คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2
“เจ้าแน่ใจนะว่าที่ผาแห่งนี้มันมีของที่เจ้าต้องการจริงๆ”
เสียงทุ้มน่าฟังที่เอ่ยถามสหายข้างกาย ยิ่งทำให้แววตาของนางสั่นไหวยิ่งกว่าเก่า
“จื่อหาน นี้ข้าไงลี่เฉิงสหายผู้รอบรู้ของเจ้า เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้สักครั้ง”
“ก็จริง แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่สมหวังเสียแล้ว” ถึงจ้าวจื่อหานจะหมั่นไส้ในความมั่นใจของสหายสักเท่าไรแต่ก็ต้องยอมรับความจริงตามที่เจ้าตัวบอก แต่เขาคิดว่าการมาครั้งนี้ของพวกเขาเสียเที่ยวเสียแล้ว
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“นั้น…” จื่อหานชี้ไปที่กองหิมะกองหนึ่งที่แตกต่างจากกองอื่น
มีคนมาที่นี้ก่อนพวกเขา และเอาเพลิงจวีฮวาไปแล้ว
ลี่เฉิงมองไปตามทิศทางมือของสหายก่อนจะแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เขาเดินไปที่กองหิมะกองนั้นและพยายามตรวจสอบพื้นดินตรงนั้น
“ใช่หรือไม่”
“ใช่ เป็นกลิ่นของต้นเพลิงจวีฮวาไม่ผิดแน่” เขาจำกลิ่นนี้ได้ดีแม้จะเคยได้กลิ่นเพียงไม่นานแต่กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเขาจำได้ไม่เคยลืม “คนที่ได้มันไปฝีมือไม่ธรรมดา”
ผู้ที่สามารถขึ้นมาก่อนพวกเขาสองคนต้องเป็นยอดฝีมือที่มีพลังเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าตนหลายเท่าเลยก็เป็นได้ เพราะเท่าที่จื่อหานสังเกตไปโดยรอบแทบจะไม่มีร่องรอยการขึ้นมาบนนี้เลยด้วยซ้ำ อาจจะโดนพายุหิมะกลบไปจนหมดหรือฝีเท้าที่เบาที่ทำได้เฉพาะผู้ฝึกวิชาขั้นสูงเท่านั้น เขาอยากรู้จักคนผู้นี้เสียจริงว่าจะเก่งกาจแค่ไหน
“ข้าโดนท่านพ่อด่าจนหูชาอีกแน่ๆ”
ลี่เฉิงเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย ท่านพ่อสั่งให้เขามาเก็บเพลิงจวีฮวาเพื่อนำกลับไปที่โรงประมูลตระกูลลี่หวังจะกอบโกยกำไรมหาศาลจากการประมูลในครั้งนี้
“เอาน่าไม่ใช่ความผิดเจ้าเสียหน่อย อย่างมากเจ้าก็โดนท่านลุงบ่นไปสามสี่วันเท่านั้นเอง”
“หึ เจ้าก็พูดได้นิจื่อหาน”
ลี่เฉิงทำหน้าบึ้งตึง โกรธฟึดฟัดเหมือนเด็กน้อยอย่างที่เคยทำเป็นประจำใส่สหายข้างกาย ส่วนผู้ที่เห็นท่าทางแบบนั้นจนชินก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเช่นเคย
“ข้าล่ะอยากเจอหน้าผู้ที่ทำให้ข้าต้องโดนด่าจริงๆ”
“ทำไม ถ้าได้เจอเจ้าจะทำไม”
“ถามแบบนี้หรือว่าเจ้าไม่อยากเจอ”
คำถามนี้ทำให้ผู้อื่นที่ยืนฟังอยู่ต่างต้องกลั้นหายใจ เจิ้งซูลี่รู้สึกได้ว่าตนนั้นหายใจแรงขึ้นทั้งโกรธตาเฒ่าขี้แกล้งที่ทำให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่พูดตามตรงนางก็อดคิดเกี่ยวกับคำตอบของเขาไม่ได้ ถ้าจะบอกว่านางคาดหวังไว้สูงก็คงไม่ผิด
“ท่านไม่ควรทำแบบนี้เลยจริงๆ” เธอทำเพียงกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ถึงจะมั่นใจในมนต์ของผู้เฒ่าแต่นางก็กลัวว่าเขาจะได้ยินอยู่ดี คนแก่ขี้แกล้งเห็นท่าทางพยายามหลบผู้คนของหญิงสาวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ฮ่า ฮ่า….
ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง
“หัวเราะอันใดของท่านกัน เดี๋ยวผู้อื่นก็ได้ยินหรอก”
“อะไร ใคร ผู้ใดจะได้ยิน? เจ้าสองคนนั้นนะหรอ กลัวอะไรไม่สมกับเป็นเจ้าเลย”
รู้เจ้าค่ะว่ามนต์ท่านล้ำเลิศเพียงใด เชิญหัวเราะต่อได้ตามสบายเลยนะเจ้าค่ะ
“มีอันใดจื่อหาน”
จากที่ยืนสู้กันด้วยสายตาแต่ก็ต้องกลับหันไปสนใจในจุดเดิม
เฮือก
เมื่อหันหลับไปมองก็ต้องตกใจเพราะจื่อหาน ชายผู้นั้นกำลังมองมาทางที่ข้ากับตาเฒ่ายืนอยู่ อันใดกัน ไม่มีทาง ไม่มีทางที่พวกนั้นจะเห็นพวกเรา
ไม่ใช่แค่นางแต่คนข้างหลัง นางก็รู้สึกได้ว่ามีท่าทางไม่ต่างจากนางมากนัก
ยืนนิ่งเสมือนจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่ นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกอย่างช้าๆ เพราะคิดว่าชายที่กำลังพยายามมองหาบางสิ่งได้ลดละความพยายามแล้ว
“ไม่มีสิ่งใดหรอกน่า เจ้าคงคิดไปเอง” สหายข้างกายชายหนุ่มเอ่ย “เจ้าอย่าลืมว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งอันตรายอะไรบ้าง”
“…..”
“ข้าว่าเราควรรีบลงจากผาแล้วออกจากป่าดีกว่า ข้าไม่อยากต่อสู้กับผู้ใดให้เหนื่อยเปล่า”
ถึงแม้ว่าจะพยายามรับฟังและพยายามบอกกับตนเองให้คิดไปในทางเดียวกันกับลี่เฉิง แต่จ้าวจื่อหานก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยผ่านและเดินตามสหายลงเขาไป แต่ก็ไม่ลืมหันกลับไปมองยังทิศทางที่ตนรู้สึกถึงอันใดบางอย่าง
หลังจากใช้พลังสัมผัสและรับรู้ได้ว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในอาณาเขตของตนแล้ว มนต์พรางตาก็ค่อยๆจางลง พร้อมกับเสียงหัวเราะราวกับเจอเรื่องสนุกที่วันนี้เจิ้งซูลี่บอกได้แค่ว่านางไม่อยากจะได้ยินมันเลยสักนิด
เสียงหัวเราะเงียบลงแต่กลับค่อยๆเป็นเสียงของน้ำชาที่กำลังถูกเทลงไปยังถ้วยอย่างไม่รีบร้อน บ่งบอกว่าอีกคนสุขใจขนาดไหน
เจิ้งซูลี่ยังคงมองไปยังทิศทางเดิมของผู้ที่จากไปแววตาแสดงออกถึงความเลื่อนลอย
กลิ่นชาที่ลอยมาตามอากาศกับความเงียบที่อีกคนเว้นช่วงให้ทำให้นางหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายความคิด
“เด็กคนนั้นนะ…”
“…..”
“คิดว่าจะหลบลีกเขาได้จริงๆนะหรือ”
“…..”
“ตอนแรกข้าก็ไม่ค่อยเชื่อกับท่าทีเช่นนี้ของเจ้าหรอกนะ แต่พอได้เจอตัวจริงแล้วชายที่ทำให้เจ้าเสียการควบคุมขนาดนี้ดูแล้วมีพลังที่ไม่ธรรมดาจริงๆ…”
ความคิดเห็น