คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3
“เด็กคนนั้นนะ… คิดว่าจะหลบลีกเขาได้จริงๆนะหรือ”
หลังจากสิ้นประโยคของท่านผู้ท่านนางก็ไม่ได้ตอบอันใด ยืนอยู่กับที่ไม่นานก็เดินออกมา ไม่แม้แต่จะหันหลังไปบอกลาผู้อาวุโสด้วยซ้ำ
ตอนนี้นางได้เดินออกจากป่ามาสักพักแล้ว แต่ก็ยังสลัดคำพูดบนผานั่นไม่ได้ เดินไปอีกไม่ไกลก็เข้าเมืองฉี จริงอยู่ที่ว่าป่าทมิฬเป็นป่าที่อันตรายแต่มันก็ไม่ได้ใกลจากที่อยู่อาศัยมากนัก
ถึงจะเป็นป่าที่น่ากลัวแต่พวกนายพราน ชาวบ้านธรรมดาๆก็ชอบมาเก็บสมุนไพรหรือไม่ก็ล่าสัตว์บริเวณนอกรอบชายป่าไปขาย ถึงแม้ไม่ได้เข้าไปข้างในแต่บริเวณรอบๆก็มีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย
ไม่นานก็ถึงด่านตรวจก่อนเข้าเมืองมีเกวียนขนส่งสินค้าที่เข้าออกมาไม่น้อยเลย ที่ออกจากเมืองเดินสวนกลับนางไปก็ดูท่าเป็นกลุ่มจอมยุทธ์ มีอยู่หลายกลุ่มเลยนางคาดว่าคงกำลังเดินทางไปป่าทมิฬเป็นแน่ คิดได้อย่างนั้นนางก็กระหยิ่มในใจ
ทำไงดีล่ะสหาย ของที่พวกเจ้าทั้งหลายอยากได้นะ ข้าเอามันมาแล้วสิ แต่เข้าป่าไปพัฒนาฝีมือเสียหน่อยก็ไม่เสียหายหรอกนะ
คิดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับชูป้ายประจำตัวต่อทหารเฝ้าประตูเมื่อถึงตาของเธอ
เมืองฉีเป็นเมืองใหญ่มีเศรษฐกิจที่ดี ส่วนเจ้าเมืองเท่าที่นางลองดูแล้วก็ไม่แย่ทีเดียว เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับบรรยากาศคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าขายเรียงรายกำลังร้องเรียกลูกค้าไม่หยุดหย่อน เพราะเป็นช่วงเก็บดอกเพลิงจวีฮวาจึงมีคนเดินทางมาที่เมืองฉีเยอะเป็นพิเศษ
โรงประมูลตระกูลฟ่างก็ยิ่งคึกคักเพราะในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดประมูล ผู้ที่หาของจากภายในป่ามาได้จึงถือโอกาสเอาของเข้าร่วมประมูลได้เลย
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนางรวมอยู่ด้วย
แต่นางไม่คิดจะเอาดอกเพลิงจวีฮวาไปร่วมประมูลด้วยหรอกนะ ถึงมันจะทำเงินให้นางไม่น้อยเลยก็ตามที
เดินอย่างอารมณ์ดีเข้าโรงเตี๊ยมที่นางจองไว้ใช้พักตั้งแต่มาอยู่ก่อนเข้าป่า นับดูก็เป็นวันที่เจ็ดที่นางมาอยู่เมืองนี้ เดินผ่านเสี่ยวเอ้อที่ทำต้อนรับนางอยู่หน้าร้านก็สั่งให้เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เนื่องจากนางจะอาบน้ำเสียหน่อยและคงพักหลับจนกว่าจะถึงมื้อเย็น
ตื่นมาตอนที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า บิดขี้เกียจ ลุกล้างหน้าที่อ่างน้ำที่บอกให้เสี่ยวเอ้อเตรียมไว้ให้ก่อนพัก ก่อนจะเดินลงมาทานอาหารบริเวณด้านล่างโรงเตี๊ยม แต่กลับไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ
คนเยอะก็ยินดีกับเถ้าแก่ด้วยอยู่หรอก แต่มันช่างน่ารำคาญและอึดอัดเสียจริง เวลาที่ไม่ได้โต๊ะเนี่ย
สุดท้ายก็ต้องออกมาเดินข้างนอกเพราะภายในโรงเตี๊ยมคนค่อนข้างเยอะ แต่ก็นั้นแหละภายนอกนั้นคนก็ไม่ต่างกันแต่กลับเยอะกว่าด้วยซ้ำ เบียดจนแน่นถนน เพราะเพลิงจวีฮวาจริงๆที่ทำให้เป็นแบบนี้
อยากตะโกนออกไปเสียจริงว่าของที่พวกเจ้าอยากได้นักเนี่ยมันอยู่กับข้าแล้ว
การเฝ้ามองพวกเขาจากที่ไกลๆกลายเป็นสิ่งที่ชอบเสียมากกว่า ไม่ใช่เสียงดังน่ารำคาญ เบียดเสียดกันจนอึดอัดเช่นนี้ จึงตัดสินใจเหมาหมั่นโถวทั้งร้าน ไปนั่งกินบนกิ่งไม้ต้นสูงใหญ่ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณโรงเตี๊ยม ผู้คนไม่พลุกพล่านสามารถมองเห็นได้กว้าง และที่สำคัญผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นตนได้ด้วย
แต่ก็เหมือนอะไรๆก็จะไม่เป็นดั่งใจหวัง จากที่ได้นั่งเงียบๆชมนกชมไม้อย่างมีความสุข กลับมีคนพูดมากน่ารำคาญเดินเข้ามาบริเวณใต้ต้นไม้ที่นางนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลโดยไม่รู้ว่ามีคนอยู่จนเสียอารมณ์
อยากจะนั่งอยู่ต่อก็กังวลใจเกินไป อยากจะไปก็กลัวว่าผู้มาใหม่จะรู้ตัวเหมือนตอนกลางวัน
ใช่…
จ้าวจื่อหานกับลี่เฉิง
สองคนนั้นที่นางเจอบนหน้าผา
ไม่ใช่ว่าความสามารถในการหลบซ่อนตัวของนางแย่หรอกนะ อย่างที่บอกฝีมือของนางไม่เป็นรองใครด้วยซ้ำ แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่ได้เจอจ้าวจื่อหานบนผากับคำพูดของตาแก่เหลียน ทำให้นางไม่อยากเสี่ยงกับสิ่งที่เรียกโชคชะตา จึงเลือกทางที่จะอีกฝ่ายจะรู้ตัวน้อยที่สุดคือการนั่งอยู่เงียบๆ
“แผลเป็นอย่างไร” มองสหายด้วยใบหน้ากังวลเกี่ยวกับบาดแผลบนตัว
“ต้องขอบคุณเจ้าที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา” ลี่เฉิงกล่าวขอบคุณสหายด้วยน้ำเสียงดัง “นี้ถ้าข้าไม่โดนพิษดอกลวงฆาตและเหนื่อยจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้นะ ดาบของเจ้าหน้าเหลี่ยมนั้นไม่เฉียดเข้าใกล้ข้าได้หรอก”
พวกเขาสองคนคงเพิ่งออกจากป่ามาสินะ ดูเจ็บหนักเสียด้วยโดยเฉพาะลู่เฉิง ส่วนจ้าวจื่อหานนั้นก็ได้บาดแผลไปไม่น้อยแต่สภาพดีกว่าเจ้าลู่เฉิงอยู่มาก คงต่อสู้กับพวกเดินทางเพื่อไปหาดอกเพลิงจวีฮวามาสินะ
ความคิดเห็น