คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เด็กหลังตลาด
เสียงจอแจของผู้คนที่มาจับจ่ายสินค้าในยามสายสร้างตลาดแห่งนี้ให้ดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจไม่น้อยสำหรับพ่อค้าต่างเมืองหน้าใหม่ที่เดินทางเข้ามาค้าขาย รีเฟลล่าเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรรักซ์เบิร์ก ที่นี่ตลาดกลางเสมือนเส้นเลือดใหญ่ทางการค้าและเศรษฐกิจของอาณาจักร เป็นศูนย์กลางสินค้าทั่วสารทิศที่พ่อค้าแม่ขายรวมทั้งคนทั่วไปจะแวะเวียนมาซื้อหาข้าวของตั้งแต่ราคาถูกไม่กี่วิสจนถึงแพ้ลิบลิ่ว ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่ฟางข้าวเลี้ยงม้ายันเพชรนิจจินดา
แม้ตลาดจะขนาดค่อนข้างใหญ่แล้วแต่พื้นที่ยังคงไม่เพียงพอ จึงทำให้ตลาดนั้นแออัดมาก เนื่องด้วยเป็นตลาดใหญ่และคนก็กระเบียดกระเสียรยิ่งนักจึงทำให้สถานที่นี้เป็นสถานที่โปรดของเหล่ามิจฉาชีพยิ่งไม่แปลกหากคนที่เดินจับจ่ายซื้อของเสร็จแล้ว เมื่อออกจากตลาดแห่งนี้แล้วพบว่ากระเป๋าใส่เงินนั้นหายไป ทางการพยายามจะเข้ามากวาดล้างแต่ไม่สำเร็จเท่าที่ควรจึงได้แต่ติดป้ายประกาศเตือนและแนะนำวิธีการรักษากระเป๋าเงินให้ปลอดภัย แต่ก็ยังมีคนโดนฉกกระเป่าเงินอยู่ร่ำไป
ชายวัยกลางคนร่างท้วมสวมเสื้อผ้าราคาแพง เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าเสื้อผ้านั้นตัดเย็บอย่างประณีตและหรูหรามากเพียงใดซึ่งเป็นเครื่องหมายบอกฐานะของคนที่สวมใส่ได้เป็นอย่างดี เบื้องหลังนั้นมีชายฉกรรจ์สูงใหญ่ หน้าตาบอกบุญไม่รับสองคนเดินตามหลังมา คนในตลาดมองดูก็รู้ว่าคนวัยกลางคนคนนี้คงมียศศักดิ์จึงได้พยายามหลีกทางให้ เพราะการที่มีเรื่องกลางตลาดไม่ใช่สิ่งที่ดีและใบหน้าอวบอูมนั้นก็ทำท่าจะหาเรื่องได้ตลอดเวลา แต่เนื่องด้วยคนมากทำให้เด็กหนุ่มถูกเบียดเซถลาออกมาจากฝูงชนกลิ้งปะทะไปชนกับชายคนนั้นแทบในทันที ฝูงคนเกือบทั้งหมดนิ่งเงียบเพื่อรอดูเหตุการณ์และเมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่าตัวเองชนใครเข้าก็ได้แต่ก้มลงคุกเข่าตัวสั่นงันงกแทบเท้า
"ข้าขอโทษขอรับ" เสียงสั่นๆเปล่งออกมา สภาพคุกเข่าคุดคู้ดูน่าสงสาร ชายวัยกลางคนจ้องเขม็งเด็กหนุ่ม ท่ามกลางเสียซุบซิบนินทา
"นั่นท่านเคานท์เรสต้านี่นา โธ่เด็กนั้นน่าสงสารจังชนใครไม่ชนไปเดินชนท่านเคานท์ซะได้"
"เด็กนั่นจะตายมั้ยน่ะ"
"ฉันว่าไม่น่านะ ได้ข่าวว่าท่านเคานท์มีเมตตามากนี่น่า" เสียงนี้เหมือนจะจงใจให้ลอยกระทบหูของท่านเคานท์แบบไม่ตั้งใจ
"จริงด้วยๆ รู้สึกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนท่านเพิ่งบริจาคทรัพย์ให้โบสถ์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้เด็กกำพร้านะ"อีกเสียงหนึ่งเสริม
ท่านเคานท์ร่างท้วมขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด เดิมทีใครมาชนแบบนี้เขาจะสั่งให้คนรับใช้สนิทอัดมันให้ปางตาย แต่เนื่องด้วยตำแหน่งบางทีก็ต้องทำตัวเป็นพ่อพระเสียบ้าง ยิ่งมีเสียงว่าเขาเป็นคนดีมีเมตตายิ่งทำให้เขาต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ เพราะตอนนี้เขากำลังมองหาเก้าอี้ว่างๆในตำแหน่งเสนาบดีซึ่งบังคับให้เขามีผลงานแต่เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป ท่านเคานทืถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
แม้นี่ไม่ใช่วิสัยของเขาแต่การรักษาภาพพจน์ก็จำเป็นยิ่งกว่าจึงปล่อยเด็กหนุ่มนั้นไป เด็กหนุ่มลนลานขอบคุณก่อนเดินหายเข้าฝูงชนไป เรื่องราวน่าตื่นเต้นชวนลุ้นจบแล้ว ชีวิตของตลาดก็กลับมาเดินตามเฟืองอีกครั้ง แต่ไม่นานนั้นทุกคนก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมีเสียงโวยวายของท่านเคานท์ที่ตอนนี้โกรธจนหน้าแดง เพราะกระเป๋าเงินของเขาได้หายไปแล้ว
"โง่ชะมัดเลยเจ้าแก่อ้วน ดีจริงๆยิ่งเจ้าโง่ขนาดไหน พวกข้ายิ่งหากินง่ายเท่านั้น"เสียงเหล่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคุยกันด้านหลังตรอกเล็กๆของตลาดซึ่งเป็นแหล่งเสื่อมโทรม ต่างจากตลาดโดยสิ้นเชิง น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่บนแผนที่ หลังตลาดรุ่งเรืองได้ซ่อนความอัปยศของเมืองและความล้มเหลวได้อย่างมิดชิด เด็กกำพร้ามากมายรวมตัวกันและสร้างสังคมของตัวเองขึ้น ไม่เพียงเด็กเท่านั้น เหล่าคนไร้รากและชายหญิงโสเภณีต่างก็อาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน และบางครั้งก็เป็นที่รวมตัวของเหล่านักฆ่า และสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท
กลุ่มเด็กหนุ่มเดินผ่านหญิงสาวที่แต่งตัววาบหวิวที่กำลังยั่วยวนให้ชายหนุ่มฐานะปานกลาง การกระทำที่จาบจ้วงละลาบละล้วงจนอย่างไม่อายทำให้บางคนต้องหันหน้าหนี แม้เสื้อผ้าหล่อนจะดูโทรมแต่ความงามสาวสะพรั่งไม่อาจจะปกปิดได้ เนินอกที่พยักเพยิบนั้นทำเอาเด็กหนุ่มอดลอบมองไม่ได้ เป็นเรื่องปกตินักถ้าเด้กหญิงที่เติบโตจากสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นโสเภณีอย่างไม่ละอายเพราะด้วยความแร้งแค้นและไร้กฎ เธอมักผ่านมือใครต่อใครมาก่อนที่ร่างจะแตกเนื้อสาวด้วยซ้ำ
"ลาส ดูสิ แม่เจ้า...นมแม่นั่นใหญ่กว่านมวัวที่ฟาร์มหลังโบสถ์ซะอีก" เด็กหนุ่มคนหนึ่งสะกิดเพื่อนข้างๆให้หันไปมอง แต่เพื่อนข้างๆก็ยังทำเมิน
"ไม่ดูเหรอ ลาส อุว้าว...หล่อนกล้าชะมัดเลย" เด็กหนุ่มยังสะกิดเพื่อนไม่หยุด
"กิม เจ้ายังไม่ชินอีกหรือไง ทำเป็นเรื่องใหม่ไปได้ ข้าไม่ดูหรอก กลัวนมแม่นั่นจะระเบิด" กิมได้ฟังก็หันมาขำกิ๊กเบาๆ
"นายนี่แปลกนะ มีของฟรีให้ดูทำไมไม่ดูเล่า เอ๋...หรือนายจะเป็นแบบอังชัวร์"ลาสต่อยแขนเพื่อนเบาๆแทบในทันที เพราะรู้ดีว่าอังชัวร์คนนั้นเป็นเสโภณีชายที่รับงานเฉพาะกับผู้ชายด้วยกันเท่านั้น
"คิดอะไรแบบนั้น เห็นแบบนี้ข้าก็อยากได้สาวดีๆมาควงเหมือนกันนะ เฮ้อ...เจ้าเห็นสาวเสื้อสีเขียวคนนั้นมั้ยที่ข้าชี้ให้เจ้าดูที่ตลาดน่ะ น่ารักเป็นบ้าเลย" ลาสทำหน้าเหม่อเหมือนหลงอยู่ในฝันแต่กิมไม่พูดได้แต่ส่ายคนอย่างระอาเพราะรู้ดีว่าคนต่ำๆแบบพวกเขาไม่มีทางที่จะได้สมหวังกับคนดีๆ มีแต่ต้องวนเวียนอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรมแห่งนี้ จึงไม่ขัดถ้าลาสจะฝัน เพราะความฝันคือสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขามีชีวิตในวันรุ่งขึ้น แม้ฝันนั้นจะลมๆแล้งๆแค่ไหนก็ตาม
"เฮ้...วันนี้ข้ากลับก่อนนะ เล่นละครตบตาไอ้แก่อ้วนนั่นเหนื่อยชะมัด" ลาสพูดขึ้นทำให้เพื่อนทุกคนหันมามอง
"เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกกลับบ้านไหม้ๆของเจ้าซะทีลาส ข้าว่าที่พวกข้าอยุ่นั่นแย่แล้วนะ แต่ที่นอนของเจ้านั่นแย่ยิ่งกว่าพวกข้าเสียอีก" โยฮันซึ่งเหมือนเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มพูดขึ้นแต่ลาสได้แต่ยิ้ม
"พวกเจ้ากำพร้ามาตั้งแต่เกิดไม่เห็นพ่อแม่ไม่มีพันธะแต่ข้าเคยมีท่านยายแม้จะตายไปนานแล้วก็เถอะ แต่ข้ายังรู้สึกผูกพันธ์" ลาสที่เป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มยิ้มให้เพื่อนอย่างเศร้าๆ เพื่อนๆต่างเข้าใจ พวกเขาไม่เคยได้รับความอบอุ่นตั้งแต่จำความได้จึงไม่ค่อยแยแสเท่าไหร่ ต่างกับลาส
"งั้นเจ้าเอาส่วนแบ่งไปก่อนสิ" โยฮันทำท่าจะหยิบเงินจากการขโมยให้ลาสแต่เจ้าตัวก็ส่ายหัว
"ไม่ๆ เก็บไว้ที่พวกเจ้านั่นแหละ ยังข้าก็เชื่อว่าเพื่อนข้าคงไม่ใจร้ายหรอกนะ แม้พวกเราจะไม่ได้นอนด้วยกัน แต่พวกเราก็กินข้าวด้วยกันนิ ข้าไปละ"จบคำเด็กหนุ่มตัวเล็กสุดของกลุ่มก็วิ่งหายเข้าไปตามซอกลืบของบ้านเรือน
"ดูกี่ทีลาสมันก็ตัวเล็กกว่าพวกเราเนอะ เจ้าว่ามั้ยเซริม"กิมหันไปถามเพื่อนอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ เซริมได้แต่ยักไหล่
"ลาสมันไม่ค่อยชอบกินข้าวเท่าไหร่นิ ตอนเจอมันครั้งแรกตัวมันก็เล็กนิดเดียวอยู่แล้ว"แจ๊คที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดขึ้น และทุกคนก็หยุดการสนทนาไว้เท่านั้นแล้วเดินหน้าต่อไปยังที่พักเพิงกระท่อมโทรมๆของพวกเขา
ลับตากลุ่มเพื่อนไปแล้ว เด็กหนุ่มตัวน้อยวิ่งแจ้นกลับไปยังกองไม้ไหม้ๆกองใหญ่ที่เกือบจะออกชานเมืองกองไม้สีดำเมื่อมบ่งบอกร่องรอยการไฟไหม้ได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มสอดตัวเข้าไปในรูเล็กที่พอจะให้คนตัวเล็กๆอย่างเขาผ่านเข้าไปเท่านั้น ข้างในเป็นโพรงไม้พอที่จะให้ผู้ชายตัวโตๆสักสามเข้าไปนั่งเบียดกันได้จึงไม่ลำบากนักสำหรับลาสที่อาสัยอยู่ในนั้น ท่านยายของลาสเสียชีวิตเพราะไฟไหม้ ลาสที่ยังไม่โตเท่าไหร่ได้แต่ฝังกระดูกท่านยายอย่างตั้งใจที่สุดเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ และพยายามจัดไม้ไหม้ๆนั้นให้เป็นโพรงพออยู่ได้ ฟ้าข้างนอกเริ่มมืดสลัว ลาสจึงขดตัวเองอยู่ในกองผ้าที่ตนหามาได้จากหลังตลาดเพื่อหาไออุ่น ริมฝีปากบางเริ่มพึมพำเพลงต่างภาษาเบาๆ ก่อนหลับตาเพื่อเตรียมรอรับรุ่งอรุณอุทัยของเช้าวันใหม่

ความคิดเห็น