ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มี Ebook [Yaoi] D.O.D (Deva or Devil)

    ลำดับตอนที่ #11 : Accident

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 55


    EP 11

     “แล้วยังไงอีกวะ”
     “โอย....ก็โดนพวกรุ่นพี่ที่สภากรรมการนักเรียนด่าไปเกือบชั่วโมงน่ะสิครับ”

     ซาคิโตะพูดพลางดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อโปรดลงคอเสียงดัง อั่กๆ โดยมีเหล่าเพื่อนพ้องในห้องรุมปรนนิบัติพัดวีบีบนวดให้อยู่ตลอดเวลา ถูกต้องแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาของการกำเนิดฮีโร่คนใหม่ขึ้นในสถาบันแห่งนี้อีกหนึ่งราย เพราะวีรกรรมที่ซาคิโตะทำเอาไว้นั่นมัน...ปิดกันให้แซ่ด! แม้ไม่มีการโพสท์คลิปหลักฐาน หรือเขียนกระทู้ข้อความใดๆ เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน แต่มันก็ปากต่อปากกันไปเรื่อยๆ ถึงกลุ่มเพื่อนซี้ที่รักกันมากทั้งที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน ยอมปกป้องพวกพ้องถึงขนาดแม้ตัวเองต้องติดฑัณบนเองก็ยังยอม แล้วเรื่องพวกนี้ขนาดระดับล่างๆ ยังรู้มีหรือที่เหล่ากรรมการนักเรียนจะไม่ระแคะระคายไปด้วย? เพียงแต่ทุกคนได้ตัดสินความผิดไปแล้ว และเห็นแก่ความมีน้ำใจที่เพื่อนมีให้กับเพื่อนเลยพากันเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียหมด แต่การแหกตาสภาสูงทั้งสภาเนี่ยมันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องจ่ายราคาสูงตามมาด้วยเช่นกัน

    เช่น ให้เดินเอกสารจากตึกอำนวยการไปยังตึกที่เหลือทั้งหมดในสถาบันภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ใครๆ ก็รู้ว่านี่มันทำได้ยากขนาดไหน สถาบันไม่ใช่แคบๆ แต่ละตึกห่างกันเป็นกิโลๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้สำเร็จได้โดยไม่มีคนช่วยเหลือ ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้แล้วอีกสี่คนที่เหลือจึงเหมือนถูกใช้โดยสภาอย่างลับๆ ไปโดยปริยาย เพราะต้องคอยรับเอกสารต่อจากซาคิโตะที่โดนเบื้องบนใช้งานมา แล้วแจกจ่ายออกไปอีกทีหนึ่ง ถ้าไม่ช่วย เพื่อนทำไม่สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าจะถูกสภาลงโทษอะไรมาอีก ไปๆ มาๆ แทนที่สภากรรมการจะมีเด็กเดินเอกสารแค่คนเดียวก็กลายเป็นมีถึงห้าคนโดยที่เจ้าคนพวกนี้ก็ไม่ได้รู้ตัวเองสักนิดว่าถูกแก้เผ็ดคืนเสียแล้ว คิดกันแค่ว่าทางสภาฯ อาจหาทางกลั่นแกล้งอยู่ก็เป็นได้

    “แล้ววันนี้ประธานทำอะไรบ้าง”
    “นวดตรงนี้ก่อนๆ เออ นั่นแหละ ซ้ายหน่อยๆ วันนี้มีของดีเว้ย”

    ซาคิโตะนั่งหลังตรงชี้ไหล่ที่ตัวเองว่าปวดเมื่อยให้เพื่อนๆ บีบนวดให้ พร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์

    “ของดียังไงเล่ามาก่อนดิวะว่า ประธานสุดที่รัก วันนี้มีทำอะไรน่ารักให้เห็นมั่งมั้ยน่ะ”
     “วันนี้......ไม่มีว่ะโมเม้นต์น่ารักๆ น่ะ”

     เสียงโหยอย่างผิดหวังของทุกคนดังขึ้นแทบพร้อมกัน จนซาคิโตะยกมือขึ้นห้ามและขยับตัวล้วงมือถือออกมาโชว์สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่ล้อมหน้าล้อมหลังกันอยู่นี้

     “แต่มีภาพแอบถ่ายมาได้จะมาปล่อยเว้ย ห้ามเอาไปเผยแพร่ที่ไหนเลยนะ รูปนึงก็ราคา......”

     “ไอ้หมอนี่ มันทำอะไรอีกแล้วเนี่ย”
     ชินยะที่เดินผ่านห้องของซาคิโตะยืนจ้องรุ่นน้องที่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคนอยู่ในขณะนี้อย่างสงสัย

     “ขายข่าวน่ะสิครับ พักนี้เก็บได้เป็นกอบเป็นกำจากการขายข่าว เล่าเรื่องกิจวัตรของทจจิซามะในห้องประธานบ้าง ระหว่างประชุมบ้าง บลาๆ อู้ฟู่จนอาจได้นั่งแท่นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของสถาบัน SIT-T ไปแล้วก็ว่าได้ล่ะครับ”

     “ล่าสุดเมื่อวานมีมาชวนพวกเราสั่งซื้อกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋ว แล้วให้ผมเขียนโปรแกรมควบคุม จะแอบไปติดที่ห้องประธานอีก กะเอารวยแบบสบายไปทั้งชาติว่างั้นน่ะครับรุ่นพี่”

     ทาคุมิเสริมจากที่อากิระบอกเล่าให้รุ่นพี่ได้ฟัง

     “แล้วนายว่าไงกัน”

     “โอย ไม่เอาด้วยหรอกครับ ถึงขั้นติดวงจรปิดนี่คุกเลยนะครับไม่ใช่แค่ฑัณบน พวกผมยังไม่อยากรวยทางลัดกันขนาดนั้น ทุกวันนี้กินบุญเก่าที่ท่านพ่อท่านแม่ทำมาไว้ให้นั่นก็คิดว่าพอจะเลี้ยงตัวเองไปจนแก่เฒ่าได้แล้วล่ะครับ ...แต่...ถ้าวันหนึ่งมันเกิดมีความจำเป็นขึ้นมาจริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที...”

     ทาคุมิส่ายหัวดิกและมองดูเพื่อนที่อยู่ในวงล้อมกำลังเก็บเงินจากทุกคนเข้ากระเป๋าพร้อมส่งรูปให้ทางมือถือต่อด้วยหน้าตาแสนจะยินดีปรีดา

     “เนี่ยนะที่ว่าจะถูกใช้งานจนผอมแล้วให้เลี้ยงมันน่ะ ตั้งใจทำแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่าวะเนี่ยชักไม่แน่ใจซะแล้วสิ... ว่าแต่แล้วไอ้ไอดอลแบดบอยคนดังมันหายไปไหนกัน? วันนี้ใครเห็นบ้างหรือเปล่าเนี่ย”

     “ยังไม่เจอเหมือนกันครับรุ่นพี่แต่คิดว่าคงจะไปหาที่ปลีกวิเวกเหมือนอย่างเดิม หลบพวกแฟนคลับแฟนบอยทั้งหลายล่ะมั้งครับ”

     “แต่ถ้าหลบไม่พ้นเดี๋ยวก็ได้ยินเสียงโวยวายนำมาก่อนเองนะผมว่า...”
     “ก็คิดว่างั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไปเอาตัวไอ้พ่อค้าหน้าเลือดนั่นออกมาจากกลุ่มนั้นก่อนดีกว่ามั้ยเรา?”

     สามคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนเดินไปหิ้วปีก ซาคิโตะออกมาจากกลุ่มก้อนดงสาวกองครักษ์พิทักษ์ชายทจพร้อมเบิร์ดกะโหลกไปคนละทีสองทีด้วยความหมันไส้


     “เจอยั้งงงงง”
     “ไม่เจอเลยเมื่อกี้เห็นอยู่แท้ๆ นี่อุตส่าห์สอยไนกี้รุ่นล่าสุดมาให้เซ็นเจิมเลยนะเนี่ย หายไปไหนนะ ท่านชายโช”

     “แต่เราก็วิ่งตามกันมาติดๆ นะ”
     “ไม่รู้ว่ะ หรือปีนรั้วไปอีกฝั่งแล้ว?”
     “จะเป็นไปได้ไง...”

     แน่นอนล่ะว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว รั้วสูงขนาดนี้ ถ้าจะปีนจริงคงต้องใช้เวลาเยอะมากแน่ๆ สู้หาที่ไหนสักทีหมอบราบทำตัวไร้ตัวตนหายใจแผ่วๆ หรือไม่หายใจไปสักแป๊บ? ก็น่าจะรอด พุ่มไม้แถวนี้ก็เตี้ยซะเหลือเกินทำเอาหน้าจ่อดินไปเต็มๆ เพื่อที่ตัวจะได้ราบลงไปได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     “อ๊ะ! คุณชายทจ”
     เสียงหนึ่งร้องทักเมื่อเห็นซึทนะเดินมาเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครตามติด ท่าทางสง่างามที่ไม่เคยหลุดออกจากกรอบความเนี๊ยบและใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่เสมอ ไหนเลยจะรู้ว่าในใจนั้นกำลังกรีดร้องจิกทึ้งหัวตัวเองอยู่เมื่อเห็นฝูงชนกลุ่มใหญ่กำลังยืนและจดจ้องมายังตนเวลานี้.... ก็เพิ่งจะสลัดหลุดไปกลุ่มหนึ่งกว่าจะหาทางหนีทีไล่แวบออกมาคนเดียวได้แทบตาย แล้วนี่อะไรกันกลุ่มเบ้อเร่อ! จะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนนะที่จะต้องปั้นหน้ายิ้มและคิดหาคำพูดโต้ตอบกลับแบบน่าประทับใจน่ะ

     “สวัสดีครับประธาน”
    ทุกคนรีบเดินมายืนเรียงหน้ากระดานและโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง

     “อื้อ หวัดดีทุกคน”
     หลังจากตอบรับคำทักทายปลายหางตาด้านขวาก็กระตุก ตึก ตึก จนต้องหันเบี่ยงหน้าใช้ปลายนิ้วคลึงลงบนตาข้างนั้นอย่างอัตโนมัติ จนเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มที่แอบซ่อนอยู่กับพุ่มไม้น้อยนั้น เหอะ! ต่อให้เห็นแค่เส้นผมฉันก็จำได้ถนัดใจว่าเป็นใคร เจ้าตัวก็เหมือนจะรู้ตัวนะเงยหน้าขึ้นมามองและทำหน้าตาตกตื่นก่อนทำปากจุ๊ๆ ไม่ให้ส่งเสียงทัก หลายครั้งหลายหนที่หามุมสงบหนีทุกคนได้แต่ต้องมาดับอนาถเพราะความปากบอนของไอ้หมอนี่ แล้วเวลาแบบนี้ที่โอกาสพุ่งเข้ามาหาจังๆ ทำไมเราจะต้องปล่อยมันหลุดมือไปด้วยเล่า? แค่คิดก็ทำเอาริมฝีปากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์และหุบลงก่อนปั้นหน้าใสแบ๊วกอดหนังสือไว้กับอกและชะโงกหน้ามองไปยังพุ่มไม้เตี้ยข้างกาย

     “อ้าว นัทสึกิคุง กำลังหาอะไรอยู่ตรงนั้นเหรอ ฉันช่วยมั้ย?”
     กูว่าแล้ว....... นัทสึกิอยากจะสบถประโยคนี้ออกมาดังๆ ให้ลั่นโลก เพราะไอ้ที่พยายามจุ๊ปากบอกให้ซึทนะเงียบๆ ไว้นั่นน่ะ เปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นที่อีกฝ่ายจะทำตามได้มีอยู่เพียงแค่ 1% เท่านั้นเองมั้ง ต่อให้โง่เลขแค่ไหน แต่สถานการณ์เยี่ยงนี้ เป็นใครก็คงเดาออกได้ง่ายๆ ว่าท้ายที่สุดแล้วผลจะเป็นยังไง...ทำเขาไว้เยอะนะ จะมาหวังพึ่งเขาเอาตอนลำบากน่ะมันยาก

     และพอซึทนะเอ่ยปากพร้อมหันหน้าชี้พิกัดเท่านั้นล่ะ เหล่าสาวกชายโชก็ถึงกับกรี๊ดสาวแตกอย่างลืมตัวยิ่งกว่าเจอดาราเสียอีกเตรียมพุ่งกันเข้ามาอย่างลืมตาย แล้วจะอยู่ทำไมให้โง่ล่ะครับ ก็โกยสิเพียงแต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ที่ดวงหน้าหวานนั่นแม้จะแสยะยิ้มน่ากลัวให้กันเพียงใด แต่ก็จับอารมณ์เบื้องลึกแท้จริงที่อยากปลีกวิเวกเพียงลำพังของเจ้าตัว ก่อนจะมาเจอกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ได้ นัทสึกิจึงตัดสินใจคว้าข้อมือแล้วฉุดให้ออกวิ่งหนีไปด้วยกัน ฝ่ายคนที่ถูกดึงมือฉุดกระชากลากถู ปกติคงขืนตัวแล้วบ่ายเบี่ยง แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมกลับนึกสนุกทุ่มแรงทั้งหมดไปยังขาทั้งสองข้างและออกก้าวตามไอ้เจ้าคนบ้าพลังคนนี้อย่างเต็มที่ .....แม้จะบ่นอุบอิบขัดขืนบ้างอย่างพอเป็นพิธีก็เถอะ

     “ทำไมจะต้องดึงฉันมาเกี่ยวด้วยทุกครั้งนะนายน่ะ!”
     ซึทนะบ่นโวยวายปั้นเสียงสุดรำคาญใจ

     “ก็แล้วใครวะดันไปชี้เป้าให้พวกนั้นน่ะ ก็มาลำบากซะด้วยกันนี่แหละ”
     “แล้วอย่ามาจับฉันสิ ปล่อยนะ!”

     “ปล่อยแล้วแกจะวิ่งตามฉันมารึไงเรื่องเหอะ วิ่งเร็วๆ เข้าแรงมีกับเขาหรือเปล่า”

     “ฉันเป็นหอบนะ!”
     “อย่าเยอะ!”

     นัทสึกิยังคงตั้งหน้าตั้งตาออกวิ่งต่อโดยไม่ได้มองหรือเป็นห่วงคนที่วิ่งตามหลังมาด้วยเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่อีกฝ่ายกลับก้มหน้าอมยิ้มอย่างสนุกสนานที่ถูกดึงมาด้วยแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ชีวิตไม่ได้มีสีสันแบบนี้อยู่ตรงไหนก็มีแต่คนคอยเอาใจ ทำอะไรให้ทุกอย่างไม่เคยให้ต้องเหนื่อยหรือเหงื่อหยดแม้สักนิด หาคนขัดใจก็ยากยิ่ง ...จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ชอบให้คนมาขัดใจหรอกนะแต่พอมันบ่อยครั้งเข้า นานวันมันเหมือนสีสันในชีวิตได้ขาดหายไป แล้วคน out of control อย่างนัทสึกิหลุดเข้ามามันก็เลยทำให้อะไรๆ ในชีวิตยากจะคาดเดา และอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่าวันนี้หมอนี่จะเอาเรื่องอะไรมาให้อีก

     “แบดบอยกับแองเจิ้ลอยู่ด้วยกัน! อย่างนี้ก็ได้ภาพคู่อีกแล้วสิ โมเม้นท์สุดจะหายาก ตามไปกันเหอะ!”
     “แต่ประธานเป็นโรคหอบนี่ วิ่งยังไงไหว”
     “ชายโชเหนือชั้นจะได้พาลัดเลาะเข้าช่องนั้นออกช่องนี้ เห็นว่ามีอุ้มกันด้วย”
     “เฮ้ยจริงดิ! ถึงขั้นอุ้มเลยเหรอแล้วจะช้ากันอยู่ใยวะ ตามไปมุงเหอะ”

     เมื่อในบอร์ดเริ่มลงข่าวความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นอีกครั้งดั่งเงาตามตัว ปกติแค่เดินสวนทางกันเฉยๆ ก็กรี๊ดกร๊าดกันป่าช้าแตกแล้ว นี่จับมือฉุดพาวิ่งหนีฝูงชนด้วยกัน ไหนยังข่าวลือที่ตอกไข่ใส่สีกันเข้าไปอีกล้านแปดแบบ มีใครบ้างที่จะไม่อยากเห็นด้วยตาตัวเอง นับเป็นภาพเด็ดที่หาได้ยากยิ่งอีกครั้งหนึ่ง เหล่าสาวกทั้งหลายจึงยากจะปล่อยผ่านไปได้ มันเลยกลายเป็นมหกรรมวิ่งมาราธอนยามบ่ายของสถาบันชื่อดังอย่าง SIT-T ไปโดยปริยาย ใครมาเห็นเข้าคงคิดว่าทางสถาบันจัดวิ่งการกุศลเป็นแน่เพราะถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นนักศึกษามากมายจากแต่ละเส้นทาง วิ่งเข้ามาในทิศทางเดียวกันหมดโดยมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น คนจากทั่วทุกทิศพุ่งเป้ามายังสองคนที่กำลังหอบเหนื่อยกันอย่างเต็มที่ ความอลหม่านเริ่มกลับมาอีกครั้งต่อให้รู้เส้นทางลับมากมายแค่ไหน งานนี้ก็เห็นท่าว่าจะไม่รอด แล้วจะปล่อยมือต่างคนต่างไปดีหรือเปล่า?

     “ชายโช~~~”
     “ชายทจ~~”

     เสียงโหยหวนที่ดังมาเป็นระรอกก่อนจะมีใครสักคนพุ่งเข้าชาร์จนัทสึกิจนเขาต้องใช้มือผลักดันให้ห่างออกไป ตามมาด้วยอีกคนที่ถลาเข้ามา ซึทนะหลบวูบใช้หลังของนัทสึกิเป็นที่กำบังตนและเริ่มขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะย่นมาชนกันได้ เริ่มไม่สนุกแล้วสิแบบนี้ จะยกมือห้ามหรือว่าแกล้งเป็นลมอีกดี แต่คนก็เยอะเหลือเกินถ้าล้มไปเลยตอนนี้จะถูกเหยียบตายก่อนหรือเปล่า? ไม่น่าวิ่งตามไอ้ตัวซวยนี่มาเลยให้ตายเหอะ

     แต่เอาเข้าจริงฝั่งแฟนคลับซึทนะก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าหาซึทนะหรอกนะ เพราะด้วยถนอมกลัวผิวบอบบางนั้นจะเป็นรอยช้ำเพราะถูกจับหรือถูกกระแทกมันเลยเทมาทางฝั่งนัทสึกิเสียมากกว่า จนนัทสึกิเองชักจะเอาไม่อยู่ไหนยังต้องกันตัวเองจากแรงโถมไหนยังพะวงว่าไอ้คนที่ฉุดมันมาลำบากด้วยกันจะถูกเหยียบตายไปซะก่อน ไปๆ มาๆ สุดท้ายการห่วงหน้าพะวงหลังของตัวเองก็กลับมาทำร้ายตัวเองให้เสียหลักล้มชนคนที่อยู่ด้านหลังให้ล้มลงไปด้วยกัน อีกแล้ว...

     กรอบ!
     “อ๊ะ!”

     เสียงอะไรสักอย่างลั่น ตามมาด้วยเสียงร้องอ๊ะของซึทนะทำให้ทุกคนหยุดความบ้าคลั่งและก้มลงมองไอดองของตน รวมทั้งนัทสิกิที่ล้มนั่งอยู่บนพื้นข้างๆ กันนั้นด้วย

     “ประธานแขนหักกกกกกกกกกกกกกกก”
     “ทจจิซามะแขนหัก!”

     “นัทสึกิคุงทำแขนท่านประธานหัก”
     “ไม่ใช่ๆ เมื่อกี้ชายโชเสียหลักล้มเลยทับแขนชายทจ”

     “แขนซ้ายด้วย แย่แล้ว ประธานถนัดซ้ายแบบนี้ก็แย่น่ะสิ”
     “ชายทจแขนหัก เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า~!!!!”

     ความอลหม่านที่เมื่อครู่มีคงเทียบเท่าไม่ได้กับความยุ่งเหยิงในตอนนี้ บ้างตรงเข้าพยุงคนเจ็บ บ้างถ่ายรูป บ้างถ่ายคลิป บ้างกดมือถือโทรออกเรียกฝ่ายพยาบาล บ้างโทรหาเพื่อนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้เห็น คงมีก็แต่คนสองคนที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้ล่ะมั้งที่ต่างมองจ้องกันไปมา สำหรับนัทสึกิค่อนข้างตกใจอยู่ไม่น้อยที่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บถึงขั้นแขนหัก เสียงกระดูกหักยังลั่นวิ้งอยู่ในหู กับสีหน้าแสดงความเจ็บปวดและกุมที่แขนตนของซึทนะ ถึงไม่ชอบหน้าหรือนิสัยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยากทำให้เจ็บเสียหน่อย แล้วจะเป็นไรมากหรือเปล่า ปกติถ้าเจ็บแขนซ้ายของคนทั่วไปก็คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร แต่หมอนี่ดันมาถนัดซ้ายน่ะสิ แล้วจะเขียนจะวาดจะเรียนยังไงได้กัน ทำไมเวลาอยู่ด้วยกันทีไรจะต้องเกิดเรื่องทุกครั้งไปก็ไม่รู้ ทำยังไงดีวะเนี่ย

    “ลุกไหวมั้ย”
    นัทสึกิตรงเข้าถามไถ่ซึทนะด้วยรู้สึกผิดอย่างมาก แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดไม่จา จิกตาพิฆาตใส่กลับมาเต็มๆ
     
    จะมีครั้งไหนที่เจอนายแล้วฉันไม่ซวยบ้างนะ นัทสึกิ!!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×