ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มี Ebook [Yaoi] D.O.D (Deva or Devil)

    ลำดับตอนที่ #4 : SINNER

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 55


    “ไง วันนี้ทำความสะอาดครบทุกชั้นหรือยัง ฮะๆๆ”
    “โชคดีนะ เหล่าท็อปบ๊วย”

    นี่ คือวันที่สามของการทำความสะอาดห้องอาบน้ำรวมของตึกขาวทั้งตึก ผู้โชคร้ายทั้งสิบเอ็ดคนจะต้องเดินถือกระแป๋งน้ำกับไม้ถูพื้นประจำตำแหน่งวน ไปวนมาในแต่ละชั้น เช้า เย็น และ หลังสี่ทุ่มไป เป็นอย่างนี้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ เดินไปทางไหนทีก็จะมีพวกที่คอยหยอกล้อทั้งแบบเล่นๆ และแบบที่เรียกว่า...ถากถางจริงจังปะปนกันไป นัทสึกิเองก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มพวกบ๊วยที่ต้องมารับ สภาพเบ๊ของหออย่างเช่นทุกวันนี้ คืนที่ได้รับเครื่องรางจากไอ้เจ้าซึนนั่นน่ะ หลงคิดว่ามันแอบพวกนักเรียนคนอื่นๆ มายังที่ๆ ตัวเองชอบเป็นที่แรกเสียอีก ที่ไหนได้... มาเป็นที่สุดท้ายซะงั้น นอกจากจะอยู่ในกลุ่มบ๊วยแล้วยังกลายเป็นคนสุดท้ายที่ทำเขาตามหากันให้ควั่ก อีกต่างหาก อับอายขายขี้หน้าสุดๆ

    “ทนหน่อยเว้ย อีกแค่สี่วัน จะเป็นไทแก่ตัวแล้ว”
    “เป็นไทให้แน่เหอะว่ะ กลัวแม่งจะล้อกันแบบนี้ไปตลอดจนเรียนจบน่ะสิ”

    “อย่าพูดให้กลัวได้มั้ยครับ ผมยังไม่อยากถูกเรียกไอ้ท็อปบ๊วยอย่างนี้ไปตลอดนะครับ”
    “ถ้าไม่อยากถูกเรียกแบบนี้ไปตลอด เกมแข่งขันระหว่างหอเกมแรกนี้ก็ต้องชนะให้ได้ล่ะ เนอะ นัทสึกิ”

    ที่ คุยๆ กันอยู่นี่คือ อากิระ ซาคิโตะ ทาคุมิ สามแสบปีหนึ่ง กับ ชินยะ ปีสองเข้าใหม่เทอมนี้เช่นเดียวกันกับนัทสึกิ เป็นพวกที่ต้องร่วมหัวจมท้ายด้วยกันตลอดอาทิตย์นี้กับการล้างห้องอาบน้ำรวม ของหอ

    “เรียนชื่อเฉยๆ อีกแล้ว ก็บอกว่าฉันอยู่ปีสอง เป็นเซมไป้ของพวกแก ยังจะเรียกชื่อเฉยๆ อีก”
    “เพื่อความสนิทสนมไง นัทสึกิคุง”
    อากิระเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    “ใครอยากจะสนิทกับพวกบ้าๆ แบบนี้กันวะ ว่าแต่ไอ้เกมแรกเนี่ยมันจะมีเมื่อไรงั้นเรอะ?”
    นัทสึกิเอ่ยเปรยพร้อมใช้ไม้ถูพื้น ถูไปตามบริเวณอาณาเขตที่ตนรับผิดชอบ โดยมีไอ้สามจอมอู้ ยืนพิงมุมห้องมองดูรุ่นพี่ปีสองทั้งสองคนช่วยกันถูพื้นในเขตรับผิดชอบของตน ก่อนจะเป็นชินยะที่เดินมาตบกะโหลกเรียงตัวทั้งสามให้ไปช่วยกันทำงานให้เสร็จ ในภาคเช้านี้

    “ไม่รู้หรอก ใครจะไปรู้กัน ขนาดประธานนักเรียนเองก็ยังไม่รู้เลยเรื่องกำหนดการพวกนี้น่ะ เพราะมันมาจากเบื้องบนเท่านั้น”

    “อ้าว ไอ้ซึน เอ่อ ประธานไม่รู้แล้วแบบนี้ใครจะคุมเรื่องการแข่งขันฟะ?”
    “ก็เบื้องบนไง นัทสึกิคุง ประธานน่ะ ไม่ได้มีไว้ใช้กับเรื่องพวกนี้หรอกครับ เขาเอาไว้ใช้สร้างขวัญกำลังใจและดูแลกฎระเบียบต่างๆ ของสถาบันให้เป็นในแนวทางเดียวกันเท่านั้นล่ะครับ”

    “แปลว่างานนี้คณะกรรมการและไม่เว้นแม้แต่ประธานก็ต้องแข่งด้วยงั้นเหรอ?”
    ชินยะถาม

    “มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะครับรุ่นพี่ชินยะ”
    “อ้าวไอ้นี่ เรียกชื่อฉันเฉยๆ แต่เรียกชินยะรุ่นพี่ซะงั้น เดี๋ยวก็เตะติดกำแพงซะหรอก”

    “ผมตอบแทนอากิระได้นะว่า ความน่าเรียกมันต่างกันครับ ฮ่าๆๆ จากที่ผมอ่านเจอมา เหล่าคณะกรรมการนักเรียนจะลงหรือไม่ลงแข่งด้วยก็ได้น่ะครับ แล้วแต่จะเห็นสมควร แต่ผมเดาว่าปีนี้พวกพี่ๆ เขาคงไม่ลงแข่งด้วยแน่นอน ดูเหมือนงานสภาจะมีเยอะล้นมือกันตั้งแต่เปิดเทอมเลยก็ว่าได้ คงไม่มีเวลามาเล่นอะไรพวกนี้หรอกมั้ง” ทาคุมิตอบ

    “แต่มันถือเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งเลยเชียวนะ”
    “เครียดหนักกว่าเดิมดิครับไม่ว่า นอกจากดูคนทั้งสถาบันแล้ว ยังต้องมาเข้าสู่เกมแข่งขัน ขืนแพ้หน้าจะแตกเอามั้ยล่ะครับ แต่ละคนก็อยู่ระดับ ป๊อบไอดอลด้วยกันทั้งนั้น ถ้าแข่งแพ้ภาพพจน์ทั้งหลายที่สร้างไว้จะมลายสูญมั้ยครับ”

    “แกก็พูดเกินไป อย่างรุ่นพี่มิซึกิน่ะ เห็นตัวเล็กๆ เป็นเด็กเรียนอย่างนั้นแต่เรื่องใช้กำลังนี่ขอให้บอกเลยเหอะ เห็นว่าล้มยักษ์ชมรมยูโดมาแล้วด้วยนะ ส่วนรุ่นพี่โก ก็อัจฉริยะไม่เป็นสองรองใคร ทั้งด้านดนตรีและวิชาการ”

    “แล้วประธานนักเรียนล่ะ?”
    นัทสึกิหยุดถูพื้นแล้วหันไปถามทั้งสามคนที่ยังคงคุยจ้อไม่หยุด

    “รุ่นพี่ทชจิ ก็เก่งเรื่องศิลปะ กับวิชาการเช่นกันครับโดยเฉพาะด้านภาษาต่างประเทศ แต่ถ้าเรื่องใช้กำลังดูเหมือนว่าจะไม่มีนะ เพราะรุ่นพี่เป็นโรคประจำตัว เป็นโรคหอบ เหนื่อยง่ายน่ะครับ ฮั่นแน่! นัทสึกิคุงสนใจถามแต่เรื่องของประธานนักเรียน คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ ตั้งแต่วันที่รับมอบเครื่องรางก็ได้ข่าวว่ามีแค่ประธานนักเรียนเท่านั้นนี่ ครับที่เดาออกว่านัทสิกิคุงจะไปอยู่ที่ไหน มีซัมติงจิงเกอเบลล์อะไรกันอยู่หรือเปล่าครับเนี่ย”

    สิ้นคำของซาคิโตะ คนที่เหลือก็พากันขึ้นเสียงสูงฮั่นแน่ตามกันมาอย่างล้อเลียน ทำเอานัทสึกิหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน และโบกมืออย่างรำคาญใจ

    “หือ? หมอนั่นน่ะนะ? โอ๊ย ไม่เอาด้วยหรอก ก็แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าเป็นประธานนักเรียนทั้งที มันต้องเก่งด้านไหนบ้างก็แค่นั้น เรื่องอื่นไม่ได้อยากรู้อะไรมันนักล่ะ”

    “ออกจะสวยซะปานนั้น ยังไม่อยากรู้จักอีกเหรอครับเนี่ย เทสเรื่องความสวยงามของนัทสึกิคุงต้องป่วยแหงมๆ”

    นัทสึกิได้แต่กระตุกริมฝีปากเบาๆ โดยไม่พูดอะไรและถูพื้นต่ออย่างสงบ กระทั่งที่เสียงตามสายของตึกเปิดเพลงหนึ่งดังขึ้นมาทำให้เขาถึงกับชะงักและ เงี่ยหูฟังเพลงนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เสียงขัดพื้นด้วยแปรงของทาคุมิถูกนัทสึกิปรามให้หยุดทำเอาคนอื่นๆ ต้องหยุดตามไปด้วย ต่อเมื่อเพลงๆ นั้นจบลง ชายหนุ่มก็ถึงกับอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว

    “สุดยอดดดดดดดดดดดดดด”
    “มีอะไรหรือเปล่านัท?” ชินยะเอ่ยถามเพื่อนอย่างสงสัย

    “เพลงน่ะ เมื่อกี้ฟังกันอยู่หรือเปล่า เพลงตามสายเมื่อกี้น่ะ”
    “หมายถึง SINNER สินะ”

    “ชื่อ SINNER งั้นเหรอ?”
    “อือ ดังในหมู่พวกนักเลงเพลงในเน็ตน่ะ สงสัยดีเจที่เปิดเพลงวันนี้คงชอบเป็นการส่วนตัวมั้ง ปกติไม่ค่อยเห็นใครเอามาเปิดตามตึก”

    “คนแต่งเป็นใครกัน? แล้วมีเพลงอื่นอีกบ้างหรือเปล่า”
    “ไม่แน่ใจนะ เพราะไม่ใช่แนวที่ชอบ แต่เคยโหลดมาฟังอีกสองหรือสามเพลงนี่แหละ นอกนั้นไม่รู้เหมือนกัน ส่วนชื่อคนแต่งเพลงเห็นใช้ว่า S.SIN แต่ไม่มีใครรู้หรอกนะว่าหมอนี่เป็นใครมาจากไหน เพราะดูเหมือนจะแต่งเพลงขายออนไลน์อย่างเดียว ไม่ได้เป็นพวกขายด้วยเล่นไลฟ์ด้วยอะไรแบบนั้นน่ะ ถ้าสนใจเดี๋ยวส่งเพลงให้ก็ได้นะ”

    “ไม่ล่ะขอเว็บของหมอนี่เลยดีกว่าเดี๋ยวฉันเข้าไปเสียตังค์โหลดเอง”
    “ไม่น่าเชื่อนะครับว่านัทสึกิคุงจะทำอะไรแบบถูกต้องตามกฎหมายเป็นด้วยทั้งที่หน้าตาไม่ให้เลยแท้ๆ”

    “ถ้าคิดจะชมกันแบบนี้อีก คาดว่าต่อไปอาจโดนฉันเตะติดกำแพงจริงๆ แน่ ทาคุมิ S.SIN งั้นเหรอ? น่าสนใจแฮะ”

    หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ขอที่อยู่เว็บไซท์ของ S.SIN จากชินยะมาเพื่อดาวน์โหลดเพลงดังกล่าวรวมถึงเพลงอื่นๆ ของศิลปินอิสระคนนี้ทั้งหมดรวมห้าเพลงด้วยกัน แต่ละเพลงล้วนทำให้นัทสึกิอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและชื่นชมไปในความสามารถของ คนแต่งเพลงเหล่านี้ ทั้งเสียงร้องที่ฟังแล้วรื่นหู ทั้งท่วงทำนองที่ขับขาน มันพาให้เขาล่องลอยไปไกลและนึกรักในผลงานของคนๆ นี้อย่างท่วมท้น อยากรู้จัก อยากเจอตัว จะเป็นแบบไหนกัน อยากได้มาร้องเพลงด้วยกัน ถ้าหากติดต่อให้มาร่วมวงกัน เขาจะสนใจหรือเปล่า แต่ท่าทางคงมีคู่แข่งเยอะมากแน่ๆ ต้องมีแต่คนขอไปเยอะแน่ เขาจะมีวงเป็นของตัวเองหรือยังนะ?


    ความคิดเหล่านี้มันวนเวียน อยู่ในหัวของนัทสึกิทั้งเช้าค่ำ เขาติดเพลงของคนๆ นี้กระทั่งที่ว่าต้องเสียบหูฟังเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เสมอในยามที่ว่าง เรียกว่ากลายเป็นเสพติดไปแล้ว

    ปั่ก!
    “โอ๊ย!”

    ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อถูกเหยียบเข้าที่ขาอย่างเต็มเท้าจากใครบางคนที่ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วโดยสัญชาติญาณ

    “ขาคนนะไม่ใช่กิ่งไม้จะได้เหยียบไม่ดูทิศดูทางแบบนี้น่ะ”
    “โทษที นึกว่าใช่”

    ซึท นะยิ้มเหยียดมุมปากหลังจากตอบคำเป็นที่เรียบร้อย ทำเอา นัทซึกิที่กำลังอยู่ในอารมณ์สุนทรีเต็มสูบต้องหน้าหงิกลงอย่างเห็นได้ชัด แม่ง....เห็นหน้าทีไรเป็นต้องหงุดหงิดทุกทีสิเล่า มาแต่ละครั้งไม่เคยจะมาแบบดีๆ สักหน เบื่อชิบ!

    “มาทำบ้าอะไรเนี่ย”
    “มาไล่ที่ นี่ที่ฉัน ฉันอยากพักผ่อนเชิญนายออกไปได้แล้ว”
    พูดไม่พูดเปล่ามันยังเอาเท้าเขี่ยอีกต่างหาก

    “เรือน เพชรเป็นสมบัติส่วนตัวของนายเมื่อไรกัน ถึงคิดจะไล่คนโน้นคนนี้ก็ทำได้น่ะเจ้าบ้า ฝันไปเหอะว่าฉันจะไป ถึงแม้ว่าตอนนี้อากาศที่นี่จะกลายเป็นอากาศเสียไปแล้วเพราะนายก็เถอะ แต่ขอบอกตรงๆ เลยว่า ฉันจะนอนเล่นอยู่นี่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดคาบ ดังนั้นนายจะอยู่หรือจะไปก็เรื่องของนาย เพราะฉันมาก่อน”

    “คนที่ควร พูดแบบนั้นมันต้องเป็นฉันหรือเปล่า ถ้าว่างขนาดนี้ก็ไปวางแผนทำความสะอาดห้องอาบน้ำที่ตึกต่อเถอะ เหลืออีกสองวันไม่ใช่หรือไง”

    “แค่ทำความสะอาดจะต้องวางแผนอะไรวะ บ้าเปล่าเนี่ย จุ๊ๆๆ เงียบสักทีเถอะกำลังฟังเพลง”
    ชายหนุ่มทำเสียงจุ๊ๆ บ่นๆ และหลับตาฟังเพลงจากไอพอดตนต่ออย่างไม่สนใจใส่ใจคนที่กำลังยืนกอดอกมองตนอยู่อีกเลย

    “บอกให้ไปจากที่ของฉันได้แล้ว ได้ยินมั้ยเนี่ย”
    ซึท นะพูดบอกอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงหลับตาขยับเท้าตามจังหวะเพลงที่ฟังอยู่ต่อ เมื่อลองพูดอีกหน นัทสึกิก็ยังคงทำหูทวนลมไม่ได้ยินอะไรตามเดิม ดังนั้นรอบที่สามนี้ ร่างบางจึงก้มลงคว้าไอพอดที่วางอยู่บนพุงนัทสิกิมาถือไว้และปลดสายหูฟัง ออกอย่างถือวิสาสะ

    “อ้าวเฮ๊ย ประธานนักเรียนหรือว่าอันธพาลเนี่ย หน้ากากแก้วหายไปไหนวะ เจอกันทีไรเป็นต้องหาเรื่องอยู่เรื่อยอะไรของนายวะ ช่วงนี้ฉันอารมณ์ดีอินกับเพลง อย่าให้ต้องโมโหได้มั้ยเอาคืนมา”
    ชายหนุ่มผุดขึ้นนั่งและแหงนมองไอ้คนหน้าสวยที่กำลังทำหน้ากวนโมโหกันอยู่นี้

    “ออกไปสิแล้วจะคืนให้”
    “เยอะ!”

    “อะไร!”
    “บอกว่าน่ารำคาญ เยอะอย่างมากสิ่ง คนอะไรวะน่ารำคาญโคตรๆ”

    “ฉันน่ารำคาญเฉพาะกับบางคนเท่านั้น”
    “ได้ รับเกียรติเหรอเนี่ย โคตรเป็นเกียรติเลยว่ะ แต่ขอเหอะ ขี้เกียจทะเลาะด้วยว่ะ เอาเป็นว่า ยังไงๆ ฉันก็ไม่ไปแน่เพราะถึงฉันจะไม่ชอบนาย แต่ว่าฉันชอบที่นี่เหมือนกันกับนาย ดังนั้น ขอเจรจาสงบศึก”

    นัทสึกิเอ่ยจบก็ยื่นมือไปข้างหน้าซึทนะ เพื่อให้ฝ่ายนั้นจับมือตนไว้เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนสัญญาซึ่งกันและกัน

    “.............”
    “....อย่ามาซึน สงบศึกกันเฉพาะเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ได้ โอเค้? ที่อื่นถ้าอยากจะหาเรื่องกันก็แล้วแต่นายเลย ฉันพร้อมเสมอทุกที่ทุกเวลา แต่ที่นี่ขอสักที่ มันเป็นเหมือนสถานที่พักผ่อน มาแล้วฉันจะไม่ยุ่งกับนาย แล้วนายก็จะไม่ยุ่งกับฉัน โอเคมั้ย?”

    “……………………………”
    “…………………………….”

    ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่เป็นนานสองนานก่อนซึทนะจะค่อยๆ เอื้อมมือไปตบฝ่ามือที่ยื่นออกมานั้นอย่างเสียไม่ได้

    “ก็ได้ เฉพาะที่นี่เท่านั้น ........แต่มุมนี้เป็นของฉัน ไม่ใช่ของนาย นายต้องหามุมอื่น”
    “อุ๊วะ! โอ๊ยยยยยยย เออ จะอะไรก็เอาเหอะ เอาไอพอดคืนมาสักที”

    สิ้นคำของซึทนะแทบทำให้นัทสึกิอยากจะลุกขึ้นถีบคนพูดสักที แต่ก็อดกลั้นไว้และเอ่ยทวงไอพอดของตัวเองแทน ซึทนะมองไอพอดในมือตนและค่อยๆ ยื่นเครื่องคืนให้เจ้าของก่อนเหลือบดูชื่อเพลงที่กำลังวิ่งอยู่นั้น

    “ฟังอะไรของนายกัน.....”
    ยังไม่ทันได้อ่านชื่อเพลงที่วิ่งอยู่บนหน้าปัด เสียงประกาศตามสายของทางสถาบันก็ดังขึ้น ดึงความสนใจของคนทั้งคู่ไปยังประกาศนั้นเสียแล้ว

    “ทางสถาบันขอแจ้งให้ทราบว่า การแข่งขันระหว่างตึก รอบแรก จะมีขึ้นในอีก สามวันนับจากนี้ ขอความกรุณาให้ประธานแต่ละตึกมารับรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขันรอบแรกนี้ ที่ห้องสมาคมศิษย์เก่า ณ ตึกอำนวยการค่ะ ประกาศๆ ทางสถาบันขอแจ้ง.......”

    “มาแล้วเรอะ รอบแรก”
    นัทสึกิพูดขึ้นเมื่อฟังประกาศจบพร้อมมองซึทนะที่มองกลับมายังเขาด้วยเช่นกัน

    “มาจนได้นะ การแข่งขันประเพณีรอบแรกของสถาบัน SIT-T ไปก่อนนะ แล้ว...เจอกันที่โรงอาหารตึกขาวเย็นนี้แล้วกัน นายท็อปบ๊วย”


    แล้วประธานนักเรียนคนงามของสถาบันก็เดินจากไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×