ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN] ♡ See the light. {Minho & Taehyun | minam} -end-

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 57


    Chapter 2

     

     

     

     

     

                 แทฮยอนกับฮันบินคุยกันอยู่ตรงมุมห้องซ้อมไม่ต่ำกว่า 30 นาทีแล้ว ภาพที่สองคนคุยกันพร้อมรอยยิ้มจางระบายบนใบหนาเรื่อย ๆ เป็นภาพที่ทุกคนเห็นแล้วรู้สึกโล่งใจไปตาม ๆ กัน จะมีก็แต่คิมจินฮวานและคิมบ็อบบี้ สองคิมที่ใจนึงก็รู้สึกดีแต่อีกใจก็พลอยโหวง ๆ ไปไม่ได้

                

                 อาจเป็นเพราะสนิทกันมากเลยหวงล่ะมั้ง
                 เพราะแต่ก่อนเรามีกันแค่นี้ แค่สามคน

     

                 แทฮยอนละสายตาจากฮันบินชั่วครู่ ก่อนจะมองไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ  สีสันสดใสเปล่งมาจากแต่ละคน สีส้มสีชมพูระบายจาง ๆ เต็มห้องไปหมด แทฮยอนรู้สึกโล่งใจ นานแล้วที่เขาไม่ได้มองเห็นใครที่มีสีสันสดใสและดูสบายใจอย่างนี้ ยกเว้นคิมจินฮวานเพื่อนของเขาและคิมจีวอนที่เขามองไม่เห็นสักเท่าไร แต่ช่างเถอะ สองคนนั้นอาจจะคิดอะไรแปลก ๆ อยู่ ดีแล้วที่มองไม่เห็น.. 

                 สรุปแล้วต้องมองเห็นหรือมองไม่เห็นกันแน่ ถึงจะดี ?

     

                 ทุกคนอิ่มแล้วก็แยกย้ายกันซ้อมต่อ จานชามถูกสตาฟเก็บไปเรียบร้อย แม่ของยุนฮยองก็กล่าวลาลูกชายพร้อมน้ำตาคลอ แทฮยอนเลือกที่จะไม่สนใจเพราะถ้าเขาหันไปมองเขาจะต้องเห็นสีน้ำเงินอันเจ็บปวดของคนเป็นแม่แน่ ๆ ยังไงแม่ก็ยังคงเป็นแม่ ต่อให้จากกันนานแค่ไหนก็ไม่มีทางจะตัดความสัมพันธ์แม่ลูกนี้ไปได้หรอก

     

     

                 การซ้อมดำเนินไปเรื่อย ๆ จนนาฬิกาบ่งบอกเวลาช่วงเช้ามืดของอีกวัน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เพราะสลัดที่มีแต่ผักผลไม้แบบนั้นมันไม่ได้เพิ่มพลังงานอะไรให้กับชายฉกรรจ์วัยรุ่นที่ต้องเต้นไม่หยุดเป็นเวลาหลายชั่วโมงอย่างพวกเขาเลย  มือที่มีไฝตรงนิ้วโป้งนาบลงบนหน้าขา เจ้าของมือย่อตัวลงก้มหน้าจนผมยาวตกลงมาปรกหน้า หลังกระเพื่อมแรงแสดงถึงการหายใจหอบอย่างเหนื่อยล้า แทฮยอนเหนื่อย เหนื่อยมากกับการต่อสู้กับอะไรไม่รู้ที่มันไร้จุดหมาย เขาไม่รู้จะต้องทำมันไปอีกจนถึงเมื่อไร เมื่อไรความฝันของเขาจะเป็นจริง    

     

                 “ไปหาอะไรกินกันมั้ย ?!

                
                 เสียงตะโกนลั่นมาจากพี่ซึงฮุนที่เขาคิดว่าเป็นผู้ชายที่น่าจะโชคดีที่สุดแล้ว คนอะไรช่างไม่มีความเครียดในชีวิตเลย เขาดูสดใสตลอดเวลา จนแทฮยอนชอบมองไปที่ซึงฮุนบ่อย ๆ เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เขาสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง

     

                 “ไปดิ ๆ ไป ๆๆๆๆๆ” เสียงอึกทึกของวัยรุ่น 10 คนดังลั่น ก่อนจะเบียดเสียดกันออกไปจากประตูห้องซ้อมแคบ  ๆ

     

                 “บ้าจริง เมื่อไรประธานจะทำห้องใหม่เนี่ย !” และเป็นจุนฮเวที่บ่นขึ้นมา

     

                 เขาเดินตามทุกคนออกไป สายตาจับจ้องไปรอบ ๆ ตลอดเวลา จะว่าเขาไม่สนใจใครเลยมันก็ไม่ใช่ แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาสนใจสิ่งรอบข้างมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ มันทำให้เขาคิดมาก และกลายเป็นคนอ่อนไหวไปได้อย่างน่าประหลาด

                 จุนฮเวหันหลังกลับมาโอบรอบคอของแทฮยอนไว้ เขาตกใจนิดหน่อยที่คนอายุน้อยกว่าเขาถึง 3 ปีมาเล่นหัวเล่นหางกันแบบนี้ แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือหมอนี่ตัวใหญ่กว่าเขาตั้งเยอะ แทฮยอนหน้าเจื่อน แต่จุนฮเวยังคงมองไปข้างหน้าอยู่อย่างนั้น แทฮยอนจึงทำได้แค่ปัดผมที่ปรกลงหน้าขึ้นแก้เก้อไปก่อน

     

     

     

     

                 ร้านต๊อกเล็ก ๆ ตรงตรอกแถวตึกเทรนยังคงเปิดอยู่แม้จะล่วงเลยไปยังเช้าวันใหม่แล้วก็ตาม เด็กหนุ่มทั้ง 10 คนเดินเข้าประจำที่ในร้านรถเข็นเล็ก ๆ แต่ที่นั่งมันย่อมไม่พอสำหรับคน 10 คนแน่นอน 

                

                 “ใครจะเป็นผู้เสียสละ ?”  จุนฮเวพูด

                

                 “ไม่รู้แหละ แต่ฉันอยากให้ยุนฮยองนั่ง” ซึงฮุนพูด

                

                 “ทำไมเป็นผมอะพี่ ?”

     

                 “แม่นายทำสลัดมาให้กินอะ.. วันนี้ก็ เชิญครับบบบ” ซึงฮุนลากเสียงพลางผายมือให้ยุนฮยอง

                 เก้าอี้ตัวที่ 1 จาก 6 ตัวถูกเลือกไปเรียบร้อยแล้ว

     

                 “เหลืออีก 5 เรามีกัน 9 คนก็เข้าสูตร 9! ..”

     

                 “เพ้อเจ้อน่าดงฮยอก” จุนฮเวผลักดงฮยอกให้นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนอดีตประธานนักเรียนจะร่ายคณิตศาสตร์บ้าบออะไรที่เขาไม่เข้าใจอีก

     

                 “ฉันนั่งตัวนึง” คังซึงยุนพูดขึ้นทำเอาทุกคนโวยวาย แต่เจ้าตัวกลับยิ้มกวน ๆ ก่อนจะดึงพี่จินอูคนโตสุดมานั่งด้วยกัน

                 บนตัก...

     

                 แทฮยอนจ้องไปที่ซึงยุนและจินอูด้วยท่าทีสนอกสนใจ ใช่.. สีที่เขาเห็นจากซึงยุนเป็นสีที่เขาเคยเห็นตอนที่มีสาว ๆ มาสารภาพรักกับเขา แทฮยอนยิ้มมุมปาก มันมีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ เขาเห็นมันอย่างชัดเจน ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว  แทฮยอนหัวเราะร่าพร้อมกับทุกคน เพราะพี่จินอูเล่นดิ้นไปดิ้นมาบนตักซึงยุนจนตัวซึงยุนโวยวาย

     

                 “ไปหวานกันไกล ๆ เลยไป ๆ ...แทฮยอนมา ๆ นั่งนี่ ๆ” 

     

                 จินฮวานเหล่สองคนนั้น ก่อนจะเรียกเขาไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวจิ๋วที่มีที่อีกครึ่งหนึ่งพอให้เขากึ่งนั่งกึ่งยืนไปได้ แทฮยอนชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะมองไปยังป้าคนขายต๊อกที่ทำหน้าเจื่อน ๆ แกมขอโทษในความผิดของร้านที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเด็ก ๆ จนเขาต้องรีบทำท่าเชิงว่าไม่เป็นไร ๆ ก่อนจะเดินตรงไปนั่งอย่างรวดเร็ว

     

                 “อะ ๆ ที่เหลือพวกนายนั่งไปแล้วกัน ฉันยืนเอง” ซึงฮุนคนหล่อเก๊กท่าก่อนจะไล่เด็ก ๆ ไปนั่ง

                 จริง ๆ มันก็อยากนั่งอยู่แหละแต่ทำไงได้ เป็นพี่คนโตนี่นา การเสียสละเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ

     

                 “โหพี่โคตรหล่อเลยว่ะ”

                 จุนฮเวนั่งแหมะลงไปบนเก้าอี้อีกตัว แค่เขานั่งคนเดียวก็เต็มหมดแล้ว ฮันบินถอนหายใจก่อนจะเรียกบ็อบบี้ให้มานั่งด้วยกัน พลางพยักพเยิดให้ดงฮยอกที่กำลังจะลุกให้พี่ซึงฮุนนั่ง กลับลงไปนั่งบนเก้าอี้ตัวสุดท้าย

                

                 “ขอโทษนะเด็ก ๆ เดี๋ยวป้าแถมให้เป็นพิเศษเลย”

     

                 เมื่อเห็นว่าทุกคนนั่งกันเรียบร้อยดีแล้ว ป้าคนขายก็ตักต๊อกให้ทุกคนเยอะราวกับซื้อสองชามแล้วมาเทรวมกัน ทุกคนตาโตก่อนจะรีบรับมาทานด้วยความยินดี เรื่องกินเป็นสิ่งสำคัญเสมอและเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้ง 10 สานสัมพันธ์กันได้รองจากเรื่องของดนตรี

                

     

     

                

                 เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เพราะเกมที่ทุกคนเล่นกัน แน่นอนว่าคนมีไหวพริบอย่างแทฮยอนย่อมชนะเสมอ แต่คนที่โดนทำโทษอยู่ประจำกลับเป็นพี่จินอูพี่คนโตสุด กับฮันบินที่ไม่เคยยอมใครไปเสียได้

     

                 “กินเข้าไปเลยพี่จินอู จากใจผมเลยนะ” แทฮยอนคีบต๊อกที่เต็มไปด้วยพริกป่นก่อนจะลุกจากที่นั่งไปหาคนที่แพ้เกมเป็นรอบที่ 4

     

                 “เอาจริงหรอแทฮยอน..” พี่จินอูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนไปยังเพชฌฆาต

     

                 “มา ๆๆๆ ฉันกินเอง” ซึงยุนอยู่ถูกจินอูนั่งตักอยู่กวักมือเรียกแทฮยอนท่ามกลางเสียงโห่ฮิ๊วของคนอื่น ๆ และซึงยุนก็ถูกลงโทษแทนพี่จินอูของเขา ปากของซึงยุนเจ่อแดงไปหมด น้ำตาไหลลงมาด้วยความเผ็ดตรงกันข้ามคนอื่น ๆ ที่น้ำตาไหลจากการหัวเราะอย่างหนัก

     

                 “เผ็ดชะมัดเลยไอบ้า !!!!

     

     

     

                

                

                 “พี่แทฮยอนนี่แสบใช่เล่นเลยน้า” คิมจีวอนเดินถอยหลังเพื่อพูดแซวเขา แทฮยอนหัวเราะกลับ

     

                 “เออจริง ๆ เห็นเงียบ ๆ มาตลอดอะไม่คิดว่าจะเด็ดขนาดนี้  เนี่ย ขำหน้าไอ้ยุนไม่หายเลย ฮ่าๆๆๆๆ” พี่ซึงฮุนช่วยเสริม

     

                 “ไม่ขนาดนั้นหรอกน่ะ นี่ก็พูดกันไป” แทฮยอนโบกมือปฏิเสธ

     

                 เดินไปโหวกเหวกโวยวายตามประสาวัยรุ่นไปเรื่อย ๆ เสียงหัวเราะครื้นเครงดังลั่นถนน มันเป็นเรื่องปกติที่วัยรุ่นเขาทำกัน ใครที่ไม่รู้จักพวกเขาอาจจะจะคิดว่าพวกเขาเป็นเด็กแสบปลายแถว ที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องแน่ ๆ แต่นั่นไม่ใช่เลย เพราะพวกเขาต้องแบกภาระและแรงกดดันมากมายจากคนรอบตัว

                

                 และต้องเดินตามหาความฝันไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงเมื่อไร

                 เดินมาจนถึงหอพักแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ จนพี่คนโตอย่างจินอูต้องเอ่ยปากห้ามปรามเด็ก ๆ ว่านี่มันเข้าเขตหอพักแล้ว เดี๋ยวจะมีรองเท้าจากชั้น 3 ปาลงมาใส่หัวพวกเขาได้ แทฮยอนหัวเราะชอบใจมุกพี่จินอู ก่อนจะเหล่มองไปทางฮันบิน แล้วเขาก็เห็นว่าจินฮวานเองก็จ้องฮันบินไม่วางตาเหมือนกัน

                

                 ทุกคนล้วนมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้แทฮยอนสนใจ เวลาทุกคนยิ้มมันทำให้โลกนี้สดใส ไม่ว่าจะบ๊อบบี้ที่ยิ้มจนตาปิด โชว์ฟันกระต่ายคู่ให้เห็น หรือพี่ซึงฮุนที่หัวเราะเสียงแหลม พี่จินอูที่เอ๋อกับมุกก่อนจะหัวเราะปิดท้ายใคร ๆ หรือคิมฮันบินที่ยิ้มกวน ๆ เก็กท่าเท่ตลอดเวลาก็ตาม แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ เขาชอบมองทุกคน แต่จินฮวานชอบมองฮันบิน

     

                 “พี่ ไม่ขึ้นห้องเหรอ ?” ฮันบินเดินมาโบกมือตรงหน้าทำลายความคิดแทฮยอน เขาส่ายหัวน้อย ๆ

                 “อือ อยากเดินเล่นอีกหน่อย อากาศดี ชอบ”

                 “เหมือนกันเลย ไปเดินเล่นกัน”

     

                 แทฮยอนเดินตามฮันบินอย่างช้า ๆ ในสมองประมวลผลเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างจินฮวานฮันบิน เขารู้สึกแน่ ๆ ว่าจินฮวานต้องคิดอะไรกับฮันบิน แต่เขาไม่แน่ใจ เขามองเห็นไม่ชัดแบบพี่จินอูและซึงยุน และที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่เคยมองเห็นฮันบิน เขาทำตัวไม่ถูก ในเมื่อฮันบินเองก็ยังมีท่าทีสนใจเขาอยู่แบบนี้ อีกคนก็เพื่อน อีกคนก็น้อง  ทำตัวยากจนไม่รู้จะทำยังไง

     

                 “พี่ คิดอะไรอยู่เนี่ย มานี่มาๆ” มือหนาคว้าข้อมือแทฮยอน ก่อนจะก้าวเท้าเร็วขึ้นจนกลายเป็นวิ่ง

     

                 “เดี๋ยวสิ ?! ทำอะไรน่ะ !” แทฮยอนตวาดเสียงกลาง ๆ เขาตกใจที่อยู่ฮันบินก็มาฉุดเขาให้วิ่งไปด้วยกันแบบนี้

     

                 “วิ่งไง” เจ้าของคำตอบหันกลับมายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะวิ่งต่อไป

     

     

                 ท้องฟ้าเริ่มสาง บรรยากาศรอบข้างเริ่มเป็นสีส้ม ถนนเงียบเริ่มมีรถรา ผู้คนเริ่มออกมาทำงาน เริ่มต้นชีวิตที่เร่งรีบในวันทำงานกลางสัปดาห์แบบนี้ แต่ฮันบินยังคงวิ่งอยู่อย่างนั้น อาจจะเปลี่ยนไปตรงตำแหน่งมือของฮันบิน... จากจับข้อมือก็เลื่อนไปจับมือเขาแล้ว


                 “จะวิ่งไปถึงไหน ?” แทฮยอนตะโกนถาม

     

                 “วิ่งไปเรื่อย ๆ วิ่งไปจนกว่าพี่จะหายคิดมากสักที” ฮันบินพูดด้วยน้ำเสียงสดใส

     

                 เพียงเท่านั้นหน้าของแทฮยอนก็เริ่มร้อนขึ้นมา เมื่อรู้ตัวว่ามือของเขากับฮันบินจับกันอยู่ ใบหน้าของแทฮยอนก็ยิ่งร้อนฉ่า แทฮยอนอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะออกวิ่งจนมาวิ่งอยู่ข้างฮันบิน คนข้าง ๆ ส่งยิ้มหวานพร้อมกับบีบมือเบา ๆ เป็นเชิงไม่ให้ปล่อยไปไหน

     

                 ฮันบินเริ่มลดความเร็วลง ก่อนจะหยุดเมื่อฮันบินพาวนกลับมาจนถึงหน้าหอพักของพวกเขาอีกครั้ง แทฮยอนทรุดตัวลงนั่งริมฟุตบาท ก่อนจะทำหน้ายู่ใส่ฮันบิน

     

                 “พาวิ่งนี่ไม่คิดว่าจะเหนื่อย ?”

     

                 “ไม่รู้ดิ ก็ปกติผมก็วิ่งเวลาเครียดทุกทีอะ” ฮันบินพูดกลั้วหัวเราะ

     

                 “แปลกดีนะนายเนี่ย” แทฮยอนหัวเราะตาม

                 “ก็เป็นคนแปลก ๆ แบบนี้แหละ”

                 “แปลกจริง ๆ แหละ” แทฮยอนพูดตามความคิดตัวเอง แปลกทั้งความหมายตรงและความหมายทางอ้อม

                 “แล้วนี่เป็นไงบ้าง ?” ฮันบินถามกลับ

                 “ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” แทฮยอนส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้

                 “อย่าโกรธนะ ถ้าผมจะถามว่า คิดถึงเรื่องอะไรอยู่ ?”

                 แทฮยอนก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจสั้น ๆ เข้าไป และเงยหน้ามาสบตากับคนถามอีกครั้ง

                 “เรื่องนาย”





    >> TO BE CONTINUED.

     

     
     

     

    △△△△△

    ขอโทษที่มาอัพช้าแบบมาก ๆ เลยนะคะ ม.6 ก็แบบนี้ แกทแพทเพิ่งผ่านไป ข้อสอบไม่ใยดีฉันเลย..
    หลังจากนี้จะมาอัพบ่อยขึ้น แล้วก็ยังยืนยันว่า ฟิคเรื่องนี้มินัมค่ะ 5555

    #ฟิคแสง

    with love : vizecoren.





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×