คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : skin 02
รถคันหรูสีดำมันปลาบแล่นมาจอดที่หน้าตึกเรียน พร้อมด้วยชายผู้เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่างในสายตาของคนทั่วไป โอ เซฮุน ก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม แต่พอครั้นเมื่อเท้าถึงพื้นก็กลับเดินจ้ำเข้าตึกเรียนไปอย่างไม่คิดจะเหลียวมองใครแม้สักคน ที่นี่ทุกคนมักจะรอคอยการมาของหนุ่มน้อยคนนี้เพราะดูแล้วไม่มีเบื่อสักครั้ง ทั้งหน้าตาและ..เรื่องส่วนตัวที่มีมาให้วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ กิริยาท่าทาง การเดิน การพูด หรือแม้แต่การเรียนก็ยังเป็นที่สนใจของคนแทบทั้งสถาบันเลยด้วยซ้ำ
ในห้องเรียนฉันเดียวกันที่คณะนั้นเซฮุนไม่มีเพื่อนสนิทแม้สักคน เขาชอบที่จะคบคนแค่เพียงผิวเผินมากกว่าที่จะให้มาหยอกล้อเล่นหัวกันได้…แต่ก็นั่นแหละใครล่ะจะกล้าตีซี้กับคุณหนูตระกูลโอกรุ๊ปผู้มั่งคั่งด้วยอำนาจและฐานะ แม้ที่นี่จะเป็นสถาบันที่รองรับแต่คนมีฐานะก็ตามคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับบุตรชายคนเดียวของท่านประธานคนก่อนแห่งโอกรุ๊ปคนนี้เป็นแน่ ถึงจะดูเพลินตาสวยงามเพียงไรแต่ก็แฝงไว้ซึ่งความน่าหวาดเกรงในที คล้ายมีกำแพงที่มองไม่เห็นกางกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้าถึงได้
“พี่คะ” เสียงหญิงสาวรุ่นน้องร้องเรียกอ้อมแอ้มด้วยน้ำเสียงฟังดูน่ารักขัดเขินตามประสาทำให้เซฮุนหยุดเดินใช้เพียงหางตามองเธอคนนั้น
“……..”
“เอ่อ…ขอคุยด้วยได้มั้ยคะ” สาวรุ่นยังคงยิ้มพรายมองดูชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้กันอย่างใจจดใจจ่อ
“กำลังจะเรียนแล้ว มีธุระอะไรเอาไว้วันหลังได้หรือเปล่า” น้ำเสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ไม่อ่อนโยนแต่ก็ไม่ดุดันหลุดจากริมฝีปากเรียวบางของเซฮุนเพียงเบา ๆ เมื่อกล่าวจบเขาจึงเดินต่อในทันที ทำให้สาวน้อยต้องวิ่งตามไปดักหน้าไว้อย่างไม่ยอมแพ้
“แค่ 5 นาทีเท่านั้นค่ะขอร้องนะคะ พี่คะ” เซฮุนที่ถูกขวางทางไว้ มองดูเธอด้วยสายตาดุ ๆ เชิงตำหนิกันจนสาวเจ้าตัวสั่นก้มหน้าหลบดวงตาคู่นั้นอย่างหวาดหวั่น แม้สวยงามแต่ก็น่ากลัว...นี่คือคำกล่าวที่ใคร ๆ ต่างพากันพูดถึงเกี่ยวกับคุณชายโอผู้นี้ ปกติทุกครั้งได้แต่เพียงลอบอยู่ในที่ไกล ๆ ไม่เคยกล้าเข้าใกล้และมองดูคน ๆ นี้ในระยะประชิดแม้สักครั้ง วันนี้พอได้มาสัมผัส เห็นทีว่าจะไม่เกินไปจากที่ร่ำลือแม้แต่น้อย
“เชิญ…”
……….
“จะพูดมั้ยธุระน่ะ” …
“คือฉัน…ฉันชอบพี่ค่ะ ช่วยรับนี่ไว้ด้วยนะคะ” พลางยื่นจดหมายไปตรงหน้าร่างสูงโปร่งบาง ที่กดสายตาต่ำมองดูเธอและจดหมายสีหวานในมือที่สั่นเทาน้อย ๆ
“…แค่นี้ใช่มั้ยธุระที่ว่า” ชายหนุ่มยังคงใช้มือข้างหนึ่งล้วงในกระเป๋ากางเกงอย่างไร้วี่แววหรือทีท่าว่าจะเอามันออกมารับจดหมายกลับไปอ่านสักนิด เขากล่าวคำพูดเพียงสั้น ๆ พร้อมเดินผ่านหน้าเด็กสาวไปยังห้องเรียนของตน ทิ้งให้คนที่พยายามรวบรวมความกล้าเขียนจดหมายและรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะเข้ามาเผชิญหน้ากับเขายืนสะอึกสะอื้นน้ำตารินอยู่ตรงนั้นไม่คิดเหลียวกลับมามอง
“เอาอีกแล้วแม่พวกนี้ ไม่รู้จักเข็ดกันบ้างหรือไง กี่ราย ๆ ก็โดนแบบนี้ทั้งนั้น ยังจะไปบอกรักมันกันอยู่ได้” เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มเซ็งแซ่ทั่วบริเวณจากเหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ถึงข่าว ‘คาว’ ของโอ เซฮุน ชายหนุ่มผู้ตกเป็นหัวข้อสนทนาในทุกวันที่โผล่หน้ามาเข้าเรียน
“นั่นสิ คิดว่าข่าวมันไม่ใช่เรื่องจริงหรือไงกันนะ หมอนั่นน่ะเย็นชาจะตายไป จะบอกไม่รับเขาดี ๆ ไม่มีหรอก โหดเป็นบ้า ไม่สมกับเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด หลงใหลได้ปลื้มกันอยู่ได้”
“ใช่ ไม่รักษาน้ำใจใครเลยสักราย มันยังเป็นคนมีหัวใจกับเขาบ้างหรือเปล่าวะ”
เสียงด่าทอ เสียงพูดคุยกันแบบนี้ดังขึ้นแทบทุกครั้งที่มีใครหาญกล้าเข้ามาสารภาพรักกับเซฮุน และมันก็มีมาไม่เคยหยุดหย่อน ไม่ว่าสาวเล็กสาวใหญ่ หรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็มี เพราะคิดว่าที่คุณหนูโอคนงามปฏิเสธผู้หญิงไปคงเป็นเพราะชอบผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เซฮุนยังเมินเฉยไม่ใส่ใจ ไม่ยี่หระใครคล้ายทุกคนในโรงเรียนและบนโลกนี้เป็นเพียงอากาศธาตุไร้ซึ่งตัวตนเท่านั้น
คงมีตัวเขาเพียงแค่คนเดียวล่ะมั้งที่เป็นมนุษย์เดินดินอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้น่ะคุณชายโอ เซฮุน
ร่างสูงโปร่งบางของชายหนุ่มเข้ามาถึงห้องเรียนได้ก็เลือกมุมสงบริมหน้าต่างหน้าสุดฟุบนอนกับโต๊ะเรียนไม่สนใจใครทั้งสิ้นเหมือนอย่างเคย …..ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมห้องหรือแม้แต่อาจารย์เองก็ตาม เพราะส่วนใหญ่เวลาอาจารย์สอนก็หลับกันทั้งนั้น จะเหลือที่ตั้งใจจริง ๆ สักกี่คน ด้วยสมองอย่างเขาความจริงไม่มีความจำเป็นต้องมาเข้าเรียนด้วยซ้ำไป แต่เพราะปู่กับย่าขอไว้ถึงได้ต้องมานั่ง ๆ นอน ๆ หายใจทิ้งอยู่ในทุกวันนี้นี่แหละ แล้วมันจะแปลกอะไรล่ะถ้าเขาจะหลับก่อนตั้งแต่ต้นชั่วโมงน่ะ!
‘…อะไรน่ะ…ใครกัน แฮ่ก ๆ เดี๋ยวรอก่อนสิ หันมามองฉันสิ หยุดเดี๋ยวนี้นะ นายเป็นใคร’
เด็กหนุ่มสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นก่อนปรือเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ ทั้งที่ยังคงฟุบหน้าลงกับโต๊ะเช่นนี้...พลางคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนตนจะตื่น เขาผินหน้าไปทางหน้าต่างอย่างเลื่อนลอยยังคงนึกถึงแผ่นหลังที่วิ่งตามไปเท่าไรก็ไม่ถึงสักที เรียกเท่าไรก็ไม่หันกลับมามอง คนอย่างคุณชายโอ มีวันที่ต้องวิ่งตามหลังใครให้หันมาสนใจด้วยงั้นเหรอ? หึ! ตลกเป็นบ้า
นี่เราไม่ได้ฝันมานานเท่าไรแล้วนะ..... หลังจากที่พ่อจากไปล่ะมั้ง ตอนนั้นก่อนที่พ่อจะประสบอุบัติเหตุก็ฝันถึงพ่อและฝันถึงอุบัติเหตุนั้นล่วงหน้าเช่นกัน ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นพวกมีพลังวิเศษวิโสอะไรทำนองนั้นหรอก เพียงแต่ก็ให้คำอธิบายพวกนี้เกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เรียกว่าเป็นคนที่ไม่เคยนอนแล้วฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ทุกครั้งที่ฝันจะต้องเป็นเหตุสำคัญอะไรสักอย่างที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงหลังจากนั้น
....แล้วฝันในครานี้ล่ะ? คือเหตุสำคัญอะไรในชีวิตของฉันกัน
หลังจบคาบเรียนที่น่าเบื่อหน่ายเพราะสะดุ้งตื่นจากฝันเสมือนจริงเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา เซฮุนก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้อีกต่อไป ต้องทนนั่งตาแข็งค้างฟังอาจารย์พร่ำบ่นในเรื่องที่เขารู้ดีเสียยิ่งกว่าดังนั้นพอหมดคาบเด็กหนุ่มจึงรีบคว้าชีทโยนใส่เป้สาวเท้าเรียวยาวของตนออกจากห้องในทันทีอย่างไม่คิดจะเสวนาพาทีกับใครทั้งนั้น ยามเมื่อมาถึงหน้าตึก รถหรูคันเดิมก็มาจอดรอรับกลับคฤหาสน์หลังโตแห่งตระกูลโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนขับที่นั่งประจำที่เบื้องหลังพวงมาลัย เหลือบเห็นคุณหนูของตนเดินมาจึงรีบกุลีกุจอลงมาเปิดประตูให้ในทันที
“จุนกีไปไหน?” เซฮุนเอ่ยถามเมื่อเห็นแปลกหน้าไม่เคยเจอมาก่อน
“มีจดหมายด่วนให้รีบกลับบ้านขอครับ กระผมจึงถูกสั่งให้มารับคุณชายแทน”
ชายวัยกลางคนตอบคุณชายของตนโดยยังคงโค้งก้มศีรษะให้อย่างรู้มารยาท เด็กหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้ารับรู้ก่อนเดินขึ้นรถและนั่งลงตรงเบาะหลังตามปรกติ
“มาจากไหน”
“จองซอนขอรับ”
“งั้นเหรอ? อืม…ปรกติจุนกีไม่เคยยอมพาฉันออกนอกเส้นทางเลย วันนี้ฉันอยากดูวิวอื่นบ้าง นายพอจะขับได้มั้ย” เด็กหนุ่มไขว่ห้างและเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีวางเฉย ๆ ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา ทำให้คนขับต้องเหลือบมองสีหน้านายน้อยจากกระจกมองหลังด้วยเดาอารมณ์คนพูดนั้น
“คุณชายอยากไปไหนหรือครับ”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ทางเดิมแล้วกัน ฉันเบื่อ!” ได้ยินชัดเจนดังนั้นก็ทำเอาสะดุ้งไปเหมือนกันก่อนรีบตอบครับรับคำคุณชายผู้เอาแต่ใจของตระกูลผู้นี้พร้อมเคลื่อนตัวออกนอกเส้นทางให้ตามประสงค์
ไกลออกไป....ถนนและตรอกซอกซอยที่เริ่มไม่คุ้นตาก็มาให้ได้เห็นจนชัดแจ้งในใจ ทุกวันถ้าไม่ไปเรียนก็กลับบ้าน ไปบริษัท ทางเดิมซ้ำ ๆ จนชินตา เขาไม่เคยมาแถวนี้มาก่อนเลย.... รถมากพอสมควรและมันก็มากจนทำให้มีรถติดไฟแดงต่อ ๆ กันยาวเป็นแถว
“รถติดจริง ๆ นะครับย่านนี้” คนขับเอ่ยปากชวนคุยพลางเหลือบมองกระจกมองหลังอีกครั้ง เด็กหนุ่มบนเบาะหลังไม่คิดที่จะตอบคำใด ๆ กับเขาเอาแต่นั่งมองออกไปที่นอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
“…..…” เซฮุนจ้องมองสัญญาณไฟจราจร เมื่อสัญญาณคนข้ามเป็นสีเขียวกะพริบใกล้จะเปลี่ยนเป็นสีแดง จู่ ๆ เขาก็กดปลดล็อคผลักประตูรถออกวิ่งแบบไม่เหลียวหลังในทันใด ปล่อยให้ชายคนขับหันมองตามอย่างหัวเสีย
“แม่งเอ๊ย!…” เขารีบเปิดประตูรถหมายจะลงตามแต่ต้องกลับเข้าไปใหม่เพราะเสียงแตรที่บีบไล่กันสนั่นจากคันหลัง ๆ เมื่อรถสมควรจะได้แล่นออกไปยามเมื่อไม่ติดสัญญาณไฟจราจร
“มันรู้ตัวแล้ว เปลี่ยนเส้นทางด่วน ตอนนี้อยู่ที่ถนน xxxx รีบตามไปเร็วเข้า! ไอ้เด็กบ้านั่นฉลาดกว่าที่คิดจริง ๆ คิดว่าจะกินหมูซะอีก จับให้ได้ล่ะไม่งั้นนายเอาตายแน่ ๆ !!!” หลังจากวิทยุรายงานผลเสร็จก็รีบขับรถไปจอดข้างทางแล้ววิ่งตามเด็กหนุ่มเป้าหมายที่ต้องจับไปเชือดอย่างไม่คิดชีวิต งานนี้ถ้าเด็กนั่นไม่ตาย เขานั่นล่ะที่ไม่แคล้วต้องถูกแช่ในถังปูนเป็นศพอยู่ใต้ก้นทะเล!
เคยมีสักครั้งที่ไหนกัน ที่จุนกีจะไม่บอกเขาว่าจะหาคนมาแทนเวลาไม่ว่างน่ะ แล้วถ้าจุนกีไม่ว่างคนที่จะมารับก็มีแต่แทซันเท่านั้นในช่วงที่ผ่านมา คนอย่างโอ เซฮุน ไม่โง่ถูกหลอกเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอกนะ เมื่อครู่หากไม่เอ่ยปากบอกขอเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน เขาอาจกลายเป็นศพอยู่ตรงไหนสักทีก็ได้ คาดว่าเส้นทางเก่าคงเต็มไปด้วยมือปืนและนักฆ่าไม่ต่ำว่าสี่ห้ารายแน่นอน ว่าแต่....แย่จริงถนนแถวนี้ไม่รู้จักเอาซะเลย พวกที่ไล่ตามมาอีกสักพักคงหาตัวเขาเจอแน่ ดีไม่ดีอาจแห่กันมาเป็นโขยง ถึงเรื่องสู้ฝีมือป้องกันตัวไม่เป็นรองใคร แต่ถ้ามาเยอะเกินต้าน ประวิงเวลารอแทซันส่งคนมาช่วย เขาอาจได้ตายก่อนแหง นี่ก็วิ่งจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว
“โอ๊ย!” เสียงใครคนหนึ่งร้องดังขึ้นเมื่อเซฮุนวิ่งไปชนอย่างจัง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวคล้ำผมสีดำสนิท ลงไปนั่งกองกับพื้นข้าง ๆ มีขวดสีน้ำมันกลิ้งอยู่เกลื่อนพื้นและมันก็แตกหกเลอะมาที่เขาบ้างก็มี เจ็บ....ไอ้หมอนี่กระดูกแข็งเป็นบ้า
“ซุ่มซ่าม!” เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งเช็คแผลเช็คเสื้อผ้าความสะอาดของตัวเองเขาจึงพูดเพียงแค่นี้แล้วออกวิ่งหาทางเอาตัวรอดต่อ เล่นเอาคนถูกชนงงไปเป็นพัก แต่ก็คว้าแขนเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันตนไว้ได้ทัน
“คนผิดมันนายไม่ใช่หรือไง”
“ไอ้เด็กนั่นไปทางไหนวะ!” กำลังจะเอาเรื่องเอาราวเสียงวิ่งตึงตังและเสียงคนกลุ่มมากก็ยินแว่วมาแต่ไกล เซฮุนร้อนรน พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือแกร่งที่จับต้นแขนตนไว้ ชายแปลกหน้าจึงลดกำลังที่บีบเค้นพลางผลักไหล่คนตัวบางให้ไปในทิศที่ตนตั้งใจ
“เข้าซอยนั่นแล้วออกไปทางขวามีประตูสีแดง อยู่ ขึ้นลิฟท์ขนของไปชั้นสอง” แม้ยังสับสนแต่ดูเหมือนคน ๆ นี้กำลังบอกทางหนีให้เขาได้รู้ เด็กหนุ่มจึงไม่รั้งรอรีบวิ่งไปตามทางดังกล่าว ทิ้งให้ชายคนนั้นก้มเก็บข้าวของที่เกลื่อนกระจัดกระจายบนพื้นพลางบ่นอุบอิบเพียงลำพังไปด้วย
“เห็นเด็กผู้ชายตัวบาง ๆ ผิวขาว ๆ ใส่ชุดนักเรียนผ่านมาบ้างหรือเปล่า” กลุ่มคนชุดดำสามสี่คนกระชากคอเสื้อและถามทาง ชายหนุ่มจึงได้แต่ชี้มือไปในด้านตรงข้ามกับที่เซฮุนวิ่งหายไปเมื่อครู่ ...เพียงเท่านี้คนเหล่านั้นก็วิ่งกันออกไปและผลักให้ชายหนุ่มแปลกหน้าล้มลงบนพื้นโดยไม่ได้ใส่ใจอีก
“เฮ่อ ยังไม่ทันได้บอกเลยว่า หมอนั่นไม่ได้วิ่งไปทางนั้นสักหน่อย ฮะ ๆ”
เซฮุนวิ่งหนีเข้ามาตามทางที่ชายแปลกหน้าคนนั้นบอก จนได้พบว่าที่นี่คือแกลอรี่ภาพอิสระซึ่งกำลังจัดงานนิทรรศการแสดงภาพศิลป์ของศิลปินผู้หนึ่ง และมันก็เป็นสถานที่ ๆ ไม่น่าจะมีใครคาดคิดได้ว่าจะมีคนวิ่งหนีมาแอบซ่อนอยู่ทางด้านในแกลอรี่เช่นนี้
“ฮัลโหลแทซัน อืม ปลอดภัยดี รู้แล้ว มารับฉันที่งานนิทรรศการของศิลปินอิสระชื่อ.......คิม จงอิน? อาใช่ชื่อนี้แหละ อืม…บอกตำรวจแล้ว อืมดี ฉันไม่เป็นอะไร…” เซฮุนโทรหาแทซันทันทีเมื่อคิดว่าปลอดภัยแล้วเพราะในนี้ดูรั้วรอบขอบชิดเป็นสถานที่ปิดทึบ ซึ่งกระจกทุกบานผนังทุกด้านถูกกระดาษสีดำแปะทับวาดลวดลายด้วยสีสะท้อนแสงเป็นลายต่าง ๆ กันออกไป มีเพียงรูปวาดเท่านั้นที่ใส่กรอบโชว์และจัดแสงสปอร์ตไลท์สาดส่องให้เด่นชัดเพื่อแสดงศักยภาพของงานสำหรับโชว์และออกขาย ทั้งยังอยู่ถึงฉันบน และตอนที่เขาเข้ามาก็ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย เรียกว่า คนที่เข้ามาในแกลอรี่นี้อาจไม่เห็นหน้ากันเลยด้วยซ้ำ เพราะความมืดที่ปรกคลุมทั่วห้องนี้
ภาพที่จัดแสดงดูเหมือนจะถูกใจเขาอยู่หลายภาพเหมือนกัน เขาหยุดยืนดูอยู่เป็นนานสองนานจนมาถึงภาพวาดของเทวดาองค์หนึ่งผู้ยืนเหยียบอยู่เหนือผืนทรายและเข็มของนาฬิกา
“ชอบเทวดาสินะ” เสียงหนึ่งพูดขึ้นมาจากทางด้านหลังของเซฮุน ทำให้ต้องหันกลับไปมอง แต่เมื่อพบกลับกลายเป็นไอ้คนที่เขาด่าว่าซุ่มซ่ามและเป็นคนชี้นำทางให้เขาเดินขึ้นมายังสถานที่แห่งนี้เอง ชายหนุ่มไม่ได้โต้เถียงหรือเอ่ยคำใดออกไป กลับหันไปชมภาพเดิมนั้นต่อโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีก
“แปลกนะ คนถูกชนกลับถูกด่าว่าซุ่มซ่าม ฉันล่ะเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าพวกที่เรียนโรงเรียนคุณหนูเนี่ยมันไร้มารยาทแค่ไหน ว่าแต่ไปทำอะไรมาถึงเนื้อหอมขนาดผู้ชายวิ่งตามเป็นโขลงขนาดนั้น” ยังคงเงียบไม่มีเสียงใดตอบกลับไป
“หรือเป็นคุณหนูตระกูลดังนึกสนุกหนีออกจากบ้านแล้วท่านพ่อให้คนมาตามกลับไปล่ะ” เจ้าคนผิวคล้ำพูดจบก็หัวเราะเบา ๆ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มตัวบางสนใจอยู่ดี
“พี่คะ เซ็นให้หน่อยค่า” เด็กหญิงตัวน้อย ๆ วิ่งถือกระดาษปากกามาแต่ไกล ชายหนุ่มผิวคล้ำจึงยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี ลงนั่งยอง ๆ วาดรูปนางฟ้าตัวน้อย ๆ พร้อมเซ็นให้ นั่นล่ะที่ทำให้เซฮุนต้องหันมามองอย่างแปลกใจ แต่พอครั้นชายแปลกหน้าเงยขึ้นมองมาเซฮุนก็หันขวับกลับไปในทันที
“สวัสดี ฉันชื่อ คิม จงอิน ศิลปินอิสระเจ้าของผลงานที่นายกำลังดูไม่วางตาอยู่อยู่นั่นแหละ” เขาพูดอย่างรู้ทันว่าชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันตรงหน้ากำลังตั้งคำถามอยู่ในสมองว่าเขาคือใคร ใช่คนที่กำลังคิดอยู่หรือเปล่า
“อีกอย่าง เวลาจะมาดูผลงานใคร ควรให้เกียรติแนะนำตัวให้เจ้าของงานทราบบ้างก็ดีนะ”
จงอินพูดจบเซฮุนจึงหันมามองด้วยดวงหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่มันกลับสะท้อนต้องแสงไฟที่สาดกระทบเป็นเงาสลัวดูสวยงามราวภาพฝัน เย่อหยิ่งแต่สวยงาม
“โอ เซฮุน”
“เห? สกุลนี้ฉันรู้จักดีเชียวล่ะ ตระกูลดังเจ้าของธุรกิจมหาศาลที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง ว่าแต่นายเป็นญาติฝ่ายไหนกันล่ะ” พูดว่ารู้จักดีแต่กลับไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือว่าที่ประธานบริษัทและเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูล นั่นทำเอาเซฮุนนึกหยันเยาะอยู่ในใจ แต่ก็แสดงสีหน้าเพียงแค่การยิ้มเหยียดที่มุมปากเท่านั้น
“จริงสิ นายน่ะ…มาเป็นแบบให้ฉันได้หรือเปล่า ฉันอยากวาดภาพนายนะ” จู่ ๆ ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก็ไม่มีคำปฏิเสธหรือตอบรับใด ๆ มาจากปากเรียวสวยของเซฮุนเองเช่นกัน
“ก็ดีหรอกนะ ที่เป็นคนไม่ค่อยพูดน่ะ แต่บางครั้งการพูดก็ทำให้คนเราเข้าใจกันมากขึ้นไม่ใช่เหรอ?” จงอินพูดทำให้เซฮุนหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง
“แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเข้าใจตัวเราไม่ใช่หรือไง?” เซฮุนสวนกลับด้วยคำพูดและน้ำเสียงเรียบๆ และนั่นกลับทำให้จงอินยิ้มออกมาจาง ๆ
“เสียงเพราะแบบนี้ยิ่งควรพูดบ่อย ๆ นะ โอ เซฮุน…มาเป็นแบบให้ฉันเถอะ ฉันอยากวาดรูปของนาย…” จงอินยื่นมือไปให้เซฮุนจับ แต่ดวงตาเรียวรีนั้นกลับมองมันเฉย แล้วหันหลังเดินจากไป
“มาเป็นแบบให้ฉันเถอะ นายน่ะเหมาะเป็นเทวดานะ” จงอินยังคงไม่เลิกรา เดินตามเซฮุนต่อ
“ดื้อด้าน!” ชายหนุ่มบ่นออกมาอย่างจงใจให้จงอินได้ยิน ก่อนหยุดยืนดูภาพต่อไป.....ภาพที่ลงสีแปลกตา....ภาพที่ไม่มีรูปร่างแน่นอน แต่ใช้โทนน้ำเงินน้ำทะเลคุมโทนไว้ ดูแล้วรู้สึก....แปลก ๆ จนเผลอพลั้งปากออกไป
“สวย…”
“หือ?” จงอินทำเสียงขึ้นจมูกเพื่อถามความแน่ใจในสิ่งที่ตนได้ยินอีกครั้งแต่ฝ่ายนั้นก็กลับเงียบไม่พูดจาอะไรตอบกลับมา จนเขาจะเริ่มชินกับการต้องพูดคนเดียวนี้ไปแล้ว
“มาเป็นแบบให้ฉันสิ แล้วจะให้ดูงานของฉันทั้งหมดถ้านายสนใจ ภาพนี้จะให้ด้วยไม่คิดเงิน” ชายหนุ่มผิวสีพอจะจับทางได้บ้างว่าคงสนใจรูปนี้อยู่แน่นอนเขาจึงยื่นข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อให้โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะรับมันไว้พิจารณา เสียดายที่แทซันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน ทำให้การสนทนานี้หยุดชะงักลงโดยปริยาย
“คุณหนู…เอ่อ คุณเซฮุน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ บาดเจ็บตรงไหนบ้าง”
“ไม่เป็นไร จุนกีล่ะ ถูกฆ่าทิ้งไปหรือยัง?” คำถามที่ถามด้วยเสียงเรียบ ๆ ฟังดูไร้น้ำใจแต่ในความจริง แล้วก็เป็นห่วงคนของตนอยู่ไม่น้อย
“ไม่เป็นไรครับ แค่หัวแตกเพราะถูกฟาดแล้วก็เอาไปโยนไว้แถวซอยตรงสถาบันน่ะครับ” แทซันมองจงอินก่อนด้านนั้นจะโค้งให้นิด ๆ ชายสูงวัยกว่าจึงรับการทักทายนั้นด้วยการก้มศีรษะเพียงนิดและยิ้มให้
“เก่งนะครับ จัดงานนิทรรศการได้ถึงขนาดนี้ ฝีมือก็ดีด้วย” แทซันพูดทำให้เซฮุนเหล่มองจงอินที่ยืนยิ้มรับคำชมนั้น
“ขอบคุณครับ ว่าง ๆ ก็แวะมาได้นะครับ ผมจองที่นี่ไว้เดือนนี้ทั้งเดือนครับ”
“รูปนี้เท่าไร” อยู่ ๆ เซฮุนก็พูดขึ้นแทรกกบางระหว่างการสนทนาของอีกสองคน
“ไม่ขาย…ถ้าอยากได้มาเป็นแบบให้ฉันสิ”
“ฉันให้นายเรียกราคาได้ตามต้องการบอกมาสิว่าเท่าไร… จะซื้อ” เซฮุนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง หันมองหน้าจงอินด้วยรอยยิ้มติดมุมปากอย่างเป็นนิสัย
“เสียใจนะคุณหนูผู้มั่งคั่ง อะไรที่ไม่ขายก็คือไม่ขาย มีเงินมากมายแค่ไหนก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี ทำตามเงื่อนไขสิถ้าอยากได้” พูดจบก็เดินหลีกไปทันที เพราะตอนนี้เขาประเมินสถานการณ์ได้แล้วว่า เขาเหนือกว่าเป็นไหน หากคิดจะรบให้ชนะก็ต้องมีไพ่ไม้ตายอยู่ในมือเสียก่อน ยิ่งได้เห็นท่าทางของฝ่ายนั้นอยากได้มากเท่าไรก็ยิ่งให้มั่นใจว่าศึกในครั้งนี้เขาไม่มีทางพ่ายอย่างแน่นอน และนั่นก็ทำให้เซฮุนคิ้วขมวดมุ่น โมโหโทโส เดินลิ่วออกจากแกลอรี่ไป ทิ้งให้แทซันวิ่งตามนายน้อยตนแทบไม่ทัน
“โอ เซฮุน หึ! คงต้องใช้เวลาล่ะสินะ” ชายหนุ่มเจ้าของผลงานมองดูภาพเทวดาผู้เหยียบเวลาของตนอย่างครุ่นคิด
“ดูท่าทางเขาจะอยากให้คุณหนูไปเป็นแบบนะครับ ผมว่า…”
“ไม่ได้ถาม” เด็กหนุ่มพูดจบก็หันหน้าออกนอกรถเหมือนอย่างเคยและนึกถึงภาพที่เขาอยากจะได้ภาพนั้นขึ้นมาจับใจ คนอย่างเขาไม่เคยเลยที่ต้องการอะไรแล้วจะไม่ได้ แต่ดูท่าว่าหมอนั่นจะไม่ยอมขายให้กันจริง ๆ จะขโมยก็ไม่ใช่วิสัย ทำยังไงถึงจะได้มันมากัน
=========== inmyskin ============
เมื่อถึงคฤหาสน์ ตระกูลโอ ปู่กับย่าก็ออกมารอการกลับมาของหลานชายคนโปรดที่โถงใหญ่ ผู้ที่เพิ่งไปตกระกำลำบากหนีการตามล่ามาหยก ๆ ตอนได้รับแจ้งข่าวจากแทซันทำเอาย่าแทบช็อค ท่านปู่เองก็สั่งคนให้ออกติดตามสืบสาวราวเรื่องต่อและจัดการในแบบฉบับใต้ดินไม่พึ่งพาตำรวจหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหนใด ๆ ในการตามล่าคนวางแผนลอบฆ่าหลานชายของตนอีก ทั้งยังขอให้ปิดข่าวเรื่องการลอบทำร้ายในครั้งนี้ไม่ให้แพร่งพรายออกไปอีกด้วย เหล่าตำรวจที่มาจึงมีบทบาทเพียงแค่คุ้มกันเด็กหนุ่มให้ออกจากที่เกิดเหตุอย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง
กับสองท่านนี้เซฮุนจะเหมือนเด็กขี้อ้อน ขี้ประจบ คนนึงเท่านั้น ทั้งคำพูดคำจาล้วนแล้วแต่ฟังหวานหู กิริยาท่าทางก็เรียบร้อยน่ารัก ผิดกับตอนที่เขาอยู่กับคนอื่นเป็นคนละคน กลายเป็นคนเจื้อยแจ้วไปได้อย่างน่าเอ็นดูสมกับหน้าตาของเจ้าตัว
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกฮะ สบายมาก”
“ไม่ให้ห่วงได้ยังไงกัน หลานเป็นอะไรไปแล้วปู่กับย่าจะทำยังไง” หญิงชราหน้าตาใจดีกอดหลานชายตัวน้อยของตนไว้กับอก และเจ้าหลานตัวดีก็ยิ้มจนตาหยีกอดเธอกลับและโล้ตัวไปมา
“ขอโทษคร้าบบบบ ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้ครับคุณย่า” เซฮุนตอบกลับอย่างเด็กขี้ประจบ พลางซุกหน้าเข้ากับอกผู้เป็นย่า
“เห็นแทซันบอกว่าหลานไล่บอดี้การ์ดออกอีกแล้วรึ? เห็นมั้ยว่าเวลาไม่มีน่ะ มันอันตรายแค่ไหน แบบนี้จะไม่ให้ห่วงยังไง ไม่มีใครคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ ปู่คงต้องช็อคตายเพราะหลานเข้าสักวัน”
“ครับ ๆ…ไม่ไล่แล้วครับ ตอนนี้แทซันกำลังหาอยู่น่ะครับ รับรองผมไม่ไล่ออกแล้วล่ะครับ” เซฮุนอมยิ้มเอาใจ ซึ่งยิ้มนี้แหละที่ทำให้ผู้เฒ่าตกหลุมพรางใจอ่อนไปตาม ๆ กัน
ทั้งที่มีอาวุธอยู่ในตัวแต่กลับไม่เคยคิดเอาออกมาใช้มัดใจคงอื่นเลย เอาแต่ทำหน้านิ่งหน้าบึ้ง เมินเฉยโลกได้ทุกวัน…
“หลานพูดแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว จนปู่ไม่อยากจะพูดแล้วด้วยซ้ำ ครั้งนี้ปู่ขอยื่นคำขาด บอดี้การ์ดชุดนี้ปู่จะเป็นคนเลือกให้เองเพราะฉะนั้นเจ้าห้ามไล่คนของปู่ออกเด็ดขาดนะเซฮุน” พูดจบปู่จึงเดินออกไป
ปกติไม่ค่อยอยากบังคับใจกันเท่าไรนักหรอก แต่เห็นทีครั้งนี้คงต้องขัดใจหลานรักเสียบ้าง แม้ฉลาดไหวพริบดีและเรื่องบู๊ไม่เป็นรองใคร แต่มาถึงตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาคนนี้ก็ไม่อยากที่จะต้องสูญเสียใครไปอีกแล้ว หากไม่บังคับก็คงเข้าอีหรอบเดิม เพราะรู้ดีว่าหลานตนเป็นอย่างไร อยู่กับคนอื่นปิดกั้นตัวเองแค่ไหน กับรอยยิ้มสักนิดยังไม่เคยแย้มให้ใครได้เห็น นับประสาอะไรกับพฤติกรรมร้าย ๆ แต่ละครั้งที่ทำกับบอดี้การ์ดของตนกันล่ะ โอ เซฮุน เจ้าหลานหัวรั้น
ความคิดเห็น