คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Lucky :: 007 :: นายแทบจะติดหนี้ฉันทั้งชีวิตแล้วนะลู่หาน
EP 7
“อ...อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะ!”
“ก็ไม่ได้อยากนักหรอก แต่มันจริงหรือเปล่าล่ะเถียงมาสิ”
“ก็!.......” ผมเถียงไม่ออกจริง ๆ นั่นล่ะ เพราะนึกไม่ออกว่าจะเถียงคำไหนยังไงดี ในเมื่อตอนนี้ในสมองมันมีแต่เรื่องเสีย ๆ หาย ๆ xxoo อยู่เต็มไปหมด พยายามไม่คิดก็ยิ่งคิด พยายามไม่รู้สึกก็ยิ่งรู้สึก แม้แต่อู๋อี้ฝานมันกระซิบด่า ผมยังวูบวาบใจหวิวยังกับมันกระซิบเล่าเรื่องติดเรทไปซะนั่น
ผมกดโทรศัพท์โทรหาจงแดเพื่อจะด่ามัน แทนที่จะขอโทษ มันกลับบอกว่า หน้าตายาต่างกันฟ้ากับเหวทำไมไม่รู้จักเฉลียวใจ เอ๊า! ความผิดอีก ใครจะรู้เล่า เห็นเป็นยาก็นึกว่ากินได้ไม่รู้นี่ว่าจะมียาอื่นเก็บไว้อีกข้างหยิบซองมาเจอเป็นเม็ดๆ ก็กินเลย แล้วสรุปคือเป็นยาที่เพื่อนของเพื่อนเอามาฝากซ่อนเมียไว้ ด้วยคิดจะไว้ใช้ให้เพลงรักในค่ำคืนพิเศษมีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่กลัวแฟนช่างรื้อจะมาเจอเลยยัด ๆ ฝากไว้ในกระเป๋าจงแด ที่คงไม่มีใครคิดว่าหน้าอย่างหมอนี่จะมียาอะไรทำนองนี้ได้ น้อยซะเมื่อไรล่ะ!!! อย่าได้ถูกหน้าซื่อ ๆ หลอกเชียว!!!!
“.......ลงสถานีหน้า”
“ห้ะ?” วันนี้ผมใช้คำแทนอาการตกใจว่า ห้ะ ไปกี่ครั้งแล้วนะ อู๋อี้ฝานเงียบไปเป็นพักแล้วกล่าวโพล่งขึ้นมาอย่างไม่ถามไถ่ความคิดเห็นของผมแม้สักคำ
“ไม่.....ลงอ่ะ อ.....อีกแค่ครึ่งชั่วโมง อ .......ก็ถึงบ้านแล้ว” ลำคอที่แห้งผาดแทบเป็นผง กระทั่งว่าพยายามกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคนยังเกือบฟังไม่รู้เรื่อง ร้ายที่สุดคือตอนนี้ส่วนอ่อนไหวของร่างกายมันกำลังไม่เชื่อฟังเจ้าของร่างเช่นผมอย่างร้ายกาจนัก เพียงแค่รถเขย่าเล็ก ๆ จนขายาวได้ส่วนของร่างสูงโปร่งที่ใกล้ชิดกันกับผมมากที่สุดแตะสีเบา ๆ ผมยังร้อนวูบวาบแทบละลาย
“อย่าพูดอะไรที่ทำไม่ได้หน่อยเลย.....” หมอนั่นโน้มตัวลงมากระซิบใกล้ ๆ แต่ผมกลับฟังเป็นมันครางใส่หูกัน
“ถึงเป็นยีนส์....ฉันก็รู้สึกนะลู่หาน”
ตรึง!
เขากระซิบบอกซะทำเอาหน้าด้าน ๆ ของผมฉีดสีเสียยิ่งกว่าเก่า ตั้งท่าจะผละถอยมันก็รั้งรวบเอวสอบให้เข้าหา ก่อนขบวนรถจะหยุดตัวลงและเปิดรับผู้โดยสารใหม่ขึ้นมา ผมถูกมือเรียวยาวนั้นคว้าฉุดลงจากตัวขบวน ลากเดินจ้ำออกจากสถานีไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก
“เดี๋ยวก่อน แฮ่ก ๆ หยุดก่อน เดี๋ยว อู๋อี้ฝาน! นายจะพาฉันไปไหน” ด้วยทั้งถูกลากเดินตามคนที่ขายาวกว่าและสภาพร่างกายซึ่งเหนื่อยหนักอึ้งแทบสิ้นแรงเพราะฤทธิ์ยาเส็งเคร็งที่พลาดกินเข้าไปโดยคิดว่าเป็นยาแก้ปวดหัวของไอ้เพื่อนบ้าที่ไม่คิดจะช่วยหาวิธีแก้ให้กันเลย !@^@&*$*@() ไม่รู้จะด่าด้วยภาษาอะไรดี ที่มันดันรับยาแบบนี้มาเก็บไว้ให้คนดวงดี๊ดีอย่างผมพลาดกินเข้าไปได้น่ะ! นั่นล่ะที่ทำให้ผมออกอาการหอบหายใจแรง เหนื่อยมากเป็นพิเศษอยู่จนขณะนี้
แต่เชื่อเถอะ ความเหนื่อยกับแรงกระตุ้นจากอย่างหลังน่ะ อย่างหลังมันผลักดันมากกว่าจริง ๆ บริเวณต่ำกว่าท้องน้อยลงมาปวดหนึบเกร็งตัวจนร้อนผะผ่าวและรู้สึก......มากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องการทะยานอยากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งกว่าดูหนังเอวีเสียอีก
“ตามมาก็แล้วกัน” ตามมา?..... ตามไปไหนล่ะวะ?
“อู๋....อี้ฝาน แฮ่ก ๆ จะพาไปไหนน่ะ ฉันไม่คิดจะจ่ายเงินพวกบริการอย่างว่าหรอกนะ”
“ใครจะทำแบบนั้นกัน” เขาพาผมเดินออกซอยนั้นลัดซอยนี้จนผมเห็นสวนสาธารณะทำให้ติดเบรคล้อตายที่เท้าแทบไม่ทัน
“ดักฉุดลูกสาวชาวบ้านฉันก็ไม่ทำว้อย”
“หุบปาก! แล้วเดินตามมาเฉย ๆ เป็นหรือเปล่า อย่าให้ฉันหงุดหงิดกับนายไปมากกว่านี้เลย ลู่หาน ไอ้กวางโง่เอ๊ย” อี้ฝานตะหวาดกระชากเสียงใส่กันจนต้องก้าวเดินตามไปอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ปกติหมอนี่ถึงจะทำตัวน่าโมโหหรือกวนอารมณ์ก็จะเป็นเพราะมันไม่ค่อยพูดหรือพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแต่ถ้อยคำช่างบาดหู จะมีก็วันนี้ล่ะมั้งที่ทั้งพูดเยอะและใส่อารมณ์เป็นพิเศษ
สุดท้ายเขาก็เลือกหยุดตรงแถวบริเวณข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ไม่ถึงขนาดลับตาคนนัก แต่ก็ไม่ได้สว่างไสวอะไรเช่นกัน
“อ.....แฮ่ก ๆ” ผมหอบหายใจอย่างหนักด้วยหายใจไม่ทันและปวดหนึบตรงส่วนกลางลำตัวเหตุเพราะกางเกงเดฟแนบเนื้อที่เคยคิดว่าใส่แล้วจะดูดีที่สุด ใส่มาตลอดอย่างเคยชิน ไม่เคยรู้สึกอึดอัดอะไรได้เท่ากับวันนี้เลยจริง ๆ
“ยืนพิงต้นไม้ไว้สิ หลับตาด้วยแป๊บเดียวก็จบ” อี้ฝานพูดจบ ผมก็หลังพิงต้นไม้พร้อมหลับตาตามที่เขาบอกในทันที แต่เฮ้ย! ผม + มัน + มีกันแค่สองคน + ผมกินยาปลุกคุมตัวเองไม่ได้ + มันไม่ชอบผู้หญิง + ลากกันมาที่ลับตาคน + บอกให้หลับตาเดี๋ยวก็จบ = ...............................เฮ้ยไม่ได้นะ!!! อย่าบอกว่ามันจะ........ผมน่ะ!!!!!!
ไวเท่าความคิดผมรีบลืมตาขึ้นจนทันได้เห็นหมัดขนาดเท่ามือของอู๋อี้ฝานกำลังลอยหวือมาตรงหน้า ผมรีบหลบวูบอย่างรวดเร็วยังผลให้กำปั้นนั้นชกเข้าเต็ม ๆ กับต้นไม้ด้านหลัง
“โอ๊ย! หลบทำไมวะ!!”
“นี่คิดจะต่อยฉันแล้ว....แล้วจะ.....”
“จะอะไร? โอ๊ย.......ต่อยหรือซ้อมให้สลบไปซะ เดี๋ยวก็จะได้ไม่รู้สึกอะไรเอง วิธีนี้ง่ายและเร็วที่สุดแล้วเจ็บตัวไม่เท่าไรตื่นมาก็หายเอง บ้าจริง! จะลืมตาขึ้นมาทำไม หลบทำไมวะ! เจ็บว้อย!!!!” ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูดีของรูมเมทผมบัดนี้เหยเก กุมมือกระโดดเหยง ๆ สะบัดไปมา ทั้งดูหงุดหงิดอารมณ์เสียและเหมือนจะปวดร้าวอย่างเหลือแสน
“ไม่หลบก็ถูกอัดสิ ไอ้บ้า วิธีที่ดีกว่านี้ที่คิดจะช่วยกันไม่มีเลยหรือไง”
“ไม่มี! คิดไม่ออกว้อย โอ๊ย มือฉัน! ไอ้กวางบ้า ไอ้ตัวซวย เตะให้ตายตรงนี้ซะเลยดีมั้ยเนี่ย กวางบื้อเอ้ย!”
“อย่ามาว่าฉันแบบนี้นะ อู๋อี้ฝาน! ฉันน่ะเป็น Lucky man ต่างหาก...ถึงจะแค่...แค่เคยเป็นก็เถอะ” ผมขึ้นเสียงเถียงมันกลับบ้างแล้วก็ต้องแผ่วเบาลงเพราะสภาพความเป็นจริงตอนนี้คำว่า “ตัวซวย” จริง ๆ มันอาจเป็นคำจำกัดความของผมที่ถูกต้องที่สุดไปแล้วก็ได้
“โอ๊ย มือฉัน ไม่รู้ด้วยแล้วว้อย อยากทำอะไรก็เชิญเลย ฉันจะไม่ยุ่งกับนายแล้ว จะไม่ยุ่งไม่สนไม่อะไรทั้งนั้น ให้ตายเหอะ!” ท่าทางอี้ฝานเขาจะโกรธผมจริง ๆ หมอนั่นยังกุมมือตัวเองไว้แน่น ตะคอกด่าผมปาว ๆ ก่อนจะสะบัดปอยผมหน้าเดินหนีผม ซึ่งผมคงยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะง้อนะ แต่มันจำเป็นต้องตาม เพราะขืนห่างจากมันอีก ชีวิตผมก็คงวุ่นวายความซวยถามหาอีกรอบแน่ แล้วตอนนี้สังขารผมมันไม่เอื้ออะไรมากเท่าไรนัก สมองที่หนักอึ้งคล้ายมึน ๆ เบลอ ๆ ไปเสียทุกอย่าง และ.....ปั่ก! ผมชนเข้ากับแผ่นหลังของเจ้าเพื่อนตัวโตอย่างจัง
“จะตามมาทำไม! บอกแล้วไงว่าจะไม่ยุ่งกับนายแล้ว” ร่างสูงหันมาตะคอกใส่
“...ก....ก็ถ้าห่างกันอีก ฉันไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น...น....นี่นา นี่อี้ฝาน...ฉันทนไม่ไหวแล้ว...นายอย่าไปจากฉันนะ”
เสียงผมที่เปร่งออกมา ฟังดูกระเส่าและเซ็กซี่ซะจนตัวเองยังอดที่จะคิดเองไม่ได้ คำพูดคำจาล่อแหลมที่คล้ายเอ่ยเชิญชวนแบบนี้ ถ้าสติสมบูรณ์พร้อมผมไม่มีทางพูดออกมาเด็ดขาด....มือน้อย ๆ อ่อนแรงของผมกำเสื้ออู๋อี้ฝานแน่นไม่ยอมให้เขาหนีไปจากกันได้
“.......เฮ้อ....ไปที่หลังต้นไม้นั่นแล้วก็ช่วยตัวเองไป....ฉันจะรออยู่ตรงนี้เอง” เสียงของเขาฟังดูอ่อนลงกว่าเมื่อกี้หลายเท่านัก หรือถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่า “อ่อนโยน” เสียมากกว่า ไม่รู้สิ จริง ๆ เขาอาจพูดเชี่ย ๆ สไตล์ปกติของเขาก็ได้ แต่ผมได้ยินไปแบบนั้นเพราะฤทธิ์ยาที่ออกฤทธิ์รุนแรงขึ้นทุกขณะจิตล่ะ
“ช...ช่วยตัวเอง?”
“ทำไม่เป็นรึไงกับเรื่องแค่นี้น่ะ? ฉันไม่คิดจะช่วยนายหรอกนะ” คำพูดของเขาทำเอาผมหน้าฉีดสี ชาวาบจนร้อนไปหมดทั้งหน้า คิดถึงมือใหญ่และท่าดูดแยมจากปลายนิ้วของผม กับปลายลิ้นที่แลบเลียริมฝีปากตัวเองยามเมื่อซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกจากไส้กรอกมันเปื้อนปากบางนั้น นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ! ผมควรที่จะคิดถึงผู้หญิงอกอึ๋ม หรือไอดอลน่ารัก ๆ สักคน ไม่ใช่อู๋อี้ฝานไม่ใช่หรือไง!
“แหงล่ะ ใครจะให้นายทำกันล่ะวะ” พูดจบผมรีบหนีเดินหลบไปทางด้านหลังของต้นไม้ที่ว่าตามคำแนะนำ ยังไงซะผมกับอี้ฝานก็ผู้ชายเหมือนกัน มาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่มีอะไรให้อายกันแล้วล่ะครับ และวิธีแก้ปัญหาด้วยการอื่น มันก็ไม่มีอยู่ในหัวเอาซะเลยจริง ๆ บอกได้คำเดียวว่าตื้อตันมาก
“แล้วมันต้องทำไปจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์มั้ยเนี่ย รอทั้งคืนจะหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้” เสียงไอ้เพื่อนร่วมห้องของผมบ่นพึมพำอย่างรำคาญใจ
“หนวกหูไม่มีสมาธิว้อย!”
“กะไอ้เรื่องช่วยตัวเองมันต้องใช้สติสมาธิอะไรงั้นเหรอ? กับคนที่ไม่เคยมีคำที่ว่านั่นเลยอย่างนายเนี่ยนะ กวางบ้า” ยังคงหาเรื่องว่าแดกกันต่ออย่างไม่ลดละแม้กระทั่งเวลาแบบนี้ให้ตายเหอะ! แต่จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ลงมือปฏิบัติทุกอย่างด้วยตัวเองพร้อมก่นด่าแช่งชักหักกระดูกไอ้เจ้าของยาไปด้วยในตัว ขอให้มันโดนแบบผมบ้างสักวันเหอะ ถึงวันนั้นเมื่อไรจะสมน้ำหน้าแล้วหัวเราะดัง ๆ ใส่ให้ดู
“อ.....อึ๊......อือ” ผมครางเครือเบา ๆ ในลำคอโดยไม่รู้เลยสักนิดว่าการออกเสียงในสวนที่เงียบสงัดไร้ผู้คนเช่นนี้มันก้องกังวานขนาดไหน เผลอตัวเพราะฤทธิ์ยาที่ให้ความสุขสมแบบทรมานตัวเองที่สุด ทั้งยังต้องให้เพื่อนอย่างเจ้าบ้านั่นนั่งรอเพื่อมาทำอะไรแบบนี้ กดดันจนแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีแต่ก็ ‘อยาก’ เพราะฤทธิ์ยาที่เร่งเร้าสะบั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ยิ่งแตะต้องสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่เพิ่มพูนมากขึ้น จนหูตามืดบอดไม่รับรู้ไม่สนใจอะไรรอบตัว แต่ทำเท่าไรกลับรู้สึกว่า “ยังไม่พอ” เสียที กับความต้องการที่กำลังดันตัวพุ่งทะยานอยู่ภายในอก เท่าไร ๆ ก็ยังไม่พอ
“.......นานไปแล้ว”
“หนวกหูเฟ้ย! อึ๊....” ก็ไม่ได้อยากจะนานอย่างที่ถูกด่าค่อนขอดนักหรอก แต่มันเป็นบ้าอะไรไม่รู้นี่สิ ถึงได้ทำอะไรขาด ๆ เกิน ๆ อยู่แบบนี้ ผมทำอยู่นานเหมือนจะหลุดลอยสำเร็จเสร็จสิ้น แต่มันก็ยังไม่จบเสียที ตัวเองก็ทรมานแถมยังห่วงพะวงกับไอ้คนที่นั่งรออยู่อีก
“..............ชริ”
จู่ ๆ อู๋อี้ฝานก็ส่งเสียงจึ๊ปากเบา ๆ อย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก ลุกเดินจากที่นั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ทำเอาผมหันหนีแทบไม่ทัน หมอนั่นเบียดตัวซ้อนทางด้านหลังพลางเอื้อมมือขวาเข้าจับหมับที่มือผม ข้างที่กอบกุมส่วนสำคัญและไวสัมผัสเอาไว้ ริมฝีปากเย็นชื้นแตะแผ่วผิวที่ข้างใบหูเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มต่ำชวนหวิวกระซิบมาเบา ๆ
“นายแทบจะติดหนี้ฉันทั้งชีวิตแล้วนะลู่หาน”
เขาเริ่มเคลื่อนไหวมือด้วยการจับมือของผม พอผมจะสะบัดก็มีเสียงจุ๊ปากห้ามปรามไว้ แล้วพูดย้ำที่ข้างหูอีกครั้ง
“จับแน่น ๆ สิ หรือจะให้ฉันจับเอง”
หลังจากนั้นหมอนั่นก็พรั่งพรูคำพูดคำจาติดเรทอิโรติคชวนหวาดเสียวยาวเหยียดออกมา ให้ผมได้หน้าชาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง ผมถูกสั่งให้ทำตามที่บอกและถูกมือของเขาพาให้มือของผมทำตามอย่างที่เขาบังคับไปเสียทุกอย่าง ผมร้องเครือในลำคอเบา ๆ ด้วยเพราะถูกกระตุ้นเร้าจนยับยั้งตัวเองไม่ได้ แต่ก็พยายามกักกั้นมันไว้ด้วยยางอายที่ยังพอมีหลงเหลือ อี้ฝานใช้มืออีกข้างล้วงล้ำเข้ามาในโพรงปากเพื่อไม่ให้ผมกั้นเสียงตัวเอง เมื่อผมทำตามที่เขานำพาไปทุกย่างก้าว ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะง่ายไปเสียหมดภายในเวลาไม่นานนัก ยามสิ้นสุดลงกลับถูกโหมขึ้นมาใหม่ระรอกแล้วระรอกเล่าเป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากนั้นมันเป็นยังไงต่อไป
ผมพลิกตัวและเหยียดแขนขาที่เมื่อยล้าจนกระดูกข้อต่อลั่นเปรี๊ยะเบา ๆ พร้อมทั้งลืมตาตื่นทีละน้อย....ทีละน้อย.....ห้องที่คุ้นตา ของในห้องที่คุ้นเคย อีกทั้งวงแขนอันอบอุ่นที่กอดก่ายกันเป็นประจำอยู่ทุกวัน....และตัวผมที่เหลือเพียงเสื้อกล้ามกางเกงบ๊อกเซอร์นอนก่ายขาอยู่บนตัวอู๋อี้ฝาน
“เฮ้ย!” เมื่อนึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดเมื่อคืน ผมจึงสะดุ้งเสียการทรงตัว หงายหลังล้มตึงก้นกระแทกพื้นดังปั่ก คว้าผ้าห่มบนเตียงมาปิดตัวไว้โดยไม่ได้คำนึงถึงไอ้คนที่อยู่บนเตียงเลยว่ามันจะล่อนจ้อนหรืออะไรยังไง โชคดีที่หมอนั่นใส่เสื้อผ้าเหมือนปกติไม่มีภาพอุจาดตาและยากจะทำใจให้ผมเห็นตำหัวใจ ไม่ได้เสร็จมันหรือเสียเอกราชตรงส่วนไหนไปใช่มั้ยวะแบบนี้น่ะลู่หาน?
“...........”
อี้ฝานสะลึมสะลือกะพริบตาสองสามครั้งแล้วหันมามองผมที่ล้มอยู่ข้างฟูกนอน จากนั้นมันก็คว้าหมับเข้าที่ชายผ้าห่ม ดึงรั้งกลับไปห่มคุดคู้ตัวตามเดิมจนผมร้องเฮ้ยเสียงหลงอีกครั้งออกแรงจะดึงกลับ
“ตื่นแล้วก็อย่าเอาผ้าห่มไปสิ ง่วง เหนื่อย จะนอน...” เขาพูดแค่นั้นแล้วดึงผ้าห่มสุดแรงจนทำให้ผมเซถลาหน้าทิ่มไปกับฟูกนอนใกล้ ๆ รู้สึกเจ็บปลายจมูกต้องคลำป้อยอย่างปวดร้าว
“เหนื่อยบ้าอะไร อย่ามาพูดจาให้คิดได้มั้ย ทำอะไรกับฉันไปเมื่อคืนหรือเปล่าน่ะ ลุกขึ้นมาตอบเดี๋ยวนี้เฮ้ย อู๋อี้ฝาน” ผมกระโดดลงไปนั่งบนเตียงเขย่าตัวทั้งตัวของร่างสูงใหญ่ที่นอนไม่รู้สึกรู้สาอะไรในความกังวลใจของผมแม้สักนิด
“..............”
“อู๋อี้ฝาน ลุกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย! ทำไมสภาพฉันเป็นงี้ แล้วนายทำไมต้องพูดว่าเหนื่อย นี่จะให้ฉันคิดไปทางไหนดีวะตอบบบบบบ ตอบมาเดี๋ยวนี้ๆๆๆๆ อู๊ยปวดคอเป็นบ้า....อ....เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นมาดิ๊ แกทำอะไรช้านนนน ลุกมาเคลียร์กับฉันก่อนอู๋อี้ฝาน”
“ว้อยหนวกหูน่ารำคาญ! หยุดร้องโวยวายเป็นผู้หญิงเสียสาวสักที เป็นผู้ชายมันไม่ได้สึกหรออะไรนักหนาหรอก”
“หมายความว่าไง? ...มะ....หมายความว่านายกับฉัน???”
“เปล่า! ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นล่ะ ฉันเหนื่อยเพราะนายมามากเกินพอแล้วนะ ขอนอนก่อนแล้วค่อยพูดกันทีหลังได้มั้ยลู่หาน!”
พูดจบก็คว้าผ้าห่มคลุมตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ผมไปเลย นี่มันอะไรกัน...ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมเสื้อผ้าชุดเมื่อคืนถึงถูกถอดกองเกลื่อนพันนัวกันอยู่บนพื้นเป็นหย่อม ๆ ทั้งของผมและของมัน ไม่ล่ะ ไม่เชื่อ ผมถูกมันทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปแล้วแน่ ๆ แล้วมันก็กำลังทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็งไม่ยอมรับว่าตัวเองทำอะไรลงไปเหมือนอย่างในหนังน้ำเน่าทั่วไปที่ฟันแล้วทิ้งอยู่ใช่หรือเปล่า ไม่...ไม่จริ๊ง เป็นไปไม่ด๊ายยยยยยยยย ผมมีอะไรกับผู้ชายไปแล้วงั้นเหรอ ครั้งแรกของผมจะเป็นแบบนี้ไม่ด๊ายยยยยยยยยยยยยย
ฟุ่บ!
ระหว่างที่กำลังฟุ้งซ่านคิดเองเออเองปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเองอย่างมั่วได้ที่ ร่างสูงที่ขดตะแคงตัวในผ้าห่มก็ยื่นมือออกมาคว้าคอผมหมับจับลงไปกอดโดยกล่าวเพียงสั้น ๆ แค่...
“หนาว....”
จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ปล่อยให้ผมนอนตัวแข็งค้าง ตาค้างคิดอะไรไม่ออกอยู่เพียงลำพัง ครั้นจะลุกเดินออกไปร้องไห้ที่ห้องน้ำเพราะเสียความบริสุทธิ์ให้แก่ผู้ชายก็ยังไม่กล้าจะทำด้วยซ้ำเพราะน้ำตามันไม่มีสักแอะ จะให้ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปเดินปล่อยอารมณ์ทอดหุ่ย คิดทบทวนเรื่องระหว่าง “มัน” กับ “ผม” นั่นก็ทำไม่ได้อีก เพราะผมห่างเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ผมควรจะทำยังไง แล้วผมควรจะทำตัวยังไง ถ้าอี้ฝานตื่นเต็มตาพร้อมคุยกับผมแล้ว ผมจะต้องทำตัวยังไงต่อไป หมายถึงผมต้องเป็นแฟนกับเขาหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ยอมรับว่ามีอะไรกันกับผมนี่ หรือเราจะต้องกลายเป็นเซ็กส์เฟรนด์ของกันและกันแบบที่มินซอกเป็นอยู่ ผมคิดจนหัวแทบแตก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไรตรงไหนก่อนดี คิดจนเผลอเหลือบมองลำแขนแกร่งกล้ามเนื้อเป็นมัด กับนิ้วมือเรียวสวยที่พาลไพ่ให้หวนถึงความทรงจำและรสสัมผัสเมื่อคืน ....รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองระอุขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ หรือไม่สาเหตุที่เป็นก็เพราะไอ้คนที่นอนเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ข้าง ๆ นี่ล่ะ
พระเจ้าครับ ผมทำอะไรผิดไปงั้นหรือครับ ท่านถึงไม่ยอมให้ผมกินผลแอ๊ปเปิ้ลร่วมกันกับอีฟ แต่กลับให้ผมกัดคำโตแทบทั้งผลกับอาดัมแทน ถ้าแม่รู้จะทำยังไง ลูกชายคนเดียวสุดที่รักและแสนน่ารักคนนี้ของแม่ถูกย่ำยีไปแล้วโดยผู้ชายเหมือนกัน โฮ ๆ ลู่หานพลาดไปแล้ว จะทำยังไงดีคร๊าบบบ คิดแบบนั้นเลยเผลอพูดถามเขาไปอีกหน
“เมื่อคืนนายทำอย่างนั้นอย่างนี้กับฉันไปแล้วใช่มั้ยอู๋อี้ฝาน”
เหมือนเส้นความอดทนของหมอนั่นจะขาดผึงกระโจนพรวดพราดใช้นิ้วมือสางกลุ่มผมตรงหน้าผากของผมขึ้นสูงก่อนออกแรงกดหัวผมลงกระแทกหมอน และปล้นจูบกดริมฝีปากลงมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ทุกอย่างมันเร็วมากเสียจนประมวลผลไม่ทัน ลิ้นอุ่นกำลังจะแทรกสอดเข้ามาตามรอยแยกของกลีบปาก แต่แล้วก็ผละออกไปก่อนขบริมฝีปากผมแรง ๆ ไปอีกที
“ถ้าอยากจะให้ฉันทำจริง ๆ นัก เดี๋ยวจะทำให้ตอนนี้นี่แหละ ลู่หาน เอามั้ย!”
“เชื่อแล้วววว เชื่อแล้ววววววว ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ” ผมหันหน้าหนีตอบรับคำหนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“งั้นก็หุบปากและเลิกคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ในหัวกลม ๆ กลวง ๆ ของนายสักที ฉันจะนอน!!!!! และนายก็ต้องนอนด้วย เข้าใจนะ!” จากนั้นอี้ฝานผู้เย็นชาก็ล้มลงนอนอีกหน พร้อมคำสั่งเผด็จการให้ผมนอนนิ่งไม่ไปไหน ห้ามคิด ห้ามพูด แต่ตอนนี้ไม่คิดไม่ได้แล้วไง จูบน่ะจูบ ผมเพิ่งถูกมันคว้าขโมยจูบไปเองนะ แล้วงี้จะให้หลับตาลงไปได้ไงเล่า!
“แก...แกมันไอ้คนชั่ว แกอย่าอยู่เลย......แกข่มขืนฉัน”
“คิดเหรอว่าฉันจะยอมให้เธอทำน่ะ”
“กรี๊ดด ไม่นะ ไม่ ๆ”
“อื๊อ.......โอ๊ย จะนอน เปิดอะไรดังนักวะเนี่ย คิดจะเผื่อแผ่ไปถึงข้างห้องนั่นเลยหรือไง อู๋อี้ฝาน!” ผมลุกขึ้นโวยวายอย่างหัวเสียเมื่อได้ยินเสียงละครน้ำเน่าจากทีวีที่เจ้าเสาไฟฟ้าแรงสูง มันเปิดซะดังลั่นอย่างเป็นนิสัยเวลามันตื่น ก็ถ้ามันหลับน่ะ ผมทำแบบนี้บ้างได้ที่ไหนกัน ถูกด่ายับเยินละลายเหลวเป็นน้ำแน่นอน
“.....เรื่องของฉัน”
“อ...ไอ้บ้านี่ กวนโอ้ยจริงว้อย”
ผมขยี้หัวที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วให้ยุ่งเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำตอบกลับที่น่าฟังซะขนาดนั้นจากเพื่อนร่วมห้องป่ายคว้าดูนาฬิกาหัวเตียงและลากสังขารออกเดินไปเข้าห้องน้ำเปิดฝักบัวอาบน้ำอุ่น ๆ ให้สบายตัว แต่เอ๋?... เดี๋ยวนะ??? ลืมได้ไงวะเนี่ย นี่เราอยู่ในภาวะฉุกเฉินอยู่นี่หว่า เผลอหลับไปตอนไหนกัน
“อาบเร็ว ๆ ฉันหิวข้าวจะออกไปข้างนอก ให้เวลา 10 นาทีเท่านั้นนะ”
“อ....เออ รู้แล้วเดี๋ยวออกไป” หมอนั่นตะโกนบอกผมซึ่งผมก็ตอบกลับไปเหมือนเช่นทุกวัน พวกเราออกไปหาข้าวกินกันที่ร้านประจำ แวะเกมเซนเตอร์เพื่อใช้โชคดีที่มีอยู่ และเดินไปสนามบาสสาธารณะเพื่อดูเขาเล่นบาสแข่งบาสกันอย่างที่เคย อู๋อี้ฝานยังทำตัวเหมือนกับที่ทำเป็นประจำทุกวัน และไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนแม้แต่น้อย ที่สำคัญมันไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เราถกเถียงกันหรือการปล้นจูบเมื่อเช้าด้วย ไหนบอกตื่นแล้วจะอธิบายให้ฟัง จะถามก่อนก็กลัวถูกด่าว่าน่ารำคาญ อยากจะลืมมันไป เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน.....แต่มันก็รู้สึกโหวง ๆ หวิว ๆ ยังไงพิกล
“~~~”
“ฮัลโหล ครับ.....อะไรนะ?!? ได้ ขอผมจัดการเรื่องทางนี้ก่อนแล้วผมจะกลับไป ขอบคุณมากครับ ครับ ฝากดูคุณแม่ให้ด้วยนะครับ”
“เอ่อ...” ผมกะจะเอ่ยถามว่าใครโทรมา แต่อี้ฝานก็ทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดมองหน้าผม ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“…นายต้องไปแคนาดากับฉัน”
“อะไรนะ?”
เขาพูดสั้น ๆ ไม่อธิบายแม้สักอย่างเดียว ด้วยท่าทางร้อนใจ ผมจึงได้แต่ทำหน้าเหวอเลิกลั่กกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยไม่เข้าใจว่าพวกเราจะไปแคนาดากันเพื่ออะไร????
และบางทีทริปนี้.....อาจเป็นทริปเปลี่ยนชีวิตผมไปเลยก็ได้
=======================
ตอนหน้าคู่ป่วนคู่นี้จะออกนอกประเทศกันแล้ว
ไปแคนาดาทำไม แล้วสรุปคืนนั้นอี้ฝานทำยังไง
เฉลยตอนหน้าเด้ออออ
with love
viruskei (เมย์)
ความคิดเห็น