คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : what's happen to me?
หลังจากที่นัทสึกิลากเจ้าของชั้น 12 ทั้งชั้นอย่างท่านประธานคนสำคัญของสถาบันและคนสำคัญแห่งตึกไดม่อนขึ้นมาจนถึงหน้าห้องได้ ซึทนะก็ยังไม่ยอมเปิดประตูให้อยู่ดี จนทำให้มีการใช้กำลังแย่งชิงกุญแจที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมกันนิดหน่อย ถึงตัวจริงของซึทนะจะไม่ได้อ่อนแออย่างที่จัดฉากหน้าเอาไว้หลอกคนทั้งบางแต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญและว่องไวไปกว่าคนที่มีประสบการณ์การต่อยตีมาอย่างโชกโชนเช่นนัทสึกิ กุญแจห้องจึงถูกชิงไปได้ง่ายๆ ด้วยความไม่เต็มใจนัก
ซึทนะมองดูใบหน้ายียวนกวนประสาทที่ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างสะใจเมื่อได้กุญแจไปไว้ในมือพลางผิวปากไขห้องของเขาอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เขาเองกลับมีอารมณ์ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง! ไอ้หมอนี่ทำไมจะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเขาอยู่เรื่อยนะ เกลียดขี้หน้ากันตั้งแต่แรกพบ กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาที่เจอกันเมื่อไรได้ฉะปากกันเมื่อนั้น แต่ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้ต้องเจอกันอยู่ร่ำไป.... ล่าสุดในงานแข่งของโรงเรียนนั่นก็ทำให้อับอายขายขี้หน้าไปทั่ว ทั้งรูปทั้งคลิปร่อนเต็มอินเตอร์เน็ตจนไม่รู้ว่าต้องเอาหน้าไปแทรกไว้ตรงไหน พอคิดถึงริมฝีปากที่เข้าแตะสัมผัสถูกแก้มทีไร มันก็ทำเอาบริเวณผิวแก้มนั้นอุ่นร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเสียทุกครั้ง เหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเสมอ ทั้งๆ ที่ผ่านมาหลายวันแล้วแท้ๆ จะว่าไปเมื่อตอนเจอหน้ากันครั้งแรก พอรู้ว่าเราไม่ชอบให้ใครมาถูกตัวหมอนั่นก็รั้นและกวนโมโหกันอย่างอุกอาดด้วยการ....ที่ริมฝีปากของเราเหมือนกัน นั่นน่ะ ถึงไม่ใช่จูบแต่มันก็เหมือนถูกจูบไม่ใช่เหรอ บ้าจริง! แล้วเรามาคิดอะไรอยู่ได้เนี่ย
ตอนนี้ก็เหมือนกันถ้าคิดจะตะโกนหรือวิ่งลงไปบอกคนอื่นว่าถูกบุกรุกก็ทำได้ หมอนี่คงไม่มีวันได้มายืนหน้าระรื่นอยู่แบบนี้อีกต่อไปและตลอดไป คงถูกลงโทษติดฑัณบนไปแล้วแน่ๆ แล้วทำไมเราถึงไม่ทำนะ?
“นี่มันอะไรวะเนี่ย!”
นัทสึกิร้องลั่นอย่างคาดไม่ถึง ก็ใครมันจะไปคิดกันล่ะว่าไอ้คุณประธานคนเก่งและเป็นที่ชื่นชมของใครต่อใครมันจะ....จะ....จะ ซกมกได้ขนาดนี้ ห้องทั้งห้องยังกับรังหนู ไม่ก็เหมือนมีใครมาบุกปล้นแล้วรื้อข้าวของกระจัดกระจาย บนโต๊ะ เก้าอี้และตามพื้นถ้าไม่ใช่หนังสือ ชีทเรียน เอกสารงานของกรรมการนักเรียน ก็เป็นเสื้อผ้า ดีมันไม่แถมถ้วยมาม่าเข้าให้อีกน่ะ....อ้อ เจอแล้ววางเรียงตัวสวยเป็นทาวเวอร์อยู่ตรงซอกตู้นั่นเอง มีเพียงเตียงนอนเท่านั้นที่ดูว่างเปล่าพอจะแลนด์ดิ้งลงไปนั่งได้ นี่สินะที่เขาเรียกว่า “สวยแต่เปลือก” น่ะ เละเทะสร้างภาพเป็นบ้า นี่ถ้าถ่ายรูปแบ๊คเมล์บอกว่าเป็นห้องของประธานนักเรียนสถาบันชื่อดังอย่าง SIT-T จะมีใครเชื่อเราหรือเปล่าวะเนี่ย
“บุกรุกห้องคนอื่นแล้วยังจะ อ๊ะ!”
ยังไม่ได้ทันได้เถียงก็โดนลากดึงมาเหวี่ยงไว้ที่เตียงนอนเสียแล้ว
ครั้นพอเหวี่ยงไอ้คนป่วยลงนั่งที่เตียงได้ นัทสึกิก็ใช้ฝ่ามือจับศีรษะของซึทนะแล้วกดลงไปกับหมอนเพื่อบังคับให้ลงนอนกับเตียงพลางคว้าผ้าคาดปากนั้นออกและวางไว้แถวข้างตัวนั้น
เดี๋ยวนะ! สถานการณ์แบบนี้ หระ หระ หรือว่า!!
“เดี๋ยวนะ จะทำอะไรน่ะ ฉันสู้นะ!”
“อะไร?........”
แววตาที่ตกตื่น เหงื่อที่เริ่มไหลซึมออกมาตามผิวหนังทำให้นัทสึกิที่เห็นอาการนั้นของซึทนะหัวเราะหึหึ ก่อนใช้มือทั้งสองข้างคว้าจับกระชับข้อมือเล็กบางของคนๆ นี้ ขืนรั้งลงแนบสนิทกับพื้นเตียงก่อนโน้มหน้าลงไปใกล้จนจมูกแทบจะชนจมูกอีกฝ่าย แต่ก่อนที่อะไรๆ จะเกิด...คนที่ถูกจับล็อคดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ก็สะบัดหน้าหลับตาปี๋หันไปอีกทางโดยไม่ปริปากให้ได้ยินเสียงแม้สักนิด มือที่จับล็อคข้อมือบางสัมผัสได้กับแรงสั่นไหวน้อยๆ ของร่างกายนี้ ลมหายใจที่บัดนี้เป่ารดลงไปบนแก้มนิ่มที่ห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นต์ได้กลิ่นหอมจางอ่อนจากผิวนวลของอริศรัตรู จนเกือบเผลอไผลลืมตัวจรดปลายจมูกให้ลงแตะกับนวลเนื้อนั้นเพื่อสูดกลิ่นหอมที่ยั่วยุกวนใจกันอยู่ในขณะนี้
“โหยย ฉันไม่พิศวาสนายถึงขั้นปล้ำกันหรอกนะ ดูละครมากไปป่ะเนี่ยท่านประธ๊าน ฮ่าๆๆ เอ๊ะ หรือว่าอยากให้ทำจริงๆ”
ต่อเมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืน นัทสึกิจึงคลายมือและเดาะลิ้นเสียงลั่นเพื่อเรียกให้ซึทนะลืมตามามองดูกันก่อนบอกคำยียวนล้อเลียนเช่นปกติทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม........ไม่ต่างอะไรกับซึทนะเองด้วยเหมือนกัน
“คะ คะ ใคร ใครเขาคิดอกุศลอะไรแบบนั้นกัน!”
“เรอะ! แล้วคิดว่าฉันจะทำอะไรนายกันไหนว่ามาสิ”
นัทสึกิยิ้มและกอดอก จ้องหน้าซึทนะที่ทำท่าอึกๆอักๆ กระวนกระวายใจกลอกตามองไปทางอื่นโดยที่ไม่สบตากันแม้แต่น้อย พลางกัดเม้มริมฝีปากของตนอย่างครุ่นคิด....อืม เวลามันหลุดฟอร์มโดยไม่รู้ตัวนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะหมอนี่ นายน่ะอ่านง่ายจะตายไป คิดอะไรอยู่ทำไมฉันจะไม่รู้กัน
“นาย นาย นาย”
“ติดอ่างเหรอนาย”
“ฉันไม่ได้ติดอ่าง!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ นายนี่มันตลกเป็นบ้า”
เมื่อแกล้งจนพอใจแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาจนดังลั่น ก่อนลุกลงจากเตียงและสำรวจห้อง ใช่แล้วล่ะที่นั่งกันอยู่นี้คือส่วนของห้องนอนที่แยกตัวออกมาอย่างเป็นเอกเทศจากห้องหลัก มีประตูกั้นอย่างเป็นทางการต่างจากห้องอื่นที่เป็นเพียงทางเข้าห้องแต่ไม่มีบานประตูกั้นไว้ ทั้งที่ห้องใหญ่อันโอ่โถงโอฬารอลังการนี้แบ่งห้องทำงานและห้องเก็บของไว้ให้ใช้งานเปล่าๆ อีกห้อง แต่ซึทนะก็กลับยกเอาทุกสิ่งมาอัดรวมกันอยู่ในห้องนอนนี้เพียงห้องเดียวจนมันดูน่าอึดอัดไม่สบายตา แสดงให้เห็นถึงนิสัยเจ้าห้องที่ถ้าไม่ขี้เกียจลุกไปไหนต่อไหนเลยจัดยัดรวมไว้ห้องเดียวก็คง...เป็นพวกขี้เหงาไม่อยากเห็นตัวเองอยู่ในห้องกว้างขวางเพียงลำพังแน่ๆ .......ซึ่งอย่างหมอนี่คาดว่าตัดเหตุผลที่สองออกไปเถอะต้องเป็นเหตุผลแรกแน่นอนสำหรับมัน ไปๆ มาๆ การรักสบายจับยัดทุกอย่างให้มาอยู่รวมกันมันเลยกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคที่ทำให้เจ้าตัวป่วยง่ายเสียขนาดนี้ไม่รู้ว่าจะสมน้ำหน้าหรือจะสงสารกันดี
จริงสิ ยังดีที่ห้องตรงกลางยังคงสะอาดเอี่ยมไม่มีแม้รอยฝุ่นผงคาดว่าอาจมีไว้สำหรับต้อนรับแขกหรือเหล่ากรรมการนักเรียนที่มามีทติ้งกันนอกรอบ แต่เท่าที่ฟังจากทาคุมิมาดูเหมือนว่าประธานคนปัจจุบันหรือซึทนะนี่ ไม่เคยให้ใครเข้ามาที่ห้องหรือชั้นบนนี้มาก่อน แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน นี่มันเพิ่งเปิดเรียนได้ไม่นาน เลยอาจยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการก็เป็นได้ จึงไม่ได้ใช้รับแขก แม่บ้านเองก็ขึ้นมาทำความสะอาดให้เพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ซึทนะคงให้แม่บ้านทำความสะอาดแต่บริเวณที่จำเป็นโดยเว้นห้องนอนของตัวเองไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่งย่ามได้ อื้อ มันคงเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะไม่งั้นมันจะรกขนาดนี้เหรอ!
นัทสึกิใช้เท้าเขี่ยๆ แหย่ๆ ไปตรงพื้นที่ปราศจากสิ่งของ .........ซึ่งมันก็มีอยู่น้อยมากๆ คล้ายทหารผ่านศึกที่ต้องเดินหลบกับระเบิดยังไงยังนั้น เดินจนมาถึงตู้เย็นขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรในนั้นนอกจากขวดน้ำหรือแก้ว น้ำแข็งก็ไม่มีให้เห็น นัทสึกิจึงหยิบขวดแก้วออกมาหนึ่งขวดแล้วแปะลงไปบนหน้าผากของคนป่วยบนเตียง
“ไม่บายนานยั้งเนี่ยนาย?”
“............”
“ไม่ตอบ.... จากติดอ่างพัฒนามาเป็นใบ้แทนหรือไง เอ้า จับไว้ ถ้ามันเย็นมากหรือว่าชาก็หาผ้ามาคลุมขวดหน่อยก็ได้”
“...........”
ชายหนุ่มปล่อยมือจากขวดแล้วให้คนป่วยถือเอาไว้ ส่วนตัวเองก็ลุกเดินไล่เก็บเอกสารบนพื้น เก็บกวาดไปเรื่อยๆ ตามที่เห็นว่ามันขัดหูขัดตาตัวเอง เห็นอย่างนี้แต่จริงๆ นัทสึกิเป็นคนมีระเบียบมากคนนึงเลยล่ะผิดกับภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาให้เห็นหรือตามที่สายตาคนอื่นมองมา ยิ่งพอมาเห็นความไร้ระเบียบไร้แบบแผนอะไรอย่างนี้แล้วมันอดไม่ได้ ที่จะต้องเก็บ เก็บ และเก็บไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นห้องของตัวเองหรือว่าของใคร
“ตกลงนายขึ้นมาที่ห้องฉันทำไม”
ซึทนะที่นอนดูและประเมินพฤติกรรมฝ่ายตรงข้ามอยู่เป็นนานสองนาน อดไม่ได้ที่จะอยากรู้คำตอบของคำถามในใจตัวเองนี้จึงเอ่ยถามเจ้าคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของให้เข้าที่
“ก็พูดได้นี่หว่า นึกว่าเป็นใบ้ไปแล้ว”
“อย่ามากวนโมโห”
“อยากมาดูห้องกับชั้นนี้ก็แค่นั้น ฉันมันพวกขี้เสือกอะไรที่ห้ามๆ มันน่าสนใจนักล่ะ นายว่ามั้ยล่ะ”
นัทสึกิก้มเก็บของต่อไป กระทั่งเจอกองแผ่นซีดีที่วางกองสุมรวมกันจึงกอบๆ และจัดเรียงเป็นตั้งให้ใหม่เหมือนเดิม
“นี่! ซีดีฉันของแท้ทั้งนั้นนะระวังหน่อย!”
“เออ” นัทสึกิตอบรับสวนขึ้นมาพร้อมไม่ยุ่งกับกองซีดีนั้นอีก
“เห็นแล้วก็ไปสักที ป่านนี้รุ่นพี่คงทำรายงานการบ้านเสร็จแล้ว แล้วก็ช่วยออกไปให้เงียบๆ ด้วยอย่าให้ใครเห็นว่านายโผล่ขึ้นมาบนนี้เป็นอันขาด”
“อะไรวะ เป็นเจ้าของห้องยังไงเนี่ย พ่อแม่สอนมารยาทมาป่าว ออกปากไล่แขกแบบนี้ได้ไงกัน”
พูดออกไปแบบนั้นร่างบางที่อยู่บนเตียงก็ลุกเดินตรงเข้ามาหาแล้วจับคอเสื้อด้านหลังรั้งให้ลุกขึ้นยืนและเดินตามออกมายังหน้าประตูห้อง
“ฉันว่าฉันแยกออกนะระหว่าง “แขก” กับ “ผู้บุกรุก” น่ะ และตอนนี้ก็หมดเวลาทัศนศึกษาของนายแล้ว กลับห้องไปซะ แล้วอย่าขึ้นมาที่นี่อีก วันนี้ฉันจะอนุโลมให้ แต่ถ้ายังขืนพังประตูฉุกเฉินเข้ามาอีก คราวนี้ฉันจะติดฑัณบนนายแน่ๆ นัทสึกิ โช!”
“เรอะ! กลัวตัวสั่นเลยว่ะ .....เออไปแล้วขอบคุณสำหรับการพาเยี่ยมชมความซกมก ที่เก็บให้นั่นไม่ได้อยากทำหรอกนะแต่เห็นแล้วมันอดไม่ได้แค่นั้นแหละ! ไปล่ะ!”
แล้วไอ้ตัวป่วนก็เดินเอามือประสานไว้บนศีรษะผิวปากเดินส่ายอาดๆ อย่างกวนโอ๊ยไปตามทางเดิน ก่อนจะหยุดชะงักและหันกลับมาหาซึทนะที่กำลังจะปิดประตูห้อง
“อย่าลืมกินยาก่อนนอนล่ะ หายไวๆ นะนาย เหงาปากชิบ... ไปล่ะ”
ก็นิสัยมันเป็นคนแบบนี้นี่นา เห็นใครป่วยไม่ได้ถึงจะเป็นไม้เบื่อไม้เมาเกลียดขี้หน้าและปากกันมากก็ตาม เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ที่เก่าทั้งหลายแล้วล่ะมั้งไอ้นิสัยห่วงชาวบ้านทั้งที่ไม่ใช่เรื่องอะไรของตัวเองน่ะ แถมทุกครั้งยังนำพาความเดือดร้อนมาให้เสมอ ไม่รู้จักเข็ดจักจำเสียที อืม....แต่ตอนที่จับตัวหมอนั่นแล้วรู้ว่าป่วยจริงก็อดรู้สึกผิดไม่ได้เหมือนกันนะ ที่คิดไม่ดี กร่นด่าหาว่ามันป่วยการเมืองเพื่อหลบเลี่ยงข่าวให้เราเผชิญอยู่คนเดียว ยิ่งได้เห็นการใช้ชีวิตของหมอนี่ด้วยแล้ว....ยิ่งปล่อยไม่ได้เข้าไปใหญ่ ตอนที่หมอนั่นไม่มาเรียนมันก็แอบโหวงๆ ในใจไปเหมือนกัน ทุกทีต้องได้ทะเลาะกันไม่ตอนเช้าก็ต้องตอนเย็น พอขาดไปเหงาปากเป็นบ้า
เอาล่ะๆ จะยอมถอนคำพูดที่ว่าหมอนั่นเป็นประเภทที่เกลียดที่สุดแล้วลดลงมาเป็น....เป็นอะไรดีล่ะ? ....เป็น..... คู่ต่อสู้ที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ก็แล้วกันนะเพราะเอาจริงๆ ก็ไม่ได้เกลียดกันขนาดนั้นซะหน่อยน่ะ แค่ไม่อยากพูดดีด้วยก็เท่านั้นเอง.....ว่าแต่ถ้าหมอนั่นคิดจะร้องโวยวายว่าเราบุกรุกห้องหรือว่าจับมันลากถูลู่ถูกังขึ้นห้องไป มันก็ทำได้ทำไมถึงไม่ทำ
ร่างสูงโปร่งนั้นค่อยๆ ลับหายไปจากทางเดินบนชั้นสิบสอง พร้อมกับเสียงปิดงับประตูห้องเพียงห้องเดียวของชั้น....ซึทนะยังคงถือขวดน้ำแปะอังไว้บนหน้าผากและล้มตัวลงนอนหงายหลังตึงกับเตียงมองโคมไฟบนเพดานอย่างครุ่นคิด มาเก็บห้องให้ บังคับให้นอน เอาของเย็นประคบหัว แล้วยังมาบอกบังคับให้ไม่ลืมกินยาก่อนนอนนี่มันหมายความว่าไงกัน?.... อยากถามแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป รอยยิ้มยามที่แกล้งให้เราโกรธหรือโมโหได้สำเร็จมันติดตาเป็นภาพที่สลัดเท่าไรก็เอาไม่ออกเสียที นี่มันอะไรกันน่ะ?? เจ้าบ้านั่นทำอะไรลงไปนะ ไม่เข้าใจจริงๆ
ความคิดเห็น