะมองพี่ซึงฮุนผู้แสนใจดีที่ตั้งใจจะขอโทษพวกเด็ก ๆ วันนี้อย่างมีอคติไป ...เพราะเขา
“พี่.. ไม่บอกได้ไหม”
“ผมสัญญาว่าจะไม่โกรธ... ผมไม่ใช่คนพาล พี่ก็รู้” ฮันบินส่งยิ้มย้ำความมั่นใจให้แทฮยอน
“เมื่อวานน่ะ... พี่ซึงฮุนโกรธจริง ๆ ... เขาไม่ได้แกล้ง เขาโกรธจริง ๆ”
ฮันบินนิ่งไปชั่วครู่ แทฮยอนใจไม่ดี กลัวว่าฮันบินจะรู้สึกแย่กับซึงฮุน เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็คงจะมีความรู้สึกไม่ดีต่อคนที่เกือบจะอัดหน้าเราแน่
“ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะเป็นคนแบบนั้น” ฮันบินพูดอย่างผิดหวัง
“จริง ๆ พี่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” แทฮยอนพูดช้า ๆ “ความกดดันมันทำให้เราทำได้ทุกอย่างแหละ”
“...” ฮันบินเงยหน้ามองฟ้าพลางสบถอะไรในอากาศ แทฮยอนใจเสีย
“นี่ไง พี่ถึงไม่อยากบอก ...บอกไปฮันบินก็เป็นแบบนี้”
แทฮยอนหมุนตัวจะกลับเข้าไปในตึกเพราะยังไม่อยากคุยกับฮันบินที่ตอนนี้ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดี แทฮยอนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเพราะฮันบินก็ยังคงเป็นฮันบินที่เขามองไม่เห็นอยู่เหมือนเดิม เขาไม่ได้โกรธฮันบิน แค่ยังไม่อยากพูดด้วยตอนนี้
แต่ข้อมือเรียวก็ถูกมือของคนอายุน้อยกว่าคว้าเอาไว้เสียก่อน แทฮยอนชะงักเท้าแต่ไม่คิดจะหันกลับ รอดูว่าฮันบินจะพูดอะไรรึเปล่า เขาคิดไปแบบนี้ แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรมากกว่า
“อย่าเพิ่งไป คุยกันก่อน”
แทฮยอนหันกลับมา เลิกคิ้วเชิงถามว่าเรายังมีอะไรต้องคุยกันอีกเหรอ ฮันบินมองอีกคนด้วยอ้อนวอน และเป็นอีกครั้งที่เท้าของแทฮยอนก้าวเข้าหาฮันบิน
“พี่เห็นรึเปล่าว่าผมรู้สึกยังไง ?”
มินโฮนั่งรอแทฮยอนอยู่ในห้องซ้อมอยู่สักพักใหญ่ แต่ก็ไร้วี่แววของที่เขารอจะกลับมาที่ห้องซ้อม มินโฮเองก็ไม่ใช่คนที่ความอดทนสูงเท่าไร จึงขอตัวออกมาตามแทฮยอนให้ไปซ้อมด้วยกัน ทั้งที่ทุกคนก็ปราม ๆ ไปว่าแทฮยอนก็เป็นแบบนี้ ชอบอยู่คนเดียว แต่มินโฮกลับขึ้นเสียงกลับมาว่า ‘แล้วจะให้แทฮยอนอยู่คนเดียวแบบนี้ต่อไปน่ะนะ ?’ ทุกคนเลยปล่อยให้มินโฮออกมาตามหาแทฮยอน
ไม่รู้อะไรดลใจให้มินโฮก้าวไปที่แรกคือระเบียงหลังตึก เขาคิดเสมอว่าตรงนั้นเป็นที่ที่ดีที่สุดที่จะคลายเครียดได้ เขาเองก็ไปที่นั่นอยู่บ่อย ๆ และคิดว่าแทฮยอนเองก็คงชอบความร่มรื่นที่เดียวของตึกนี้ไม่ต่างกัน
แล้วก็เป็นอย่างที่มินโฮคิด เขาเห็นแทฮยอนกำลังพิงระเบียงอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มจางระบายบนใบหน้าทำให้มินโฮใจชื้นว่าแทฮญอนคงไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ก่อนจะเข้าไป เขากลับเอะใจว่าแทฮยอนกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ จึงหลบไปซอกที่คิดว่าพวกเขาสองคนคงจะไม่สังเกตเห็น
“นี่ไง พี่ถึงไม่อยากบอก ...บอกไปฮันบินก็เป็นแบบนี้”
มินโฮขมวดคิ้วหนา แทฮยอนกำลังคุยกับฮันบิน ? แล้วกำลังคุยเรื่องอะไรกัน ? หัวใจของเขาสั่น ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเขาก็สังเกตได้ว่าฮันบินกับแทฮยอนค่อนข้างจะใส่ใจกันและกันอยู่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นคนที่แทฮยอนไม่ถูกด้วย
“อย่าเพิ่งไป คุยกันก่อน”
มินโฮเห็นแทฮยอนถูกคว้าข้อมือเอาไว้ หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ มินโฮแทบจะสบถด่าหัวใจตัวเองว่าทำไมเป็นอะไรบ้า ๆ แบบนี้ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขาแค่อยากรู้เหตุผลที่ทำให้แทฮยอนกับฮันบินต้องหลบมาคุยกันสองคนแบบนี้
“พี่เห็นรึเปล่าว่าผมรู้สึกยังไง ?”
“หึ”
เสียงแค่นหัวเราะออกจากมินโฮอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้าวออกจากตรงไปอย่างไม่หันกลับ
△△△△△
มาทิ้งระเบิดไว้อีกครั้ง ชอบจริงทำให้คนเข้าใจผิด 555
อัพทิ้งไว้ก่อน จะมาขอลาค่ะ ลาไปกาญจนบุรีตั้งแต่วันที่ 5 - 16
ไปเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบแกทแพทรอบ 2 ต้องไปอ่านไกล ๆ ตัดขาดอะไรงี้ 5555
ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งฟิคเค้าไปไหนน้า สัญญาว่ากลับมาจะอัพสามตอนรวด ;w;
talk ยาวนิดนึง จะบ่นนิดหน่อยว่า เรื่องนี้แพลนไว้ว่าจะมีแค่ 20+ นิด ๆ ตอนเอง
แต่ตอนนี้ก็ตอน 8 แล้วคนอ่านก็เป็นหน้าเดิม ๆ เลย (ซึ่งคนรู้จักทั้งนั้น ลากมาอ่าน 555)
ขอบคุณทุกคนที่กดโหวตกดเฟบมาก โดยเฉพาะพี่โรสที่โพดไม่ค่อยจะได้ไปเมนท์เลย
น้องพีด้วย เพราะอ่านในไอแพดเมนท์แล้วไม่สวยเลยรอเปิดคอมมาเม้นทีเดียวขอโทาด้วยนะคะ /ไหว้งาม
รักรีดเดอร์ทุกคนมากเลยนะคะ ฟิคเครียด ๆ แบบนี้มีคนอ่านขนาดนี้เราก็ปลื้มมากจริง ๆ
เมนท์ของทุกคนเป็นกำลังใจให้โพดนะ ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
#ฟิคแสง
with love : vizecoren.
ความคิดเห็น