คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
Chapter 1
อยากประสบความสำเร็จก็ต้องพยายาม นั่นเป็นสิ่งที่เขาถือมาตลอด
คลิปร้องเพลงด้วยท่าทางแปลกของเขาไม่ได้ลดความน่าสนใจลง น้ำเสียงของเขาดึงดูดให้คนในวายจีเอนเตอร์เทนเมนท์เรียกเขาเข้าไปพบทันที การทำงานได้เริ่มต้นขึ้น
เห็นโน้ตสีสวยๆ ก็อยากจะแต่งเพลงมาสักเพลง แต่งไว้ก็อัพลงซาวด์คลาวด์เรื่อยเปื่อย เด็กเทรนไม่ได้มีแค่คนเดียว เขาต้องฝึกฝนตัวเองต่อไป ถึงมั่นใจว่าเก่ง หรือพิเศษสักแค่ไหนก็ตาม
ชีวิตการทำงานไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เด็กเทรนที่มีกันอยู่ไม่กี่คนเพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อย ๆ จากที่เขาก็เข้ามาช้าอยู่แล้ว ยังมีคนเพิ่มขึ้นมาอีก นั่นหมายความว่า จะต้องมีคนที่มีความสามารถมากพอกับเขาอยู่อีกเยอะ และเขาต้องทำความรู้จัก
ก่อนหน้านี้ก็ได้ทำความรู้จักกับคนที่อยู่ห้องซ้อมข้าง ๆ อย่างคิมจินฮวาน และได้ตกลงที่จะเป็นเพื่อนกัน ทั้งที่จินฮวานเกิดก่อนเขาหลายเดือนอยู่ แต่กลับดูน่ารักและเหมือนเด็ก ๆ หรือเป็นตัวเขาเองที่ชอบทำตัวเหมือนมีปมในใจตลอดเวลา
ก็เขามีปมจริง ๆ
คิมจินฮวานมีเด็ก ๆ ที่อยู่ด้วยกันมานานอยู่สองคน ที่จริงก็ไม่ได้เด็กอะไรมากมายเพราะอายุก็ต่างกันแค่ปีสองปี แต่ความเก่งกาจของสองคนนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น อย่างบ๊อบบี้ที่มาจากอเมริกาก็เก่งภาษาเหลือเกิน สไตล์การแรปอะไรเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไรเพราะตัวเขาชอบที่จะร้องเพลงมากกว่า แต่กับอีกคนที่ทำงานในวงการตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่ประธานยางหมายมั่นปั้นมือและถูกอกถูกใจนักหนา กลับดึงความสนใจของเขาได้ ใช่ คิมฮันบินทำให้เขาสนใจ
คิมฮันบินเป็นคนแรกที่เขามองไม่เห็น จริงๆ มันเป็นเรื่องปกติที่จะมองไม่เห็นในบางครั้ง แต่นี่ไม่ นัมแทฮยอนอยู่กับฮันบินหลายเดือน แค่กลับไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ในขณะที่คนอื่นที่ซ้อมมาด้วยกันทั้งคังซึงยูน คิมจินอู อีซึงฮุน เพื่อนของเขาคิมจินฮวาน ไม่เว้นแม้แต่บ๊อบบี้ หรือคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างกูจุนฮเวเขาก็เห็นได้ในสองสามวัน
ส่วนลึกของจิตใจเริ่มสั่งให้นัมแทฮยอนอยู่ห่างคน ๆ นี้ไว้ให้มาก เพราะมองไม่เห็น เลยไม่รู้ว่าคิดอะไร อยากรู้ว่าจะมีพิษมีภัย หรือสามารถเข้าถึงคน ๆ นี้ได้ไหม แต่วันเวลาก็ผ่านไปเรื่อย ตัวเขาก็ยังไม่เห็นสีอะไรจากคิมฮันบิน
แต่สิ่งหนึ่งที่คิมฮันบินแตกต่างออกไปคือ ถึงสมองที่ประมวลผลมาอย่างดีจะสั่งให้เขาอยู่ห่าง ๆ ผู้ชายคนนี้ไว้ แต่กลายเป็นว่าจะต้องมีสถานการณ์เกี่ยวข้องกันอยู่ร่ำไป และสถานการณ์เหล่านั้นทำให้แทฮยอนเริ่มสัมผัสได้ว่าฮันบินไม่ใช่คนเลวร้าย แต่อาจจะเป็นเพราะต้องอดกลั้นไม่ให้แสดงอารมณ์ออกมา ทำให้เขาไม่มีทางมองเห็น
แต่มันก็เป็นแค่เพียงการมองโลกในแง่ดี
เพราะที่จริงแล้วนัมแทฮยอนเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมากถึงมากที่สุด
ผมสีทองแปรเปลี่ยนไปเป็นสีเงิน ผมหน้าม้าแปรเปลี่ยนไปเป็นผมแสกกลาง
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของนัมแทฮยอน รอยสักที่ท้องต้นแขนซ้ายยังคงฝากรอยแดงไว้รอบ ๆ เขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาที่อยากจะทำตัวเท่เข้าไว้บ้าง Basquiat เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ความคิดและจินตนาการของเขามันทำให้แทฮยอนรู้สึกดี อย่างน้อยก็เจอคนที่คิดอะไรแปลก ๆ เหมือนกัน ชื่อ Jean Michel Basquiat จึงปรากฏที่แขนของเขา
ประกอบกับนิสัยที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครของเขาทำให้เขาดูเป็นมนุษยสัมพันธ์ต่ำ และออกไปทางติดลบกับคิมฮันบิน นี่กลายเป็นประเด็นใหญ่ในสายตาหลาย ๆ คนที่จับจ้องเขาอยู่
“ดูเป็นเด็กแรง ๆ นะ”
นี่คือเสียงที่สตาฟบางคนพูดถึงเขา
ชีวิตเด็กเทรนดำเนินจากวันเป็นเดือน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือความสัมพันธ์ของเขากับฮันบิน ยังคงไม่พูดอะไรต่อกันก็ยังคงเป็นแบบนั้น ถ้าจะต้องเจอกันก็จะหลบเลี่ยงด้วยการใส่หูฟัง ไม่ก็แกล้งหลับไปทั้งที่เหงื่อท่วมตัวหลังจากซ้อมเสร็จ พยายามทำทุกอย่างให้ชีวิตเขาไม่พัวพันกับคิมฮันบิน แต่ก็มีแต่คิมฮันบินเท่านั้นแหละที่มาสนใจเขาเอง
“พี่แทฮยอนเต้นท่อนนี้แปลก ๆ นะ”
แทฮยอนหันขวับไปทางคนข้างหลัง หน้าตาดูกวน ๆ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความประหม่าแผ่มาจากเด็กคนนี้
“อืม”
หลังจากวันนั้นฮันบินก็ไม่แม้แต่จะเฉียดกรายมาหาเขาอีกเลย ไม่แม้แต่จะมองหน้ามาด้วยซ้ำไป เขาเองก็พอรู้สาเหตุอยู่พลางอดคิดไม่ได้ว่าการที่เขาสร้างเกราะป้องกันให้ตัวเองอยู่นั้น มันกลายเป็นอาวุธทำร้ายจิตใจใครหรือเปล่า
ถึงจู้ว่าคิมฮันบินเป็นคนดี แต่ความกลัวทำให้ความสัมพันธ์เริ่มเป็นไปในทางที่ไม่ดี ทุกคนที่เป็นห่วงแทฮยอนและฮันบิน แม้แต่ซงยุนฮยองและคิมดงฮยอกที่เข้ามาไม่นานก็ยังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกมาคุระหว่างสองคนนี้
แล้วมีหรือที่นัมแทฮยอนจะไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอะไรอยู่ ?
ก็มีใครลองมาเป็นแบบเขาบ้างสิจะได้รู้...
“เกลียดฮันบินเหรอ ?”
พี่ใหญ่สุดในบรรดาเด็กเทรนเปิดประเด็นถามเขาอย่างตรงไปตรงมาระหว่างเดินกลับหอพัก
“เปล่านี่ครับ”
“แล้วจะหลบหน้าอะไรหนักหนา”
“ผมแค่รู้สึกแปลก ๆ กับเขา”
“ไม่รู้นะว่าฮันบินไปทำอะไรให้นายน่ะ แต่จริง ๆ เขาเป็นคนดีมากเลยนะ”
จินอูพูดพลางยิ้มให้กับแทฮยอนทุกประโยค ผิดกับตัวเขาที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรผ่านทางสีหน้าเลยสักนิด
ถ้ามันถึงขั้นที่ทุกคนจะต้องมาคิดมากและพลอยเดือดร้อนเรื่องเขากับฮันบินขนาดนั้น ไม่พ้นที่ตัวเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง แทฮยอนคิดอย่างนี้ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มหาหนทางที่จะเข้าไปพูดคุยกับฮันบินบ้าง แต่เขาไม่คนที่มนุษยสัมพันธ์ดีขนาดนั้น จนตอนนี้เขาเริ่มโทษการมองเห็นบ้า ๆ นี้แล้วว่าเป็นตัวปิดกั้นเขาจากทุกสิ่งทุกอย่าง และทำให้เขาไม่สามารถจัดการตัวเองได้ในกรณีแบบนี้
‘ป่านนี้คงจะเกลียดเราไปแล้วมั้ง’
แทฮยอนนั่งพิงกระจกบานใหญ่ ลมหายใจแรงพ่นจากจมูกอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งเหนื่อย ทั้งคิดมาก ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไง สิ่งที่คิดได้ตอนนี้คือต้องทำความเข้าใจกับฮันบินไปก่อน เขาเชื่อว่าฮันบินเป็นคนดี แต่เขาต่างหากที่เป็นคนไม่ดี
มินิมาร์ทอยู่ห่างไปข้างหน้าเพียงไม่กี่เมตร แต่แทฮยอนยังไม่ละสายตาออกจากโทรศัพท์ของเขา คาคาโอทอล์กของน้องชายเขาเด้งเตือนขึ้นมาเป็นระยะ ๆ นี่เป็นเวลาเดียวเท่านั้นที่เขาจะสามารถใช้โทรศัพท์ได้อย่างนี้
คิมฮันบินเดินออกจากมินิมาร์ทพร้อมกับถุงขนมมากมายในมือ อันเป็นผลมาจากการแพ้พนันเกมกับจุนฮเว พูดถึงแล้วก็อารมณ์เสียกับเด็กบ้านี่จริง ๆ เล่นอะไรก็ไม่เคยชนะจุนฮเวสักอย่าง แค่ขนาดตัวแค่ความสูงเขาก็แพ้แล้ว ยังจะเล่นเกมแพ้เจ้าบ้านี่อีก
มือทั้งสองข้างถือถุงขนมอย่างเงอะงะ ๆ ฮันบินสบถไปร้อยกว่าคำภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่นาที เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นแรปเปอร์ระดับโลกขึ้นมาก็วันนี้ พูดไปก็พลางหิ้วขนมน้ำที่หนักหนาสาหัสไป ก้มมองแล้วก้มมองอีกว่าขนมหลุดมือไหม พลางพูดกับพระเจ้าไปว่าถ้ามีใครสักคนมาช่วยก็คงดีสินะ
“ช่วยไหม ?”
เป็นนัมแทฮยอนที่พระเจ้าส่งมาช่วยเขา
มือหนายื่นถุงขนมบางส่วนให้กับแทฮยอน ส่วนอีกคนที่ไม่ทันจะเก็บโทรศัพท์ก็รับไว้อย่างทุลักทุเล แทฮยอนส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเล็กน้อยเพราะติดนิสัยหงุดหงิดง่าย ฮันบินมองคนตรงหน้าที่รับขนมเขาไปอย่างรู้สึกลำบากใจอยู่ในที
“ถ้าลำบากก็ไม่ต้อง..”
“ไม่เป็นไร สบายมาก” แทฮยอนพูดสวนขึ้นมาทั้งที่ฮันบินยังพูดไม่จบ
ความเงียบเกิดขึ้นตลอดทางที่เดินมาด้วยกัน แทฮยอนที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรด้วยซ้ำแต่ต้องกลับเพราะช่วยฮันบิน ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์เสีย ไม่ได้โกรธฮันบินแต่โกรธตัวเองที่ทำอะไรโง่ ๆ ไป มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมาแถมยังเสียเวลาเปล่าอีก
“พี่ยังไม่ได้ซื้อของอะไรเลยนี่นา ไปกินด้วยกันก็ได้นะ”
คิมฮันบินพูดเหมือนเข้าไปแอบดูความคิดในหัวแทฮยอนมายังไงอย่างนั้น แทฮยอนหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะตอบ
“ก็ดีนะ ว่าแต่ซื้อมาทำไมเยอะแยะ”
“เล่นเกมแพ้จุนฮเวมันน่ะสิ คนอื่นเลยเอาใหญ่เลย ให้ซื้อนี่นั่นมาเต็มเลย”
“เล่นอะไรกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้นะ” แทฮยอนหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
เดินมาไม่นานก็ถึงตึกเทรน แทฮยอนกับฮันบินแยกย้ายกันเพราะแทฮยอนเองอยากจะพักผ่อนแล้ว จึงปฏิเสธการเข้าร่วมวงขนมไปก่อน ในมือมีขนมติดมือไปเล็ก ๆ น้อย พอให้คนตัวเล็กอย่างเขาทานเป็นมื้อดึกไปได้ แทฮยอนยิ้มน้อยให้กับความสัมพันธ์ที่เขาคิดว่ามันคงดีขึ้นมานิดนึงแล้ว แต่เขาไม่เคยรู้เลย...
คิมฮันบินยังคงหยุดอยู่ตรงนั้น พร้อมกับรอยยิ้มหวานในความมืดที่ไม่มีทีท่าว่าจะจางไปง่าย ๆ
“ทุกคน ! วันนี้แม่ฉันทำสลัดมาให้ มากินด้วยกันสิ !”
ซงยุนฮยองวิ่งมาเรียกทุกคนจากห้องซ้อม จากสีหน้าเหนื่อยล้าเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มในทันที เสียงอึกทึกของชายหนุ่ม 10 คนในห้องซ้อมไม่ใช่เรื่องเล็ก ก่อนที่กล่องสลัดใบโตจะถูกยกมาโดยทีมงาน ตามด้วยแม่ของยุนฮยอง
“ทานกันให้อร่อยนะ”
รอยยิ้มใจดีแจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ รุ่นลูก สลัดกล่องใหญ่ถูกตักแบ่งเป็นจานเล็ก ๆ ฮันบินรับไว้สองจานก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยัง...
นัมแทฮยอน
“ผมหยิบมาเผื่อ”
ฮันบินยิ้มมุมปาก รักษาภาพพจน์คิมฮันบินคนกวนไว้ไม่เลิก แทฮยอนมองก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ
“ขอบใจนะ นั่งกินด้วยกันตรงนี้แหละ”
พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยเลยทำให้แทฮยอนรู้ว่าฮันบินไม่ใช่คนประหลาดอะไรเลย ก็เป็นแค่เด็กผู้ชายวัย 17 คนนึงที่มีชีวิตไปวัน ๆ ติดเกม ติดเพื่อน ถึงจะยังไม่เคยมีแฟนเพราะต้องทำงานตั้งแต่เด็ก แต่อย่างน้อยก็ยังเคยมีความรัก และตอนนี้ผู้หญิงที่ฮันบินรักที่สุดคือน้องสาวที่ห่างกับเขาถึง 15 ปีอย่างฮันบยอล แทฮยอนยิ้มไม่หยุดเมื่อฮันบินพูดถึงน้องสาวที่เขาบอกว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกแล้ว
“เออพี่... ผมถามอะไรหน่อยดิ”
“อะไรเหรอ ?”
“ทำไม.. พี่ถึงพยายามหลบหน้าผมตลอดเลย”
แทฮยอนหยุดกึก เขาไม่รู้จะต้องตอบไปยังไง ไม่ใช่ว่าเขาหาคำตอบไม่ได้ หรือคำตอบของเขามันไม่มีเหตุผล แต่คำตอบของเขามันมีเหตุผลในตัวของมันมากเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างฮันบินจะเข้าใจน่ะสิ ฮันบินไม่ควรรู้เรื่องนี้ ทุกคนไม่ควรรู้เรื่องนี้ เพราะจากที่มันแย่อยู่แล้ว มันอาจจะแย่ลงถ้ามีใครสักคนเกิดรู้เขามีอะไรสักอย่างที่คล้ายพลังพิเศษ ถึงเขาจะไม่เคยเชื่อเลยว่ามันคือพลังที่ดี
“แค่... ไม่ค่อยชินน่ะ... แต่ตอนนี้สบายใจได้แล้วนะ ฉันโอเคแล้วล่ะ”
“รู้ไหมตอนแรกอะ ผมคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีไปเลยนะเนี่ย”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น... แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”
“ทำไม...”
“นายน่ารักกว่าที่ฉันคิดเยอะ”
>> TO BE CONTINUED.
△△△△△
#ฟิคแสง
with love : vizecoren.
ความคิดเห็น