ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มี Ebook [Yaoi] D.O.D (Deva or Devil)

    ลำดับตอนที่ #2 : การ์เน็ท อเมทิสต์ เทอร์ควอยส์ แอมเบอร์ และ ไดม่อน

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 54


    *หมาย เหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายในแนว Boy's love ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของชายรักชาย และแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ ไม่เกี่ยวข้องกับ คน สัตว์ สิ่งของใดๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อถึงในเรื่องหาได้มีอยู่จริงไม่ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    หลังจากงานปฐมนิเทศผ่านพ้นไป สามวันถัดจากนั้นนักเรียนทุกคนในสถาบัน SIT-T จะต้องขนข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ของตนมายังหอใน ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ตึกด้วยกันโดยแยกตามสาขาวิชาที่เรียน ในทุกๆ 3 เดือนหรือแล้วแต่อารมณ์ของสมาคมศิษย์เก่าจะจัดให้มีการแข่งขันระหว่างหอเพื่อชิงรางวัลพิเศษของการแข่งขันนั้นๆ และเป็นการสะสมคะแนนไปในตัว กระทั่งเมื่อถึงงานวัฒนธรรมในเดือนพฤศจิกายนหรือเดือน 11 เหล่าตึกหอในเหล่านี้ก็จะมาแข่งขันกันอย่างเป็นทางการอีกครั้งโดยจะนำคะแนนทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีที่สะสมกันไว้มารวมกันเพื่อประกาศรางวัลใหญ่ประจำปีของสถาบัน พร้อมเปิด open house ให้นักเรียนสถาบันอื่นๆ เข้าเยี่ยมชมเป็นกรณีพิเศษเพื่อประชาสัมพันธ์ไปในตัว

    แต่เนื่องด้วยในปีที่ผ่านๆ มา การแข่งขันแต่ละครั้งคะแนนมักตกไปอยู่ที่ตึกใดตึกหนึ่งชนิดที่ไม่ต้องแข่งก็รู้ว่าใครจะชนะ เช่น ถ้าแข่งเรื่องภาษา ตึกสาขาภาษาศาสตร์ก็จะได้รางวัลไปกินชนิดไม่ต้องสืบ แข่งทำอาหารฝั่งคหกรรมก็เอาไปครองหาใครเป็นคู่มือยาก หรือถ้าคิดจะแข่งด้านกำลังกายตึกเด็กกีฬาก็นอนมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ทางสถาบันและชมรมศิษย์เก่าหารือประชุมกันใหม่ในเรื่องกฎกติกาต่างๆ ของการแข่งขันให้เป็นไปอย่างเท่าเทียมกันในทุกๆ เดือนที่จัดการแข่งขัน และประกาศกฏใหม่ในปีนี้ให้มีการจับสุ่มคละนักเรียนแต่ละสาย แต่ละชั้นปีมาอยู่รวมกัน เพื่อความสามัคคีปรองดองและจะได้รู้จักกันอย่างทั่วถึงโดยไม่แบ่งแยกสาขาวิชาความถนัดตามที่เรียน

    จึงเป็นเหตุให้ความยุ่งยากทั้งหลายเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว....

    “ประกาศๆ นักเรียนที่มีรายชื่ออยู่ใน ตึกฟ้า กรุณามารวมตัวกันที่ใต้ตึกเดี๋ยวนี้  นักเรียนที่มีรายชื่ออยู่ใน ตึกขาว ขอให้ไปรวมตัวกันที่ข้างเรือนเพาะชำเดี๋ยวนี้ นักเรียนที่มีรายชื่ออยู่ในตึก...”

    เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศประโยคความซ้ำๆ ตั้งแต่เมื่อห้านาทีที่แล้วประหนึ่งแผ่นเสียงตกร่อง นักเรียนไม่ว่าเก่าหรือใหม่ต่างพากันวิ่งสวนกันไปกันมาอย่างกับมดแตกรังก็ไม่ปาน บ้างก็บ่นพึมพำกับการจัดระเบียบใหม่ บ้างก็วิ่งเฮโลลั้นลาด้วยความลุ้นระทึกที่จะได้เจอกับเพื่อนใหม่ บ้างก็ยังคงถือมือถือแนบหูโทรตามเพื่อนที่ดูเหมือนว่าจะยังมาไม่ถึงหรือหากันไม่เจอสักที แลดูอลหม่านจนน่าปวดหัว

    “พ่อ! ไอ้ตึกไดม่อนนี่มันคือที่ไหนวะ...ครับ! แม่งประชาสัมพันธ์สถาบันนี้ประกาศอะไรไม่ชัดเจนเลย คนเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่จะฟังรู้มั้ยล่ะว่าไอ้โค้ดลับที่ประกาศมาเนี่ยมันคืออะไรเล่นประกาศมารู้กันเองแบบนี้ไม่อยู่ด้วยกันแค่นั้นไปเลยวะ จะประกาศบอกออกสื่อเพื่ออะไรเนี่ย รายชื่อติดหน้าบอร์ดบอกแค่ว่า นัทสึกิ โช หอพักใน ตึกไดม่อน แค่เนี้ยะ แต่ไอ้ที่ประกาศไม่เห็นมีชื่อตึกที่ว่าเลยล่ะพ่อ!

    “นี่โทรมาเพื่อจะมาถามกับแค่เรื่องหาตึกนอนเนี่ยนะ ไอ้นัท? ฉันประชุมอยู่แกก็ถามๆเอาจากนักเรียนด้วยกันสิ ยากตรงไหนเนี่ย”

    “หน้ากวนตีนแบบนี้ เกิดไปสะกิดถามแล้วมันนึกว่าจะหาเรื่องมันอีกมิซวยอีกเหรอ พ่อนั่นแหละ หาทางให้ผมด้วย! ไหนว่าสถาบันนี้ดีนักหนาติดอันดับคนอยากเรียนไงล่ะพ่อ ประชาสัมพันธ์ห่วยแตกเป็นบ้า มันน่าจับไปเรียนใหม่ซะให้รู้แล้วรู้รอดเนาะ ไอ้โซมันนี่อะไรเนี่ยห่วย! ห่วยสิ้นดี!! จะหาเจอมั้ยวะไอ้ตึกไดม่อนที่ว่าเนี่ยเพชรไหนใครจะรู้ไม่เห็นมีเพชรที่ไหนสักที่เลย ว้อยยยหงุดหงิด”

    “สรุปโทรมาโวยวายด่าโรงเรียนใหม่ให้ฟังแค่นั้นใช่มั้ย หาทางเอาเองเหอะไอ้ลูกบังเกิดเกล้า หัดฉีกยิ้มแล้วเดินไปถามคนอื่นบ้าง ถามผู้ชายกลัวมีเรื่องแกก็เดินไปหาสาวๆ แทนแล้วกัน ฉีกยิ้มน่ะทำซะ แค่นี้น่ะ พ่อจะประชุมแล้ว อ้ออีกอย่างขอให้สนุกกับที่เรียนใหม่ล่ะ อย่าลืม...” ปลายสายผู้เป็นพ่อเตรียมเอ่ยยาวแต่ก็ถูกลูกชายสวนทับซะก่อน

    “อย่ามีเรื่อง อย่าเรื้อน และอย่าทำตัวมีปัญหา ฉีกยิ้มเข้าข่ม ทำตัวให้เหมาะสมไม่งั้นโรงเรียนดัดสันดานรออยู่ โอเคท่องได้แล้วไม่ต้องย้ำนักรู้หรอกน่ะ เออ เดี๋ยวหาเองก็ได้ ไม่ช่วยกันมั่งเล้ยยย แล้วจะบอกว่านี่มันโรงเรียนชายล้วนนะจะหาสาวที่ไหนมาให้ถามได้วะครับคุณพ่อ!

    จากนั้นชายหนุ่มก็วางสายผู้ปกครองตัวเองไปอย่างเซ็งๆ และหงุดหงิดใจ จะเดินไปถามมันที่ประชาสัมพันธ์เลยดีหรือเปล่าวะว่าไอ้ที่ประกาศๆ เป็นสีๆ นั่นน่ะมันตึกอะไรบ้าง ว่าแต่แล้วประชาสัมพันธ์มันอยู่ตรงส่วนไหนของที่นี่กัน?

    “เอ่อ โทษที...”

    ไวเท่าความคิดนัทสึกิก็มองหาเป้าหมายที่คิดว่าน่าจะรุ่นๆ เดียวกัน แล้วคว้าแขนชายหนุ่มรูปร่างไม่ใหญ่โตมากนักท่าทางเด็กเรียนภูมิฐานน่าพึ่งพาได้และที่สำคัญไม่น่าจะมีเรื่องกับเขาได้

    “คืออยากถามว่า ไอ้ที่เขาประกาศๆ กันอยู่นี่มันคือตึกอะไรเหรอ ฉันเพิ่งย้ายมาใหม่น่ะ ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ของฉันมันเขียนว่าตึกไดม่อนแต่ที่ประกาศอยู่นี่มันไม่มีชื่อตึกที่ว่าเลย ช่วยทีได้มั้ยนาย..”

    “อ้อได้สิ คือตึกหอในของที่นี่เราจะมีทั้งหมด 5 ตึก แบ่งตามชื่อพลอยชนิดต่างๆ แล้วก็เป็นไปตามสีของพลอยนั้นๆ น่ะ การ์เน็ท(Garnet) ก็คือตึกแดง, อเมทิสต์(amethyst) ตึกม่วง, แอมเบอร์(ambre) ตึกเหลือง, เทอร์ควอยส์(Turquoise) ตึกฟ้า และ ไดม่อน(Diamond) ตึกขาว ของนายตึกไดม่อนก็ต้องไปรวมตัวกันที่ข้างเรือนเพาะชำล่ะนะ”

    “อ้อ..... เข้าใจล่ะ เป็นงี้นี่เอง ขอบใจมากนะ ฉัน นัทสึกิ โช เข้าเรียนชั้นปี2 ที่นี่เป็นเทอมแรก ยินดีที่รู้จัก”

    “อื้อ ไม่เป็นไร ฉันอยู่ปี3 ซาคาโมโต้ โก ยินดีที่รู้จักเช่นกันรุ่นน้อง”

    “อ๋า ขอโทษคร้าบ ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นพี่ เสียมารยาทไปซะแล้ว แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคร้าบ ไม่ได้รุ่นพี่ช่วยล่ะแย่แน่เลยประชาสัมพันธ์ที่นี่แย่เป็นบ้า แทนที่จะประกาศให้มันเคลียร์ๆ กว่านี้ แย่ชะมัด งั้นผมไปก่อนนะครับเดี๋ยวไปรวมกลุ่มไม่ทัน ไว้เจอกันครับพี่ ไปล่ะ!

    นัทสึกิรีบโค้งขอบคุณและวิ่งไปยังเรือนเพาะชำในทันทีโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองรุ่นพี่ที่เพิ่งช่วยเหลือตนไปเมื่อครู่เลย

    “....อ้าวไปซะแล้ว จะบอกว่า ฉันก็อยู่ตึกขาวเหมือนกันไปด้วยกันก็ได้แท้ๆ แล้วประชาสัมพันธ์ของที่นี่น่ะไม่ได้แย่อย่างที่คิดเสมอไปหรอก แต่มันเป็นหนึ่งในการเทสไหวพริบและความรู้รอบตัวอย่างหนึ่งของสถาบันต่างหากว่าจะแปลความเรื่องสีของตึกกันได้แค่ไหน แถมตึกไหนคนครบก่อนตึกนั้นก็ได้คะแนนสะสมแรกไปด้วยนี่สิ ไม่งั้นฉันจะมาเดินวนเวียนตามหาเด็กที่อยู่ตึกสีเดียวกันอยู่เรอะ”

    โกมองตามพลางส่ายหน้าปนขำที่รุ่นน้องใจร้อนดั่งไฟขนาดนี้ ถึงแม้วันนี้จะเป็นเกมกาละเล่นใหม่ล่าสุดที่ทางสมาคมศิษย์เก่าคิดค้นกันขึ้นมาซึ่งหมายความว่า คนทั้งโรงเรียนไม่เคยมีใครเล่นมาก่อน ได้มาลองของพร้อมๆ กันหมดก็วันนี้นี่เอง แต่สำหรับเหล่าผู้ดูแลหอแต่ละหอที่ได้เข้าร่วมประชุมและรับทราบกติกาแรกของเกมนี้ต่างก็พยายามหาทางทำให้หอตัวเองเป็นที่หนึ่งให้ได้ไม่ต่างกัน

    “ขอโทษครับพี่ ตึกแอมเบอร์นี่มันตึกอะไรเหรอครับแล้วอยู่ทางไหนเหรอพี่ครับ”

    เสียงนักเรียนคนหนึ่งเดินงงๆ เข้ามาถาม ซาคาโมโต้ เขาจึงปั้นหน้ายิ้มให้อย่างใจดีและเอ่ยตอบ

    “แอมเบอร์เหรอ? ตึกฟ้าไง เห็นว่ารวมตัวกันที่สนามบอลนะ เดินไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวมุมตึกนั่นเลยน้อง โชคดีนะ”

    “ขอบคุณครับพี่ ไม่ได้พี่ผมแย่แน่ ไปก่อนนะครับ”

    แล้วเจ้ารุ่นน้องคนนั้นก็รีบวิ่งไปตามทางที่บอก อือ...ไม่ได้มีกฏไหนบังคับไว้สักหน่อยว่าจะต้องบอกเรื่องจริงกับรุ่นน้องเสมอไปน่ะ

     

    “จัดแถวตามปีและตามเลขประจำตัวเลยนะ ใครที่เลขกระโดดเพื่อนข้างหน้ายังไม่มาให้รับธงไปปักด้วยล่ะ ใครมาแล้วบอกๆ เพื่อนข้างๆ ด้วย”

    “เฮ้ย! ตรงนั้นขาดอีกกี่คนวะ เร็วเข้าอยากได้คะแนนแรกของตึกเว้ย”

    “พวกกรรมการตึกกลับมากันหมดหรือยังเนี่ย ลุ้นว้อยยย”

    เหล่ากรรมการผู้ดูแลหอที่ไม่ได้ออกไปตามหารุ่นน้องหรือสมาชิกหอของตน จะจัดกลุ่มดูแลอยู่ ณ จุดนัดพบของตึกและอธิบายเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเกมแรกนี้ให้คนที่มาถึงก่อนเข้าใจถึงจุดประสงค์ของการประกาศที่ไม่ชัดเจน ความหมายของสีต่างๆ ตามชื่อตึกนอนแต่ละตึก นั่นทำเอาเหล่าสมาชิกหอที่เริ่มเข้าใจอธิบายต่อให้เพื่อนข้างๆ ฟัง พลางกระสับกระส่ายอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปตามๆ กันว่าตึกใครจะเป็นผู้ชนะในเกมแรกนี้

    ออดด~~~! เสียงสัญญาณคนครบดังขึ้นลั่นสถาบันก่อนที่ไฟสัญญาณสีม่วงบนดาดฟ้าตึกกลางของสถาบันจะส่องสว่าง เสียงกรีดร้องและเสียงโห่อย่างเซ็งใจดังประสานกันจากทั้งทางฝั่งตึกม่วง(อเมทิสต์) ที่ได้แต้มสูงสุดก่อนใครเพื่อนและจากอีกสี่ตึกที่เหลือ ที่ต้องรอลุ้นคะแนนรองลำดับต่อๆไป เรียกได้ว่าห้ำหั่นกันตั้งแต่แรกเข้ากันเลยทีเดียว ระหว่างที่รอคนครบบรรดากรรมการทั้งหลายก็ช่วยกันอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับประเพณีการแข่งขันภายในให้นักเรียนใหม่ได้ฟังกันอย่างชัดๆ ในที่สุดสัญญาณไฟบนดาดฟ้าก็ขึ้นครบทุกดวงพร้อมประชาสัมพันธ์ประกาศผลคะแนนตามลำดับทั้งห้าลำดับ ตึกขาว(ไดม่อน) มาเป็นอันดับสองรองจากตึกม่วง ซึ่งก็สร้างรอยยิ้มและเสียงเฮให้กับชาวหอกันไปตามๆ กัน ก่อนจะเริ่มเป็นการเป็นงานแบ่งห้อง จับฉลากรูมเมทและอธิบายกฏต่างๆ ภายในหอเหล่านี้ ทั้งแนะนำกรรมการหอให้นักเรียนทุกคนได้รับทราบทั่วกัน

    “ขอแนะนำตัวก่อนเลย ฉัน ฮายาชิ มิซึกิ นักเรียนปี3 เลขาสภานักเรียนสถาบัน SIT-T และเป็นเลขาตึกไดม่อนหรือตึกขาววิมานของเรา ยินดีที่รู้จักและขอต้อนรับทุกคนทั้งนักเรียนเก่าและรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าใหม่ ตึกขาวของเราถือได้ว่าเป็นตึกใหญ่ที่สุดในบรรดา 5 ตึก ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีคนเยอะกว่านะน้องๆ แต่ที่เรียกว่าใหญ่สุด เพราะเป็นตึกที่มีประธานนักเรียนสิงสถิตย์อยู่ด้วยนั่นเองและทำให้ไม่มีการคัดเลือกหัวหน้าหอ เพราะถือว่าประธานนักเรียนเป็นใหญ่สุดยกให้เขาดูแลไป ฮ่าๆๆๆ ดังนั้นจึงทำให้คนที่ถูกคัดมาอยู่ที่ตึกขาวค่อนข้างมีอภิสิทธิ์มากกว่าตึกอื่นเล็กน้อยไว้จะแปะไว้ที่บอร์ดข่าวสารของตึกแล้วกันนะ ตอนนี้ขอเชิญหัวหน้าหอของเรามากล่าวอะไรเพื่อชาวตึกขาวหน่อยแล้วกันนะครับ”

    สิ้นคำของเลขา สึทนะ โทชิยะ ก็ลุกเดินออกมาที่เบื้องหน้าโค้งให้กับมิซึกิอย่างนอบน้อมและนุ่มนวลก่อนโปรยยิ้มให้ทุกคนชาวตึกขาวที่ต่างพากันเคลิบเคลิ้มใหลหลงไปกับใบหน้าอันอ่อนโยนและแสนหวานนั้น เว้นก็แต่...

    “ชิบหายกันทีนี้”

    นัทสึกิถึงขั้นสบถบ่นอย่างอดไม่ได้และก้มหน้าก้มตาหลบในทันที ก็จะไม่ให้บ่นได้ไงในเมื่อไอ้ตัวที่มีเรื่องกันเมื่อตอนงานปฐมนิเทศดันมาเป็นหัวหน้าหอซะนี่ แบบนี้ไม่เรียกซวยจะเรียกว่าอะไรได้กันล่ะ! กะว่าคงไม่เจอกันง่ายๆ แต่พระเจ้าก็ชอบซะเหลือเกินกับการเขี่ยเส้นชีวิตให้คนเรามันมาบรรจบกันอย่างไม่ได้ต้องการเนี่ย คงได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรก็แล้วกัน

    “สึทนะ โทชิยะ นักเรียนชั้นปี2 ประธานสภานักเรียน SIT-T และหัวหน้าหอไดม่อน ยินดีที่รู้จักทุกคนครับ เรียกเราว่า สึทนะ หรือ ทชจิ ก็ได้ เราไม่ถือ... นี่เป็นวันแรกของเราเหมือนกันที่ได้มาอยู่ที่ตึกขาวนี้ (*เนื่องด้วยได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียนตอนปลายปีและปีที่แล้วยังไม่มีการออกกฏเกี่ยวกับการคละกันของนักเรียนทั้งหมดทำให้นี่จึงเป็นครั้งแรกที่สึทนะได้ทำหน้าที่ประธานนักเรียนอย่างเต็มตัวรวมถึงหัวหน้าหอด้วยเช่นกัน) ก็ตื่นเต้นเหมือนกับทุกคนล่ะครับ อืม..เราคงไม่มีอะไรกล่าวมากนัก นอกจากตอนนี้พวกเราก็เหมือนพี่น้องเหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว เราต้องอยู่ร่วมกันที่ตึกนี้จนกว่าจะเรียนจบ ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขเพื่อตั๋วกินข้าวฟรีบ้าง เพื่อการขอออกนอกสถาบันในวันปกติเป็นกรณีพิเศษบ้าง”

    บรรดาพี่น้องชาวตึกขาวต่างพากันหัวเราะชอบใจ เพราะที่พูดมันคือเรื่องจริงล้วนๆ ก็ไอ้การแข่งสามเดือนครั้งอะไรเนี่ย รางวัลมันก็เช่นตั๋วกินข้าวกลางวันฟรี ใบเบิกทางออกนอกสถานที่ได้ภายในเดือนนั้นสามครั้ง หรือกลับดึกเกินกว่าเวลาหอกำหนดอะไรทำนองนี้ เรียกว่าเป็นรางวัลคลายเครียดที่แก่งแย่งชิงกันสุดๆ ใครอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่สำหรับชาวหอที่ต้องมาอยู่กินกันลำพังห่างพ่อแม่ญาติพี่น้อง วันๆ เจอแต่หน้าคนเก่าๆ ทำตามกฏที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ก็เหมือนจับเด็กวัยรุ่นขังรวมกันในห้องแคบๆ ไม่ให้ออกไปไหนเลยสักอาทิตย์นั่นล่ะ การได้รางวัลที่แหกกฏหรือเหนือกว่าคนอื่นไปบ้างจึงถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสำหรับพวกเขาแล้วจริงๆ

    “เพราะงั้นถ้าใครมีปัญหาอะไรก็บอกเรามาแล้วกันนะ หรือถ้าอยากติอยากแนะอะไรก็บอกกันได้เราจะได้นำไปเสนอในที่ประชุม ถ้ามีอะไรที่ไม่พอใจหรืออยากเตือนอะไรเราก็...หลังไมค์ได้เลยเราพร้อมรับฟังเสมอ เรามาทำให้ตึกขาวเป็นอันดับหนึ่งของปีนี้กันดีกว่านะทุกคน”

    สิ้นคำของหัวหน้าตึก เด็กหอทุกคนก็ไชโยโห่ร้องกันอย่างเริงร่าและเริ่มแยกย้ายขนข้าวของเข้าห้องพักกันต่อ โดยที่นัทสึกิเองก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เดินเหล่หาเพื่อนรูมเมทหมายเลขที่ได้อย่างสุดความสามารถจนไม่ทันมองเลยว่าสึทนะเดินปรี่ตรงเข้ามาหาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “ยินดีต้อนรับสู่ตึกขาวนะ นัทสึกิ โช”

    ร่างบางยิ้มสวยให้อย่างที่ใครเห็นก็คงคิดว่าหัวหน้าหอกำลังผูกมิตรกับไอ้หน้าโฉดอย่างเด็กใหม่นี่แน่ๆ คงมีแต่นัทสึกิเท่านั้นล่ะมั้งที่ไม่คิดว่านี่คือการผูกสัมพันธ์แต่เป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการเสียมากกว่า

    “เช่นกันครับ คุณหัวหน้าตึก ซึน…..นะ ว่าแต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาช่วยหาคนให้หน่อยได้หรือเปล่าวะ นายปี2 เหมือนกันนี่ ปีเดียวกันไม่ต้องเรียกสุภาพมากก็ได้มั้ง รูมเมทฉันเลขที่ 421007 รหัสแม่งแน่ว่ะ นักสืบป่าววะเนี่ยฮะๆ”

    “เลขอะไรนะ? นี่นาย...”

    แค่ได้ยินรหัสที่ออกมาจากปากของนัทสึกิ ก็ทำเอาร่างบางถลึงตามองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พาให้นัทสึกิขนพองสยองเกล้ากลัวจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิดซะเหลือเกิน

    “นี่อย่าบอกนะว่ารหัสนายน่ะไอ้ซึน!

    “อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนี้”

    สึทนะพูดรอดไรฟันด้วยเสียงที่แผ่วเบาลงเพื่อไม่ให้ใครอื่นได้ยินนอกจากนัทสึกิเท่านั้น

    “แล้วรหัสนี้น่ะ...”

    421007 ได้โปรดอย่าพูดว่าเป็นรหัสนายเลยขอร้องทีเถอะ”

    นัทสึกิแทบจะยกมือท่วมหัวไหว้คนตัวเล็กเบื้องหน้ากันเลย

    “ของฉันเองรุ่นน้อง ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง และสมมติถึงเลขนี้จะไม่ใช่ฉันก็เป็นทชจิไม่ได้หรอก เพราะประธานนักเรียนได้รับสิทธิ์พิเศษให้มีห้องส่วนตัวอยู่ชั้นบนสุดของตึกขาวน่ะนะ”

    บุรุษที่สามที่เอ่ยแทรกเข้ามากลางบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองคือ ซาคาโมโต้ โก รุ่นพี่ปี3 ผู้แสนจะใจดีที่บอกทางสว่างให้กับนัทสึกิเมื่อก่อนหน้านี้นี่เอง ทั้งสามคนมองหน้ากันบ้างก็ยิ้มให้ด้วยความจริงใจ บ้างก็ยิ้มกระตุกริมฝีปากอย่างพยายามสุดความสามารถ และอีกหนึ่งที่เม้มริมฝีปากบางอย่างขัดใจก่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานที่ใครๆ ต่างเฝ้ารอ.....

    “สวัสดีครับ รุ่นพี่ซาคาโมโต้”

    “บอกให้เรียกโก ตั้งกี่ครั้งกันแล้วล่ะทชจิ”

    ชายหนุ่มทั้งสองส่งยิ้มให้กัน ก่อนจะเป็นสึทนะที่กล่าวต่อบทสนทนานี้ไม่ให้กลายเป็นเดธแอร์ไปเสียก่อน

    “ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าเรียกรุ่นพี่ซาคาโมโต้เหมือนอย่างทุกคนเรียกจะเหมาะกว่า งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปจัดของที่ห้องก่อนแล้วกันนะครับ ลาล่ะครับ......นาย....ไปก่อนนะ....นัทสึกิ แล้วเจอกัน”

    สึทนะโค้งลารุ่นพี่พลางชำเลืองมองคู่อาฆาตที่ตนหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แต่แรก ใครจะไปคิดกันว่าหมอนี่จะดวงดีจับฉลากได้รองประธานนักเรียนรุ่นก่อนมาเป็นรูมเมท ซาคาโมโต้ โก ฉลาดหลักแหลม ไหวพริบเป็นเลิศ เรียนได้อันดับ1 ของรุ่นในทุกวิชาหลัก ทักษะด้านดนตรีโดยเฉพาะเปียโนไม่เป็นสองรองใคร สมัยอยู่อเมริกาเมื่อครั้ง 7 ขวบ เคยได้เข้าแข่งขันเปียโนรุ่นเยาว์ได้รับรางวัลชนะเลิศกลับมาครอง จนถูกทาบทามให้เรียนต่อในโรงเรียนดนตรีมีชื่อของที่นั่นแต่เจ้าตัวและครอบครัวก็ย้ายกลับมาญี่ปุ่นกันเสียก่อน ถ้าเจ้าตัวได้เรียนจนจบญี่ปุ่นจะถือกำเนิดนักเปียโนระดับโลกอีกคนมั้ยก็ไม่รู้ ดังนั้น ซาคาโมโต้ จึงถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านสาขาเปียโนเลยก็ว่าได้

    SIT-T เป็นสถาบันที่ค่อนข้างจะรวมหัวกะทิในหลากหลายสาขาวิชาของประเทศอยู่แล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะมาเจอคนอย่างนี้ได้ แต่ที่น่าแปลกและทำให้ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้คงเป็นเพราะ...ทำไมคนเก่งและฉลาดขนาดนี้ถึงยอมเป็นแค่รองประธานแทนที่จะเป็นประธานนักเรียนเสียเอง? ที่สำคัญยังชอบมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายกับเราบ่อยๆ จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนหัวลุกเวลาเจอหน้านี่สิ ขืนมีคนแบบนี้อยู่ใกล้ๆ หรือเป็นแบ๊คให้เจ้านัทสึกิ แล้วอย่างนี้จะแก้เผ็ดคืนหมอนั่นได้ยังไงกัน!

     

    “รู้จักกับทชจิมาก่อนงั้นเหรอ”

    “เปล่าครับ บังเอิญเจอกันวันงานปฐมนิเทศแค่นั้นเอง”

    “สวยใช่มั้ยล่ะ เป็นประธานที่ดีเชียวนะ”

    “เหรอครับ เหอะๆ”

    ชายหนุ่มหัวเราะฝืดลอบเบ้หน้าอย่างสุดทนเมื่อนึกถึงดวงตาร้ายๆ ดื้อด้านคู่นั้นและท่าทีที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหวานใสชวนลุ่มหลง อยากบอกเหลือเกินว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอมเนี่ยใช้กับประธานนักเรียนสถาบันนี้ได้เหมาะเหม็งที่สุดแล้วจริงๆ

    “ของส่วนใหญ่ทางสถาบันคงให้แม่บ้าน คนงาน เอาไปไว้ที่ห้องพักให้เรียบร้อยแล้วล่ะ มีก็แต่ของใช้ส่วนตัวนอกเหนือที่นายเอามาเพิ่มเติม มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าล่ะรุ่นน้อง เดี๋ยวฉันช่วยขนไปให้”

    รุ่นพี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทำให้นัทสึกิยิ้มตอบและมองจ้องกลับอยู่เป็นนานสองนาน แต่มองเท่าไรก็กลับไม่รู้เลยสักนิดว่าคนๆ นี้คิดอะไรอยู่ในใจและสิ่งที่แสดงออกมานั้นเป็นใจจริงที่ตนคิดเห็นอยู่หรือไม่ คนประเภทที่ดูยากและสัมผัสอะไรแทบไม่ได้เลยแบบนี้น้อยนักที่จะเจอ แต่พอเจอแล้วกลับทำเอายิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าเพราะอะไร และทำไม

    “รุ่นน้อง?”

    “คะ ครับรุ่นพี่?”

    “ถ้าหลงรักกันแต่แรกพบนี่รีบบอกกันก่อนนะ ฉันจะได้ระวังตัวได้ทันนะวัยรุ่นเอ๋ย”

    ซาคาโมโต้หัวเราะร่วนลงคอเมื่อเห็นรุ่นน้องมองตนไม่วางตาจนถึงขั้นคิ้วขมวดเพ่งจ้องไม่เลิก

    “หึยพี่ คือมันติดนิสัยนิดหน่อยน่ะ ผมมันพวกดูคนออกง่าย ใครเป็นยังไงผมมักจะรู้เสมอ แต่กับรุ่นพี่นี่....ยากชะมัด”

    “งี้นี่เอง เอาน่ะ บางครั้งคนเราก็หัดไว้วางใจกันแบบไม่ต้องคิดอะไรมากบ้างก็ได้ โลกจะสดใสกว่าจริงๆ นะวัยรุ่น ไปๆ เข้าห้องพักกันดีกว่า วันนี้คงได้จัดของกันเหนื่อยแน่ล่ะ อีกอย่างเรียกฉันว่าโก ก็ได้นะ ไม่ถือ”

    คนอารมณ์ดีหัวเราะร่วน ตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ และเดินนำหน้าไปยังตึกขาวอันกว้างใหญ่ ที่ๆ จะต้องอาศัยหลับนอนและอยู่กินประหนึ่งบ้านตลอดช่วงระยะเวลาที่เข้าจนกระทั่งเรียนจบ....เอ่อ... ถ้าไม่มีเรื่องจนถูกพ่อย้ายไปเข้าโรงเรียนดัดสันดานก่อนน่ะนะ ไอ้นัทเอ๊ย ว่าแต่ว่า....สรุปที่นี่มันรวมหัวกะทิคนเก่งเด่นดังหรือว่ารวมคนพันธุ์แปลกกันแน่นะ....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×