คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ของขวัญจากเพื่อนท็อปบ๊วย
เพียงชั่วข้ามคืนภาพและคลิปวิดีโองานแข่งขันประเพณีนัดแรกของสถาบันก็แพร่ สะพัดลงในอินเตอร์เน็ตเป็นร้อยๆ คลิป ทั้งในบอร์ดของสถาบัน นอกสถาบันและเว็บดังอย่างยูทูป แต่คลิปที่เด็ดที่สุดที่ถูกคลิกวิวเข้าไปดูสูงที่สุดในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น คลิปตอนประธานนักเรียนถูกหอมแก้มโดย นัทสึกิ โช ผู้เข้าแข่งขันตัวแทนจากตึกขาวและเป็นผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ หลายกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ทั้งที่แอนตี้และกรีดร้องได้ใจ นัทสึกิ กลายเป็นคนดังข้ามคืนในเวลาอันสั้น เพราะเป็นทั้งผู้ชนะการแข่งขันและเป็นผู้ชนะคนทั้งสถาบันในการพิชิตแก้มใสๆ ที่หลายคนหมายปอง
ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนจับจ้อง วิ่งมาขอจับมือบ้าง กล่าวทักทายคล้ายประหนึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก อยู่บ้านติดกันอะไรงั้นก็มี บางคนถึงขนาดขอฝากตัวเป็นลูกน้องคอยรับใช้หาข้าวหาน้ำมาให้ ถูกตามตื้อจากชมรมกีฬาต่างๆ โดยเฉพาะชมรมกรีฑาที่เห็นแววความคล่องแคล่วว่องไวและไหวพริบในการกระโดดหลบ หลีกสิ่งกีดขวาง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบตกลงที่จะอยู่ชมรมไหนในตอนนี้ บอกแต่เพียงว่าชมรมกลับบ้านเท่านั้นที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดพร้อมทำหน้า นิ่งใส่เท่านี้ทุกคนก็ถอยฉากหนีไปตั้
การสัมภาษณ์จึงเบนเข็มมาทางคนชิดใกล้แทนซึ่งก็หนีไม่พ้นกลุ่มท็อปบ๊วยของ เขา อากิระ ชินยะ ทาคุมิ และซาคิโตะ เรียกว่าพากันดังยกกลุ่มเพราะทุกคนต่างก็มีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อไม่ ต่างกัน
หาก ซึทนะ โทชิยะ คือสีขาวบริสุทธิ์ ชายหนุ่มในฝันที่ทุกคนหลงใหล แสนดี สุภาพเรียบร้อยพร้อมช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามาใกล้ .... นัทสึกิ โช ก็คือความดำมืดของยุค บุรุษซึ่งกล้าแกร่งไม่ใยดีความเป็นไปของโลกและของใครพร้อมทลายกำแพงที่ขวาง หน้า และเป็นแบดบอยตัวจริงเสียงจริงสำหรับทุกคน
ยิ่งลึกลับยิ่งมีเสน่ห์น่าหลงใหล จึงไม่แปลกอะไรที่ ณ ตอนนี้ นัทสึกิจะกลายเป็นไอดอลคนดังควบคู่ไปกับท่านประธานนักเรียนของสถาบัน ซึทนะ โทชิยะ ซะแล้ว ด้วยบุคลิกและลักษณะนิสัยที่ตรงข้ามกันของคนทั้งคู่ เลยถูกตั้งฉายาDiva and Devil ไม่ต้องบอกก็คงเดาได้ว่าใครได้ฉายาอะไรเพราะภาพลักษณ์ที่ทุกคนได้เห็นมันคือ สิ่งที่ทุกคนตัดสินลงไปแล้ว และนี่คือคู่ฮอทประจำสถาบัน SIT-T ในขณะนี้
ตู้ล็อคเกอร์ประจำตัวถูกเปิดออกพร้อมด้วยจดหมายโปสการ์ดและสารพันดอกไม้ ของขวัญ ที่ล้นทะลักจนท่วมตัวเจ้าของล็อคเกอร์ ภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีก็มีกระทู้ถูกตั้งลงในบอร์ดพร้อมด้วยภาพนัทสึกิยืน นิ่งอยู่กับที่และถูกของขวัญกับจดหมา
สุดท้ายก็ต้องหาทางหนีผู้คนออกมาด้วยฝีเท้าที่ว่องไวและใช้สัญชาติญาณเอาตัวรอดของตนให้เป็นประโยชน์เพื่อหลบออ
ชีวิตคนดังที่ไม่เคยรู้จักตอนนี้ซึ้งแล้วว่าทำไมไอ้เจ้าผีกระบองเพชรนั่นถึงได้ชอบแอบหลบเข้ามาอยู่ในเรือนกระจ
แต่ก็มีที่ซ่อนเพียงที่เดียว ที่ถึงแม้ว่านัทสึกิจะเจอว่าซึทนะเข้ามาหลบภัยหนีจากความวุ่นวายทั้งหลายใน สถาบันนี้ เขาก็จะไม่มีวันบอกให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าหมอนั่นซ่อนอยู่ที่นี่ ที่เรือนกระจกแห่งนี้ ดินแดนสรวงสวรรค์ของพวกเรา..... นับจากวันที่มีการแข่งขันนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว ซึทนะไม่โผล่หัวมาที่นี่เลย ทั้งๆ ที่เป็นที่เดียวที่เขาจะได้อยู่อย่างสงบแท้ๆ วันแรกไม่เข้าเรียนด้วยอาการหอบ(การเมือง)ยังไม่หายดี วันต่อๆ มา งดสัมภาษณ์หรือถามใดๆ เพราะยังอ่อนแอเกินกว่าจะให้สัมภาษณ์ได้ อืม...มันก็ช่างสรรหาข้ออ้างจริงๆ ว่าไปแล้วก็เหงาปากเหมือนกันนะคิดว่ามันจะมาดักรอที่นี่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อ ด่ากันเสียอีก ที่ไหนได้เงียบเชียว ไปกินข้าวในโรงอาหารตึกเจ้าตัวก็ไม่ยอมลงมากินบอกว่าป่วยไม่สบาย ทำให้การเฉลิมฉลองชัยชนะของตึกที่ปราศจากประธานตึกผู้งามงดค่อนข้างกร่อยลง ไปนิดนึง...นิดจริงๆ เพราะมันหงอยห่อเหี่ยวแค่ตอนที่บอกว่าประธานไม่ลงมาร่วมด้วยแต่ฝากแสดงความ ยินดีกับทุกคน หลังจากนั้นก็แรดเฮฮากินดื่มกันไม่ยั้งอย่างลืมตายเช่นเดิม
“หรือวันนี้จะปีนขึ้นไปหาองค์หญิงบนหอคอยงาช้างดีวะเรา? ไม่ใช่สิ ปีนขึ้นไปหาแม่มดถึงจะถูก ฮ่าๆๆ”
ชายหนุ่มบ่นอยู่เพียงลำพังยามเมื่อนึกถึงสีหน้าตกใจของฝ่ายตรงข้ามเมื่อ เห็นตนขึ้นไปที่ห้อง ซึ่งก็แค่คิดเล่นๆ เฉยๆ เท่านั้นเอาเข้าจริงก็ไม่ไปหรอก หาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ นอนเฉยๆ อยู่ที่ห้องกินหนมดีกว่า คิดดังนั้นนัทสึกิก็ส่ายหน้าเดินออกจากเรือนเพชรกลับไปยังตึกเรียนตามเดิม
“นัทสึกิคุง!!!”
“เรียนชื่ออีกแล้ว! เรียกรุ่นพี่อยู่ได้กี่วันกันวะพวกแกเนี่ย!!”
“ก็มันเคยปากไปแล้วนี่นา นัทสึกิคุงก็อย่าถือสากันเลยสิครับ แหมก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพวกเราเคารพรักนัทสึกิคุงกันมากแค่ไหน”
ซาคิโตะและอากิระเกาะแขนแล้วเอาหัวซบไหล่จนทำให้นัทสึกิต้องสะบัดแขนออกก่อนตบกบาลรุ่นน้องไปคนละทีอย่างหมันไส
“ไปหารุ่นพี่ชินยะก่อนเถอะครับ รุ่นพี่มีอะไรจะเซอไพรส์นัทสึกิคุงด้วยแน่ะ”
ทาคุมิเสริมและพากันฉุดกระชากลากแขนนัทสึกิฝ่าฝูงชนที่พยายามจะเข้ามา ถ่ายรูปพร้อมเดินตามกันมาเป็นขบวน ทำให้นัทสึกิเหลืออดหยุดชะงักฝีเท้าก่อนหันไปตีหน้ายักษ์ตวาดเสียงลั่น
“ช่วยกลับไปร่ำไปเรียนกันสักทีได้มั้ย ขออยู่อย่างสงบบ้างเถอะนะ อย่าให้เห็นว่าใครตามมานะ ขอบคุณ”
สิ้นเสียงประกาศิตของนัทสึกิ เหล่าผู้คลั่งไคล้ก็ถึงกับนิ่งงันกันไปก่อนส่งเสียง “โห เท่ว่ะ” อย่างชื่นชมและส่งสายตาเป็นประกายระยับอย่างตั้งความหวังว่าฮีโร่ของพวกเขา จะหันกลับมาทำหน้าเข้มใส่อีกครั้ง..
“เดี๋ยวก็เสียฐานแฟนคลับหรอกครับนัทสึกิคุง ดุซะขนาดนั้น”
“นั่นสิครับ น่าสงสารแฟนคลับออก นัทสึกิคุงนี่ ใจร้ายจังเลยน้า”
“ไม่ควรทำตัวแบบนี้กับแฟนคลับนะครับ เดี๋ยวเขาจะพาลเกลียดเอาได้ต้องหลอกล่อยิ้มหวานไว้ก่อนสิครับ”
“งั้นให้ฉันเตะพวกแกสามคนระบายความรำคาญไอ้พวกนั้นทุกวันวันละห้าหกเวลารวมก่อนนอนด้วยมั้ยล่ะ”
“เชิญโมโหใส่แฟนคลับได้ตามสบายเลยครับ”
ทั้งสามคนพร้อมใจตอบและหัวเราะร่าอย่างสนุกสนานที่ได้แกล้งแหย่รุ่นพี่ขี้โมโหคนนี้
ทั้งสี่คนเดินมายังหลังห้องพยาบาลที่ชินยะนั่งรออยู่แถวพุ่มไม้ใหญ่ ที่ประจำที่ใหม่เวลาพักระหว่างคาบ
“มาแล้วคร้าบ มาแล้วคร้าบ คนดังประจำสถาบัน SIT-T มาแล้วคร้าบบบบ กว่าจะหาตัวเจอ กว่าจะดึงออกมาจากแฟนคลับได้เรางิแทบ โอ๊ยยยย เจ็บนะนัทสึกิคุง ทำไมถึงชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นเขาแบบนี้กันนะ!!” ทาคุมิโวยลั่นเมื่อถูกแพ่นกบาลลงไปเต็มรัก
“ให้ไอ้พวกบ้าพวกนี้ตามฉันมามีอะไรหรือเปล่า รีบร้อนแปลกๆ”
นัทสึกิเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมชั้นปีเดียวกันอย่างชินยะ
“อื้อ เป็นเซอร์ไพรส์ที่นายต้องตื่นเต้นจนเรียนวิชาต่อไปไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”
ชินยะกล่าวยิ้มๆ ทำให้ใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของนัทสึกิยุ่งเข้าไปกว่าเดิม
“อะไรวะ?”
พอบุคคลที่ทุกคนรอทำเซอร์ไพรส์ให้อยู่นี้ถามด้วยน้ำเสียงงงสุดพลัง อากิระ ทาคุมิ ซาคิโตะ ก็ยิ้มเผล่อย่างพึงใจลงไปนั่งขัดสมาธิล้อมวงข้างๆ รุ่นพี่ชินยะ นั่นทำให้นัทสึกิต้องลงไปนั่งแหมะด้วยตามน้ำไป
“ถือว่าเป็นของขวัญจากพวกฉันที่นายสามารถคว้าชัยชนะมาให้ตึกครั้งนี้ได้ก็แล้วกัน”
ชินยะหยิบสมุดปกหนังสีเทาขนาดตั๋วเดือนเล่มหนึ่งออกมาและส่งให้นัทสึกิพร้อมสามคนที่เหลือที่นั่งชะเง้อคอแอบลุ
“ฉันไม่ชอบเขียนบันทึกนะ? ไม่ชอบอ่านนิยายด้วย แล้วก็ไม่ชอบจดอะไรเพราะมันยุ่งยาก”
“ขี้เกียจก็บอกมาเหอะครับ”
อากิระพูดกลั้วหัวเราะ
“เออออออออ”
“นี่รับไปก่อน พวกฉันไม่ได้ให้สมุดบันทึกนายไปเขียนหรอกน่ะ รู้อยู่แล้วว่าทำแบบนั้นมันเหมือนให้มือถือกับลิงไปเปล่าๆ น่ะ เปิดข้างในดูสิ”
ชินยะโบกสมุดเล่มเดิมไปมาและพูดจาแปลกๆ ให้นัทสึกิมองหน้าด้วยความสงสัยก่อนจะคว้าสมุดเล่มนั้นมาอย่างงงๆ เขาพลิกไปมาหน้าหลังแล้วนึกในใจว่ามันช่างเหมือนสมุดตั๋วเดือนเป็นบ้า
“เมื่อวันแข่งฉันเก็บได้ที่ตรงกลางสนามตรงที่ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่น่ะ”
ใครหนอจะพกสมุดสองเล่มสามเล่มเอาไว้กับตัวจนมันหล่นหายได้ บ้าหรือเปล่าวะ.... พอนึกด่าในใจจบ นัทสึกิจึงเปิดดูข้างในว่ามันคือของใครกัน ...เมื่อได้เปิดออกมาหนึ่งหน้า....สองหน้า...สามหน้า...และพลิกๆ ดูไปเรื่อยๆ เลือดลมในกายก็เหมือนจะสูบฉีดจนเกินขนาด หัวใจเต้นตึกตักจนชนแขนลุกชันด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าปั้นยากที่ปกติดูน่ากลัวสำหรับหลายๆคนกลับอมยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาเป็นประกายยิ่งกว่าพวกแฟนคลับยามเมื่อได้เห็นเขาเสียอีก
ตัวอักษรที่แม้ดูจะอ่านยาก แต่ก็อ่านได้ว่าเป็นเพลง SINNER ที่หลงรักหัวปักหัวปำอยู่ตอนนี้ รอยขีดฆ่าและเขียนใหม่มากมาย ก่อนจะกลายมาเป็นเพลงที่สมบูรณ์ รวมถึงเนื้อเพลงอื่นๆ อีกสองสามเพลงที่เจ้าของสมุดเขียนๆฆ่าๆ เอาไว้
“ทายออกมั้ยว่าสมุดโน้ตของใคร?” ชินยะกระทุ้งถามด้วยรอยยิ้ม
“S.SIN!!!”
“เดาออกมั้ยครับว่า S.SIN คนนี้เรียนอยู่ที่ไหน?” ทาคุมิหัวเราะหึหึ ก่อนถาม
“เรียนที่สถาบัน SIT-T สิ!! เพราะวันนั้นมีแต่นักศึกษาในสถาบันเท่านั้นที่เข้ามาดูการแข่งขันได้!”
“แล้วทราบมั้ยครับว่าเป็นคนของตึกไหน?” ซาคิโตะถามต่อ
“.....ตึกไหน.....ตึกไหน....อย่าบอกนะว่า...ตึกขาว!!! เพราะตอนชุลมุนนั้นคือช่วงที่เด็กตึกขาววิ่งลงมาแสดงความยินดีกับฉันและซึท นะที่ในสนาม”
“ถูกต้องนะคร้าบ~~~ ช่วงเวลาเช่นนั้นแม้แต่นักข่าวหรือบรรดาพวกแฟนคลับของท่านประธานต่างก็ใช้ กล้องโปรฯ ยิงจากระยะไกลกันหมดเพราะไม่สามารถเข้าถึงตัวนัทสึกิคุงกับประธานคนงามของ เราได้” อากิระสรุปให้
“ใช่ หลังจากที่ประธานเป็นลมและทุกคนต่างตกอกตกใจพากันวุ่นวายอลหม่านกับประธานกันอยู่ ฉันก็เจอเจ้าสมุดนี่นอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้ว”
“แล้วทำไมไม่มาบอกกันตั้งแต่คืนนั้นล่ะวะ!”
“ก็กะว่าจะทำเซอไพรส์หาตัวเจ้าของสมุด บุคคลลึกลับคนนี้ให้เจอก่อนน่ะสิ ถึงค่อยมาบอกนาย”
“แล้ว??”
“พลิกล็อคนิดหน่อยครับ รุ่นพี่ชินยะมาขอให้ผมช่วยสืบค้นข้อมูลและสันนิษฐานความน่าจะเป็นว่าใครคือ เจ้าของสมุด แต่มันช่างยากเหลือเกินเพราะคนๆ นี้ระวังตัวเป็นอย่างมาก ผมหาอะไรเกี่ยวกับเขาไม่เจอเลย ลองพยายามหาทางเทียบลายมือกับทุกคนที่อยู่ตรงเหตุชุลมุนวันนั้นแล้วก็ไม่ พบ..”
“เดี๋ยวนะ นายว่าไงนะทาคุมิ เทียบลายมือของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น???”
“ครับ! บังเอิญซาคิโตะเป็นพวกความจำดี สามารถจดจำใบหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้หมด เราเลยมานั่งไล่ประวัตินักศึกษาให้ซาคิโตะดูหน้าทุกคนในตึกขาวที่อยู่ใน กลุ่มวันนั้นแล้วนำลายมือไปเทียบกับทุก
“เอ่อ... นี่เราควรเปิดสมาคมคนประหลาดหรือว่าศูนย์นักสืบเป็นงานอดิเรกกันดีวะ? ดูพวกนายแต่ละคนจะมีอะไรแปลกๆ กันอยู่นะฉันว่า....... ความจริงพวกนายหลุดออกมาจากศูนย์วิจัยมนุษย์ดัดแปลงอะไรพวกนั้นหรือเปล่าวะ ตอบฉันมาตามตรงนะ!”
“คิดมากไปเปล่าครับ?”
“อ่านการ์ตูนมากไปนะผมว่า”
“ไม่ก็บ้าแน่ๆ”
“นายมากกว่ามั้งมนุษย์ดัดแปลงที่ว่าน่ะ นัทสึกิ”
ทุกคนมองหน้าและส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ว่าสงสัยนัทสึกิจะดีใจมากไปจนเพี้ยนไปแล้วแหงๆ
“แล้วเทียบลายมือไม่ได้แบบนี้ก็แปลว่าไม่ใช่คนที่อยู่ตึกขาวน่ะสิ”
“ผิดแล้วครับ” ทาคุมิบอก
“ใช่ มันยังมีอีกสมมติฐานหนึ่งที่ไม่ใช่จบลงแค่ว่า คนร้ายไม่ได้อยู่ในหมู่พวกเราน่ะครับนัทสึกิคุง” ซาคิโตะพูดต่อ
“อีกสมมติฐานที่ว่าก็คือ คนๆ นี้เป็นคนที่สามารถเขียนหนังสือได้ด้วยมือทั้งสองข้าง อาจจะถนัดซ้ายแต่ก็เขียนขวาได้เช่นกัน หรืออาจเป็นพวกบางครั้งก็เขียนซ้ายบางครั้งก็เขียนขวาแล้วแต่อารมณ์น่ะ”
“เขียนหนังสือได้ทั้งซ้ายและขวางั้นเหรอ????”
“และในตึกขาว คนที่เขียนได้ด้วยมือทั้งสองข้าง มีอยู่แค่สองคนเท่านั้น”
ทาคุมิกล่าวอีกครั้งและหยุดไป พาให้นัทสึกิที่ตั้งใจฟังอยู่แล้วลุ้นเข้าไปกว่าเก่า ใครกันนะในตึกขาว ใครกันที่เขียนหนังสือสองมือได้ ใครกันเป็นเจ้าของสมุดเล่มนี้ แล้วใครกันคือ S.SIN ?!?!?
ความคิดเห็น