ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] In my skin - TaoHun - เทาฮุน

    ลำดับตอนที่ #6 : skin 06

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 57


    TAOHUN   EP6
     

     

                    “ไง คุณหนูตระกูลโอ แอบไปวิ่งเล่นที่ไหนมาล่ะถึงได้พึ่งมาเอาตอนนี้ ฉันนึกว่านายโดนแก๊งมาเฟียที่ไหนจับตัวไปเรียกค่าไถ่แล้วซะอีกนะเนี่ย คนของนายสองคนนี้ก็วิ่งวุ่นตามหานายซะทั่วมาคาดคั้นเอากับฉันจนฉันเกือบจะกลายเป็นผู้ร้ายเอานายไปขายแล้วน่ะ ชายหนุ่มผิวคล้ำเจ้าของนิทรรศการศิลปะที่กำลังเดินนำขึ้นไปยังห้องทำงานส่วนตัวของตนกล่าวกลั้วหัวเราะทั้งที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด ลู่หานและคริสมาถึงแกลลอรี่พร้อมคาดคั้นเอาความกับเขาถามซ่อกแซ่กเกี่ยวกับคุณหนูในความดูแลของพวกตน ซึ่งหายตัวไปจากคฤหาสน์หลังงามโดยไร้ร่องรอย และไม่มีผู้ติดตามแม้สักคน ดูแล้วท่าทางโอเซฮุนเองก็จะไม่ใช่ธรรมดาที่สามารถหลุดจากการ์ดของตนออกมาได้โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ นี่ถ้าหากเด็กหนุ่มคิดจะทำอะไรตามลำพังด้วยตัวเองก็คงทำได้อย่างสบายมือ มีการ์ดสักสิบคนก็คงเอาอยู่ยาก ก็น่าให้คนพวกนี้กังวลใจอยู่หรอก

                    “เหรอ? ถ้ารู้อย่างนั้นฉันน่าจะหายไปให้นานกว่านี้นะ เผื่อว่าที่บ้านจะได้จับนายเข้าตารางไปนอนเล่นเปลี่ยนบรรยากาศสักพัก นายจะได้ไม่ต้องมายืนขวางหูขวางตากันอยู่แบบนี้” ชายหนุ่มตอกกลับน้ำเสียงเรียบทั้งใบหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแม้สักนิด ก่อนลู่หานที่เดินตามหลังพวกเขามาติดๆ จะหยิบมือถือออกดูและกดรับสายเข้าในทันที

                    “เทา! ให้ตายสิต่อไปนี้ฉันขอสั่งห้ามนายปิดมือถือโดยเด็ดขาดเลยนะ ติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่เช้า......” ลู่หานโวยวายใส่ปลายสายจนทั้งเซฮุนและจงอินต่างหันกลับมามอง

                    “เรียนน่ะ พี่มีอะไร?” เทาตอบกลับน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ได้ตื่นตกใจหรือร้อนรนใดๆ ไปด้วยกับลู่หานเลยสักนิด

                    “ไอ้เด็ก...เอ่อ....คุณชายโอเซฮุนหายไปตั้งแต่เช้า ตามหากันแทบตายคิดว่าโดนลักพาตัวไปแล้วน่ะสิ แต่ตอนนี้ได้ตัวกลับมาแล้ว ยังไงเดี๋ยวคุยกันอีกทีแล้วกันนะ บาย” ลู่หานเกือบหลุดปากเอ่ยสรรพนามแทนตัวคุณชายที่ตนติดปากเวลาบ่นกับเทาและคริสเสมอ นั่นทำให้เขาลดเสียงลง มีคริสกระแอมกลบเสียงคำเรียกไม่สุภาพนั้นของลู่หานอย่างรู้งาน กดวางสายจากน้องชายและเดินตามคุณชายของพวกตนไปตามปกติ

                    ...แล้วตกลงให้ฉันมาทำอะไร จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ง่วงแล้ว นี่เวลานอนของฉันเซฮุนแกล้งหาวหวอดอย่างคนอดนอน เพื่อตัดรำคาญ ยังไงๆ นี่ก็คือการถูกบังคับในเรื่องที่ไม่ได้อยากทำอยู่ดี การมาตามคำสัญญาก็ใช่ว่ามาแล้วจะต้องให้ความร่วมมือเสียเมื่อไรกัน ทำไมเขาถึงจะต้องตั้งใจทำมันด้วยเล่า สู้แสดงออกให้เห็นว่าไม่เต็มใจไม่ดีกว่างั้นหรอกเหรอ?

                    “ง่วง? งั้นก็รีบมานอนสิจงอินหยักยิ้มตบลงตรงโซฟาในห้องที่ถูกคลุมด้วยผ้าฝ้ายสีขาวผืนใหญ่ อันที่จริงเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องนี้ก็ถูกคลุมทับไว้ด้วยผ้าฝ้ายสีขาวด้วยกันทั้งนั้น จะเหลือก็แต่โคมไฟกับเก้าอี้ไม้เก่าๆ ตัวนึงนั่นล่ะที่ดูเหมือนถูกใช้งานอยู่ตลอดเวลา เด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันจนเกิดรอยย่นตรงหว่างคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธคำเชื้อเชิญนั่นของคนประหลาดที่เรียกกันมาเพื่อให้มาลงนอนแบบนี้

                    ประชดหรือไง? แล้วคิดว่าจะสนใจงั้นเหรอ ไม่เลย ดีเสียอีกเรื่องนอนน่ะมันเรื่องถนัดของโอเซฮุนอยู่แล้ว ไม่อยากรับรู้เรื่องราวรอบตัวก็นอน คิดอะไรไม่ออกก็นอน เบื่อก็นอน ไม่อยากคุยกับใครก็นอน

                    แม้ในบางครั้งจะเป็นแค่การหลับตาเฉยๆ ก็ตาม

                    เซฮุนลงนอนเหยียดยาวไขว้ขาทั้งสองข้างวางเหนือพนักวางแขนด้านหนึ่งแล้วใช้อีกด้านต่างหมอนหนุน ครั้นเมื่อรู้สึกถึงความไม่สบาย เจ้าตัวจึงจึ๊ปากส่งเสียงอย่างไม่พอใจออกมา ก่อนกระถดตัวต่ำให้ศีรษะนอนราบไปกับเบาะโซฟา เสียงลากเก้าอี้เสียดสีไปกับพื้นทำให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมามอง จงอินลากเก้าอี้มาวางตั้งลงด้านข้างเขาพร้อมกระดานวาดภาพและแท่งชาร์โคลที่ถูกใช้งานจนความยาวลดน้อยถดถอยลงไปมากโข

                    “ทำอะไร?”

    วาดรูปไง” คนถูกถามหัวเราะเบาๆ จ้องมองดวงหน้าขาวใสที่เม้มริมฝีปากเข้าหากันคล้ายไม่พอใจ ก่อนจะถูกเมินโดยสมบูรณ์แบบด้วยการที่เซฮุนยกแขนขึ้นก่ายปิดตาตัวเอง เห็นเพียงแค่โครงสันจมูกโด่งกับริมฝีปากบางแดงเรื่อเท่านั้น เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมานอนต่อหน้าคนแปลกหน้าเช่นนี้ ต้องยอมให้อีกฝ่ายจ้องมองกันทั้งที่ตนไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของใครไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ทั้งที่บ้านหรือที่โรงเรียน มันน่าอึดอัดและมันทำให้เขาเหมือนตัวประหลาดอะไรสักตัวที่ถูกจับขังไว้ในกรงมีคนที่เดินผ่าน หยุดยืนมองด้วยความสนอกสนใจแล้วเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อ แต่ด้วยความที่เป็นคุณชายตระกูลดังเรื่องพวกนี้จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงแม้จะไม่ชอบก็ตาม นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งให้ไม่ยอมตอบตกลงเรื่องการเป็นแบบวาดภาพแก่คิมจงอิน นอกเหนือจากความดื้อรั้น อยากเอาชนะที่มันติดเป็นนิสัยของเจ้าตัวอยู่แล้ว

     

    เสียงคนพูดคุยกันเรื่องอะไรสักอย่างแว่วเข้ามาในหูคล้ายอยู่ด้านนอกไม่ใช่ใกล้ตัว เสียงหัวเราะอย่างคนคุยกันถูกคอของกลุ่มคนที่น่าจะมีสักสามคนเป็นอย่างน้อย....อา....แน่ล่ะคงเป็นคริสกับลู่หานกำลังคุยอยู่กับจงอินอยู่แน่ๆ .....เขาเผลอหลับไปตอนไหนกัน จำไม่ได้เลยสักนิด กะว่าจะแค่แกล้งหลับตาและพักสายตาเพียงนิดหน่อย ดันเผลอหลับไปเสียจริงๆ อาจเพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อยและค่อนข้างมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ตลอด ดังนั้นร่างกายเลยประท้วงขอพักบ้างทำให้ม่อยหลับไป

    เซฮุนปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ผินหน้ามองไปยังทิศเดียวกับที่ตนได้ยินเสียงพูดคุยเหล่านั้น ดวงตาที่ยังพร่าเลือนด้วยสู้แสงจากทิศตรงข้ามไม่ไหว ทำให้สมองสั่งให้มันหรี่และพยายามเพ่งมองภาพตรงหน้าที่ตนทอดสายตามองออกไป แผ่นหลังกำยำดูแกร่งกร้านคล้ายกับ....แผ่นหลังที่เขามักฝันเห็นว่าตนวิ่งไล่ตามอยู่บ่อยๆ เขาจดจ้องมองดูสักพักก่อนเคาะเบาๆ ที่ศีรษะตัวเองเพื่อไล่ความเลอะเลือนออกไปจากสมอง พักนี้ท่าทางคงนอนน้อยไปจริงๆ คราวก่อนก็เห็นหลังของเจ้าคนจีนคนนั้นเป็นคนที่อยู่ในความฝัน วันนี้ก็หลังของคิม จงอิน นี่แผ่นหลังของคนในฝันนั่นจะตามหลอกหลอนเขาไปทุกที่เลยหรือไงนะ แล้วตกลงมันเป็นฝันบอกเหตุหรือลางอะไรงั้นเหรอ... ไม่ว่าจะขบคิดเท่าไรก็ยังคิดไม่ออกเสียที คนๆ นั้นมีความสำคัญอะไรในชีวิตของเรากัน?

    ช่างเถอะ อะไรที่จะได้รู้เดี๋ยวมันก็ต้องได้รู้อยู่ดี เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ใครในสองคนนี้หรอก เขาอาจแค่หมกมุ่นอยู่กับความฝันจนทำให้มันซ้อนทับในโลกของความเป็นจริงอยู่ก็ได้

    ร่างแบบบางยันกายขึ้นนั่งอิงโซฟาและจัดผมด้านหลังที่ตนนอนทับให้เข้ารูปเท่าที่จะทำได้ เขาเหลือบมองดูกระดาษวาดเขียนของคิม จงอิน ที่ถูกหนีบไว้กับกระดานรอง ภาพของโซฟาหลังโตที่ถูกผ้าผืนใหญ่ปกคลุมไว้ ....กับเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าปิดตาไว้เสียจนมิด ขดตัวกลมเป็นลูกบอลคว่ำหน้าอยู่กลางโซฟาใหญ่เห็นเพียงชุดที่ดูคล้ายชุดที่เขากำลังใส่มันอยู่เท่านั้น

    ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนใช้ปลายฟันขาวขบกัดริมฝีปากล่างอย่างไม่พอใจ

                    “ตื่นแล้วรึ” จงอินร้องทักเมื่อเห็นนายแบบกิตติมศักดิ์ของตนลืมตาตื่นโดยสมบูรณ์

                    “ภาพนี้คืออะไร” เซฮุนเอ่ยปากถามพยายามข่มน้ำเสียงของตนให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงใบหน้าคมคายที่กำลังแสร้งไร้อารมณ์อยู่ในขณะนี้ด้วยเช่นกัน

                    “ดื่มซะหน่อยสิ” เขาไม่ตอบคำถามของคนตัวบางที่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้หลุดฟอร์มแสดงสีหน้าไม่พอใจและต้องการคำตอบกลับที่ชัดเจนเคลียร์ที่สุดที่อยากรู้ ทั้งยังยกยิ้มนิ่งเทนมอุ่นๆ ใส่แก้วยื่นให้เด็กหนุ่มวัย 19 เหมือนยื่นให้เด็กสามสี่ขวบที่เพิ่งตื่นนอนในตอนเช้า

                    “ฉันถามว่านายวาดอะไร”

                    “นายไง? ดูไม่ออกเหรอ? โอ เซฮุน?”

                    “...............” คำตอบที่ได้รับมันก็ไม่ได้ผิดจากที่คาดการณ์ไว้สักเท่าไรหรอก เพียงแต่พอได้ยินแล้วมันจี๊ดแทงใจดำเท่านั้นเอง

                    “วันจันทร์ห้าโมงเย็นเจอกันนะ คุณหนูตระกูลโอ

                    “…….ลู่หาน คริส กลับ!” หลังนิ่งอึ้งกับคำตอบที่ได้พร้อมคำพูดเอ่ยไล่กันกลายๆ ทำให้เส้นความอดทนในหัวของคนอย่างเซฮุนขาดผึง เรียกคนของตนกลับและเดินนำออกไป

                    “เฮ้ ก่อนไปดื่มนมก่อนเป็นไงหรือกลัวฉันใส่ยาอะไรให้กินฮึ?” ว่าจะเดินจากไปเฉยๆ ก็เป็นอันต้องชะงักฝีเท้าแล้วเดินกลับมาคว้าแก้วในมือจงอินไปดื่มอั่กๆ แบบไม่หยุดหายใจจนหมด ก่อนส่งคืนให้ด้วยหน้าตาเอาเรื่อง พลางหันเดินก้าวเท้ายาวหนีออกไป ท่าทางของเซฮุนทำเอาจงอินหัวเราะร่วนในคอ

                    “เด็กทารกชัดๆ โอ เซฮุน

     

    ==== #ficinmyskin ====

     

                    “หมอนั่น.....หมายถึงจื่อเทาน่ะ หมอนั่นพูดกับพวกนายบ่อยหรือเปล่าหลังจากนั่งเงียบอยู่นานตั้งแต่ออกจากแกลลอรี่มา อยู่ๆ เซฮุนก็ถามโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาสองคนคริสและลู่หานมองหน้ากันก่อนเป็นคริสที่ตอบคำถามนี้

                    “ก็ไม่บ่อยนักนะครับ ปกติเทาเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่ค่อยพูดมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

                    “แต่ว่า....ลู่หานเอ่ยเสริม

                    “ว่า?” เซฮุนถามเสียงสูง

                    “ถ้าหมอนั่นเจอคนที่..เรียกว่ายังไงดีล่ะ อืมมม เหมาะสมที่จะปะทะฝีปากด้วยหรือสนุกก็อาจจะพูดเยอะกว่าปกติ...มั้งนะ..ครับคุณชาย?” ลู่หานตอบ

                    เซฮุนดูเหมือนจะอยากรู้เพียงแค่นั้น เพราะหลังจากได้คำตอบแล้วเขาก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีกเลยกระทั่งถึงบ้าน

     

                    “วันนี้กลับไวผิดคาดนะเทาคริสร้องทักเมื่อเห็นน้องชายเดินอยู่ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลโอ ที่พวกตนเพิ่งก้าวขาเดินเข้ามา ทั้งที่ปกติหากเป็นวันหยุดของเทา กว่าเจ้าตัวจะกลับก็มืดค่ำแล้วทุกครั้ง

                    แมลงกวน เลยอยู่ไม่ได้นานเซฮุนที่กำลังจะเดินขึ้นข้างบนหยุดฝีเท้าและเหลือบมองปลายหางตาไปยัง หวง จื่อเทา แต่ก็ไม่ได้ว่ากระไร ร่างบางของคุณชายยังคงเดินขึ้นบ้านต่อ แต่หากถ้ามีใครอยู่ตรงนั้นคงได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่ระบายบนใบหน้าของ โอ เซฮุน อย่างแน่นอน ....รอยยิ้มที่น้อยครั้งนักจะมีใครได้เห็น และยากจะมีคนทำให้มันเกิด

                    “ตอนนายออกไปเมื่อเช้า ทั้งคฤหาสน์นี่วุ่นวายกันยกใหญ่ เพราะไอ้เด็กนรกนั่นหายไปไหนไม่รู้ รถก็ไม่ได้เอาไป ถามใครก็ไม่มีใครรู้ใครเห็นสักคน รื้อกล้องวงจรปิดกันก็เห็นแค่ตอนเดินออกจากห้องแล้วหลังจากนั้นก็ ฟิ๊ว ไร้ร่องรอย พวกฉันคิดว่าจะซวยซะแล้ว ถ้าไอ้เด็กบ้านี่เป็นอะไรไปนะประวัติการทำงานสุดเพอร์เฟ็คของพวกเราคงมีอันต้องด่างพร้อยแน่ๆ แล้วยังไง? จู่ ๆ ไปโผล่ที่แกลลอรี่ซะงั้น ประหลาดแท้” เมื่อตัวปัญหาลับสายตาไปได้ลู่หานก็บ่นออกมาอย่างระบายเต็มที่ เพราะตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะปล่อยให้คนในความดูแลคลาดสายตาไปได้นานขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเองก็อยู่ไม่ไกลเลยแท้ ๆ มันเหมือนถูกเหยียบจมูกกันเห็น ๆ บอกให้รู้ว่าไอ้เด็กนรกของลู่หานนั้น ฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกตนเลยสักนิด

                    “คุณแทซันเคยบอกว่า เจ้าหนูนี่รู้จักถนนอยู่ไม่กี่สาย แค่จากบ้านไปสถาบัน จากสถาบันไปที่บริษัทเท่านั้น นี่ดันนั่งรถไปแกลลอรี่เองได้ ยังกับมีคนพาไปอย่างนั้น....คริสกอดอกพูดเปรยๆ ออกมาพลางเหล่มองเทาที่ยืนเงียบฟังพี่ทั้งสองโดยไม่ขัดมาตั้งแต่ต้น ไม่นานใบหน้าร้ายๆ นั้นก็หยักยิ้มมุมปากส่งเสียงหึเบาๆ ก่อนออกความเห็นเป็นครั้งแรก

                    “กับแค่ไม่รู้จักถนน แท็กซี่ก็มี ใช้แอพนำทางก็เห็นจะไม่แปลก ลืมไปแล้วเหรอหมอนั่นน่ะฉลาดเป็นกรดขนาดเป็นตัวเต็งว่าที่ประธานโอกรุ๊ปนะ ฉันว่าต่อไป ดูเหมือนคนที่เราต้องระวังมากที่สุดเห็นจะเป็นโอ เซฮุนนี่แหละพูดจบก็เดินเข้าห้องของตัวเองไปทิ้งให้พี่ชายทั้งสองมองตามน้องชายที่พูดคล้ายไม่ยี่หระอะไรแต่ก็ชัดเจนเรื่องความตะแบงดื้อรั้นของคุณชายในความดูแล ที่บางทีแทนที่อันตรายจะวิ่งมาหาตัวอาจเป็นเจ้าตัววิ่งไปหาเปลวเพลิงด้วยตัวเองไม่วันใดก็วันหนึ่ง

                    “ลู่หาน....

                    “อื้อ คิดเหมือนกัน เทาใช่หรือเปล่าพาไปลู่หานตอบโดยไม่ต้องรอให้คริสเอ่ยออกมาเป็นประโยคเลยด้วยซ้ำ

                    “เด็กนั่นไว้ใจเทาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว”

                    “รายแรกเลยหรือเปล่านะที่พอมีปัญหาแล้วนึกถึงเทาก่อนจะเป็นฉันหรือว่านายน่ะ เก็บเรื่องนี้ไว้ล้อมันดีมั้ยนะฮะๆๆ” ลู่หานหัวเราะลงคอ เมื่อนึกหน้าน้องชายหน้าเหี้ยมเกรียมวางมาดร้ายอยู่เสมออย่างหวง จื่อเทา กับหน้าของโอเซฮุนคุณหนูนรกแตกเอาแต่ใจรายนั้น ถ้าให้พูดกันตามจริงนิสัยอย่างเซฮุนไม่น่าไปเข้ากับเทาได้เลยสักนิด มันเหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่พร้อมจะผลักไสกันออกให้ห่างตัวมากกว่าจะเป็นแม่เหล็กคนละขั้วที่ดึงดูดเข้าหากันเสมอไม่ว่ายามใดก็ตาม.... แต่มันก็คล้ายจะเป็นไปแล้ว

                    “วันนี้จะมานอนห้องฉันอีกหรือเปล่าเนี่ยกวางบ้า” คริสหันถามเพื่อนที่ยังคงนึกเรื่องสนุกๆ ในการแกล้งจื่อเทาน้องชายสุดที่รักของพวกตน พลางผลักศีรษะกลมๆ นั้นเล่น

                    “มาห้องฉันดีกว่า มาช่วยฉันคิดทีว่าจะทำยังไงถึงจะไม่ให้เจ้าเด็กนรกนั่นเล็ดรอดสายตาพวกเราไปได้อีกน่ะ”

                    “ห้องนายก็ได้ถ้างั้น” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตอบพลางบิดขี้เกียจไปด้วยระหว่างเดินกลับขึ้นห้องของตัวเอง มีลู่หานเดินตามมาไม่ห่างจากกันมากนัก

                    “จริงสิอี้ฝาน รูปที่จงอินวาดน่ะ..นายรู้หรือเปล่าว่ามันหมายถึงอะไร?” ชายหนุ่มร่างเล็กกว่าสะกิดชายเสื้อคนที่เดินนำหน้าตนแล้วเอ่ยถามในเรื่องที่ตนสงสัยมาตั้งแต่แรกเห็น เวลาปกติที่อยู่ด้วยกันลู่หานและจื่อเทามักจะเรียกชื่อของคริสด้วยชื่อจีนเสมอ เพราะมันเป็นชื่อที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีและเรียกถนัดปากกว่า ในเมื่อทั้งสามต่างเป็นคนจีนด้วยกันทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องเรียก คริส อย่างที่ตั้งไว้ให้สำหรับคนนอกหรือนายจ้างเพื่อที่เรียกใช้ได้ง่ายๆ

                    “รู้สิ ทำไมจะไม่รู้” คริสหัวเราะลงคอน้อยๆ กับคำถามที่คาดว่าลู่หานคงเก็บไว้ในใจตั้งแต่เห็นในแกลลอรี่วันนี้แน่ๆ เพราะความเป็นคนขี้สงสัยและอยู่ไม่สุขของลู่หานเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ลุกลี้ลุกลนอยากรู้ แล้วลู่หานก็คงไม่มีทางถามจากคิมจงอินแน่ๆ เช่นกัน ในเมื่อมีเพื่อนสนิทที่จบทางด้านศิลปะมาโดยตรงอย่างเขาคนนี้ให้ถามอยู่แล้วนี่นา

                    “แปลว่าเด็กไม่รู้จักโต?”

                    “เดาผิด”

                    “ขี้ขลาด?”

                    “ผิดอยู่ดี”

                    “แล้วหมายความว่าไง?” หลังจากเดินเข้าห้องกันมาได้ลู่หานก็นั่งจ้องหน้าคริสขอให้บอกคำตอบอย่างด่วนๆ จนคนที่ตั้งใจจะอธิบายแกล้งยั่วความอยากทำเป็นเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดจนโดนตุ๊ยเข้าที่ชายโครงเกือบจุกไป

                    “ซ่อนน่ะ”

                    “ซ่อน????? โอ๊ย ให้ซ้อมนายให้น่วมซะดีมั้ยวะอี้ฝาน พูดอะไรให้มันเข้าใจแบบชัดๆ ไปเลยได้หรือเปล่า ฉันอยากรู้!

                    “ฮะๆ ก็กำลังจะอธิบายอยู่นี่ไง ทำไมนายนี่ชอบใจร้อนอยู่เรื่อยนะฮะๆ มันเป็นความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งเมื่อตอนเป็นเด็ก ว่าเวลาที่เรากลัวอะไรหรือไม่อยากเจออะไร เราก็จะขดตัวอยู่ในผ้าห่ม คลุมโปงเอาไว้ แล้วปิดตาซะเพราะคิดว่า แค่ปิดตาก็จะไม่เห็นอะไร ไม่ต้องกลัวอะไร แล้วความกลัวพวกนั้นหรือสิ่งที่เราไม่อยากเห็นก็จะมองไม่เห็นเราด้วยเช่นกัน.... มันเรียกว่า การซ่อนความจริง”

                    “ซ่อนความจริง?”

                    “อื้อ ตัวตนที่แท้จริงที่หลบอยู่ตรงนั้น คิดว่าโลกแห่งความจริงเป็นยังไงไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเข้าใจ และไม่อยากถูกเข้าใจ ซ่อนปิดเก็บมันไว้กับตัวกดอยู่ภายในซะ เท่านั้นก็จบ”

                    “........อายุแค่ 19 แต่ต้องทำตัวเข้มแข็งเหมือนเป็นผู้ใหญ่....”

                    “คล้ายใครบางคนใช่หรือเปล่าล่ะ?” คริสระบายยิ้มน้อยๆ

                    “นั่นสินะ......ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมเทาถึงสนใจเซฮุน แล้วทำไมสองคนนั้นถึงดึงดูดเข้าหากันได้ ....อืม....คิม จงอินคนนั้นมองเห็นตัวตนเด็กนั่นงั้นเรอะ? เซฮุนรู้หรือเปล่า?”

                    “ไม่รู้จะสั่งให้กลับเร็วขนาดนี้เหรอ เหมือนอย่างที่เทาบอก เซฮุนเป็นคนฉลาด เขาดูภาพแล้วรู้ความหมายไงถึงได้เป็นอย่างนี้ โดนจี้ใจดำเข้าให้ซะตั้งแต่ครั้งแรกก็ไม่รู้นะว่าครั้งต่อๆ ไปจะเป็นยังไง แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ...เด็กนั่นจะเปิดใจให้เทาได้แค่ไหน เพราะถ้าไว้ใจเทาได้เมื่อไรเราก็หมดห่วงเรื่องที่เขาจะหนีไปไหนมาไหนคนเดียวได้บ้างล่ะ คงดูแลได้ง่ายกว่านี้” พูดถึงตรงนี้ก็ทำเอาสองบอดี้การ์ดถอนหายใจยาวเหยียดออกมาพร้อมๆ กันเพราะดูท่าทางแล้วมันคงอีกนานแน่ประเด็นที่หวัง คงต้องเหนื่อยหนักกันอีกไม่ใช่น้อยกว่าจะสบายตัว คงต้องฝากความหวังไว้ที่หวงจื่อเทาเท่านั้น

                    ก๊อก ก๊อก

                    จื่อเทาแง้มเปิดประตูตามเสียงเคาะเรียกที่หน้าห้อง ก่อนนึกแปลกใจที่คนเคาะไม่ใช่คริสหรือลู่หานแต่กลับเป็นโอ เซฮุน คุณชายที่ควรจะนอนอยู่ในห้องของตัวเองไม่ใช่มาเดินเพ่นพ่านยามวิกาลเช่นตอนนี้

                    “..........”

                    “ฉันจะไปเดินเล่นที่สวน นายมากับฉัน” ประโยคบอกเล่าและประโยคคำสั่งห้วนๆ ของเซฮุน พาให้บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีดำกางเกงวอล์มสีเดียวกันร่างโทรมไปด้วยเหงื่อที่เพิ่งวิดพื้นและออกกำลังกายอยู่ลำพังเพื่อฟิตร่างกายให้พร้อมเสมอ มองจ้องตอบ นายน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องและตามไปไม่พูดไม่จา คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายลมพัดระเรื่อยให้กิ่งไม้ไหวลู่เอนตามแรงที่พัดผ่าน คนหนึ่งเดินนำอีกคนเดินตาม เดินไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีเป้าหมายสุดท้ายถึงมาหยุดนั่งที่ตรงน้ำพุกลางสวนที่เดิม

                    “นายมีเรียนเสริมอีกเมื่อไรกัน”

                    “วันศุกร์หน้า” คำตอบของเทาทำเอาคนถามนิ่งไปเล็กน้อยด้วยเพราะวันศุกร์หน้าเป็นวันที่มีงานเลี้ยงของบริษัท งานที่เขาเพิ่งตอบตกลงว่าจะไปและสั่งเยจีให้ประกาศบอกทุกคนรับทราบทั่วกันว่า โอ เซฮุน คนนี้จะไปร่วมงานด้วยอย่างเป็นทางการ แม้สีหน้าจะเปลี่ยนไปเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่ก็ไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาของหวงจื่อเทาคนนี้เลย เขามองดูใบหน้าคมคายของเซฮุนที่ก้มนิ่งมองดูสายน้ำที่พวงพุ่ยและหล่นลงมา มองดูอยู่อย่างนั้นกระทั่งคนถูกจ้องหันมามองจ้องกลับและทั้งสองต่างไม่ละสายตาจากกันทั้งเซฮุนและจื่อเทา

                    “นายชอบเล่นเกมจ้องตาหรือยังไง ทำไมถึงไม่ยอมหลบตาฉัน”

                    “งั้นเพราะอะไรนายถึงไม่เป็นฝ่ายหลบไปเสียเองเล่า” นี่อาจเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาของคนสองคนที่ออกจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่มันก็ไม่แปลกเกินไปสำหรับคนนิสัยอย่างพวกเขา

                    “นายนี่เป็นคนไม่น่าคบเลยจริงๆ”

                    “นายเองก็ไม่ได้คบใครอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” บอดี้การ์ดหนุ่มตอบกลับทั้งยกยิ้มมุมปากเพียงข้าง

                    “ก็จริงของนาย” เซฮุนไม่ปฏิเสธ

                    “อ้อ ยกเลิกเรียนเสริมด้วยล่ะ นายต้องไปงานวันศุกร์กับฉัน” เขาสั่งเทาที่คงฟังแต่ไม่ตอบรับปากใดๆ

                    “อย่าทำแบบวันนี้อีก” จู่ๆ เทาก็เปลี่ยนเรื่องพูด กล้าออกปากใช้คำว่า “อย่า” กับคุณหนูโอผู้นี้เสียจนเต็มปากเต็มคำทำเอาคนถูกห้ามเลิกคิ้วสูงเอียงหน้าเหล่มองด้วยหางตาและหยักยิ้มมุมปากไม่ต่างจากจื่อเทาเมื่อครู่

                    “อย่างั้นเหรอ? อะไรทำให้นายคิดว่าจะมาสั่งฉันได้กัน? ฉันอยากไปไหน อยากทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน พวกนายไม่มีสิทธิ์มาห้ามอยู่แล้ว หน้าที่นายเป็นแค่บอดี้การ์ดที่ต้องดูแลความปลอดภัยไม่ให้ฉันตายขณะที่พวกนายทำหน้าที่อยู่ก็แค่นั้น จำหน้าที่ของตัวเองไม่ได้หรือไง? เรื่องอื่นนายไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายในชีวิตฉัน”

                    “ถ้าเรื่องที่ทำ มันทำให้พวกฉันลำบากก็คงต้องเกี่ยว พี่ลู่หานกับพี่คริสเป็นห่วงนายมาก อย่าทำให้สองคนนั้นลำบาก”

                    “หึ! ฉัน” พูดได้เท่านี้เซฮุนก็ถูกเทาสวนกลับทันควันในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดจะพูด

                    “ดูแลตัวเองได้”

                    “........”

                    “ดูแลตัวเองได้ ไม่ได้แปลว่าจะไม่พลาด อย่าอวดเก่งว่าตัวเองมีดีจนเผอเรอปล่อยปละละเลยประมาท นายคิดว่าปกป้องตัวเองได้ นายเก่ง ถึงไล่คนดูแลออกไปมากมาย คิดให้เยอะกว่านี้คุณชายโอเซฮุน คิดให้เยอะให้มาก ว่านายอยู่ในฐานะอะไร ตัวนายอยู่ตรงตำแหน่งไหนของตระกูล”

                    มือที่รองเล่นละน้ำพุอยู่นั้นออกแรงปัดน้ำเข้าใส่หน้าของจื่อเทาไปเต็มที่โดยที่คนถูกสาดหาได้หลบแม้สักก้าว แม้แต่ผินหน้าหนีก็ไม่สักนิด ยังคงยืนนิ่งใช้ดวงตาคมที่แข็งกร้าวมองจ้องหน้าเซฮุนไม่กะพริบ

                    “...............”

                    “...............” สองคนเงียบไปด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันไม่เลิกรา จนเป็นเซฮุนที่เดินหนีกลับเข้าบ้านไป มีจื่อเทาเดินตามไปห่างๆ

     

                    แม้รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นลงไป แต่ก็ไม่มีวันขอโทษเป็นอันขาด ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่มีทางขอโทษผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด.....หวง จื่อเทา

     

    ====== #ficinmyskin ======

     

    ติดตามต่อตอนหน้า
    งานเลี้ยงที่เซฮุนไม่อยากไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×