ตอนที่ 2 : ตำรารักยอดพธู ตอนที่2
ตอนที่2
ดวงตาคมกริบของหริชาจ้องมองทิวทัศน์เบื้องหน้าพลางยิ้มน้อยๆอย่างคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่เป็นนิจมือใหญ่ที่เรียวได้รูปคว้าแก้วกาแฟมาจิบช้าๆ ไม่มีใครรู้ว่าในหัวของเขาตอนนี้กำลังคิดฝันถึงสิ่งใดอยู่ภายใต้กิริยานิ่งเงียบเรียบเรื่อยจนเรียกได้ว่าไร้พิษสงชวนให้ผู้คนรู้สึกสบายใจเมื่อได้ชิดใกล้ จนบางครั้งคนที่ไม่รู้จักมักคุ้นอาจจะสบปรามาสหน้าอ่อนๆที่ดูไม่นำพากับสิ่งใดเลยอยู่บ้าง แต่หากเมื่อได้รับรู้ในสิ่งที่ชายหนุ่มผู้นี้กระทำก็เป็นอันต้องแปลกใจและนับถืออยู่ในที
พื้นดินที่เคยซบเซาด้วยการใช้ประโยชน์อย่างสมบุกสมบันในอดีตกลายกลับมาเขียวชอุ่มเลอค่าได้อีกในระยะเวลาเพียงไม่ถึงสิบปี การจัดการทางการเกษตรที่ร่ำเรียนมาโดยตรงอย่างจริงจัง และยังได้ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองทั้งยังลองปฏิบัติตามจนได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงมากถึงขนานนี้ก็มีเหลือกินเหลือใช้ด้วยเงินมรดกที่มีมากมาย
“ผมจัดการตามที่นายสั่งเรียบร้อยแล้วครับ” น้ำเสียงมีแววของความยกย่องดวงตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชมและจงรักภักดีทั้งที่เมื่อห้าปีก่อนเขาคนนี้เองที่ไม่เชื่อถือหนุ่มหน้าอ่อนคนนี้
ผิวขาวด้วยเชื้อสายที่มาจากดินแดนไกลโพ้น ชวนให้คิดว่าเป็นเพียงหนุ่มสำอางด้วยผิวพรรณและหน้าตา วันเวลาได้พิสูจน์คนเหมือนกับผิวขาวผ่องนอกร่มผ้าที่กลายกลับเป็นสีคล้ายหมากสุก ซึ่งหากพ้นแดดหลายวันผิวสีหมากสุกนั้นก็จะกลับมาขาวผ่องเช่นเดิม
“วันนี้เฮียพจน์จะมาจับปลาวันแรกใช่ไหมลุง ฝากลุงด้วยนะวันนี้ฉันคงต้องขับรถไปรับไส้ไก่เองได้ข่าวว่าเจ๊เฮียงตุกติกตั้งท่าจะขึ้นราคาไส้ไก่อีก ฉันคงต้องไปคุยเอง” หริชากล่าวยิ้มๆ
“ครับนายหัว” ลุงแดงมือขวาของเขาพูดด้วยสำเนียงติดจะทองแดงตามประสาคนที่มีพื้นเพมาจากทางภาคใต้ และแม้ว่าจะแลดูอายุมิใช่น้อยๆแต่ท่อนแขนที่โผล่พ้นชายแขนเสื้อของลูกจ้างผู้นี้กลับอุดมไปด้วยมัดกล้ามทั้งยังเป็นถึงมือขวาของเขาในการจัดการทุกสิ่งภายในไร่แห่งนี้โดยเฉพาะจัดการเรื่อง "คน"
มือแข็งแรงของผู้ที่เป็นนายก็วางแก้วกาแฟที่ถูกดื่มไปจนหมดสิ้นก่อนจะลุกก้าวยาวๆไปยังรถกระบะคู่ใจ แม้ว่าร่างกายของหริชาจะไม่ได้สูงใหญ่มากนักแต่ก็แลดูแข็งแกร่งด้วยมัดกล้ามที่เกิดจากการทำงานหนักมาตลอดเกือบห้าปีที่ผ่านมา
รถกระบะคันใหญ่วิ่งฝุ่นตลบออกไปจากอาณาจักรของตนพร้อมกับคนงานอีกสองคนที่นั่งท้ายกระบะ ผ่านบริเวณด้านหน้าของไร่ที่กว้างขวาง ไร่แห่งนี้มีขนาดไม่เล็กประกอบไปส่วนที่เป็นพืชยืนต้นและพืชล้มลุกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพืชสวนครัว นอกจากนั้นยังมีบ่อปลาดุกอีกสิบบ่อรวมไปถึงบ่อเลี้ยงกบและบ่ออนุบาลกบอีกหย่อมหนึ่งที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเจ้าของ รั้วรอบกินอาณาเขตกว้างขวางด้านหลังนั้นจรดเขาลูกใหญ่ประกอบด้วยน้ำตกเล็กๆและลำธารน้ำใส เคยมีนายทุนหลายคนติดต่อขอซื้อที่ดินแห่งนี้แต่ล้วนได้รับการปฏิเสธจากเจ้าของที่เป็นหญิงชราซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าของหริชา
วันนี้ตลาดในตัวอำเภอวายไปสักพักใหญ่แล้ว หากแต่ยังมีรถกระบะหลายคันจอดอยู่บ้างก็ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด จับกลุ่มคุยกัน ต่อเมื่อมองเห็นรถกระบะของคนดังในจังหวัดแล่นปราดเข้ามาคนทั้งกลุ่มก็เริ่มมีสีหน้าดีขึ้นก่อนจะเดินไปหาหริชาที่เหวี่ยงเท้าลงจากรถได้เพียงแค่ขาครึ่ง
“นายหัว มาก็ดีแล้ว เจ๊เฮียงแกไม่ยอมท่าเดียวพวกเราสู้ราคาไม่ไหวจริงๆ”หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ หริชาไม่ได้ตอบสิ่งใดทำเพียงยิ้มน้อยๆให้แล้วเดินเข้าไปในเพิงไม้ที่แลดูซอมซ่อ หากไม่มีใครบอกคงไม่มีใครคาดคิดได้ว่าเจ๊เฮียงแม่ค้าคนกลางที่รับไก่จากทั่วจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงจะสมถะถึงเพียงนี้
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนายหัว ไม่ต้องเข้ามา”เสียงเจ๊เฮียงพูดเหมือนสาวๆที่แง่งอน
แม้ว่าหน้าตาผิวพรรณของหริชาไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นคนใต้แต่มือขวา และลูกน้องเก่งๆหลายคนของเขาส่วนใหญ่เป็นคนใต้จึงยกย่องเรียกหริชาว่านายหัวทุกครั้งจนคนในจังหวัดทางภาคตะวันออกแห่งนี้พากันเรียกตามกันจนชินปาก
“คิดดีแล้วหรือ”เสียงเข้มๆสมชื่อเล่นของหริชาทำให้เกิดเสียงกระแอมก่อนที่จะเดินออกมาด้านหน้าของเพิงที่พัก เจ๊เฮียงแต่งกายด้วยเสื้อและกางเกงสีพื้น ผมที่มวยอยู่ด้านหลังมีหงอกประปรายใบหน้าไร้เครื่องสำอาง ตลอดร่างมีเพียงกำไลหยกวงเดียวประดับอยู่ที่ข้อมือ
“นายหัวต้องเห็นใจฉันบ้างนะ ค่าแรงลูกน้องมันเพิ่มขึ้นฉันเองก็ไม่ได้อยากขายไส้ไก่แพงๆนักหรอก” เจ๊เฮียงพูดพลางหลบสายตาหนุ่มรุ่นหลานที่จ้องเขม็ง
“แล้วถ้าพวกเราไม่ซื้อไส้ไก่จากเจ๊เฮียงล่ะ”เสียงเรียบๆกับยิ้มเรื่อยๆที่ฟังดูไม่ได้คุกคามหรือข่มขู่ทำให้เจ๊เฮียงถึงกับทำตาปริบๆ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนจะจริงหรือหลอกมองหน้าแล้วก็ยากที่จะคาดเดาได้
“แล้วจะไปซื้อจากที่ไหน”
“ซื้อจากฉัน ฉันก็เบื่อๆที่จะเลี้ยงปลาเลี้ยงกบแล้วว่าจะรับซื้อไก่เป็นพ่อค้าคนกลางบ้างก็น่าจะสนุกดี” เจ๊เฮียงเริ่มกลืนน้ำลาย
“พูดซี๊ซั๊ว ใครเขาจะขายนายหัว”
“เยอะแยะไป เป็นพ่อค้าคนกลางสบายจะตาย ยิ่งขายไก่แบบปิดยิ่งสบาย เพื่อนฉันเองก็เคยชวนเพราะเขาทำงานกับนายทุนใหญ่ที่แจกลูกไก่แล้วไปรับซื้อถึงที่ จริงๆฉันก็ไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่ งานสบายก็จริงแต่น่าเบื่อฉันเลยผัดเขาหลายรอบ เห็นทีคราวนี้คงไม่ต้องผัดแล้ว” เจ๊เฮียงหน้าซีดเผือด
“มันเหนื่อยนะนายหัว ไหนจะต้องคุมลูกน้องให้ทำงานตามเป้า”
“นั่นน่ะสิ เจ๊คงเหนื่อยลูกผัวก็ไม่มี อายุก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ฉันยังหนุ่มยังแน่นคงทำได้ดีจริงไหมเจ๊เฮียง”
“เอ่อ...วันนี้นายหัวจะเอาไส้ไก่กี่กิโลล่ะ”
“ถ้าแพงกว่าเดิมฉันคงไม่ซื้อ ให้ปลามันกินอาหารสำเร็จอย่างเดียวสักอาทิตย์หนึ่งจะเป็นไรไป”คำพูดนั้นเมื่อออกมาจากปากของหริชาแม้แต่เจ๊เฮียงที่ได้ชื่อว่าเค็มทะเลเรียกแม่ก็ต้องเชื่อว่าเขาจะสามารถดึงธุรกิจส่วนนี้ไปเป็นของตัวเองได้ภายในเวลา7วันจริงๆ เจ๊เฮียงพยักหน้าถี่ๆ สีหน้าแข็งขืนในคราวแรกกลายกลับไป
“เอาเถอะๆฉันเห็นแก่นายหัวหรอกนะ ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของชั้นมาตั้งแต่แรกเริ่มที่เราเจอกัน ราคาเดิมก็ราคาเดิม”
“เหรอ” เสียงถามย้อนกลับนิ่งๆทำให้เจ๊เฮียงปาดเหงื่อหนึ่งรอบพลางนึกว่าตนไม่น่าหาเรื่องสร้างความเสี่ยงในการตัดทางทำกินของตัวเองเลย
“เดี๋ยวฉันแถมให้อีกสิบกิโลเลยนายหัว” รอยยิ้มน้อยๆที่แลดูไม่น่ามีพิษสงทำให้เจ๊เฮียงลอบถอนหายใจ ความกลัวเกรงของนางไม่ใช่จะไร้เหตุผล ในจังหวัดนี้ใช่ว่าจะไม่มีคนทำธุรกิจแบบเดียวกันกับหริชาทว่า คำสบประมาทต่างๆที่เคยมีในช่วงแรกที่ชายหนุ่มมาพลิกฟื้นผืนดินก็กลายเป็นลมไปเมื่อผลผลิตที่มาจากไร่ของชายหนุ่มผู้นี้ล้วนแล้วสมบูรณ์ในทุกๆด้านทั้งขนาดและรสชาติ ชายหนุ่มไม่เคยหลบหนีปัญหามีแต่วิ่งชนอย่างมโหฬารและกล้าหาญอย่างที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ความเป็นคนจริงของชายหนุ่มที่สามารถยื่นศีรษะไปรับปากกระบอกปืนแทนนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นพ่อของเพื่อนสนิทได้ก็ยิ่งทำให้ได้รับการยอมรับในวงกว้างของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเลงโต คนงานหลายๆคนของชายหนุ่มบ้างก็เป็นนักโทษเก่าที่เพิ่งพ้นโทษ บ้างก็เคยเกกมะเหรกเกเรแต่กลับกลายเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเข้าขั้นกลัวเกรงกึ่งยกย่อง ทั้งที่หริชาไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือแสดงอำนาจ เพียงแค่รอยยิ้มและความจริงใจกับความตั้งใจจริงก็ทำให้ใครต่อใครแปลกใจได้ แต่เมื่อได้รับฟังเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาต่างก็พากันทึ่งและยอมรับถึงอิทธิพลหวานเย็นของชายหนุ่มผู้นี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ไม่มีใครสักคนที่จะล่วงรู้ว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะกลายเป็นชายผู้บ้าบิ่นทีเล่นทีจริงเช่นนี้ตั้งแต่อายุน้อยๆ ได้เคยเกิดสิ่งใดขึ้นกับชีวิตของเขามาบ้าง เหตุเพราะหลังจากเติบใหญ่เขาก็เดินทางไปเรียนหนังสือในเมืองกรุง จนไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะกลับมาทำงานไร่งานสวนในบ้านเกิดของตัวเองได้ หริชาเก็บงำทุกสิ่งไว้อย่างมิดชิดภายใต้ความเงียบ ทุกอย่างที่แสดงออกถึงความเป็นคนจริงอยู่ที่การกระทำที่ทุกคนพบเห็น ผู้ที่เขายอมอ่อนโยนเปิดเผยความในใจด้วยมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ คุณหญิงสุดาผู้เป็นย่า
รถกระบะคันใหญ่แล่นลึกไปในแนวพืชยืนต้นมีตึกใหญ่คล้ายคฤหาสน์กลางป่าดงพงไพรซึ่งเป็นตึกเก่าที่ปลูกไว้ตั้งแต่ร้อยปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกตผสมจีนตามที่บรรพบุรุษได้นำพามา ลวดลายเถาว์ไม้และช่องรับแสงกลางบ้านแบ่งให้ตัวตึกสามชั้นมีสี่ด้านโดยมีราวระเบียงรายรอบ ช่องรับแสงแต่เก่าก่อนเคยเปิดโล่งถูกปิดด้วยหลังคาโปร่งแสงกลางลานมีเขามอเล็กๆทำเป็นน้ำตกและประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่ส่งกลิ่นหอมชวนให้ผู้พบเห็นรื่นรมย์ใจ
ร่างสันทัดลงจากส่วนของคนขับพร้อมสั่งการให้ลูกน้องมารับหน้าที่แทนโดยไม่ลืมกำชับให้รีบนำไส้ไก่ไปต้มและสับให้ละเอียดเพื่อเป็นอาหารเสริมให้กับปลาดุกทุกบ่อ ส่วนตัวเขาก็ก้าวไปยังชั้นบนของตัวตึกเพื่ออาบน้ำก่อนที่จะไปพบกับผู้ที่เขาเคารพรักสุดใจ
สตรีชราที่นอนเอนอยู่บนที่นั่งกึ่งเอนได้หันมามองหลานชายคนโตด้วยแววตาของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนานทั้งแลดูเข้มแข็งและเฉลียวฉลาดเหมาะสมกับตำแหน่งคุณหญิงตราตั้งที่ได้มาจากการงานของสามีผู้ล่วงลับไปหลายสิบปี ร่างแข็งแรงเดินมาพยุงเมื่อเห็นว่านางมีทีท่าอยากลุกขึ้น
“คุณย่าหิวหรือยังครับ”
“ยังแต่ไปรอก่อนก็ได้ ยัยทิพย์จะมาที่นี่พรุ่งนี้แล้วนะ หลานอย่าลืมให้คนจัดห้องจัดที่หลับที่นอนให้ยัยทิพย์ด้วย”คำพูดที่มุ่งตรงไปสู่สิ่งที่ตนต้องการของหญิงชราทำให้สีหน้ายิ้มอ่อนโยนของหลานชายปรากฏแววของความหน่ายเล็กน้อยก่อนจะพูดรับด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“ครับคุณย่า”
“ยัยเบญ ยัยนิด แล้วก็ยัยฉัตรล่ะเป็นอย่างไรบ้าง” คำถามนั้นมีน้ำเสียงที่แม้จะฟังดูแปลกประหลาดแต่เขาก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดี
“ก็...คงสบายดีมั้งครับคุณย่า”
“อะไรกันอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ทำไมต้องมีม้งมีมั้งทำอย่างกับคนอื่นคนไกล”น้ำเสียงที่ไม่ได้ขุ่นมัวนักเป็นเพียงการบ่นสามัญ ทำให้หริชายิ้มเฉยเสีย ก่อนจะค่อยๆพยุงให้ผู้เป็นย่านั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะ
ด้วยความชราทำให้คุณหญิงสุดาต้องพักที่ชั้นล่างของตึกและใกล้กับห้องรับประทานอาหารที่เดินเพียงไม่กี่ก้าว รวมทั้งใกล้กับช่องกลางตึกที่เป็นดั่งแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ นานทีจึงจะเดินทางออกไปนอกอาณาเขตของตนเพื่อเดินเล่นในสวนดอกไม้กับหลานชาย
“ย่าก็แก่ลงทุกวันจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ นี่ก็ปาไปแปดสิบแล้วนะพ่อเข้ม ถ้าย่าต้องตายก่อนที่จะเห็นพ่อเข้มหรือตาโจ้เป็นฝั่งเป็นฝาย่าคงตายตาไม่หลับ” คำพูดที่หริชาได้ยินจนชินดังขึ้นเรื่อยๆให้เขาต้องทำหูทวนลมเหมือนทุกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างภายในรั้วไร่สายสุดานี้เขารับมือได้ทุกสิ่งอย่างเว้นเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากยังไม่ทันจะตอบรับหรือเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นเหมือนเคย ร่างของหญิงสาววัยแรกผลิทั้งสามก็ทยอยกันเข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ พร้อมกับคนงานที่ทยอยนำอาหารเย็นมาวาง
แสงจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับเหลี่ยมโลกสะท้อนกระจกใสให้เห็นแบบภาพของหญิงสาวสามคนที่งามไปคนละแบบ อายุที่ลดหลั่นกันไปไม่มากนักทำให้หญิงสาวทั้งสามสนิทสนมกันพอสมควร แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเธอทั้งสามเปรียบประดุจคู่แข่งกันกลายๆ แต่ด้วยท่าทีเฉยชาของหริชา และท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ของหัสนัย ทำให้ทั้งสามยอมรับได้บ้างไม่ได้บ้างว่าพวกตนคงได้แต่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ให้ครบกำหนดเท่านั้นเป็นพอ
ความเป็นอยู่ในบ้านหลังนี้แม้จะน่าเบื่ออยู่บ้างแต่ก็มีความสะดวกพรักพร้อม อีกทั้งมีเงินทองให้จับจ่ายใช้สอยไม่ขาดมือ หากจะเข้าตัวเมืองก็ง่ายนิดเดียวเพียงเอ่ยปากก็มีผู้คนพร้อมจะรองรับความต้องการได้ จึงมีความสุขสบายพอสมควรเพราะเวลาส่วนใหญ่ทั้งสามสาวมักจะเข้าเมืองหรือไปต่างจังหวัดใกล้ๆกันเสียมากกว่า ความรับผิดชอบที่ขาดไม่ได้นอกเหนือไปจากงานประจำก็เพียงต้องมารับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันเท่านั้น
ความเป็นไปของที่นี่ดูจะผิดแปลกไปจากสิ่งที่คนในยุคปัจจุบันจะคาดฝันได้ว่าจะยังคงมีอยู่ ฉัตรมณีอมยิ้มกับจานกระเบื้องเนื้องามด้วยนึกขำด้วยว่าตนเป็นคนที่มีอายุน้อยสุดและจะอยู่ที่บ้านไร่แห่งนี้เพียงชั่วปิดเทอมเท่านั้น
หลายหนที่เธอถามเบญจพรและนิรชาว่าทนอยู่ได้อย่างไรตั้งเกือบปีในบ้านไร่แห่งนี้ ทั้งคู่ดูจะตอบคล้ายๆกันว่า ดีกว่าอยู่ที่บ้านของตนเอง ด้วยว่ามีเงินทองจับจ่ายสะดวกดาย คุณหญิงสุดาไม่ใช่หญิงชราที่ขี้เหนียวค่อนข้างใจนักเลงเสียด้วยซ้ำ การได้อยู่ในบ้านไร่แห่งนี้ก็เหมือนการมาทำงานที่ได้เงินเดือนโดยที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรเลย หากทั้งคู่ไม่มีเรื่องหัวใจมาเกี่ยวข้องในภายหลังก็คงจะอยู่ได้ชั่วชีวิตตราบเท่าที่หลานชายคนหนึ่งคนใดของเจ้าของบ้านยังไม่ตกลงใจแต่งงาน
พวกเธอทั้งสามล้วนไม่ใช่ลูกหลานของคุณหญิงสุดาเป็นเพียงลูกจ้างและนักศึกษาฝึกงาน แต่กว่าจะมาอยู่ในตึกใหญ่แห่งนี้ได้ก็ต้องได้รับการรับรองและการสืบค้นอย่างดีถึงความประพฤติและเทือกเถาเหล่ากอจึงถูกยกให้มีฐานะทัดเทียมลูกหลานแท้ๆด้วยเหตุผลแฝงเร้นของคุณหญิงสุดา
เบญจพร นับเป็นผู้ที่มีเชื้อมีสายที่สุด เนื่องจากคุณแม่ของเธอเป็นหลานห่างๆที่แทบจะนับเชื้อสายมิได้ของคุณหญิงสุดา
นิรชา เป็นลูกหลานของเพื่อนสนิทของคุณหญิงสุดา เป็นคนที่ดูจากภายนอกแล้วหัวอ่อนและเรียบร้อยที่สุดในบรรดาหญิงสาวทั้งสาม เธอเป็นคนที่ช่วยเหลืองานด้านงานบ้านงานเรือนของในไร่แห่งนี้ และเมื่อมีเวลาว่างก็ชอบที่จะอยู่เงียบๆบนห้องของตนเองถักโครเชต์หรืออ่านหนังสือในห้องสมุดภายในบ้านเสียมากกว่า แต่เมื่อมีโอกาสออกไปข้างนอกพร้อมหญิงสาวอีกสองคนเธอก็จะปลีกตัวออกไปคนเดียวทุกครั้ง
ส่วนฉัตรมณี เธอคิดว่าการมาอยู่บ้านไร่และได้เจอหน้าหริชาตลอดช่วงปิดเทอมของปีสุดท้ายระดับมหาวิทยาลัยก็เพียงพอแล้วและคิดว่าหากไม่ชอบใจก็สามารถไปได้ทุกเมื่อด้วยว่าเธอเป็นถึงลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงแรมระดับสี่ดาวในตัวจังหวัดเธอเป็นผู้ช่วยงานด้านบัญชีได้เป็นอย่างดีเพราะร่ำเรียนมาทางด้านนี้โดยตรงแต่คนที่เป็นนักบัญชีใหญ่ของคฤหาสน์หลังนี้คือเบญจพรที่ช่วยงานทั้งบัญชีและงานด้านบุคคล
หริชาผู้ที่เคยออกรายการโทรทัศน์และได้รับการยกย่องให้เป็นเกษตรกรตัวอย่างที่สามารถสร้างกำไรมหาศาลจากการปลูกพืชหมุนเวียน และเลี้ยงสัตว์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมิใช่น้อย แรกเริ่มเดิมทีที่ยังไม่เคยเห็นหน้าฉัตรมณีเคยนึกว่าหริชาจะเป็นหนุ่มใหญ่หน้าตาปุปะที่หาภรรยาไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจคือภาพในจอสี่เหลี่ยมที่เผยให้เห็นดวงหน้าคมสันผิวผ่องแปลกตาน่ามอง หน้าผากกว้างถูกปกคลุมด้วยผมสั้นสลวยปรกหน้า และมีแววตาของหนุ่มหล่อสำอางผิดกับอาชีพก็ดูลึกล้ำน่าสนใจเสียจนแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเกษตรกรอย่างจริงจังทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำจนประสบความสำเร็จเป็นที่ยกย่องไปได้
คำเสนอของบิดาที่อยากเป็นทองแผ่นเดียวกับคุณหญิงสุดา โดยมุ่งหวังผืนดินที่มีทิวทัศน์เหมาะแก่การสร้างรีสอร์ทหรูทำให้เธอได้ก้าวเข้ามาในบ้านไร่แห่งนี้อย่างเต็มอกเต็มใจ เมื่อเธอเข้ามาอยู่จึงได้รับรู้ความเป็นไปของที่แห่งนี้ และรับรู้ความจริงว่าแม้คุณหญิงสุดาจะเป็นผู้มีสิทธิ์ซึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านไร่สายสุดาแต่ ผู้ที่แข็งขืนไม่ยินยอมขายที่ดินผืนนี้กลับเป็นหริชา ผู้แกร่งกร้าวเอาจริงเอาจังผิดรูปลักษณ์ภายนอก เหมือนดั่งไฟที่พร้อมหลอมละลายใครหลายๆคนไม่เว้นแม้แต่หัวใจของเธอ
แต่เมื่ออยู่ร่วมกันร่วมเดือนความรู้สึกนั้นก็เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของใจเพราะยอมรับว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่เคยสนใจเธอ รวมไปถึงไม่เคยสนใจใครในแง่นั้นเลย มีเพียงความสุภาพและห่างเหิน เจ้าขกสุนัขพันทางตัวใหญ่นั่นเสียอีกที่ชายหนุ่มให้ความสนใจมากกว่าพวกเธอ
บางครั้งเธอก็เคยคิดอยู่หลายแวบว่าคุณหญิงสุดาคงแก่ชราจนเลอเลือนและเพี้ยนไปสักหน่อยที่ทำราวว่าหริชา และหัสนัยผู้มีวาจาเป็นอาวุธ เป็นรจนาที่ต้องเลือกคู่เมื่อถึงอายุอันควร หน้าที่ของเธอในเวลานี้จึงมีเพียงพยายามตีสนิทและโน้นน้าวให้หริชายอมปันที่ดินส่วนหนึ่งเพื่อให้พ่อของเธอได้สร้างรีสอร์ทสมใจก็เป็นพอ อาณาเขตที่กว้างใหญ่ที่มีพืชไร่พืชสวนเป็นทิวแถวน่ามองหากได้แบ่งมาเป็นรีสอร์ทก็จะยิ่งทำให้เป็นจุดขายได้เป็นอย่างดี
เบญจพรมองพี่เข้มของเธอด้วยแววตายกย่องไม่ผิดไปจากคนอื่นๆ ความรู้สึกที่เธอมีให้หริชาไม่ได้เป็นเพียงความเคารพดุจดังพี่ชายแท้ๆ หากแต่เข้าขั้นหลงใหล ความสุภาพและเอาใจใส่พอเหมาะพอควรสามารถเป็นที่ปรึกษาให้เธอได้ในทุกเรื่องไม่ได้ทำให้เธออึดอัดใจที่จะอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ กลับอบอุ่นใจอย่างมากมาย ปัญหาของครอบครัวเธอที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่เกิดจากการใช้จ่ายที่เกินตัวของคนในครอบครัว การที่ได้หลุดออกมาจากวงจรนั้นเป็นสิ่งปรารถนาของเธอ หากว่าไม่เกรงใจเธอแทบอยากให้คุณแม่ผู้อ่อนแอได้เข้ามาอยู่ในบ้านไร่แห่งนี้ด้วย
และเธอก็มีความหวังลึกๆว่าหากหริชาไม่พึงพอใจหญิงสาวคนใดเลย เธอที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกับหริชาที่สุดก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีหากจะต้องแต่งงานเพื่อให้คุณหญิงสุดาสบายใจ ส่วนหัสนัยนั้นเหลือจะรับสำหรับเธอ
นิรชาก้มหน้านิ่งจนไม่มีใครสามารถอ่านความรู้สึกของเธอได้ ส่วนหนึ่งเธอเลียนแบบมาจากหริชา เธอเป็นผู้ที่มาอยู่ที่นี่ก่อนทุกๆคน
“ตาโจ้ล่ะวันนี้คงสายตามเคยสินะ”
หัสนัยน้องชายแท้ๆมาช่วยงานหริชาเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากที่จบรัฐศาสตร์มาหลายปีแต่ไม่ยอมทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง เป็นคนที่ดูเหมือนจะจับจดแต่หากหริชาสั่งการก็ทำทุกสิ่งได้สำเร็จลุล่วงทุกครั้ง แต่มักจะอยู่ไม่ติดบ้านนักคือคนที่คุณหญิงสุดาบ่นถึง
เพียงไม่กี่นาทีเสียงฝีเท้าที่ดังโครมๆก็ดังใกล้เข้ามาจนหญิงสาวทั้งหลายแอบอมยิ้ม แม้แต่คุณหญิงสุดาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆหลานท่านคนนี้บางครั้งก็ตลกน่าขัน บางครั้งก็กวนใจจนน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน
“พ่อพระเอกลิเกของฉัน พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ” หัสนัยเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนทั้งโต๊ะ ชายหนุ่มร่างสะโอดสะองผิวขาวเสียยิ่งกว่าหริชาเดินมาทรุดตัวนั่งใกล้พี่ชาย
“หัวเราะอะไรกันหรือครับพี่เข้ม”ดวงตาเรียวจ้องมองพี่ชายของตนบ้องแบ๊วราวกับจะไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน
“หรือว่าคุณย่าอารมณ์ดีที่พี่เข้มเลือกคู่ได้สักที” เสียงหัวเราะฮี่ๆกวนประสาททำให้หริชาที่มีสีหน้าเรียบเฉยกระทืบไปที่ปลายเท้าผู้เป็นน้องอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ เรียกเสียงโอดโอยให้กับฝ่ายนั้นจนทำให้คุณหญิงสุดาพลอยหัวเราะหึหึไปพร้อมกับที่หญิงสาวทั้งสามหน้าแดงก่ำทั้งเขินทั้งขำ ใบหน้าซับสีเรื่อขึ้นของนิรชาจ้องมองไปที่หัสนัยแล้วจึงส่ายหน้าในความขี้เล่นเสียจนน่าหมั่นไส้ และเป็นเช่นเคยที่ไม่เคยมีใครโกรธเขาลงสักทีไม่ว่าคำหยอกล้อนั้นจะฟังแล้วรุนแรงสักแค่ไหนก็ตาม
“พรุ่งนี้ทิพย์วรางค์จะมาถึงที่นี้แล้ว คงจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ได้ข่าวว่าเป็นนักเขียนไส้แห้งกำลังหาโลเกชั่นสวยๆมาใส่ในนิยาย เลยจะเอาทิวทัศน์บรรยากาศที่บ้านเราไปใส่ในนิยาย ทุกคนเว้นพ่อเข้มกับตาโจ้คงจะไม่รู้จักยัยทิพย์เพราะรายนั้นตั้งแต่พ่อแม่เขาแยกตัวไปอยู่ภาคกลางก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยร่วมๆสิบปีเห็นจะได้ เมื่อก่อนพ่อเขาเคยทำงานที่ไร่เป็นผู้ช่วยของลูกชายฉันส่วนแม่เขาก็เป็นลูกบุญธรรมของน้องสาวฉัน เขาก็เลยมีศักดิ์เป็นหลานฉันเหมือนกับที่ตาโจ้และพ่อเข้มเป็น” คุณหญิงสุดาพูดเรื่อยๆแต่ในความเรื่อยๆนั้นเหมือนจะบ่งบอกให้ทุกคนทราบถึงความสำคัญของหญิงสาวผู้จะมาใหม่
หัสนัยอมยิ้มด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวที่กำลังถูกกล่าวถึงคงไม่พ้นตกที่นั่งมาเป็นตัวเลือกให้พี่ชายของเขาอีกเป็นแน่โชคดีเหลือเกินที่เขาเป็นน้องและยังลื่นเป็นปลาไหลจนคุณยายละเว้นเอาไว้ไม่ตอกย้ำเช่นที่ทำกับพี่ชาย
คุณย่าไม่เคยละเว้นหญิงสาวทุกคนที่กรายเข้ามาในวงจรชีวิตของท่าน และเป็นแบบนี้มาร่วมหนึ่งปีเต็มๆทั้งยังคงจะเป็นต่อไปจนกว่าหริชาหรือเขาจะเป็นฝั่งเป็นฝาหรือไม่ก็จนกว่าท่านจะลาไปเฝ้าพระอินทร์อย่างถาวรเสียก่อน ซึ่งไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้นเพราะจะหมายถึงทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่งที่ต้องแบ่งไปยังมูลนิธิการกุศล ทิพย์วรางค์ที่เขาจำได้ดีเป็นเด็กผู้หญิงท่าทีแข็งกระด้าง ใส่แว่นตาหนาเตอะหุ่นก็เทียบได้กับไม้กระดานดีๆนี่เอง โตขึ้นมาอาจจะสวยขึ้นหรือแย่กว่าเดิมก็ไม่มีใครรู้ได้ คิดไปก็ให้อดสยองแทนพี่ชายไม่ได้
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จสามสาวต่างแยกย้ายกันไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออ่านหนังสือ หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์รับข่าวสาร เล่นเกมส์ออนไลน์ รวมไปถึงดูโทรทัศน์ฟังเพลงตามประสาสาวรุ่นสมัยใหม่
“ป้าดวงๆ ป้าว่าคุณทิพย์นี่จะชนะใจนายหัวได้ไหม ได้ข่าวว่าคุณเขาเคยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆใช่ไหมป้า”
“ไอ้สาลี่แกนี่ ยุ่งเรื่องเจ้านายจริง”
“แหมป้ามันน่าลุ้นจะตายใครจะมาเป็นนายหญิงของเรา ฉันว่าคุณนิรชาน่ารักที่สุดแล้วทำไมนายหัวไม่เห็นจะหือจะอือ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ป้าดวงใจได้แต่ส่ายหน้าหมั่นไส้ลูกมือที่เพ้อไม่เลิกก่อนจะเร่งให้ ช่วยกันเก็บจานชามให้เรียบร้อยเพื่อที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อนที่เรือนของตน
คนงานในคฤหาสน์ส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องของคนงานที่อยู่ในไร่ต่างมีบ้านเรือนไม้ที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กกลางไร่ซึ่งเป็นที่รวมตัวของคนงานทั้งหมดนับร้อยที่มีแต่เพิ่มไม่มีลดด้วยสวัสดิการและนโยบายที่สร้างความสมานสามัคคีให้โอกาสคนที่เคยผิดพลาดรวมไปถึงการเอาใจใส่ของเจ้านาย ไร่แห่งนี้มีแม้แต่รถรับส่งลูกหลานคนงานที่ออกไปเรียนในตัวอำเภอทุกคนสามารถเก็บเงินเพื่ออนาคตได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยการแนะนำของหริชา งานไร่ส่วนใหญ่จะใช้แรงงานของเครื่องจักรสลับกับแรงงานคนในการใช้งานที่ถูกส่วน
หริชาตรวจดูบัญชีรายวันก่อนจะอ่านรายงานสรุปพืชผลในแต่ละส่วนอย่างจริงจังในงานที่อยู่ในความรับผิดชอบก่อนจะเอนหลังปิดเปลือกตา ใจก็นึกไปถึงคุณย่าของเขาที่ไม่เคยละความพยายามทั้งยังผลักดันทุกวิธีการที่จะให้เขามีเหย้ามีเรือน ทำแม้แต่ยื่นข้อแม้ว่าหากเขาไม่ยอมแต่งงานก่อนท่านสิ้นสมบัติครึ่งหนึ่งจะยกให้การกุศลและครึ่งที่เหลือจึงจะแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยให้หัสนัยหนึ่งส่วนและเขาอีกหนึ่งส่วน แม้แต่หัสนัยก็พลอยเป็นไปด้วยเพราะหากเขาแต่งงานตามเงื่อนไขเจ้าตัวก็จะได้ส่วนแบ่งเยอะไปด้วย
“แน่ะๆ พี่เข้ม หลับตาคิดถึงยัยทิพย์ที่จะมาถึงพรุ่งนี้หรือครับ” ตายยาก...นี่คือสิ่งเดียวที่ผุดขึ้นในใจของหริชา
“เลิกลุ้นได้แล้ว พี่กับยัยทิพย์รู้จักกันดีเกินกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่นแกก็น่าจะรู้ ถึงจะไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วแต่ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“โธ่พี่ถ้าพี่แต่งงานเร็วๆก็เท่ากับฐานะของผมมั่นคงและมั่งคั่งขึ้นเท่านั้น จะไม่ให้ผมลุ้นได้ยังไง”หน้าตายียวนดวงตาที่เปล่งประกายความขี้เล่นทำให้พี่ชายได้แต่อมยิ้มมอง
"แกก็หาผู้หญิงมาแต่งเสียเองสิ"
"เรื่องอะไรผมเป็นน้องจะแต่งก่อนพี่ได้ไง" หัสนัยตอบหน้าซื่อๆ
“แกเองก็ไม่อยากให้ครึ่งหนึ่งของที่นี่ต้องกลายเป็นของคนอื่นไม่ใช่หรือ”
"เฮ้ย อย่ามาโยนลูกกันอย่างนี้สิคร้าบบบ ผมไม่เอาด้วยหรอก เป็นโสดดีจะตาย" เจ้าตัวส่ายหัวยิกๆ
"อย่าคิดว่าท่านหวังแค่พี่ และที่สำคัญถ้าพี่จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องเป็นเพราะความรัก ไม่ใช่เพราะเงินทอง ถ้าอีกครึ่งหนึ่งของที่นี่จะต้องเป็นของคนอื่นจริงๆพี่ก็อาจจะเสียดายแต่เรื่องความรักก็ต้องอยู่กับเราไปทั้งชีวิตเหมือนกัน ถ้าไม่รักหรือเขาไม่รักพี่เงินทองพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์” หัสนัยยิ้มให้กับความโรแมนติกของพี่ชายที่ผิดไปจากท่าทางที่เฉยชาเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องราวของความรัก แต่นั่นก็เป็นความคิดเดียวกันกับเขาเช่นกัน
“ว่าก็ว่าเถอะคุณย่าไม่น่าตั้งข้อแม้พวกนี้ขึ้นมาเลยจริงๆไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรของท่านอย่างกับในละครน้ำเน่าที่ย้อนยุคไปสักยี่สิบสามสิบปีหลานชายโตปุ๊บต้องรีบแต่งงาน”หัสนัยจิ้มผลไม้ในจานกระเบื้องที่ถูกจัดมาให้นายหัวของบ้านกินพลางวิจารณ์เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน
“แต่พี่เข้าใจคุณย่า แล้วพี่ก็หวังว่าคุณย่าคงจะอยู่กับพวกเราอีกนานจนเรื่องแต่งหรือไม่แต่งเป็นเรื่องไม่จำเป็นเลย” น้องชายพยักหน้าหงึกๆในสิ่งที่หริชาพูดก่อนจะลุกขึ้นเหมือนจะนึกขึ้นได้
“เออเกือบลืมไป พรุ่งนี้เฮียพจน์จะเข้ามาจับปลาครั้งที่สองแล้วนะพี่ผมว่าพี่ไปคุยกับเฮียพจน์หน่อยเถอะเมื่อวานจับไปยังไม่ส่งเช็คมาให้เราเลย คราวที่แล้วก็ยัง คราวก่อนโน้นก็เด้งไม่ใช่เหรอกี่ใบแล้วล่ะนี่”
“ได้ พี่ก็ตั้งใจอย่างนั้น” เสียงรับปากหนักๆของพี่ชายทำให้คนเป็นน้องโล่งใจแต่ก็อดบ่นไม่ได้ตามวิสัยคนปากเบา
“พี่ได้ข่าวหรือเปล่าว่าทำไมเขาถึงให้เช็คเราช้าขนาดนี้จนจะจับรอบใหม่ไปหลายรอบแล้ว ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร หรือจะเป็นเพราะปลาล้นตลาด”
“ไม่ใช่หรอก ไว้พี่จะคุยกับเขาเองพรุ่งนี้ เขาจะเข้ามาเมื่อไหร่ล่ะ”
“น่าจะเช้าเลยมั้ง ถ้าพรุ่งนี้พี่เข้มไปคุมเอง ผมขอเข้าเมืองหน่อยนะ”
“จีบสาวอีกล่ะสินายโจ้ คราวนี้คนไหนล่ะ” คนเป็นพี่หัวเราะลั่นเพราะรู้ทันน้อง
“เฮ้ย พี่ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”น้องชายบ่นอุบอิบก่อนจะเดินผิวปากหวือเดินออกจากห้องไปปล่อยให้หริชาหัวเราะหึหึๆตามไป เมื่อน้องชายเดินพ้นประตูหน้าที่ยิ้มกว้างก็กลายกลับเป็นขมวดนิ่ว
เห็นทีต้องเล่นไม้แข็งกับนายพจน์สักทีจิตใจที่เคยนิ่งสงบกลายกลับเป็นเครียดขึงเมื่อนึกถึงสาเหตุที่นายพจน์เบี้ยวหนี้...การพนันไม่เคยให้คุณกับใครแม้แต่คนที่ขยันขันแข็งการงานเมื่อถูกผีพนันเข้าสิง เงินที่เคยจับจ่ายคล่องมือก็ติดขัด นอกจากนี้แล้วการพนันยังทำให้คนบางคนเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนน่าเสียดาย แล้วยังทำร้ายหัวใจทำลายชีวิตคนรอบข้างได้เป็นทอดๆอย่างเลือดเย็น
โปรดติดตามตอนต่อไป
อิอิ คราวนี้เป็นเรื่องของพระเอกบ้างนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

93 ความคิดเห็น
-
#10 karaokeGirl (จากตอนที่ 2)วันที่ 25 สิงหาคม 2556 / 02:16พระเอกคือนายหัวใช่ไหมเนี่ย#100
-
#9 พัสสมน (จากตอนที่ 2)วันที่ 23 สิงหาคม 2556 / 09:18เมื่อไรจะเจอกันซะทีหว้า#90
-
#8 sebra (จากตอนที่ 2)วันที่ 22 สิงหาคม 2556 / 22:39อยากให้เจอกันไวไวจัง พระเอกกับนางเอก ^^#80