ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มี Ebook [Yaoi] D.O.D (Deva or Devil)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตัวแทนจาก 5 ตึก

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 55


    EP.05

    เสียงจอกแจกจอแจ อึงอลไปทั่วบริเวณโดยรอบของโรงอาหารใต้ตึกไดม่อน (ตึกขาว) รวมทั้งตึกอื่นๆ ซึ่งคาดว่าคงมีบรรยากาศที่ไม่ต่างกันนัก เนื่องด้วยทุกคนต่างรู้ดีว่า อีกเดี๋ยวประธานของตนต้องนำข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันในรอบแรกมาชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกัน หลังจากที่มีประกาศเรียกตัวเพื่อเข้าร่วมประชุมและทำความเข้าใจ กฎกติกาการแข่งขันครั้งนี้ แต่ละโต๊ะเริ่มพูดคุยสนทนาและออกความเห็นกันอย่างสนุกครึกครื้น บ้างก็คาดเดากันไปต่างๆ ว่าจะต้องแข่งอะไรกัน รุ่นพี่ที่อยู่เก่าเคยแข่งหรือเคยเห็นการแข่งขันก็เล่าถึงเกมเมื่อปีก่อนๆ เพื่อให้เด็กใหม่ได้ลองจินตนาการและมองภาพให้ออกถึงบรรยากาศของสมรภูมิรบระหว่างตึกทั้งห้าที่แข่งขันกัน

    เพียงไม่นานนัก เสียงนกกระจอกแตกรังเมื่อสักครู่ที่แทบแยกไม่ออกว่า เสียงใครเป็นเสียงใครก็ค่อยๆ ซาลงไปทีละน้อยจากด้านหลังสู่ด้านหน้า เมื่อร่างโปร่งบางสวยที่มัดรวบผมยาวหยักศกของตนไว้ทางด้านหลังแบบหลวมๆ เดินหยักยิ้มน้อยๆ ระบายบนใบหน้า ฝ่าทางเดินตรงกลางเข้ามาอย่างช้าๆ ซึทนะ โค้งศีรษะน้อยๆ ให้กับรุ่นพี่และคณะกรรมการหอที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นการทักทายก่อนเอื้อมหยิบไมค์ขึ้นมาถือนิ่งไว้ ทำให้ทุกคนในโถงแห่งนี้พากันเงียบกริบเพื่อรอฟังคำจากประธานคนงาม

    “ฮัดเช่ย!!!

    ความเงียบดั่งต้องมนตร์สะกดเมื่อครู่หายไปไกลลับเมื่อจู่ๆ มีคนส่งเสียงจามออกมาสนั่นก้อง พาให้หัวเราะครืนกันอย่างช่วยไม่ได้

     

    “เรากำลังจะเล่นมุกว่าเราเหมือนเป็นอาจารย์ใหญ่ในแฮรี่ พอตเตอร์อยู่เชียว ดันมีคนแย่งซีนไปซะแล้ว เสียใจจัง”

    ทุกคนต่างหันไปจ้องมองเจ้าคนที่ดันเผลอจามออกมาเมื่อครู่และส่งเสียงฮาครืนกันอีกครั้ง เจ้าตัวจึงลุกขึ้นโค้งรอบทิศและเกาหัวตัวเองแกรกๆ อย่างเขินอาย นัทสึกิอดคิดในใจไม่ได้ว่า ถ้าคนที่จามไม่ใช่เจ้าหมอนี่แต่เป็นเขา ไอ้คนที่ยืนตีหน้าใจดีอยู่นั่นจะพูดแบบเดียวกันหรือเปล่านะ?

    “ไม่เป็นไร เราล้อเล่นนะ แต่เดี๋ยวเรากำลังจะพูดแล้วเนี่ยอย่าแย่งซีนเราอีกล่ะ ฮะๆ”

                    ซึทนะเอ่ยแซวอีกครั้งพลางหัวเราะร่วนลงคอ คนที่กำลังใจจดจ่อรอฟังกติกาก็พาลลืมไปสิ้นเมื่อเห็นใบหน้านั้นยิ้ม หัวเราะอยู่ตรงหน้า...ถึงขั้นเคลิ้มนิ่งกันไป ต่างก็นึกขอบใจไอ้คนจามที่ทำให้ได้เห็นอะไรที่มันเจริญหูเจริญตาก่อนกินข้าวเช่นตอนนี้

                    “น่ารักว่ะ”

                    “ยอมเป็นทาสเลยจริงๆ”

                    “สิ่งมีชีวิตที่เจิดจ้าแท้ๆ”

                    “สวยแต่รูปดิ”

                    สามแสบ อากิระ ซาคิโตะ และทาคุมิ เอ่ยชื่นชมคล้ายคนเมายา ทำเอานัทสึกิที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ถึงขั้นแทบอยากจะล้วงคออ้วกเสียให้ได้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่พูดขัดคอกันเท่านั้น

                    “นัทสึกิคุงครับ กับพวกผมก็พูดได้หรอกนะครับ แต่กับคนอื่นขืนคุณไปพูดแบบนี้เข้าเนี่ย ถูกองครักษ์พิทักษ์คุณชายทจรุมตืบเอาได้ง่ายๆ เลยนะครับ”

                    “องครักษ์พิทักษ์อะไรนะ???”

                    “พิทักษ์คุณชายทจครับ(ทจจิซามะ) เรียกสั้นๆ ว่ากลุ่ม ทจจิซามะ ไว้ผมจะเล่าลงรายละเอียดให้ฟังหลังจากทานข้าวเสร็จแล้วกันนะครับ ตอนนี้ขอผมได้ชื่นชมความสวยงามที่โลกใบนี้สรรสร้างต่อก่อนเถอะนะครับ ถ้าไม่รังเกียจ”

                    แล้วเจ้าทาคุมิก็หันไปนั่งเคลิบเคลิ้มกับซึทนะต่อไม่สนใจนัทสึกิอีก

     

                    “การแข่งรอบแรกจะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้านี้นะตามที่เราได้ไปประชุมมา เท่าที่ฟังก็ดูเหมือนคงจะดุเดือดและสนุกมากกว่าปีก่อนๆ อย่างแน่นอน เพราะมันคือ เกมแข่งวิ่งวิบาก”

                    สิ้นเสียงหวานๆ ของซึทนะ ทุกคนก็ฮือฮาหันหน้าเข้าคุยกันในทันที เจ้าตัวจึงเคาะไมค์สองสามครั้งให้ทุกคนกลับมาฟังตนอธิบายต่อไป

                    “อย่างที่ทราบกันดีว่าทุกปีที่จัดการแข่งขัน ถ้าไม่เป็นเรื่องทางวิชาการก็เป็นเรื่องของไหวพริบและพละกำลัง ซึ่งโจทย์แต่ละครั้งแทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตึกไหนจะชนะ แต่ครั้งนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าจัดให้คละชั้นคละแผนกความถนัดของแต่ละคนก็เลยทำให้ถูกคละกันไปด้วย ทั้งยังเห็นว่าทุกคนอาจเครียดเกินไปสำหรับการแข่งขันเลยหวังอยากให้มันเป็นกิจกรรมประเพณีของสถาบันที่เรียกเสียงหัวเราะและความสามัคคีกันเสียมากกว่า ดังนั้นการแข่งขันทั้งหมดจึงแตกต่างกันออกไป ก็....สุดจะคาดเดาได้จริงๆ ว่าเขาจะเอาอะไรมาให้เราแข่งบ้าง”

                    หนึ่งในเด็กหอยกมือถาม ซึทนะจึงพยักหน้ารับให้ลุกขึ้นพูดได้

                    “แล้ววิ่งวิบากที่ว่านี่ มีทั้งหมดกี่ด่าน อะไรบ้าง แล้วจะแข่งกันยังไงหมดทั้งสถาบันล่ะครับ ประธาน”

    “นั่นน่ะสิ”

    “อ้าว!

    เมื่อซึทนะตอบออกมาแบบนั้นก็พาให้ทุกคนร้องอ้าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและส่งเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยถกเถียงกันเองต่อ จนซึทนะต้องเคาะไมค์เบาๆ อีกสองสามครั้งให้เงียบเสียงเพื่อฟังคำของเขาต่อ

    “ทางสมาคมศิษย์เก่าไม่ได้แจงรายละเอียดในเรื่องของเกมเลย บอกเรามาเพียงแค่ชื่อเกมเท่านั้น ส่วนด่านต่างๆ จะเฉลยกันในวันแข่งจริงแบบเป็นเซอร์ไพรส์ไม่ให้ตั้งตัวได้น่ะ คาดว่าคงอยากดูไหวพริบของคนที่เป็นตัวแทนแต่ละตึกด้วยนั่นล่ะ กติกาก็ง่ายนิดเดียวคือ..... ไปให้ถึงเส้นชัยและสำหรับเรื่องของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ถ้าให้แข่งกันหมดทั้งสถาบันคงไม่ไหวแน่ จึงจะสุ่มจับรายชื่อตึกละยี่สิบคนเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่ง พรุ่งนี้เช้าจะประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกคนโชคดี”

    ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายและเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวของตัวเอง เสียงโอดครวญจึงดังขึ้นมาในทันทีทันใด เพราะต่างคนก็ต่างอยากลองที่จะเข้าแข่งขัน ลองของใหม่ด้วยกันทั้งนั้น

    “เปิดเกมแรกมาก็จับฉลากผู้โชคดีกันเลยเหรอเนี่ย ไม่ยุติธรรมเลย ไหงไม่ได้แข่งหมดทุกคนฟระ”

    อากิระบ่นอุบอิบทำหน้ายู่เท้าคางกับโต๊ะอย่างเซ็งใจ

    “โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ อยู่เฉยๆ ดูเขาแข่งกันไม่ง่ายกว่าหรือไง”

    ชินยะท้วงทำให้นัทสึกิพยักหน้าเห็นด้วย

    “ถูกต้อง อยู่เฉยๆ เป็นเรื่องดีที่สุด คำว่าวิบาก แปลได้อีกอย่างว่าลำบาก และความลำบากก็จะนำมาซึ่งความไม่สบายกาย ก่อให้เป็นเรื่องของการเจ็บตัว เพราะฉะนั้นอยู่เฉยๆ ก็จะไม่เจ็บตัว ไม่ลำบาก และไม่ต้องวิบาก”

    ประสบการณ์แห่งความวิบากมันสั่งสมมาตั้งแต่เกิดจนถึงทุกวันนี้ จนมันทำให้รู้ดีว่าการอยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องวุ่นๆ น่ะมันดีแค่ไหน

    “พวกรุ่นพี่นี่ไม่ใจเลยอ่ะ ดูคนอื่นดิ เขากระตือรือร้นกันจะตาย อย่าลืมดิครับว่าพวกเราเนี่ยดำรงตำแหน่งอะไรกันอยู่ครับ เราเป็นท็อปบ๊วยของตึก ไม่คิดอยากกู้หน้าตัวเองกันบ้างหรือไงครับเพ่!

    ซาคิโตะตบโต๊ะเมื่อพูดประโยคสุดท้ายจบ ทำให้อากิระที่นั่งเท้าคางห่อเหี่ยวอยู่เมื่อครู่ลุกขึ้นมาพยับเพยิบปรบมือเชียร์เพื่อนสุดใจขาดดิ้น และก็ต้องเหี่ยวกันลงไปอีกหนเมื่อชินยะดับฝันต่อ

    “ตึกละยี่สิบ ห้าตึกก็ร้อย ผู้ชนะมีหนึ่งเดียว ก็เท่ากับหนึ่งต่อร้อย ไปกู้หน้าหรือไปขายขี้หน้ามากกว่าเดิมกันฮึ? แล้วตึกนึงก็มีกันตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้าไม่ดวงดีสุดๆ ก็ดวงตกสุดๆ ล่ะถึงจะถูกจับรายชื่อได้”

    “ชินยะพูดอีกก็ถูกอีก รอดูดีกว่าว่าพรุ่งนี้ใครจะเป็นผู้โชคร้ายฮ่าๆ”

    นัทสึกิหัวเราะชอบใจ

    “เออทาคุมิ นายติดเล่าเรื่องไอ้กลุ่มอะไรนั่นให้ฉันฟังอยู่นะ ตกลงมันยังไงวะ?”

    “กลุ่ม?? อ๋อครับนัทสึกิคุง มันต้องเปิดคอมครับ ไว้เดี๋ยวเราทานข้าวกันอิ่มแล้วก็ไปที่ห้องผมกันได้เลยครับถ้าไม่รังเกียจ”

    “เหอๆ”

    รังเกียจน่ะไม่รังเกียจหรอก แต่เกลียดตรงความสุภาพที่มาพร้อมความกวนเบื้องต่ำของมันนี่แหละ ก็ตั้งแต่กลายเป็นท็อปบ๊วยเนี่ย ไม่มีคืนไหนเลยที่จะไม่ไปขลุกอยู่กับไอ้พวกนี้ที่ห้องมันน่ะ เหตุเพราะห้องของทาคุมิมีรูมเมทคือซาคิโตะที่เป็นบ๊วยติดดาวแก๊งเดียวกันเนี่ย ดังนั้นมันเลยกลายเป็นห้องมั่วสุมที่ดีที่สุดในบรรดาห้องของพวกเราทั้งหมด ยิ่งห้องตัวเองไม่ต้องพูดถึงเลย มีอดีตรองประธานนักเรียนเป็นรูมเมทห้อง ใครไหนเลยจะกล้ามากัน...

    เราย้ายร่างพวกเราทั้งหมดขึ้นมาที่ห้องของทาคุมิและซาคิโตะ และรอเจ้าตัวเปิดคอมตามที่ได้บอกไว้

    “นี่ครับกลุ่ม ทจจิซามะ หรือกลุ่มองครักษ์พิทักษ์คุณชายทจ หรือก็คือท่านประธานซึทนะนั่นเอง”

    ทุกคนทั้ง นัทสึกิ ซาคิโตะ อากิระและชินยะ ต่างพากันชะโงกหน้าเบียดเสียดรุมเข้ามาที่หน้าจอพร้อมๆ กัน เพื่อดูว่าทาคุมิกำลังเปิดอะไร

    “แล้วไอ้ที่นายเปิดอยู่นี่มันคืออะไรเรอะ?”

    อากิระเอ่ยถามพาให้ทุกคนกล่าวโดยพร้อมเพรียงว่า “นั่นสิอะไรวะ”

    “น่าเศร้าจริง เว็บบอร์ดของสถาบันไม่เคยเข้ากันเลยหรือไงครับ”

    “เคย แต่ไม่เห็นเจอไอ้บอร์ดแบบนี้เลย”

    ชินยะตอบและคว้าเม้าส์ในมือของทาคุมิเลื่อนสกอร์บาร์ด้านข้างลงดูข้อความต่างๆ เอง

     

    “คือที่สถาบันของเรานะครับ พอคุณได้เป็นนักศึกษาของที่นี่แล้วเขาก็จะส่งไอดีนักศึกษามาใช่มั้ยครับ หมายความว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่มาพร้อมกับการเป็นคนของสถาบัน ได้อ่านกันบ้างมั้ยครับเนี่ยว่ามันมีอะไรบ้าง?”

    ทุกคนส่ายหน้า ทำให้ทาคุมิถอนหายใจยาวเหยียด

    “พวกคุณนี่ไม่รักษาผลประโยชน์ของตัวเองกันบ้างเลย งั้นไว้เรื่องที่ไม่เกี่ยวกันผมจะค่อยๆ เล่าให้ฟังวันหลังแล้วกันนะครับ ผลประโยชน์อย่างหนึ่งที่ได้รับก็คือ เขาก็จะให้พื้นที่สำหรับทำบล็อก ไดอารี่ส่วนตัวคล้ายอย่างของอะมีบ้า หรือยาฮูเจแปนอะไรงี้น่ะครับแต่ตัวนี้เป็นของสถาบันโดยตรงซึ่งค่อนข้างหรูอลังและมีประสิทธิ์ภาพกว่ามาก แล้วก็มีพื้นที่เว็บไซท์ส่วนตัวให้ด้วย พอสมัครสองตัวแรกเสร็จสิ้นก็จะสามารถเข้าใช้งานบอร์ดของสถาบันได้โดยปริยาย และบอร์ดนี้ก็จะแบ่งแยกย่อยกันออกไปตามลักษณะกลุ่มความชอบของแต่ละกลุ่มคนในสถาบันนะครับ ยิ่งมีคนเยอะมากเท่าไรก็จะเปิดกรุ๊ปได้เร็วมากเท่านั้น”

    “แล้วเร็วที่ว่านี่มันแค่ไหนกัน?”

    “เร็วสุดก็เดือนนึงครับ”

    “แล้วห้องทจจิซามะ?”

    “สี่วันครับ”

    “ห้ะ!!!!

    ทุกคนที่ยืนตั้งใจฟังกันอยู่นี้ถึงกับหลุดร้องห้ะออกมาพร้อมกันลั่นห้องจนต้องรีบเอามือปิดปากเพราะแม้หอนี้จะไม่เข้มงวดมากนักแต่การส่งเสียงดังรบกวนห้องอื่นๆ ในเวลากลางคืนก็มีสิทธิ์ถูกลงโทษได้ นัทสึกิรีบถามก่อนใครเพื่อน

    “สี่วันเนี่ยนะ! กะแค่คนๆ เดียวเนี่ยนะ??? ทำได้ไงกัน”

    “คนๆ เดียวนี่แหละครับ พลิกชะตากันเลย สาเหตุก็เพราะมีคนโพสรูปและพูดถึงเด็กเข้าใหม่คนนี้มากเป็นพิเศษวันนึงก็แทบจะเทคโอเวอร์บอร์ดทั้งบอร์ดไปแล้วครับกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับประธานน่ะ หาอ่านกระทู้อื่นๆ แทบไม่ได้เลย การขอจัดตั้งกรุ๊ปก็เลยต้องรีบดำเนินการโดยด่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับกระทู้อื่นที่มีในบอร์ดน่ะครับ”

    “เดี๋ยวนะ นี่นายกำลังพูดถึงโรงเรียนชายล้วนอยู่แน่หรือเปล่าวะ”

    “นั่นสิ โม้หลอกพวกเราป่าววะไอ้เกลอ”

    ทั้งนัทสึกิและอากิระต่างตั้งข้อสงสัยไม่แพ้กัน แล้วจะให้เชื่อได้ยังไงว่าไอ้สถาบันระดับแนวหน้าของประเทศแถมเป็นชายล้วนอีกต่างหากเนี่ย จะเม้าท์มอยหอยแครงกันถึงเรื่องนักเรียนเข้าใหม่ที่เป็นผู้ชาย!!! โลกมันเอียงเกินไปหรือเปล่าคนถึงได้เปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้กันน่ะ!

    “ชายล้วนนี่แหละครับตัวดีเลย เพราะมันขาดแคลนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิง พอมีอะไรที่ทดแทนได้แถมยังทดแทนได้ดีกว่าด้วยแล้วใครจะไม่สนใจล่ะครับ เรื่องบอร์ดยังไม่จบแค่นี้นะครับ หากกรุ๊ปไหนที่ทางสถาบันเล็งเห็นแล้วว่ามีประโยชน์หรือพูดง่ายๆ ก็คือดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่สถาบันได้มากที่สุด ก็จะมีการอนุมัติพิเศษจัดตั้งเป็นกรุ๊ปวีไอพีเพื่อให้เด็กอื่นเข้ามาดูและโพสท์ข้อความในกรุ๊ปได้ กรุ๊ปทจจิซามะเป็นอีกกรุ๊ปหนึ่งครับที่ได้รับการอนุมัติให้เป็นวีไอพี เพราะคนพยายามสมัคร สอบ เส้น กันเข้ามาเยอะแยะเพื่อที่จะได้เจอตัวจริง ตัวเป็นๆ ของ ซึทนะ โทชิยะ หนุ่มรูปงามในตำนานสถาบัน SIT-T ณ ปัจจุบันนี่แหละครับ

    รู้กันอยู่ใช่มั้ยล่ะครับว่าค่าใบสมัครสอบเข้าของที่นี่แพงแค่ไหน แต่ขอแค่ได้เดินเข้ามาซื้อแล้วเห็นหน้าประธานเท่านี้ก็คุ้มแล้วสำหรับคนในกลุ่มนี้น่ะ”

    “ขอเดาว่ามัน....เอ่อ.....ซึทนะ น่ะ เลยได้ตำแหน่งประธานนักเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะเหตุผลนี้ด้วยใช่หรือเปล่า”

    “ก็ส่วนหนึ่งครับแต่อีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้คืออัธยาศัย ความมีน้ำใจและความเป็นอัจฉริยะของประธานเองด้วยครับ”

    ฟังถึงตรงนี้ก็อยากจะล้วงคออ้วกอีกสักหน

    “ที่ผมพูดเยอะแยะมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่า กลุ่มคนในทจจิซามะไม่ใช่เฉพาะคนในสถาบันเท่านั้นแต่ยังมีนอกสถาบันด้วยจึงมากกว่ากลุ่มอื่นทั่วไปหลายเท่านัก ทั้งยัง..... รวมกลุ่มคนแปลกเข้าไว้ด้วยกัน..”

    “หือ??”

    “เออ แปลกจริงๆ นั่นแหละ ฉันไล่อ่านข้อความที่โพสท์กันแล้วฉันปวดหัวเข้าไม่ถึงจริงๆ”

    ชินยะพูดแทรกทันควันเพราะเมื่อครู่ในระหว่างที่คนอื่นฟังทาคุมิบอกเล่าประวัติความเป็นมาทั้งหลายตนเองก็ไล่อ่านข้อความต่างๆ ไปเรื่อยๆ แล้ว

    “คือไรวะ เขาเขียนว่าไงมั่งเล่ามาดิเพื่อน”

    “อ่านให้ฟังเลยดีกว่า.....

    ...วันนี้ดีใจจังได้เจอเซมไปที่โรงอาหาร ได้หายใจในอากาศเดียวกัน.....

    ...ประธานรู้ตัวมั้ยครับว่ามีคนหลงรักมากมายอยู่ตรงนี้ ช่วงนี้อย่าเครียด อย่านอนดึกนะครับ คนทางนี้เป็นห่วง...

                    ...ซึทนะจ๋า มาห่มผ้าให้นะ เหนื่อยมาวิ่งเล่นในหัวใจกันหรือยัง ถ้าเหนื่อยแล้วก็ฝันดีราตรีสวัสดิ์จ่ะ...

                    ...ตั้งแต่เกิดมาดอกไม้ที่ว่าสวยตอนนี้ยังสู้ไม่ได้กับความสวยเพียงแค่เสี้ยวของปลายผมยาวหยักพลิ้วนั่น...

    “โอ๊ยยยยยยยยยยขอร้อง หยุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องอ่านแล้ววว พอก่อนนนนนนนน ถ้าคิดจะฆ่าฉันด้วยวิธีนี้ล่ะก็นะ นายต้องเป็นฆาตรกรที่เหี้ยมโหดที่สุดในโลกนี้แน่ๆ นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย มันคืออะไรรรรรรรร”

    นัทสึกิยกมือห้ามเพื่อนอ่านต่อก่อนจะเอากลับมาปิดหูตัวเอง

    “เป็นอันว่าเข้าใจ รับทราบ และผมไม่ต้องอธิบายอะไรต่อให้มากความแล้วใช่มั้ยครับทีนี้”

    “เออ! เข้าใจถึงไขสันหลังเลย โลกนี้แม่มบ้าเกินจะอยู่ได้แล้วจริงๆ ขืนต้องมานั่งอ่านอะไรแบบนี้ทั้งวันฉันได้ตายก่อนอายุไขจริงแหง เอาเป็นว่าต่อไปจะระวังก็แล้วกัน จะไม่พูดถึงไอ้บ้านั่นให้ใครได้ยินอีก สาธุ หวังว่าคนพวกนั้นจะไม่ได้อยู่รอบตัวฉันหรอกนะ”

    “ยินดีด้วยครับ นัทสึกิคุง เพราะกว่า 60% ของสถาบันนี้มารวมตัวและสถาปนาเป็นสมาชิกกรุ๊ปนี้กันหมดครับ ที่สำคัญแค่ใครพูดถึงในทางที่แตกต่างหรือติท่านประธานเพียงนิด ถึงขั้นตายในโลกไซเบอร์กันเลยล่ะครับ ทั้งตามติดไอดีค้นหาตัวเป็นๆ ด่าในบอร์ด และหลังไมค์หาตักเตือน กลุ่มคนอีก 30% ที่เหลือถึงได้เรียกกรุ๊ปนี้ว่า องครักษ์พิทักษ์คุณชายทจ ยังไงล่ะครับ

    “แล้วอีก 10% ที่เหลือล่ะ?”

    “ก็ประปรายตั้งแต่แอนตี้แฟนแบบจัดๆ ยันไปถึงพวกไม่เอาอะไรไม่สนอะไร และพวกก้ำกึ่งอยากด่าวันไหนก็ด่าอยากชมวันไหนก็ชมน่ะครับ ยินดีด้วยนะครับมันอยู่รอบตัวคุณจริงๆ คงเป็นชะตาชีวิตที่คุณต้องดำเนินต่อไปนะผมว่า อิอิ”

    เสียงหัวเราะ อิ อิ ช้าเนิบของทาคุมิฟังดูหลอนใจไม่ใช่น้อย แต่ก็คงหลอนได้ไม่เท่าคำพูดที่น่าขนลุกพวกนั้นที่ชินยะอ่านออกมาให้ฟัง สักวันเหอะ จะได้รู้กันว่าไอ้ซึทนะจ๋าน่ะมันเป็นยังไง สักวันฉันจะกระชากหน้ากากคนใจดีอย่างนายออกมาให้ได้ สักวันเหอะ....สักวัน....

    “เพื่อนครับ ผมมีข้อสงสัยอีกข้อ”

    ซาคิโตะที่เงียบกว่าใครเพื่อนจู่ๆ ก็ยกมือถาม

    “??”

    “นายไปรู้เรื่องพวกนี้มาได้ไง ปีหนึ่งเข้าใหม่เหมือนกันกับฉันแท้ๆ?”

    “ผมเป็นแฟนคลับมิสเกรนเจอร์ครับ(เฮอร์ไมโอนี ในแฮรี่ พอตเตอร์) เพราะนิสัยเธอคล้ายกับผม พอผมรู้ว่าตัวเองสอบเข้าที่สถาบันนี้ได้ ผมก็ใช้เวลาทั้งหมดอ่านประวัติของสถาบัน และเข้าบอร์ดก่อนเป็นอันดับแรกจนได้เห็นห้องวีไอพีที่ยอดวิวและยอดตอบ ยอดกระทู้สูงมากที่สุด เลยสนใจเข้าไปนั่งอ่านดู หลังจากนั้นพอได้ไอดีสถาบันมาผมก็เข้าไปสืบค้นภายในอีกครั้ง ก็แชทคุยกับรุ่นพี่ที่อยู่ในนี้บ้างอ่านตามบล็อคบ้างทำนองนี้ล่ะครับ พวกคุณไม่ทำกันบ้างเหรอครับ”

    ทุกคนสั่นหัวยิ่งกว่าถูกผีเข้าเสียอีก

    “พวกคุณนี่...พิลึกจริงๆ”

    เขาพูดพร้อมทำหน้าเบื่อหน่ายหันหน้าเข้าจอคอมต่อ ปล่อยให้ อากิระ นัทสึกิ ซาคิโตะ และชินยะมองหน้ากันอย่างเข้าใจและไปในทิศทางเดียวกันว่า

    ....ไอ้ที่แปลกน่ะมันไม่ใช่พวกฉันหรอก แต่เป็นนายมากกว่า เจ้าทาคุมิ....

     

    ในเช้าวันรุ่งขึ้นนักศึกษาทั้งสถาบันต่างรีบรุดขุดตัวเองออกจากที่นอนกันอย่างกระตือรือร้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าวันนี้ใครจะติดโผรายชื่อผู้เข้าแข่งขันเกมประเพณีอันทรงเกียรติ(?) แห่งสถาบัน SIT-T เกมแรกของปีการศึกษา ส่วนพวกที่ไม่ยี่หระไม่อยากรู้ไม่สนใจโลกก็มีอยู่เหมือนกันก็ทำกิจวัตรประจำวันไปเหมือนเช่นปกติทุกวันที่ผ่านมา

    9 นาฬิกาตรง เสียงไซเรนก็ดังขึ้นก่อนจะหยุดลงและมีประกาศแจ้งว่าจะประกาศผลบนตึกอำนวยการซึ่งอยู่ใจกลางของสถาบันพอดี ครั้นเมื่อแห่วิ่งกันออกมาจากตึกนอนต่างคนก็ต่างพบว่าทั้งสี่ทิศของตึกอำนวยการได้กลายเป็นจอแอลซีดีขนาดมหึมาที่ใช้สำหรับประกาศรายชื่อทั้งหนึ่งร้อยชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ตึกไหนก็สามารถมองเห็นและได้ยินรายชื่อที่จะประกาศในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ด้วยกันทั้งนั้น โดย ณ ตอนนี้จอทั้งสี่ทิศเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโหมกระหน่ำยังไม่มีรายชื่อใดๆ ปรากฏบนหน้าจอ คล้ายเป็นความนัยที่บอกให้รู้ว่า มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ...เชื่อแล้วจริงๆ ว่าสถาบันนี้ชอบทำอะไรเวอร์ๆ ต่างจากสถาบันอื่น และเงินเหลือใช้มากมายจริงๆ อ้อ ลืมไป เงินส่วนใหญ่ก็มาจากพวกคนในบอร์ดวีไอพีเหล่านั้นนี่เนาะ

    “คุณพระ.... ผมนึกว่าผมกำลังอยู่ในแฮรี่ พอตเตอร์ ตอนชิงถ้วยอัคนี นี่ถ้ามีถ้วยแล้วหยิบรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเข้าแข่งได้นี่ใช่เลยนะเนี่ย อยากให้เป็นชื่อผมซะแล้วสิ”

    ทาคุมิมองเปลวไฟบนจอแอลซีดีนั้นตาเป็นประกายลุกโชติช่วงอย่างตั้งความหวัง ทำเอาเหล่าท็อปบ๊วยที่เหลือมองหน้ากันและถอนหายใจอย่างเพลียๆ

    “ซาคิโตะ กลับห้องไปช่วยหาทางเผาหนังสือแฮรี่ของทาคุมิทิ้งอย่างเงียบๆ ทีนะ เผื่อว่ามันจะอาการดีขึ้น”

    “รุ่นพี่ชินยะ ไม่ต้องบอกผมก็ว่าจะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะครับ”

    “มันอาจมีไม้กายสิทธิ์อยู่ใต้หมอนก็ได้นะ”

    “เออ มีอะไรให้ช่วยบอกนะ ฉันพร้อมช่วยเผาว่ะ”

    นัทสึกิตบไหล่ซาคิโตะ แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะลั่นออกมาพร้อมกัน

    “ทางสมาคมศิษย์เก่าขอประกาศรายชื่อนักศึกษาผู้เป็นตัวแทนจากตึกทั้งห้าตึกตามลำดับดังนี้ ตึกการ์เน็ท ตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันเกมประเพณีคือ.........”

    เปลวไฟบนจอแปรเปลี่ยนเป็นชื่อของผู้ที่ถูกเลือกพร้อมคำประกาศ เสียงเฮและเสียงปรบมือดังกึกก้องจากตึกดังกล่าว และเริ่มทยอยประกาศกันไปอย่างต่อเนื่องกระทั่งมาถึงตึกสุดท้ายที่ถือเป็นตึกของประธานนักเรียนที่ทุกคนต่างรอลุ้นว่าใครกลุ่มไหนจะถือเสมือนเป็นตัวแทนของประธานมาแข่งขันเพื่อช่วงชิงชัยชนะในศึกครั้งนี้ ซึ่งแต่ละชื่อก็เรียกเสียงเฮและเสียงปรบมือได้สนั่นไม่แพ้ตึกใดๆ บ้างก็ลุ้นให้เป็นชื่อตัวเองหรือชื่อคนชิดใกล้ บ้างก็ลุ้นให้เป็นชื่อของประธานหรือไม่ก็พวกกรรมการหอ คนที่ได้รับเกียรติมีชื่อขึ้นจอก็ยืดอกบ้างห่อเหี่ยวกันไปบ้างเพราะบางคนปกติก็ไม่ค่อยเคยแข่งขันอะไรกับใคร ติดจะอ่อนแอด้วยซ้ำ ทำให้การถูกจับสุ่มชื่อขึ้นมาเป็นเรื่องหลอนสำหรับคนๆ นั้นไป นัทสึกินั่งปรบมือและชี้ชวนเหล่าเพื่อนพ้องดูสีหน้าต่างๆ ของคนที่ถูกเลือกออกมาอย่างสนุกสนาน ในที่สุดก็ครบทั้งยี่สิบคนจนได้

    “ขอให้นักศึกษาทั้งหนึ่งร้อยคนที่เป็นตัวแทน เตรียมพร้อมกับการแข่งขันในอีกสองวันข้างหน้าและจงภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งรอบปฐมฤกษ์ของปีการศึกษานี้ คณะกรรมการแต่ละตึกขอให้มารับรายชื่อตัวแทนของตึกตัวเองเพื่อนำไปติดประกาศยังบอร์ดกลางได้ที่ห้องสมาคมศิษย์เก่าตึกอำนวยการหลังจบประกาศนี้”

    สิ้นเสียงประกาศ ไซเรนก็ดังขึ้นอีกครั้ง นักศึกษาทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงเอะอะพูดคุยกันเหมือนมดแตกรังดีๆ นี่เอง ซึทนะและเหล่ากรรมการหอเข้าไปพูดคุยกับตัวแทนทั้งยี่สิบคนด้วยใบหน้าท่าทางแจ่มใสพร้อมเอ่ยฝากฝังการแข่งในครั้งนี้

    “ประธานครับ....คือว่า....”

    หนึ่งในยี่สิบคนสะกิดซึทนะให้หันไปหาและเอ่ยเล่าความบางอย่างให้รับทราบ ส่งผลให้คิ้วสวยขมวดมุ่นย่นยู่เข้าหากันสักพัก ก่อนพยักหน้ารับทราบและกระซิบบอกเลขาประธานหรือมิซึกิคุง ให้รับทราบเช่นกัน ไม่นานนักมิซึกิก็ปลีกตัวออกไป

    “โคตรอยากรู้เลยว่าเขาจะแข่งอะไร ไหงต้องทำอุบด้วยแว๊ สมาคมศิษย์เก่าเนี่ย!

    “อยากรู้ไปก็เท่านั้น เดี๋ยววันแข่งก็รู้เอง รู้ก่อนก็ไม่ได้ช่วยให้ตึกเราชนะสักหน่อยเพราะนายก็ไม่ได้แจ๊คพอตโดนเป็นตัวแทนกับเขานะซาคิโตะคุง”

    “ก็มันอยากรู้นี่นา จริงมะนัทสึกิคุง”

    “บอกให้เรียกรุ่นพี่ ไอ้พวกนี้นี่!

    เด็กหนุ่มทั้งห้าพากันมานั่งกินข้าวชมวิวทิวทัศน์อยู่บนเนินเขาใกล้สนามฟุตบอลดูเขาเตะบอลกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ

    “ประกาศ นักศึกษาทั้งหมดโปรดทราบ ทางสมาคมศิษย์เก่ามีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ เนื่องด้วย มัตสึอุระ คาคาชิ ตัวแทนจากตึกไดม่อนมีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวกับทางสถาบันได้ โดยทางเราได้ตรวจสอบแล้วเห็นควรให้ถอนตัวจากการแข่งขันเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงในระหว่างการแข่ง ดังนั้นจึงขอทำการคัดเลือกตัวแทนตึกไดม่อนใหม่อีกครั้ง เพื่อแทน มัตสึอุระ ที่ไม่สามารถร่วมลงแข่งได้

    ทางเราเห็นสมควรให้ นักศึกษาปีสอง นัทสึกิ โช เป็นตัวแทนคนที่ยี่สิบของตึกไดม่อน เข้าร่วมการแข่งขันที่จะมีขึ้นในอีกสองวันนี้ รับทราบโดยทั่วกัน”

    สิ้นคำประกาศ อากิระ ซาคิโตะ ชินยะ ทาคุมิและตัวนัทสึกิเองต่างเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา แล้วจู่ๆ สี่คนแรกก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น

    “กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นัทสึกิคุง ผมโคตรอิจฉาคุณจริงๆ”

    ซาคิโตะเอ่ย

    “มันเป็นชะตาฟ้าลิขิตแล้วจริงๆ”

    อากิระพูดพร้อมจับมือนัทสึกิเขย่าโดยแรง

    “เปอร์เซ็นในการจับฉลากโดนชื่อแทบจะเท่ากับหนึ่งเปอร์เซ็นเท่านั้น และไอ้หนึ่งเปอร์เซ็นที่ว่านั่นก็ถูกจับออกไปแล้วแต่ยังมีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ไม่สมบูรณ์ถูกคัดออกเพื่อคัดเลือกใหม่แล้วนายก็ดันกลายเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั่นแทน อืม นายนี่โคตรโชคร้ายเลยว่ะ”

    ชินยะตบไหล่เพื่อนปุปุ อย่างเข้าใจ

    “คุณต้องเป็นแฮรี่ พอตเตอร์มาเกิดแหงๆ เชื่อผมเหอะนัทสึกิคุงครับ สู้เขานะครับ”

    แล้วทั้งหมดก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง มีเพียงนัทสึกิที่นั่งนิ่งเหมือนถูกค้อนปอนด์ทุบหัวมองดูชื่อตัวเองที่ขึ้นโชว์อยู่บนจอแอลซีดีสี่ทิศของตึกอำนวยการ ด้วยความรู้สึกที่จะร้องก็ร้องไม่ออก จะพูดก็พูดไม่ได้ ได้แต่นั่งคิดอยู่ในใจคนเดียวว่า

    ซวยแล้วไงงานนี้

    to be con.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×