ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] In my skin - TaoHun - เทาฮุน

    ลำดับตอนที่ #4 : skin 04

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 57


    Episode 4 #ficinmyskin

     

                    “แหม รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่วันนี้คุณหนูตระกูลโอให้เกียรติมาชมผลงานของกระผมเสียงจงอินดังขึ้น เมื่อเห็นร่างของคุณหนูตระกูลดังกับบอดี้การ์ดอีกสามคนพร้อมด้วยผู้ดูแลยกขบวนกันมาเยี่ยมเยือนงานจัดแสดงแกลอรี่ของตนอีกครั้งในวันนี้ มันดูน่าขบขันสำหรับเขาที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาสามัญผู้ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องมีใครติดตามคอยดูแลมากมายแบบโอ เซฮุน เพียงแต่เมื่อเอ่ยทักทายออกไปฝ่ายนั้นกลับทำเฉยเมยเหมือนไม่ได้ยินคำกล่าวของเขา พุ่งตรงสนใจแต่กับเพียงภาพวาดสีน้ำทะเลที่เจ้าตัวติดใจในวันก่อน

                    “จะขายได้หรือยังหลังจากเงียบอยู่นานใบหน้าเล็กเรียวคมคายจึงหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                    ถ้าอยากได้จริง ๆ ก็มาเป็นแบบให้ฉันสิจงอินยิ้มละไมก่อนกอดอกตัวเองไว้หลวมๆ  

                    “2 ล้าน…” 2 ล้านสำหรับภาพที่ไม่อยู่ในสายตาของนักซื้อภาพวาดนั้น ดูมันจะแพงเกินกว่าที่คิดมากทีเดียว

                    “ไม่ขาย”

                    “5 ล้าน” เล่นเอาเจ้าของภาพวาดหัวเราะลงคอตาโตลุกวาวกับราคาที่คนร่างบางที่ดูแล้วอายุอานามก็ไม่ต่างจากตนมากนัก

                    “โอ้โห! นี่ให้ราคามากมายขนาดนั้นเชียวรึเนี่ย แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะเสียดายอยู่บ้างแต่ฉันก็ขอยันคำเดิม ฉันอยากได้นาย-มา-เป็น-แบบ ฉันไม่ขายชายหนุ่มผิวคล้ำพูดจบก็ยิ้มให้เสียหนึ่งทีถ้วนทำเอาหน้าตาคมเข้มนี้ดูดีขึ้นอีกจมหู คุณชายเซฮุนได้แต่คิดในใจและข่มความหงุดหงิดไว้ในใจพยายามทำน้ำเสียงให้มั่นคงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

                    “นายอยากได้ราคาเท่าไรล่ะ มากกว่า 5 ล้านอีกงั้นเหรอ งั้นฉันยกบ้านให้เลยซะดีล่ะมั้งฮึ?เซฮุนพูดประชดขึ้นเสียงสูงในท้ายประโยคทำเอาคนถูกประชดหัวเราะร่วนลงคออย่างนึกขันในความช่างประชดของคนตรงหน้า

                    แหม อารมณ์ขันดีนะเนี่ย วันนี้น่าปลาบปลื้มจริง ที่ได้ฟังเสียงของคุณหนูตระกูลใหญ่พูดประโยคยาวๆ แบบนี้ แค่ไม่เจอกันไม่กี่วันพูดเก่งขึ้นตั้งเยอะนะ ฮะๆนั่นยิ่งทำให้คิ้วเรียวสวยปักชนกันอย่างไม่พอใจเข้าไปใหญ่ วันนี้นี่มันอะไรกันนักหนา ทำไมถึงได้มีแต่คนขัดใจและทำให้ไม่สบอารมณ์ได้ตลอดทั้งวี่ทั้งวันนะ ถึงเวลาปรกติจะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ยามเมื่ออารมณ์คุกรุ่นเสียขนาดนี้แล้วล่ะก็.... จะหน้าไหนก็ตามเถอะ เซฮุนพร้อมจะนั่งด่านั่งถากถางค่อนขอดยาวๆ ได้เป็นวัน ๆ กันเลยเถอะ

                    “ถึงจะยกบ้าน ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ ฉันก็ขอบอกเหมือนเดิมว่า ไม่-ขาย นอกจากนายจะมาเป็นแบบให้เท่านั้น แต่ละคนก็มีกฎเป็นของตัวเองที่บางครั้งเงินก็ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการแก้ปัญหาไม่ใช่หรือไง?

                    พูดจบจึงเดินหนีไป และไม่สนใจแขกผู้มาเยือนรายนี้อีกเลย นั่นทำให้เซฮุนที่หงุดหงิดจนปรอทในกายแตกกระเจิงไปหมดแล้ว พาลหัวเสียหนักเข้าไปใหญ่ ขบกรามเข้าหากันดังกรอดก่อนเดินสาวเท้าออกจากแกลอรี่แห่งนี้ไปโดยไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ มีผู้ติดตามทั้งหมดเดินตามออกไปอย่างรู้ในสถานการณ์ดี ยกเว้นก็แต่จื่อเทาที่ยังคงเดินรั้งท้ายเหลือบมองภาพวาดต่างๆ บนผนังที่จัดแสดงด้วยดวงตาเฉี่ยวคมของตนกระทั่งบังเอิญปะทะเข้ากับสายตาของผู้วาด คนทั้งสองจึงมองสบกันเพียงครู่หนึ่งก่อนละจากกันอย่างไม่บ่งบอกความหมายใด

     

                    “ว่าไปเจ้าเด็กนั่น ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรนักหนานะ แค่คุณหนูเอาแต่ใจ โดนตามใจจนเคยตัวแค่นั้นเองลู่หานวิจารณ์ หลังจากที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังกับคริสและจื่อเทา ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต้องมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังโตของตระกูลโออย่างช่วยไม่ได้เพื่อความปลอดภัยตลอด 24 ชม.ของคุณชายเล็กหลานสุดที่รักหัวแก้วหัวแหวนของปู่ย่า แต่ละคนมีห้องส่วนตัวของตนกันคนละห้อง ซึ่งห่างจากห้องของคุณโอ เซฮุน ไม่ไกลนัก ในครั้งแรกถูกจัดให้ห้องล้อมห้องคุณหนูผู้นี้เสียด้วยซ้ำ ดีว่าถูกเซฮุนโวยเสียก่อนถึงได้ห้องห่างกันออกมาสองถึงสามห้องได้จากทั้งทางด้านซ้ายและขวา มีห้องของจื่อเทาเท่านั้นที่อยู่ชั้นล่างด้วยเหตุผลที่จื่อเทาอธิบายว่า การรักษาความปลอดภัยจะได้ทั่วถึง หากเกิดมีอะไรขึ้นมา ทุกคนกระจุกรวมกันอยู่ชั้นบนหมดแบบนี้ ชั้นล่างจะกลายเป็นจุดบอดในทันที ทำให้เขาส่งตัวเองไปอยู่ห้องชั้นล่างอย่างไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ หรือถ้าพูดให้ถูก...เขาไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้คุณหนูคนนี้นั่นแหละ

                    ลู่หานถอดสูทเหวี่ยงลงบนโซฟาและใช้มือเคลื่อนคลายปมเนคไทด์ที่คอลงก่อนปลดกระดุมคอเสื้อออกสองสามเม็ดอย่างเหลือจะทนกับความอึดอัดนี้

                    ฉันเห็นด้วย แค่เด็กเอาแต่ใจ แล้วก็ปากร้ายเท่านั้น จริงๆ ก็เป็นเด็กธรรมดาๆ คนนึงที่วางฟอร์มไปงั้นเองคริสเดินเข้ามาหาลู่หานและยื่นกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบที่เปิดสลักด้านบนไว้ให้แล้ว ส่งจ่อลำคอขาวของเพื่อนร่างเล็กกว่าที่สะดุ้งก่อนแนบหน้าเข้ากับกระป๋องเย็นๆ และรับไปดื่มอั่กคลายร้อน ยื่นคืนให้ เจ้าของกระป๋องก็มองและยกยิ้มน้อยๆ ส่ายหน้าปฏิเสธไม่รับคืน เดินหายเข้าห้องน้ำไป

                    “เทาไม่คิดจะออกความเห็นเลยเหรอลู่หานที่ดื่มน้ำอัดลมจนหมดเกลี้ยงกระป๋องหันมาถามน้องชายที่ยืนไขว้ขากอดอกพิงประตูห้องไม่พูดไม่จาตั้งแต่เดินตามขึ้นมาที่ห้องนี่แล้ว อย่างเดียวที่เทาทำคือมองดูพี่ชายทั้งสองของตนตั้งแต่เดินเข้าห้องมาจนอีกคนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

                    “ฉันกลับห้องก่อนนะ...... พี่เองก็น่าจะกลับห้องตัวเองด้วยเหมือนกัน ชอบเหวี่ยงข้าวของทิ้งเกลื่อนกลาดที่ห้องพี่อี้ฝานอยู่เรื่อย”

                    “อ้าว ให้ออกความเห็นเรื่องคุณชายเซฮุน แล้วไหงมาลงที่ฉันแบบนี้ล่ะ ไม่น่ารักเอาซะเลยนะนายนี่ อี้ฝานยังไม่ว่าอะไรฉันสักคำ จะไปไหนก็ไปเลยไป ตอนนี้เตียงมันดูดฉันไว้แล้วเดี๋ยวค่อยกลับห้องก็ได้ ฮ้าว~~ มันลุกไม่ได้แล้วสิ” ลู่หานที่บัดนี้ลงนอนเลื้อยไหลอยู่บนเตียงของคริสทำเสียงอู้อี้ก่นด่าน้องชายที่ดันหันมาแขวะกันเองก่อนขยับหัวให้ตรงกับหมอนนอนคว่ำหน้าแผ่ตะครุบเตียงไว้เหมือนเป็นเจ้าของที่ก็ไม่ปาน ทำเอาจื่อเทายกยิ้มมุมปากส่งเสียงหึขึ้นจมูกพร้อมบ่นเบาๆ ว่า “กวางบื้อไม่รู้ตัวเอ๊ย” และออกจากห้องไป

                    “เทา? ไปแล้วเหรอ ไม่อยู่คุยด้วยกันก่อนล่ะ” คริสที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นน้องกำลังจะออกจากห้องเลยเอ่ยถาม ก่อนเหลือบไปเจอลู่หานที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคล้ายจะหลับลึกไปเสียแล้ว ถึงได้คลี่ยิ้มละมุนกับตัวเองหันไปมองจื่อเทาที่ยกมือโบกสองสามทีให้รู้ว่าไปแล้วจริงๆ พร้อมปิดประตูห้องให้อย่างแสนจะเบามือ

                    “เป็นกวางประสาอะไรหลับง่ายชะมัด” คริสบ่นเพียงแผ่วเบาแล้วเดินไปหยิบสูทของลู่หานที่เหวี่ยงไว้บนโซฟาขึ้นมาแขวนให้ด้วยรอยยิ้ม

                   

                    พฤติกรรมของพี่ชายสองคน ใช่ว่าจะเพิ่งเป็น แต่มันเป็นมานานแล้วตั้งแต่ที่เขารู้จักสนิทกับคนทั้งคู่ มันเป็นความสนิทสนมและความเคยชินที่ต่างคนต่างไม่รู้ตัวและทำไปโดยอัตโนมัติด้วยกันทั้งคู่ แรกๆ ก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่พอเจอบ่อยเข้าก็เริ่มชินแล้วกับสองคนนี้ แค่อยากรู้เท่านั้นล่ะว่าเมื่อไรจะรู้ตัวกันได้ว่าตัวเองทำอะไรกันอยู่ คนนึงก็เป็นกวางซื่อบื้อบ้าบอไปวันๆ อีกคนก็อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ไม่ยี่หระไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เพราะแบบนี้ล่ะ เขาถึงได้ชอบอยู่ใกล้ๆ สองคนนี้ เพราะอยากรู้ว่าบทสรุปมันจะมาถึงเมื่อไรและตอนไหน มันน่าสนุกกับการลอบมองดูพฤติกรรมของคนสองคนที่ไม่รู้อะไรเลย

     

                    “ดูเหมือนวันนี้เจ้าเด็กโอหังนั่นจะเสียหน้ากลางห้องเรียนนะ แหมมมม ฉันล่ะอยากเห็นนักว่าเป็นยังไง”

                    “หลานฉันก็ส่งข่าวมาเหมือนกัน บอกว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียว มีแต่คนสะใจด้วยกันทั้งนั้นที่วันนี้ไอ้เด็กนั่นพลาด”

                    เทา ที่ลงมาจากชั้นบนและกำลังจะเดินกลับห้องตัวเองต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันและดูเหมือนจะเป็นบรรดา อาสะใภ้ น้าสะใภ้ทั้งหลายของบ้านตระกูลโอ ที่เขาเองก็ไม่อยากจะจำนักว่าใครเป็นใครบ้าง คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ โอ เซฮุนกับปู่ย่าเท่านั้นแต่ยังมีบรรดาน้องชาย น้องสาวของพ่อเซฮุน บรรดาลูกๆ ของญาติที่พากันเอามาอยู่ที่นี่ หวังให้ประจบปู่ย่าเพื่อสมบัติพัสถาน มรดกทั้งหลาย และดูทีทุกคนจะรอวันที่เซฮุนล้มไม่เป็นท่าอยู่ด้วยกันทั้งนั้น เรื่องในชั้นเรียนวันนี้จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ออกรสออกชาติเป็นพิเศษ เสียจนพวกเจ้าหล่อนอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่า คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีแต่พวกเธออาศัยอยู่เท่านั้น เพราะหากมองเลยถัดไปที่ทางเดินฝั่งอาคารปีกขวาที่อยู่ตรงข้ามกับจื่อเทา ยังคงมีเค้าร่างโปร่งบางของคนถูกพูดถึงยืนอิงพิงฝาฟังสิ่งที่พวกอาสะใภ้ตนกำลังพูดถึงตนอยู่อย่างเงียบเชียบ ดวงตาเรียวสวยที่ก้มมองปลายเท้าตนฟังสิ่งที่ไม่น่าฟังเกี่ยวกับตนเองมันดูคล้ายเลื่อนลอยไร้จุดหมายและเมื่อดวงตาคู่นั่นแหงนเงยหันมาเจอกับนัยน์ตาคมเฉี่ยวของบอดี้การ์ดชาวจีนคนของตนก็กลับสะท้อนวูบไหวเพียงเล็กน้อยก่อนกลับมาแข็งกร้าวดังเช่นปกติ

                    ดวงหน้าหวานคมคายของเด็กหนุ่มนิ่งสงบและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ก่อนก้าวย่างใช้ขาทั้งสองข้างพาร่างตนเดินออกจากที่ซ่อนตัวผ่ากลางวงสนทนานั้นไปยังประตูบ้านอย่างไม่เอ่ยกล่าวทักทายหรือแม้แต่จะคิดเหลียวมองผู้ใหญ่ที่ตนควรต้องเคารพตามศักดิ์ฐานะที่มี

                    “อ้าวเซฮุน กลับมาแล้วเหรอเนี่ย พักนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตากันเลยนะ”

                    หญิงทั้งสองผู้ไม่รู้ว่าคนโดนทักได้ยินคำจาของพวกหล่อนอยู่เป็นนานแล้ว ยังคงสวมหน้ากากอาสะใภ้ น้าสะใภ้ที่ดี ทักทายหลานชายคนโปรดของผู้นำตระกูลเหมือนคุ้นเคย แต่คนถูกทักกลับใช้เพียงหางตาตวัดมองและเดินผ่านออกประตูไปยังสวนหน้าบ้านอย่างเฉยชา

                    “ไอ้เด็กนี่นับวันยิ่งไม่เห็นหัวใครขึ้นทุกวันๆ คุณพ่อก็เอาอกเอาใจมันเหลือเกิน บริษัทเห็นทีคงไม่พ้นยกให้เป็นผู้สืบทอดจริงๆ แน่”

                    “พี่ ก็คิดงั้นเหมือนกัน ดูสิ ผู้ใหญ่ทักยังไม่รู้จักทักตอบ ไร้มารยาทสิ้นดี”

                    หวงจื่อเทา ยืนฟังสองสะใภ้คุยกันต่ออีกนิดหน่อยแล้วจึงเดินกลับห้องของตน เขาลงนอนบนเตียงใช้แขนทั้งสองข้างต่างหมอนนอนหนุนจดจ้องเพดานและครุ่นคิดถึงสองสะใภ้ที่คุยกันอยู่เมื่อครู่ก่อนจะตัดความสงสัยเรื่องการลอบฆ่าเซฮุนไปได้อีกสองช้อยส์ เพราะคนที่คิดอะไรตื้นๆ เช่นนี้คงไม่สามารถคิดการใหญ่ถึงขนาดลอบฆ่าใครได้แน่นอน หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือ โง่เกินกว่าจะฉลาดคิดแผนการให้พ้นตัวได้นั่นเอง จากที่คิดถึงสองสะใภ้แววตาเรียวรีคู่ที่วูบไหวของเซฮุนก็กลับฉายเป็นแฟลชแบคแว่บขึ้นมาในหัว จนผุดลุกขึ้นนั่งและเดินออกจากห้องไปสุดทางเดินที่สามารถมองออกไปด้านนอกยังตัวสวนได้...... ร่างบางที่คิดไว้ว่าน่าจะยังอยู่ ยังคงนั่งอยู่ตรงขอบปูนของน้ำพุกลางสวนใหญ่จริงๆ

                    มือบางยื่นออกไปละเล่นน้ำที่พวยพุ่งขึ้นเหนือศีรษะก่อนตกลงมากระทบมือปล่อยน้ำให้ไหลผ่านง่ามนิ้วทั้งหมดไปอย่างช้าๆ ไม่มีใครสามารถกำน้ำไว้ในมือได้ เช่นเดียวกับเม็ดทรายที่หากใช้มือเข้ากอบกำมันคงเหลือทิ้งไว้เพียงเศษเสี้ยวของเม็ดทรายไม่กี่เม็ดที่ติดบนมือและปลายเล็บนั่น ไม่ต่างอะไรกับตัวเขาในขณะนี้

     

                    “ทำไมลงมาด้านล่างไม่เรียกพี่คริส หรือพี่ลู่หานให้ตามลงมาด้วย ต่อให้อยู่บ้านตัวเองก็ใช่ว่าจะตายไม่ได้นะ คุณหนูโอ เซฮุน” เทาที่อยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตขาวแขนยาวพับครึ่งศอกปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกงปลดกระดุมคอสองสามเม็ดและเดินล้วงกระเป๋ากางเกงมายัง “เจ้านาย” ของตนดูไม่เนี๊ยบเหมือนกับทุกครั้งที่เจอกัน แต่มันก็ดูดีด้วยรูปร่างอันสมส่วนจนน่าอิจฉา

                    “ถ้าเป็นด้านล่าง คนที่ต้องดูแลความปลอดภัยฉันคือนายไม่ใช่หรือไง?” คำจาของเซฮุนทำจื่อเทาส่งเสียงหึขึ้นจมูกเบาๆ

                    “งั้นเมื่อกี้ไม่เรียกฉันให้ตามมาล่ะ”

                    “.............จะไปไหนก็ไปไป ฉันอยากอยู่เงียบๆ” ริมฝีปากบางเงียบไปเป็นครู่ก่อนเอ่ยปากไล่บอดี้การ์ดตัวเองอย่างชัดเจนแต่ดูเหมือนคนถูกไล่จะไม่ได้ไปไหนเลยยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเพียงแค่หันหลังให้และแหงนมองท้องฟ้าที่มืดเกือบสนิทนี้โดยไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้บริเวณโดยรอบเงียบสงัดมีเพียงเสียงสายน้ำพุที่พวยพุ่งออกมาและร่วงหล่นกระทบผิวน้ำและมือบางของเซฮุน

                    แสงนวลอ่อนจากดวงไฟดวงเล็กๆ ที่ติดไว้ตามพื้นทางเดินของสวนสะท้อนแผ่นหลังของหวงจื่อเทาเป็นริ้วลายตามแนวรอยยับย่นของเนื้อผ้า ดวงตาคู่สวยที่จดจ้องมองดูสายน้ำผ่านมือตนไปอยู่เป็นเวลานาน ละเลื่อนหันมามองคนของตนหวังจะเอ่ยปากไล่อีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักงันลงไปเมื่อสบเข้ากับแผ่นหลังนั้นที่สร้างความหลากใจให้ไม่น้อย เขาเคยเห็นแผ่นหลังแบบนี้มาก่อน......เป็นแผ่นหลังที่ราวกับว่ามันติดอยู่ในความทรงจำและไม่เคยลืมเลือน....ไม่...คงไม่ใช่หรอก เขาคงตาฝาดและคิดอะไรมากเกินไปในช่วงนี้มากกว่า

                    หวงจื่อเทา คงไม่ใช่แผ่นหลังของใครคนนั้น ....คนที่เขามักฝันถึงบ่อยๆ ในช่วงนิทรารมย์ของค่ำคืนที่อยู่เพียงเดียวดาย....ในความมืดมิดที่ไร้ซึ่งใคร แม้สักคนเคียงข้างกาย...ไม่มีแม้สักคนเดียว


    ============== #ficinmyskin =============


    ช่วงนี้งานเยอะไม่ค่อยได้มาต่อฟิคเรื่องไหนเลย ต่อเรื่องนี้ก่อนเรื่องแรก
    เดี๋ยววิ่งไปต่อ คริสลู่ ก่อนล่ะ
    บอกแล้วอ่าาว่าฟิคตามใจฉันมาก เจรงๆ
    ขอบคุณที่ติดตามอ่านจ่ะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×