ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มี Ebook [Yaoi] D.O.D (Deva or Devil)

    ลำดับตอนที่ #8 : ใครคือ S.SIN

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 55


     

                    “ในตึกขาวของเรา คนที่เขียนได้ด้วยมือทั้งสองข้างมีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น”

                    นัทสึกิหัวใจลุ้นระทึกรอฟังคำจากรุ่นน้องและเพื่อนร่วมชั้นปีทั้งสี่คน ใครกันล่ะคือ S.SIN คนนั้น ใครกันที่แต่งเพลงได้ประทับใจกันถึงขนาดนี้ จะเป็นพวกเด็กปีหนึ่งที่เข้าใหม่หรือเปล่า หรือว่ารุ่นเดียวกันกับเรา? หรือ...ไม่น่ะ อาจจะเป็นรุ่นพี่ชมรมดนตรีสักคนก็เป็นได้ ใครล่ะ? ใครกันนะ ถ้าหากรู้ตัวแล้วจะวิ่งไปหาแล้วบอกว่าเราชื่นชอบผลงานที่เขาแต่งมากๆ แล้วก็ขอให้มาเข้าร่วมฟอร์มวง ทำวงด้วยกันดีหรือเปล่า? ความรู้ ความสามารถด้านดนตรีของเราก็ใช่ว่ามันจะด้อยอ่อนค่านะ ก็พอจะมีอยู่พอสมควร เขาคงไม่รังเกียจ.... แต่ แต่...แล้วถ้าโดนปฏิเสธล่ะ?

                    จากที่ลุ้นคำตอบว่าใครคือตัวจริงของ S.SIN กลับกลายเป็นเวิ่นเว้อคิดเพ้อเจ้อต่างๆ นานาอยู่คนเดียวว่าจะอย่างนั้นจะอย่างนี้จนปรับอารมณ์ตัวเองแทบจะไม่ถูก

                    “นัทสึกิคุง ตกหลุมรักอยู่แน่ๆ กำลังมีความรักใช่มั้ยครับ”

                    “นั่นสิ”

                    “เห?”

                    พอทาคุมิเอ่ยแบบนั้น เลยทำให้ได้สติจากที่ฝันหวาน ฝันร้าย ฝันหลอนตัวเอง ตื่นเต้นและร้อนรนผสมปนเปในความรู้สึกขณะนี้ เออ....สงสัยจะตกหลุมรักจริงๆ

                    “สักทีๆ อย่ามัวอ้อมค้อมโอ้เอ้ให้ตื่นเต้น ตกลงสองคนที่ว่าเป็นใครกันวะ?”

                    “ตะคอกใส่กันแบบนี้ ตกใจนะเนี่ย มันทำให้ความสามารถในการจดจำชื่อหายไปได้ง่ายๆ เลยนะ โอ๊ย นัทสึกิคุง ชอบใช้กำลังอ่ะ!!!!

                    อากิระแซวนัทสึกิและยังคงเล่นลิ้นต่อไปทำให้ชายหนุ่มทนไม่ไหวยกไม้เหงกประเคนให้ไปหนึ่งครั้งถ้วน

                    “ถ้าวันนี้ ตอนนี้ พวกแกยังไม่พูดอะไรนะ ฉันจะอัดให้น่วมจริงๆ”

                    “ฮ่าๆ โอเค พอสักทีไอ้พวกสามแสบพวกนี้ เลิกแกล้งรุ่นพี่นายได้สักทีสนุกกันเกินพอแล้ว ฉันบอกนายเองก็แล้วกัน เพราะขืนรอฟังจากไอ้พวกนี้ ทั้งอาทิตย์จะได้รู้มั้ยก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ”

                    “ฉันก็ไม่คิดจะหวังพึ่งพวกมันอยู่แล้ว ว่าไงชินยะ”

                    “สองชื่อที่สามารถเขียนได้ด้วยมือทั้งสองข้าง ความจริงอยู่ไม่ไกล แล้วก็ไม่ใกล้พวกเราเลย นายต้องตกใจมากแน่ๆ”

                    “โอ๊ยยยย บอกมาสักทีเถอะ ตกใจจนจะหายตกใจ หายตื่นเต้นแล้วววววว”

                    “ทั้งสองคนเป็นคนของสภานักเรียน คนแรกคือ ฮายาชิ มิซึกิ เลขาสภานักศึกษาคนปัจจุบัน”

                    “จอมโหดนั่นน่ะนะ!!!

                    พอได้ฟังชื่อจบ นัทสึกิก็ให้ถลึงตาและนั่งนึกภาพรุ่นพี่ตัวเล็กๆ ที่ถึงแม้จะหน้าตาดีแต่ก็ชอบทำหน้าตาขมึงทึงโหดใส่ทุกคนที่เข้าใกล้หรือเมื่อทำอะไรให้ไม่ถูกใจ กำลังบรรจงจรดปากกาเขียนเนื้อเพลงที่มีถ้อยความสละสลวยลงไปบนสมุดโน้ตเล่มเล็กในมือเขานี้......แค่คิดก็....บรื๋ออออ

                    “อย่าดูถูกไป รุ่นพี่มิซึกิน่ะขาโหดจริงแต่ก็ว่าไม่ได้ ปล่อยผ่านไม่ได้นะ มีรุ่นน้องบอกไว้เหมือนกันว่ารุ่นพี่มิซึกิเคยเล่นเบสให้กับชมรมดนตรีอยู่พักหนึ่ง เก่งขั้นเทพเชียวล่ะแต่ก็ไม่อยู่ประจำชมรม กลับร่อนไปร่อนมาเข้าออกชมรมโน้นนี้เป็นว่าเล่น เรียกว่า มีความสามารถมากมายจนไม่ยึดติดอยู่กับชมรมไหนเลย อยากเมื่อไรก็ไปเมื่อนั้น ที่สำคัญ อย่าลืมว่าที่นี่คือที่ไหน? นี่มันสถาบัน SIT-T นะ ไม่พิเศษจริงๆ อยู่ไม่ได้ สถาบันที่รวมเอาคนเก่งและผู้มีพรสวรรค์ระดับท็อปเอาไว้ด้วยกัน”

                    “ถึงนายจะว่างั้นก็เหอะชินยะ แต่ฉันว่ามันก็ยังคงน่าสยดสยองอยู่ดี... คนแบบนั้นน่ะนะจะเขียนเพลงพวกนี้ได้... แล้วอีกคนล่ะใครกัน?”

                    ชินยะระบายยิ้มบนริมฝีปากและหัวเราะลงคอเบาๆ

                    “คนๆ นี้ พอนายได้ยินชื่ออาจถึงขั้นช็อคไปเลยก็ได้”

                    “ใครวะ?”

                    “ใกล้ตัวมากเลยครับ ผมว่านัทสึกิคุงต้องปลาบปลื้มมากแน่ๆ ถ้าเป็นคนๆ นี้ ฮ่าๆๆ”

                    ซาคิโตะกล่าวคล้ายสมน้ำหน้ากันพิกล

                    “ใช่ๆ ผมว่านะครับ พอนัทสึกิคุงรู้แล้วอาจจะไม่อยากได้ตัวเลือกอื่นอีกเลยก็ได้ คิกๆๆ”

                    ทาคุมิกลั้วหัวเราะ

     

                    “ขอชื่อครับเพื่อน”

                    “ผู้มีความสามารถทางด้านศิลปะ.....”

                    “อะไรนะ???? อย่าบอกว่าไอ้เจ้าผี...”

                    “อึ๊ อือ ใจเย็นสิยังไม่ทันพูดจบเลย แทรกขึ้นมาแล้ว เสียมารยาทจริง.... ฉันกำลังจะบอกว่า ผู้มีความสามารถทางด้านศิลปะเฉพาะทางการดนตรี หนึ่งในสิบอัจฉริยะที่หาตัวจับยากของยุค ชายผู้เคยดำรงตำแหน่งรองประธานนักศึกษาเมื่อปีที่แล้วหรือที่ขณะนี้กำลังดำรงตำแหน่งคณะกรรมการของหอเรา ที่สำคัญ...เป็นรูมเมทของนายด้วย”

                    “รุ่นพี่ โก!!!

                    “เยส ซาคาโมโต้ โก รุ่นพี่ปีสามสุดฮอทและฉลาดหลักแหลมคนที่นายบอกว่าทำยังไงก็อ่านคนๆ นี้ไม่ออกน่ะ ฮ่าๆๆ”

                    ซาคาโมโต้ โก รุ่นพี่โก.... ที่นอนอยู่ห้องเดียวกันทุกวันเนี่ยนะ? รุ่นพี่ที่ท่าทางใจดี สุภาพ และเป็นมิตรกับทุกคน แต่ไม่ว่าเวลาไหนๆ ก็อ่านใจไม่เคยออกสักครั้ง ทั้งที่ผ่านมาเราเป็นคนที่อ่านใครไม่เคยพลาดแท้ๆ คนนั้นน่ะเหรอ?

                    “อัจฉริยะ เทพเปียโนมาจุติคนนี้ ฉันว่ามันลงตัวมากจริงๆ นะ ถ้าหากนายอยากจะตัดตัวเลือกที่เหนือความคาดหมายอย่าง มิซึกิเซมไป้ ออกไปน่ะ ฮึ”

                    “รุ่นพี่โก คือ S.SIN งั้นเหรอ? ..คนๆ นั้นน่ะเหรอ”

                    ถึงแม้รุ่นพี่จะเป็นรุ่นพี่ที่นิสัยดี น่านับถือ อัธยาศัยดีกับทุกคนและกับเขาเองก็ตาม การเรียนดี กีฬาเด่นเล่นบาสยังกับจับวาง ดนตรีก็เจ๋ง แต่.....ไม่ว่ายังไง คนที่อ่านใจได้ยากขนาดนั้น มันดูไม่น่าจะใช่คนที่เรากำลังตามหาอยู่เลยจริงๆ S.SIN คนนั้น ตัวจริงเป็นคนลึกลับ บุคลิกนิสัยแบบรุ่นพี่โกนี่จริงๆ น่ะเหรอ?

     

                    “......”

                    “......”

                    “ตกลงว่านายแอบหลงรักฉันแล้วจริงๆ สินะ รุ่นน้อง”

                    หลังจากถูกนั่งจ้องอย่างโจ่งแจ้งแบบไม่มีปิดปังกันตั้งแต่เดินกลับเข้าห้องมา จนมานั่งลงทำการบ้าน โกก็ระบายยิ้มน้อยๆ และเอ่ยถามคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงกอดอกมองตนไม่วางตาไม่ว่าจะเดินไปตรงส่วนไหนของห้องก็ตาม

                    “นั่นน่ะสิครับผมก็เริ่มสงสัยตัวเองแล้วเหมือนกัน”

                    นัทสึกิตอบ

                    “....โดนแฟนคลับไล่ตามจนไข้ขึ้นไปแล้วหรือไงนาย ฮะๆ”

                    “....รุ่นพี่ชอบร้องเพลงหรือเปล่าครับ”

                    “เอ๋???”

                    “รุ่นพี่เป็นนักเปียโนระดับเทพ แล้วเคยร้องเพลงหรือแต่งเพลงร้องเองบ้างหรือเปล่าครับ”

                    “เทพเลยเหรอ ฮ่าๆๆ ไปฟังเรื่องเพ้อเจ้อมาจากไหนอีกล่ะ จากพวกทโมนสามแสบปีหนึ่งกลุ่มนายหรือไง ฉันมันแค่เล่นพอได้เท่านั้นแหละ อย่าไปสนใจข่าวลือเลย”

                    “รุ่นพี่ก็งี้ ชอบปฏิเสธอยู่เรื่อย อันไหนจริงไหนหลอกผมก็จับไม่เคยได้อยู่ดี เมื่อไรถึงจะอ่านรุ่นพี่ได้กันนะ”

                    “......ฮะๆ”

                    โกหัวเราะร่วนลงคอแล้วหันกลับไปนั่งทำงานทำการบ้านของตัวเองต่อ

                    “รุ่นพี่ เคยแต่งเพลงหรือเปล่าครับ”

                    “เคยสิ ฉันเล่นดนตรีก็ต้องเคยแต่งเพลงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

                    “แล้วได้ทำเดโม่ออกขายหรือว่าส่งไปที่ไหนบ้างหรือเปล่าครับ”

                    “ถามทำไมกัน?”

                    เมื่อนัทสึกิดูจะกระตือรือร้นที่จะให้เขาตอบคำถามของตัวเองเป็นอย่างมาก โกจึงหยุดวางปากกาและหันกลับมาจ้องมองรุ่นน้องร่วมห้องด้วยท่าทางที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอาการใดๆ

                    “ก็..ก็....ไม่มีอะไร คือผมเองก็เล่นดนตรีเหมือนกันเลยเห็นว่ามีคนที่เก่งดนตรีแบบนี้อยู่ใกล้ๆ แล้วก็เลยอยากลองถามและขอคำแนะนำบ้าง...เท่านั้นน่ะครับ”

                    “..............”

                    ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็จ้องหน้ารุ่นน้องอีกสักครู่ก่อนหันไปทำงานต่อโดยไม่ตอบอะไรออกมาอีก

                    “รุ่นพี่....รุ่นพี่โก”

                    “....จะทำงานน่ะ ถ้านายยังชวนคุยอยู่แบบนี้งานฉันคงเสร็จไม่ทันแน่ เป็นไปได้ก็ช่วยออกไปเล่นกับพวกทโมนพวกนั้นสักพักแล้วค่อยกลับเข้ามาแล้วกันนะ”

                    น้ำเสียงที่เหมือนไม่มีอะไร พูดด้วยความเนิบช้าเป็นจังหวะฟังสบายแต่แรงกดดันที่อยู่รอบตัวกลับต่างออกไป เหมือนเรื่องที่ถามเป็นเรื่องที่ไม่อยากตอบ.... นั่นสิ ถ้ารุ่นพี่เป็น S.SIN มีหรือจะยอมบอกว่าตัวเองเป็นง่ายๆ น่ะ โง่จริงวุ้ยไม่น่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเลย จะไหวตัวก่อนมั้ยเนี่ย แล้วถึงขั้นออกปากไล่กันแบบนี้ คงหาเรื่องตะล่อมถามแบบวันนี้ได้ไปอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ล่ะมั้งถึงจะยอมพูดด้วยใหม่น่ะ เดินเกมพลาดเสียแล้วสิไอ้นัทเอ๊ย ไม่น่าเลยจริงๆ

                    “งั้นผมไม่กวนก็ได้ เดี๋ยวผมกลับมาแล้วกันรุ่นพี่จะได้มีสมาธิทำงานได้”

                    ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อยและเดินออกจากห้องไปทิ้งให้รุ่นพี่ที่นั่งทำงานอยู่เมื่อครู่หยุดมือในการทำงานเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และหมุนปากกาในมือกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด

                    “ความแตกแล้วหรือไงนะ...”

                    โกบ่นกับตัวเองและครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง

                    พอถูกไล่ออกมาจากห้องแล้วมันก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี นอกจากห้องพวกไอ้แสบ แต่ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งออกมาจากห้องมันถึงได้กลับไปห้องตัวแล้วนี่จะให้ไปห้องมันอีก ก็...เอาจริงๆ ก็เกรงใจอยู่เหมือนกัน บางทีมันก็อาจจะอยากคุยกันเองตามประสารูมเมทไม่ได้อยากให้เราไปข้องเกี่ยว เพราะช่องว่างระหว่างรุ่นด้วยแหละมั้ง เราเองบางครั้งยังไม่อยากจะให้ใครเข้ามาวุ่นวายมากๆ เลย แล้วพอเป็นแบบนั้นก็พาลให้ไม่รู้จะไปฝังตัวอยู่ที่ไหนดี ไปเรือนเพชรดีหรือเปล่า? แต่ๆๆๆ แต่แม่งก็ค่ำมืดดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังเข็ดจากไอ้วันแรกที่เข้าหอมาแล้วดักรอไอ้ผีบ้านั่นที่เรือนมืดๆ คนเดียวไม่หายเลย หลอนมาก! ว่าแล้วก็ไม่เห็นหน้ามันเลยไอ้ป่วยการเมืองเนี่ย ขึ้นไปแหย่มันดีหรือเปล่านะ...

                    พอนึกได้สมองก็สั่งการให้ขาก้าวเดินฉับๆ ไปยังบันไดหนีไฟที่จะขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกแล้ว เหล่มองดูว่าไม่มีใครแถวนี้ จึงเอื้อมมือไปยังที่จับประตูแต่ง้างเท่าไรก็ง้างไม่ออก ขยับๆ ดูบิดได้แต่กลับเปิดไม่ออกคล้ายมันไม่ได้ถูกใช้งานมานานมากแล้ว ไม่ได้ถูกล็อคแต่สนิมจับจนทำให้เหมือนกับเชื่อมต่อกันไปโดยปริยาย คนอย่างนัทสึกิทำอะไรแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด มันจะยากเกินแรงช้างสารของเราไปได้ไงวะ ถ้าประตูแค่นี้เปิดไม่ออกก็เสียชื่อ “นัทสึกิไอ้บ้าพลัง” หมดน่ะสิ

                    สองมือจับมั่น เท้าหนึ่งยึดพื้นอีกเท้ายกขึ้นยันผนัง พร้อมออกแรงดึงเต็มกำลัง

                    “ให้ช่วยมั้ย”

                    “ไม่....ต้อง...ย้ากส์~~~

                    ผั่วะ! ประตูถูกเปิดออกจนคนเปิดเซถลา พรูลมหายใจออกมาดัง ฟู่...เท้าสะเอวมองผลงานตัวเองอย่างชื่นชม

                    “เห็นมะ ก็บอกแล้วเรื่องใช้แรงน่ะถนัดนัก”

                    “เออ ชัดเจนเชียว ทำลายทรัพย์สินของสถาบัน”

                    นั่นสิ จะว่าไปแล้ว กูคุยอยู่กับใครวะ?

                    ขวับ! เมื่อนึกได้ว่ามีอีกหนึ่งแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ตรงนั้น นัทสึกิก็หันกลับมามองตามเสียงในทันใด คนคุ้นเคย....ที่ไม่ค่อยอยากเจอกันบ่อยนัก ยืนกอดอกคิ้วขมวดส่งสายตาตำหนิติเตียนกันอย่างไม่มีปิดบัง พร้อมด้วยหน้ากากอนามัยที่คาดปากไว้อย่างคนป่วย

                    “มาได้ไงวะ”

                    “ฝ่ายที่ควรตั้งคำถามน่าจะเป็นทางนี้ต่างหากนะ”

                    “ตรงนี้มันมีคนเดินผ่านด้วยเหรอวะเนี่ย”

                    นัทสึกิเอ่ยเสียงสูง ซึทนะเลยพยับเพยิบปรายตาให้ดูด้านหลังเสาที่เป็นจุดตรวจเช็คเวรของผู้ดูแลตึกในแต่ละคืน และคืนนี้ก็เป็นเวรของเขาเองเสียด้วย ทำไมจะต้องมาเจอไอ้หมอนี่เวลาที่ไม่อยากเจอหน้าผู้คนมากที่สุดกันด้วยนะ ไม่เข้าใจจริงๆ พอไม่อยากเจอใครหรือไม่อยากเจอเรื่องวุ่นวายก็จะต้องเป็นหมอนี่ทุกครั้งที่โผล่ออกมา

                    “แล้วออกมาเดินยามวิกาลแทนที่จะอยู่ในห้องพัก ถึงเป็นหอพักที่อิสระเต็มที่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกมาเดินเพ่นพ่านไปทั่วตึกได้แบบนี้หรอกนะ แถมยังทำลายทรัพย์สินของหออีก ฉันต้องลงบันทึกความผิดนายไว้นะแบบนี้”

                    นักศึกษาแต่ละคนจะมีคะแนนความประพฤติซึ่งแล้วแต่ว่าจะได้คะแนนหรือถูกตัดคะแนนจากอะไร การทำลายข้าวของหรือผิดกฎนี้ถือเป็นความผิดอย่างหนึ่งที่ต้องถูกจดบันทึกลงในสมุดประจำตัว และผู้มีสิทธิ์ลงบันทึกได้ก็คือคณะกรรมการผู้ดูแลหอเท่านั้น งานนี้ถือว่าซวยเต็มขั้นรับไปเต็มๆ เลยล่ะสองกระทงรวด

                    “เดี๋ยวสิ! จะมาตัดคะแนนกันแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย”

                    “ถ้านี่เรียกว่าไม่ผิด ฉันก็คงไม่ใช่ประธานนักเรียนแล้วล่ะ ถึงจะไม่ชอบขี้หน้านายแต่ฉันก็มีเหตุผลพอสำหรับเรื่องพวกนี้นะ อะไรผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก”

                    ซึทนะล้วงหยิบสมุดบันทึกของตัวเองออกมาแล้วเตรียมจรดปากกาจดความผิดของนัทสึกิลงไป แต่ก็ถูกเจ้าตัวคว้ามือหมับไม่ให้เขียนได้

                    “ก็รุ่นพี่โกไล่ฉันออกมาบอกว่าฉันทำให้เขาไม่มีสมาธิทำการบ้านนี่หว่า ถ้าจะผิดต้องไปโทษรุ่นพี่โกดิ ฉันไม่เกี่ยวนะเฟ้ย”

                    “ปล่อยมือ! รุ่นพี่ก็ส่วนรุ่นพี่สิ นายโดนไล่ออกมาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องการออกมาเดินเพ่นพ่านนี่สักหน่อยถ้าเขาไล่แล้วนายไม่ออกก็ได้แท้ๆ รู้กฎดีแล้วยังจะทำแถมขัดขวางฉันไม่ให้ทำตามกฎอีก เพิ่มข้อหา เอ๊ะ บอกให้ปล่อยมือ”

                    เสียงอู้อี้ที่ออกมาจากปากนั้นถูกปิดกั้นเพราะหน้ากากอนามัยที่ใส่อยู่ ยิ่งเมื่อสัมผัสมือที่อุ่นร้อนผิดปกตินี้ ถึงได้รู้ว่า.....

                    “ไม่สบายมากเหรอนายน่ะ”

                    “...อ๊ะ!

                     เมื่อจู่ๆถูกถามกันแบบนั้น เป็นใครก็งงได้เหมือนกัน ทะเลาะอยู่ดีๆ มาหยุดท่าทีแล้วทำเสียงอ่อนลงคล้ายห่วงใยกันซะได้ ใครมันจะปรับโหมดทันวะ

                    “ฉ... เรื่องของฉันน่ะ”

                    ซึทนะสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุมแต่มือนั้นก็แสนเหนียวหนึบไม่ยอมปล่อยเขาให้พ้นไปได้ ซ้ำยังใช้มือข้างที่เหลืออังลงบนหน้าผากสลับเทียบกับตัวเองหน้าตาเฉย ใจที่มันร้องโวยวายอยู่เมื่อครู่ยิ่งสั่นไหวและกรีดร้องหนักขึ้นกว่าเก่ามันเต้นระรัวราวกับจะต้องจับไอ้บ้าตรงหน้านี้เซ็นชื่อลงบนความผิดที่ก่อทั้งหมดในทุกข้อหาให้จงได้

                    “ไม่สบายจริงๆ ด้วยดิ นึกว่านายป่วยการเมืองซะอีก”

                    “ไม่ต้องยุ่ง”

                    “ไม่ยุ่งได้ไง ป่วยแล้วทำไมไม่นอนพักวะ เป็นงี้บ่อยป่ะเนี่ย ไอ้โรคขี้ดื้อตะแบงเนี่ยแก”

                    พลางคว้าแขนลากเดินเข้าไปยังประตูที่ตนเพิ่งจะพังไปเมื่อครู่

    “จะไปไหน เฮ้ย นี่มันเขตหวงห้ามนะ ฉันไม่อนุญาตให้นายขึ้นไปข้างบนนั่นนะ!!

    นัทสึกิหันกลับมามองหน้าเจ้าของชั้น 12 ทั้งชั้นอย่างซึทนะ โทชิยะ พลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและหันกลับไปเดินต่อ เป้าหมายไม่ต้องบอกก็รู้.....ห้องประธานนักเรียนชั้นบนสุดที่ไม่เคยมีใครได้ย่างกรายขึ้นไปก่อนได้รับอนุญาต..... ถึงวันนี้ไม่อนุญาต แต่ฉันก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว ขึ้นไปเยี่ยมชมห้องประธานนักเรียนคนนี้สักหน่อยจะเป็นไรไปนะ? ก็ถ้าหากจะโดนหักคะแนนความประพฤติคนอย่างนัทสึกิขอโดนหักด้วยข้อหาเจ๋งๆ ไปเลยทีเดียวแล้วกันวะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×