ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Revenge
“ทจจิซามะมาเรียนแล้ว”
“คุณชายทจหายป่วยแล้ว มีคนเจอที่ตรงตึกอำนวยการแน่ะ”
“ตอนนี้กำลังเดินมาที่ตึกสองนะ”
“ได้ฟอร์เวิร์ดเมล์หรือยังรูปที่มีคนถ่ายหน้าตรงมาได้น่ะ ยังดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนะ”
“มีคนบอกว่าออกมาจากตึกขาวพร้อมท่านชายโช”
“ได้ยินมาเหมือนกันบอกว่าลงไปรับชายโชที่ห้องแล้วออกมาด้วยกัน”
“สรุปสองคนนี้เขายังไงกันล่ะวะ”
แต่เช้าตรู่ที่ซึทนะมาเรียนเป็นวันแรกหลังจากที่ป่วยหยุดเรียนไปตั้งแต่วัน ที่เกิดเหตุไม่คาดฝันในงานแข่งประเพณีของสถาบัน ข่าวลือต่างๆ ก็หนาหูขึ้นดั่งเงาตามตัว เมื่อไอดอลหน้าใหม่แห่งสถาบัน SIT-T นัทสึกิ โช ที่บัดนี้ถูกตั้งฉายาเป็น ท่านชายโช ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นกระแสแรงแหกทุกโค้งจนขึ้นแท่นติดชาร์ตทาบรัศมี ความดังแบบหายใจรดต้นคอประธานนักเรียนกันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมี ‘กรุ๊ปโชซามะ’ ที่ทางสถาบันอนุมัติให้เป็น VIP แล้ว กระแสความแมนบ้าบิ่นสุดโต่งโดนใจใครหลายๆ คนนี้ยังไปสะกิดต่อมสาววายสร้างกระแสคู่เคะเมะในตำนาน Diva and Devil ให้ได้แอร๊ยกันทั่วไปอีก สาวๆ ที่ออกหน้าออกตามากที่สุดว่าเชียร์คู่นี้สุดใจขาดดิ้นคงหนีไม่พ้น สาวๆ จากสถาบันหญิงล้วน Saint Veryer international School (V.R.Y) บ้านพี่บ้านน้องญาติสนิทของสถาบัน SIT-T นี่แหละ
V.R.Y. ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันนักแถมยังมีการ open house ให้ศึกษาดูงานซึ่งกันและกันปีละครั้ง แน่นอนว่าไอ้เรื่องการศึกษาดูงานน่ะมันเป็นเพียงเรื่องหน้าฉากเท่านั้น เพราะจุดประสงค์หลักของการ open house คือการเปิดหาคู่ให้แก่ลูกเศรษฐี คนมีเงิน นักธุรกิจดังที่ต้องการรวมกิจการ หรือต้องการคบค้าสมาคมกันเพื่อค้าขายในอนาคต รวมไปถึงผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกหลานตนได้คู่ที่ฉลาดและมีฐานะเท่าเทียมไป ด้วยในตัว เงินที่ได้จากการเปิดโปรแกรม Open House จะไปไหน ถ้าไม่เข้ากองทุนของสถาบันทั้งสองแห่ง ด้วยคำสวยหรูที่เรียกว่า การบริจาค
“ยินดีต้อนรับครับทจจิซามะ”
“หายป่วยสักทีนะครับ”
“อรุณสวัสดิ์ครับประธาน”
เสียงกล่าว ทักทายดังมาไม่ขาดตลอดทั้งเส้นทางที่เดินมานี้ ซึทนะได้แต่ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยตอบกลับบ้างอย่างอารมณ์ดีและโบกมือบ้างตามมารยาท ใครกล่าวทักทายติดตลกก็หัวเราะเอียงคอน้อยๆ ให้คนที่อยากเห็นเขาทำเช่นนั้นได้ชื่นใจกันไป ทั้งที่ในใจมันกรีดร้องอยากจะวิ่งออกไปให้พ้นๆ จากบรรยากาศเหล่านี้เสียที เขาไม่ชอบให้คนเข้ามารุมใกล้ๆ หรือแตะถูกแม้ปลายผมของตัวเอง ไม่ชอบมากๆ แต่ก็ต้องทนรับสภาพที่เกิดตั้งแต่ที่ตัวเองตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเป็นอันดับ หนึ่งในใจของใครๆ ให้ได้ จะไม่ยอมทำให้ตัวเองเสียตำแหน่งในหัวใจของใครๆ เป็นอันขาด จะต้องเป็นคนที่ทุกคนพูดถึงแต่ในทางที่ดี และมีแต่คนรัก เพราะแบบนั้นถึงได้ยอมแลกกับอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของตัวเอง มันเป็นความทะเยอทะยานเย่อหยิ่งที่ไม่อาจจะบอกกับใครได้ทั้งนั้น เพราะหากมีคนล่วงรู้ความลับนี้ว่าตัวจริงๆ ของเขาไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็นหรือเขาทำให้เห็น เขาคงถูกเกลียดจากใครหลายๆ คนเป็นแน่
“ชายโชอรุณสวัสดิ์ครับ”
“โชซามะ”
“โชซามะ”
“โว้ยยยย อย่ามาตามกันเป็นขี้ปลาทองแบบนี้ได้มั้ยเนี่ย อย่ามายุ่งกับฉันนนนนนนน”
เสียง โวยวายโหวกเหวกดังมาจากทางด้านหลังแต่พอจะเหลียวหลังไปมอง.... กลุ่มฝุ่นที่ตลบคลุ้งขึ้นมาเป็นสายนั้นก็กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาทางนี้ ด้วยความเร็วแสงแล้ว นัทสึกินั่นเองที่วิ่งหูลู่มาแต่ไกลพร้อมกับบรรดาแฟนๆ ที่วิ่งกวดกันมาอย่างเริงร่า มันกลายเป็นอารมณ์สนุกสนานเฮฮาไปตอนไหนก็ไม่รู้ ที่แข่งกันเองในหมู่แฟนคลับว่าเช้านี้ใครจะวิ่งได้เข้าใกล้และถึงตัวนัทสึกิ ได้มากที่สุด แม้แต่พวกชมรมกรีฑาเองยังมาร่วมวิ่งกับเขาด้วย เพราะถึงแม้นัทสึกิจะไม่ได้วิ่งเร็วไปกว่าคนที่ชมรมแต่ก็มีทักษะในการหลบ หลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างหาตัวจับยาก ความท้าทายจึงบังเกิดในทุกๆ เช้าที่ผ่านมา
“รุณหวัด! ไปก่อนนะ”
นัทสึกิกล่าวทักซึทนะตาม มารยาทเมื่อวิ่งผ่านพร้อมใช้ฝ่ามือตบเข้าที่หัวประธานคนงามอย่างเอ็นดู(ใน สายตาคนอื่น) ครั้นใบหน้าหวานๆ นี้จะทำหน้าง้ำและปัดมือออกอย่างไม่พอใจก็จะเสียเรื่องเสียลุคดีว่านางฟ้า ของทุกคน ออกปากด่ามันก็ไม่ได้อีก เลยได้แต่ทำหน้านิ่งยิ้มเกร็งบนใบหน้าแทน ที่สำคัญจริงๆ มีเรื่องที่ต้องพูดกันให้รู้เรื่องอยู่ด้วย แต่..เอาไว้ก่อนแล้วกันตอนนี้คงไม่เหมาะแน่
นัทสึกิที่วิ่งฉิวผ่านไป ก็เดาออกอยู่แล้วล่ะว่าซึทนะจะทำยังไงเมื่อโดนเขาทำเช่นนั้น เลยหยักยิ้มมุมปากกวนโอ๊ยให้หนึ่งทีก่อนหันกลับไปวิ่งต่อ จนสะดุดเข้ากับหลุมที่อยู่แถวๆ นั้นเกือบล้มหัวทิ่ม ทำเอาซึทนะหัวเราะร่วนลงคออย่างสะใจและอารมณ์ดียิ้มหวานเรี่ยราดใส่ชาวบ้าน เขาไปตลอดทาง
“เห็นมะ บอกแล้วว่าท่านซึทนะ ยิ้มให้ท่านนัทสึกิคนเดียว”
“เคยเห็นยิ้มหัวเราะน่ารักแบบนี้บ่อยครั้งที่ไหนกัน”
“นี่มันสายตาของคนรักกันชัดๆ!!!”
แล้วเหล่าสาววายก็เริ่มแชทปากต่อปากกันไปอย่างมีความสุข......
.
.
.
เมื่อ พักเที่ยงที่แสนรอคอยมาถึงเหล่าหนุ่มๆ แก๊งค์ท็อปบ๊วยก็ต้องรีบวิ่งกวดออกจากห้องเรียนกันอย่างเร่งด่วนและเลาะตรอก ซอกซอยเส้นทางลับของพวกเขาที่รู้กันเพียงห้าคนเพื่อหนีความวุ่นวายจราจลจาก เหล่าประดาแฟนคลับของนัทสึกิออกมายังฐานที่มั่นที่นัดเจอกันในแต่ละวันไปมา ไม่ให้ซ้ำ โดยมีทาคุมิกับซาคิโตะช่วยกันทำแผนที่เส้นทางลัดมุดรูมุดรั้วไปตามเรื่องตาม ราวไว้ให้แก่ทุกคน แน่นอนว่าความคิดนี้ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าเป็นของทาคุมิผู้คลั่งไคล้ วรรณกรรมแฮรี่จนออกนอกหน้าแน่นอน เพียงแต่แผนที่ที่ทำ มันไม่ใช่แผนที่ตัวกวนเสกคาถาได้เหมือนดั่งโลกเวทมนต์นั้น แต่มันเป็นแผนที่ปักหมุดจีพีเอสทันสมัยตามเทคโนโลยีล้ำยุคแห่งโลกดิจิตอลนี้ เอง ซึ่งแรกๆ ก็มีมั่วบ้างแต่พอปรับๆเติมๆ แก้ไขบักกันไปก็ออกมา...ดูดีและใช้การได้มากทีเดียว
“เหลือพ่อไอดอลแบดบอยรายเดียวที่มาที่โหล่อีกตามเคย”
ชินยะหอบแฮ่กมองดูสมาชิกอีกสามคนที่เหนื่อยหอบไม่แพ้กัน
“พักนี้ดูแฟนคลับรุ่นพี่จะดุเดือดขึ้นมากนะครับเนี่ย”
“อ้าวเรียกนัทสึกิว่ารุ่นพี่ได้แล้วเรอะอากิระ”
ทาคุมิเอ่ยถามเพื่อนพลางลงนั่งคว้ากล่องข้าวที่ตนเตรียมไว้ออกมาวางอย่างปราณีตเรียบร้อย
“แหม ต่อหน้าเจ้าตัวใครมันจะไปเรียกกัน ฮ่าๆๆๆ”
“....แต่ ผมว่าอาจจะไม่ใช่แฟนคลับดุเดือดสลัดไม่หลุดก็ไม่ได้นะครับ เพราะถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้วเนี่ยคนอย่างนัทสึกิคุงมีได้สาเหตุเดียวเท่านั้น ล่ะครับ.....”
พอทาคุมิพูดมาแบบนั้นทำให้ทุกคนถอนหายใจยาวเหยียดก่อนลงนั่งแกะกล่องข้าวของตัวเองบ้างพร้อมเสียงพูดอย่างเซ็งอารมณ์
“หลงแหงๆ”
ถูก ต้องแล้วครับ ตอนนี้ผมกำลังหลงทางอยู่ เพราะดูแผนที่ผิดทาง เลี้ยวผิดซอย มาเจอทางตันติดรั้วลูกกรงของสนามเทนนิสซะงั้น สรุปแล้วไอ้จุดนัดหมายของพวกเรามันอยู่ตรงไหนกันแน่นะ! วิ่งวนกลับไปที่แยกเดิมก็เจอพวกบ้านั่นดักหน้าดักหลังอีก พอเลี้ยวอีกแยก ไอ้ตำแหน่งที่เจ้าทาคุมิมาร์กไว้ก็ดัน....ดูไม่เป็น ว่ามันต้องซ้ายหรือว่าขวา ไอ้สถาบันบ้านี่ก็ใหญ่เกินจนทางอะไรให้ยั้วเยี้ยไปหมด สองคนมันทาคุมิกับซาคิโตะทำแผนที่กันก็ให้มุดตรงนั้นออกตรงนี้จนงงไปหมดแล้ว เนี่ย!!! แล้วสรุปจุดนัดหมายมันอยู่ตรงไหนกันแน่ฟระ~~
“วู้....แจ๊คพอตแฮะ”
เสียง หนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมด้วยรังสีแห่งความไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมา โดยรอบโดยที่ชายหนุ่มเองก็เพิ่งจะมาสัมผัสได้ อาจเป็นเพราะกำลังใจจดจ่ออยู่กับการหาทางที่ทำให้ตัวเองหลงฝูงอยู่ ณ ปัจจุบันนี้เลยทำให้สกิลในการรับรู้ถึงอันตรายนั้นลดต่ำลง ..ไม่อยากจะหันกลับไปมองเท่าไรนักเลยให้ตายเหอะ 1….2…4…..6 6 คน ด้านหน้าทางตันถ้าจะหนีก็ต้องเกาะซี่ลูกกรงปีนขึ้นด้านบนแล้วโดดข้ามฝั่งไป ได้อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งคงไวไม่พอถ้าอีกพวกจะอยู่ใกล้กันขนาดนี้ หรือถ้าวิ่งฝ่าฝูงไปยังไงก็ต้องปะทะกันอยู่ดี เอาไงดีวะนัทสึกิเอ๋ย
“คนดังของโรงเรียนมาทำอะไรแถวตรอกนี้กันนะเนี่ย....”
“เอ่อ....หลงทางนิดหน่อยน่ะครับ แหะๆ ...เอ๋?? พวกนาย???”
“โห...น่าดีใจว่ะ คนดังเขาจำพวกเราได้ด้วยว้อยเฮ้ย”
เห อๆ ที่ไหนล่ะ จะบอกว่าหน้าไม่คุ้นเลยต่างหาก หน้าไม่มีจุดเด่นแบบนี้ใครที่ไหนมันจะไปจำได้กันเล่าฟระ แล้วมีเรื่องชกต่อยกับชาวบ้านมาก็ตั้งเยอะตั้งแยะ คดีไหนเป็นคดีไหนบ้างก็ให้นัวไปหมด จำได้ก็บ้าแล้ว
“อะ...อ๋ออพวกนายนี่เองแหมมมสบายดีหรือเปล่า ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“นาน สิ ก็ตั้งแต่ปฐมนิเทศก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย กระทั่งที่ “ท่านชายโช” ดังกระหึ่มเนี่ย พวกกระผมถึงได้มีโอกาสระลึกได้ว่า เราเคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันน่ะจำได้มั้ย?”
ชิบลอส นึกออกแล้ว ไอ้พวกที่วิ่งไล่กวดกันเมื่อวันปฐมนิเทศจนเราเข้าไปหลบอยู่ในเรือนเพขรน่ะ เอง ซวยโคตร นี่ไงล่ะถึงได้เลี่ยงเรื่องการทำตัวเด่นแล้วเป็นไง ซวยชิ ซวยหลายๆ ด้วย
“ได้ข่าวว่าอินเลิฟอยู่กับทจจิซามะงั้นรึ”
อื๋อ??
“เขาอยู่กันมาตั้งนานไม่เคยมีใครแตะต้อง”
หือ??????
“มึงเป็นใครวะ โผล่มาหอมแก้มนางฟ้าของพวกกูเนี่ย!!”
อ้อ..... พวกโลกสวยวีไอพีนั่นสินะ พระเจ้าทำไมซวยแบบนี้วะเนี่ย โจทก์เก่าไม่พอดันเป็นพวกลัทธิทจจิซามะอีก นัทสึกิ๊~~~~ แล้วช่วยดูคลิปกันให้ชัดๆ หน่อยได้มั้ยยย ผมล้มครับพี่ผมล้มเสียหลัก ไม่เคยคิดพิศวาสไอ้นางฟ้านางสวรรค์จอมปลอมนั่นเลยสักนิดทำไมบอกใครไม่มีใคร ฟังกันเลยแว้~~
“อ๊ะ!!”
เสียงหนึ่งดังมาจากอีกฟากฝั่งของรั้วลูกกรง เด็กปีหนึ่งที่กำลังเล่นเทนนิสคงวิ่งมาเก็บลูกที่ถูกตีกระเด็นมาแถวนี้พอดี เมื่อเจอหนึ่งคนกำลังถูกพวกหน้าตาไม่ประสงค์ดีกรุ้มรุมอยู่แบบนี้จึงส่ง เสียงร้องอย่างตกใจออกมาไม่ทันได้ระวัง นัทสิกิหันไปเจอก็ทำคิ้วขมวดและส่งสัญญาณให้ปีหนึ่งคนนั้นวิ่งออกไปเสีย ก่อนจะถูกหมายหัวไปด้วย ซึ่งเจ้าเด็กนั่นก็ทำตามแต่โดยดีด้วยการโกยอ้าวออกไปไม่คิดชีวิต
“เอ่อ...ฉันว่าพวกนาย.....”
“แกตายยยยยยยยยย”
และแล้วการตะลุมบอนก็ได้บังเกิดขึ้นอีกจนได้ ไม่ได้อยากจะต่อยตีกับใครเลยจริงๆ นะ แต่มันเหมือนเป็นชะตากรรมที่ถูกขีดเอาไว้โดยที่ไม่อาจฝืนแล้วจริงๆ หวังเพียงอย่างเดียวว่ามันคงเสร็จสิ้นก่อนที่พวกกรรมการนักเรียนจะมาเจอเท่า นั้นเอง....
“แย่แล้ว!!”
จู่ๆ ซาคิโตะที่นั่งเล่นมือถืออยู่ก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาจนทำให้อีกสามคนที่เหลือ หันไปมอง แต่เจ้าตัวก็ทิ้งโทรศัพท์โยนใส่ตักรุ่นพี่ชินยะแล้วออกวิ่งแบบไม่เหลียวมา มองใครอีกเลย
“วอทแฮพเพ่นอีกล่ะ”
ทุกคนมองตามเพื่อนตาปริบๆ และหันมาหารุ่นพี่ชินยะที่กำลังคิ้วขมวดอ่านมือถือของซาคิโตะ
“ในแชทคุยกันว่านัทสึกิโดนรุมอยู่ พวกแฟนๆ กำลังจะออกไปดูเหตุการณ์กัน บางส่วนก็ไปแจ้งกับทางกรรมการนักเรียนให้มาดูแล้ว”
“แล้วซาคิโตะจะวิ่งไปทำไม นัทสึกิคุงเก่งจะแย่ ไม่ตายคาเท้าพวกนั้นหรอกมั้งครับ เอ๊ะ!”
“นัทสึกิมันไม่ตายอยู่แล้วกับมือเท้าพวกอันธพาลน่ะ แต่มันจะตายเพราะปากกาของกรรมการนักเรียนน่ะสิ มีเรื่องชกต่อยต่อให้ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแต่ถ้าสู้จนอีกฝ่ายได้รับบาด เจ็บก็ถือว่ามีความผิดทั้งคู่”
“แล้วนัทสึกิคุงก็สัญญากับทางบ้านไว้แล้วว่าจะไม่ก่อปัญหา”
“ดังนั้นซาคิโตะเลยจะไปช่วยงั้นเหรอ?”
“เพราะทำแผนที่ร่วมกับทาคุมิเจ้าตัวที่ความจำดีอยู่แล้วเลยคงหาทางลัดที่จะ ไปให้ถึงก่อนพวกแฟนคลับละมั้ง ประเด็นคือ มันจะไปช่วยยังไงนี่สิ ไม่ได้การล่ะ รีบไปกันเถอะก่อนพวกแฟนคลับจะแห่กันมาอัดคลิปไว้จนเป็นหลักฐานมัดตัวเรื่อง การชกต่อยน่ะ”
หลังจากถกข้อสงสัยกันแล้วต่างคนต่างรีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุในทันที ซึ่งทางกรรมการนักเรียนที่ได้รับแจ้งก็พากันมายังจุดนั้นเช่นกัน รวมถึงซึทนะซึ่งเป็นกรรมการนักเรียนด้วย ณ ตอนนี้อยู่ที่ว่าใครจะไปถึงก่อนกันเท่านั้น
“รุ่นพี่นัทสึกิ~~~~”
ซาคิโตะที่ลัดเลาะจนมาถึงจุดเกิดเหตุร้องเรียกรุ่นพี่สุดที่รักของตนเสียง หลง แล้วเบรกเอี๊ยดดดเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ศพนอนเกลื่อนอยู่กลางพื้นแทบเท้านัทสึกิที่เพียงแค่มอมแมมกว่าปกติเท่านั้น
“ไม่มีเวลาแล้วรุ่นพี่ ชกผมเร็วเข้า”
“หา? อะ อะไรวะ?”
“เร็วๆ ดิรุ่นพี่ชกให้เต็มที่แต่อย่าให้ผมสลบนะ!!”
ซาคิโตะกวักมือเรียกให้รุ่นพี่ชกหน้าตัวเองปากคอสั่นพูดเร็วจนแทบไม่เป็นคำ นัทสึกิแม้จะสงสัยในเหตุผลแต่ก็เชื่อในรุ่นน้องตัวเองว่าต้องมีอะไรสักอย่าง แน่ๆ เลยชกเข้าให้หนึ่งหมัดอย่างยั้งมือไว้บ้าง ทำเอาปากซาคิโตะแตกเลือดซิกมุมในทันที
“ตรงนั้นที่มีเรื่องน่ะหยุดนะ!”
เสียงร้องตะโกนดังนำมาก่อนของเหล่ากรรมการนักเรียน ทำให้ทั้งสองคนหันตามเสียง เดาว่าคงอยู่ไม่ไกลจากมุมตึกนี้นัก
“รุ่นพี่ปีนรั้วออกทางฝั่งสนามเทนนิสเลย ยังไม่มีใครมาเดี๋ยวผมรับหน้าทางนี้เอง คราวนี้รุ่นพี่ติดหนี้ผมครั้งใหญ่หลวงเลยนะ เลี้ยงผมด้วยล่ะ!” แล้วซาคิโตะก็ดันนัทสึกิขึ้นรั้วให้ข้ามไปอีกฝั่งพร้อมเอามือเลอะดินป้ายๆ แปะเสื้อให้ดูเลอะๆ เข้าไว้ จังหวะเดียวกับที่กรรมการนักเรียนโผล่จากมุมตึกมาพอดีจึงเห็นเพียงซาคิโตะ ที่ยืนปากแตกอยู่ท่ามกลางนักศึกษาอีกห้าหกคนที่นอนมอมจนกองเลือดกันอยู่ ฝูงชนที่อยากรู้อยากเห็นตามเรื่องเจอจากในอินเตอร์เน็ตในแชทเลยแห่มาดูกัน นั้น ก็วิ่งตามกรรมการนักเรียนมาอีกที ส่วนพวกที่แอบๆ ดูสถานการณ์และเห็นทุกช็อตทุกตอนตั้งแต่ซาคิโตะเข้ามาก็ยังไม่รายงานผลลงใน เน็ตเพราะยังไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แน่ชัด เช่นเดียวกับซึทนะซึ่งไม่ได้วิ่งมาพร้อมกับเหล่ากรรมการนักเรียน แต่วิ่งมาทางสนามเทนนิสแทน จนได้มาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิด ส่วนนัทสึกิก็เข้าซุ่มอยู่ในหมู่คนที่มามุงดูกันทางฟากนี้ รอฟังว่าซาคิโตะจะทำอะไร ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย
“อ้าว? ไหนใครบอกว่านัทสึกิมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น แล้วทำไม...”
รุ่นพี่มิซึกิขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นว่าตามข่าวที่ได้มาไม่ใช่แบบนี้
“ขอโทษครับผมเองครับที่มีเรื่อง สงสัยต้นข่าวจะรีบมากเลยเห็นผมเป็นรุ่นพี่นัทสึกิล่ะมังครับ แหะๆ โอ๊ย เจ็บชะมัด” ซาคิโตะเกาหัวแกรกระหว่างคุยกับมิซึกิ จนเมื่อขยับปากมากเข้าแผลที่ถูกชกก็อาการกำเริบพาลให้เจ็บร้าวไปหมด
“ไอ้เจ้าบ้านั่น...”
นัทสึกิได้ยินคำบอกของซาคิโตะก็ให้แทบกุมขมับล้มตึง นี่คิดจะรับผิดแทนกันเหรอวะ บ้าป่าวเนี่ย โดนฑัณบนเชียวนะ! ครั้นพอจะอ้าปากร้องแย้งเถียงความ ก็ถูกทาคุมิกระโดดปิดปาก ชินยะเหนี่ยวคอ และอากิระรวบเอวจับลากออกจากแถวนั้นไปทันที
“จะทำเสียเรื่องหรือไง ซาคิโตะเสี่ยงตายหลอกกรรมการนักเรียนเชียวนะ อย่าทำให้แผนเสียสิ”
“อื้อออออ”
“ใช่ครับ รุ่นพี่ไม่สามารถติดฑัณบนอะไรได้เพราะสัญญากับทางบ้านไว้ใช่มั้ยล่ะครับ เพราะงั้นให้ซาคิโตะเขาทำตามที่เขาตัดสินใจไปเถอะครับ”
“อื๊ออออ”
“โดนแค่ครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอกรุ่นพี่อย่าโทษตัวเองอย่าเงียบอย่างงี้เลย พวกผมเป็นห่วงนะครับ”
“อื๊อออออ โอนอิดอากอู่อ้อยยย(โดนปิดปากอยู่ว้อยย)”
นัทสึกิส่งเสียงอู้อี้แล้วคว้ามือทาคุมิออกก่อนพูด
“รู้แล้ว ฉันรู้แล้ว ปล่อยก่อนว้อยยย เข้าใจแล้ว”
ทั้งหมดจึงพากันปล่อยมือ ทำให้นัทสึกิทรุดลงนั่งกุมขมับอย่างจริงจัง
.
.
.
หลังจากนั้นซาคิโตะก็ถูกสอบสวน ซึ่งพวกอริทั้งหกยังคงนอนไม่ฟื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาให้ปากคำได้ คำให้การของซาคิโตะซึ่งยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้กระทำผิดจึงเป็นเอกฉันท์ และถูกตัดสินโทษติดฑัณบน 1 ครั้ง พร้อมต้องมาเป็นเด็กเดินเอกสารและทำงานให้กับกรรมการนักเรียนที่ห้องเป็น เวลา 1 เดือน เพื่อให้ทางคณะกรรมการนักเรียนคุมความประพฤติอย่างใกล้ชิด
“ทั้งหมดก็เท่านี้ล่ะครับบบบบบบบ ไม่มีปัญหาสบายปรื๋อออออออ”
ซาคิโตะกล่าวอย่างเริงร่า ทั้งที่ยังเจ็บแผลที่ปากอยู่
“พูดดีไป เด็กเดินเอกสารห้องกรรมการนักเรียนเนี่ยใครก็รู้ว่างานหนักโคตร ผอมกว่าเดิมแน่แกเอ๋ย”
“ไม่กลัวครับ เพราะยังไงรุ่นพี่นัทสึกิก็ต้องเลี้ยงให้ผมน้ำหนักเท่าเดิมอยู่แล้วจริงมั้ยครับรุ่นพี่? รุ่นพี่? รุ่นพี่ครับ??”
ระหว่างที่ทุกคนคุยกันหยอกล้อไปเรื่อย มีเพียงนัทสึกิเท่านั้นที่ยังคงนั่งนิ่งและยิ้มไม่ออก กระทั่งที่ซาคิโตะเอ่ยปากทักทุกคนจึงได้หันไปมองและรอฟังว่านัทสึกิจะตอบ อะไรรุ่นน้องหรือไม่
“....บ้าชัดๆ พวกนายนี่มัน.........พวกบ้าชัดๆ”
“ซาคิโตะคนเดียวนะ ผมไม่เกี่ยว”
“นั่นเดะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ฉันเป็นผู้ดู และเฝ้าระวังเฉยๆเท่านั้น”
“ก็ทั้งหมดนั่นแหละ แต่ละคน มันบ้าชัดๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนายเนี่ย.......แม่ง....”
“อ๊ะๆ ๆ อย่านะครับผมไม่อยากกลายเป็นมือที่สามระหว่างรุ่นพี่กับท่านประธาน อย่าให้ผมต้องกลายเป็นข่าวไปอีกคนเลยครับ”
“เชี่ยนี่...มาดูดปากทีนึงเลยมา”
นัทสึกิใช้ฝ่ามือยู่หน้าซาคิโตะแล้วทำปากจู๋จะเข้าจูบ ทำเอาซาคิโตะร้องจ๊ากขืนตัวถอยเต็มที่ ทำให้ทาคุมิคว้าคอเพื่อนซี้และปิดปากไว้
“ไม่ได้นะครับ คนนี้ผมจองแล้วรุ่นพี่อยากมีเรื่องกับผมหรือไง”
“โหหหหห นี่พวกแกจับคู่กันตอนไหนวะเนี่ยฮ่าๆๆๆ”
แล้วทั้งห้าคนก็หัวเราะตบหัวเล่นกันอย่างเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา เคยคิดเหมือนกันนะว่าคงไม่มีที่เรียนที่ไหนที่จะทำให้มีความสุขและเป็นตัว ของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ชักจะหลงรักสถาบัน SIT-T แห่งนี้ซะแล้วสิ ที่ทำให้มาเจอกับไอ้เจ้าพวกนี้เนี่ย นัทสึกิเอ๊ย
-------------------------
“ไหงประธานให้เด็กนั่นมาทำงานในส่วนของกรรมการนักเรียนล่ะ ปกติข้อหาชกต่อยเนี่ยต้องถูกขัดห้องน้ำหรือว่าไปเป็นเบ๊ตามชมรมอื่นไม่ใช่ หรือไงครับแบบนี้มันสบายเกินไปนะครับ”
มิซึกิค้านคำตัดสินของซึทนะที่ตัดสินออกมาได้แตกต่างจากกฎที่วางไว้อย่างมาก
“รุ่นพี่ครับ ซาคิโตะคุงไม่ได้เป็นคนก่อเหตุวิวาทแต่เป็นเจ้า 6 คนที่เป็นคนหาเรื่องเขาก่อน ผมว่าส่งพวกนั้นไปทำความสะอาดห้องน้ำตามชมรมต่างๆ ก็ถูกต้องแล้วล่ะครับ คนที่ไม่ได้ก่อเหตุแต่ถูกหาเรื่องเราน่าจะให้โอกาสที่ดีกว่าแก่เขานะครับ วันนี้เหนื่อยกันมามากแล้ว ขอบคุณนะครับที่มาร่วมประชุมกันในวันนี้ สวัสดีครับ”
ซึทนะกล่าวเพียงเท่านั้นและเดินออกจากห้องประชุมกรรมการนักเรียนไป
เพื่อนงั้นเหรอ? เจ้านั่นมีดีอะไรนะถึงได้มีเพื่อนคอยช่วยเหลือและยอมออกรับผิดแทนได้ขนาดนี้ ..... เพื่อน...อืมมมช่างเหอะ ตัวคนเดียวยังไงก็ดีที่สุดแล้วสำหรับคนอย่างเรานะ ซึทนะ...
to be con..........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น