คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [First impression]
*หมาย เหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายในแนว Boy's love ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของชายรักชาย และแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ ไม่เกี่ยวข้องกับ คน สัตว์ สิ่งของใดๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อถึงในเรื่องหาได้มีอยู่จริงไม่ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
“แน่จริงอย่าหนีสิวะ!”
“ไม่หนีก็โง่เด่ะ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาติดจะเอาเรื่องในชุดเสื้อเชิร์ตขาวไทด์แดงเลือดนกสบถบ่นกับตัวเองพร้อมกำเสื้อสูทไว้ในมือและออกวิ่งหน้าเริดโดยมีกลุ่มวัยรุ่นอายุใกล้เคียงกันด้วยชุดฟอร์มเดียวกันกับเขาอีกสี่ห้าคนวิ่งไล่หลังมาไม่ห่าง วันแรกของการเข้าเรียนก็โชคดีซะตั้งแต่เช้า เหตุเพราะเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ขณะที่กำลังรีบๆ เร่งๆ ลงจากรถไฟใต้ดินดันเผลอไปชนไหล่ใครสักคนในกลุ่มนั้นเข้าให้ หากแต่เรื่องราวมันจะไม่เลวร้ายเลยสักนิดถ้าไม่ถูกพูดใส่หน้าก่อนว่า “อยากมีเรื่องเพราะหน้ามึงกวนตีน” เขาถึงได้ส่งหมัดขวาตรงออกไปเพื่อป้องกันตัวเองโดยที่หารู้ไม่ว่า คนที่กำลังทะเลาะด้วยมีพรรคพวกอยู่แถวนั้น ทำให้ต้องวิ่งหัวซุนในตอนนี้
ถ้าถามว่าเขาสู้ได้หรือเปล่า? ก็คงตอบว่าได้อยู่แล้ว ยูโดสายดำที่เรียนมาแต่เล็กแต่น้อยอีกทั้งประสบการณ์ที่โชกโชนมีหรือที่จะทำให้คนอย่างเขาแพ้ใครได้ เพียงแต่ ณ ตอนนี้ ประวัติทะเลาะวิวาทมันมียาวเป็นหางว่าวเสียจนพ่อต้องถึงกับยื่นคำขาดว่า
“นัทสึกิ แกห้ามก่อเรื่องอีกเป็นอันขาด เท่าที่ผ่านมานี่ก็ล้างประวัติกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ย้ายโรงเรียนก็ย้ายจนหมดที่จะย้ายได้แล้วด้วย ที่นี่เป็นที่สุดท้ายฉันขอยื่นคำขาด อย่าได้ก่อเรื่องก่อราวอะไรขึ้นมาอีกไม่งั้นฉันจะส่งแกเข้าโรงเรียนดัดสันดานแทน!”
แล้วใครมันจะไปอยากมีเรื่องกัน? เพียงแต่เรื่องมันมาเองทั้งนั้น และด้วยเหตุนี้ถึงได้ต้องใส่ตีนหมาแล้วโกยอยู่นี่ไงเล่า
หลังจากเล่นวิ่งไล่จับไปทั่วทั้งโรงเรียนเข้าล็อคโน้นออกล็อคนี้ซอกตึกนั้นมุมตึกนี้ไปทั่วเพื่อให้หลุดจากกลุ่มอันธพาลที่ตามติด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจปีนรั้วเรือนเพาะชำหลังตึกและกระโดดเข้ามาอย่างสวยงาม ซ้ายเรือนพันธุ์ไม้ดอก กลางพืชผักสวนครัว ขวาเรือนไม้พันธุ์พืชทะเลทราย(กระบองเพชรหรือแคคตัส) หากจะฝันให้เจอหญิงสาวแสนสวยในเรือนเพาะชำโดยบังเอิญคงต้องไปเรือนดอกไม้สินะ แต่นาทีนี้ขืนเข้าไปคงได้โดนรุมกระทืบโชว์สาวแหง เพราะตามหลักการเป็นใครก็คงเลือกที่จะหลบอยู่ตามเถาไม้เลื้อยดอกไม้งามเสียมากกว่า งั้น.....
“ทะเลทรายก็เอาวะ! พ่อจะรู้มั้ยเนี่ยว่าไอ้นัทลูกพ่อจะลำบากขนาดนี้ ฮึ่ย!”
ชายหนุ่มทำหน้ายุ่งยากใจพลางเป่าลมออกจากปากอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนพาร่างตนวิ่งหายเข้าไปในเรือนเพาะพันธุ์แคคตัส อุณหภูมิที่อุ่นจนร้อนและแห้งจัดภายในเรือนกระจกแห่งนี้ทำเอาร่างสูงโปร่งที่เพิ่งวิ่งหนีตายมาหมาดๆ แทบหายใจไม่ออก แต่เพราะการจัดแต่งที่สวยงามและพันธุ์พืชที่แปลกตาทำให้โดมเรือนกระจกทรงกลมที่แห้งแล้งหลังนี้แลดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ตัวหลังคาที่ติดรอบด้วยแผ่นกระจกชิ้นเล็กๆ และแผงเก็บความร้อนส่องประกายระยิบระยับสวยงามสะท้อนแดดจนก่อให้ด้านในเป็นเงารุ้งเลื่อมสลับไปมา พาให้หลงเพลิดเพลินแหงนเงยมองดูแสงสวยงามเหล่านั้นจนไม่ทันได้สังเกตแม้แต่น้อยว่ากำลังจะเหยียบขาใครบางคนที่นอนสบายอยู่บนพื้น
“โอ๊ย!”
เสียงร้องประท้วงบอกถึงความเจ็บปวดที่ถูกเหยียบลงมา ส่งผลให้ชายหนุ่มก้มลงมองพื้นและใต้เท้าตัวเอง ร่างที่นอนเหยียดยาวมีหนังสือฆาตกรรมอำพรางเปิดกางค้างปิดหน้าไว้ ใช้มือบางๆ ของตนคว้าออกอย่างหัวเสียก่อนยันกายขึ้นนั่งทำหน้านิ่งหัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่แสดงท่าทีเท่าใดนัก และไม่ลืมแหงนมองหน้าคนที่เหยียบลงมาเต็มๆ บนหน้าแข้งของตน
ที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่หลบภัยที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าเรียน ณ สถาบัน SIT-T เลยก็ว่าได้ ด้วยเพราะไม่ค่อยมีใครอยากจะย่างกรายเข้ามาหากไม่มีความจำเป็น เหตุเพราะสภาพอากาศ อุณหภูมิ และบรรยากาศที่แห้งแล้งดูร้อนอ้าวไม่โรแมนติค ทำให้เรือนกระจกหลังนี้ไม่อยู่ในตัวเลือกของสถานที่น่ามาเยือนสำหรับทุกคนจนทำให้มันถูกตั้งชื่อว่า “เรือนนรก” แต่สำหรับคนรักสงบไม่ชอบความวุ่นวายและอยากหลบลี้หนีผู้คนในบางครั้งที่ไม่ต้องการจะยินดียินร้ายอะไรกับใครอย่าง “สึทนะ โทชิยะ” ที่นี่จึงเปรียบดั่งสวรรค์อันแสนวิเศษสำหรับเขาเป็นอย่างมาก ในบางครั้งตัวเขาเองจะชอบนอนมองแสงสะท้อนที่ทอรุ้งเลื่อมพรายบนผนังกระจกใสอย่างสวยงามนั้นเล่น น่าแปลก.....ที่ใครๆ กลับมองว่าที่นี่ไม่น่าสนใจ ทั้งๆ ก็ออกจะสวยงามขนาดนี้ คงมีเขาคนเดียวเท่านั้นล่ะมังที่ค้นพบความสวยงามของมัน และเรียกมันว่า “เรือนเพชร”
“โทษที ไม่คิดว่าจะมีใครมานอนอยู่ตรงนี้”
นัทซึกิเอ่ยขอโทษและลงนั่งยองปัดขากางเกงที่ตนเผลอเหยียบลงไปเมื่อครู่ พลางมองจ้องคู่กรณีของตนอย่างเพ่งพินิจ ใบหน้าเรียวยาวคมคายถูกล้อมกรอบด้วยเส้นไหมสีน้ำตาลหยักศกดูอ่อนนุ่มที่สยายลงมาปรกคลุมเคลียลาดไหล่เล็กบาง คิ้วเข้มโค้งสวยได้รูปและเรียวปากอิ่มสีจัดรับกับจมูกโด่งรั้งเป็นแนวสันเด่นชัด ทั้งนัยน์ตาคมสุกใสสวยหวานที่กำลังจ้องมองกลับ.....คนๆ นี้ดูดีเกินไปจนไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนหน้าตาแบบนี้อยู่จริง
“.................”
“......คนป่ะเนี่ย? หรือว่าผีต้นกระบองเพชรวะถึงได้นั่งกริบแข็งทื่ออยู่เนี่ย พูดด้วยก็ไม่ตอบ กลัวเป็นเหมือนกันนะ”
ชายหนุ่มผงะเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมองจ้องด้วยสายตาที่ค่อนข้างไม่เป็นมิตรอยู่ชั่วแว่บหนึ่ง แม้เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ใช่ว่าเขาจะดูไม่ออกว่าคนๆ นี้รู้สึกเช่นไร แถมเมื่อพูดด้วยแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบกลับเลยยิ่งทำให้ “สันดาน” ปากเสียหลุดออกมาก่อนผ่านการคัดกรองด้วยสมอง พาให้คนถูกทักจากคนแปลกหน้าคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยไม่พอใจและค่อยๆ ผ่อนคลายลงคงไว้ซึ่งสีหน้าปกติเช่นเดิม
“เฮ๊ย แม่งอยู่ในเรือนนรกหรือเปล่าวะ ไวยังกับปรอทไอ้หน้ากวนตีนนั่นน่ะ เข้าไปดูแม่งดิ๊”
เสียงเหล่าโจทก์เก่าโวยวายด้านนอกและแห่เดินเข้ามากันทำให้นัทสึกิหันขวับมองตามเสียงแล้วคว้าแขน “ผีกระบองเพชร” ของตนลากหาที่หลบก่อนใช้มือปิดปากอิ่มนั้นไว้ไม่ให้ส่งเสียงออกมาได้
แล้วทำไมฉันถึงต้องหลบกับแกด้วยเล่าวะ! สึทนะ อยากร้องบอกแบบนี้ออกมาเหลือเกินแต่ด้วยแรงจับบีบที่แขนกับมือที่ประกบปิดปากอยู่นี้ทำให้ถึงอยากพูดก็พูดไม่ออกอยู่ดีได้แต่ส่งสายตาหงุดหงิดและยุ่งยากใจออกไปให้คนทำรู้ตัวแต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรซะเลยนอกจากจะไม่สนใจแล้วเจ้าบ้านี่มันยังหันมามองและจุ๊ปากไม่ให้ส่งเสียงอีก คิดว่าฉันเป็นใครกันถึงได้มาแตะตัวกันง่ายๆ แบบนี้น่ะให้ตายเถอะ
“ไม่มีว่ะลูกพี่ แม่งออกไปหอประชุมแล้วหรือเปล่าวะ เดี๋ยวก็จะถึงเวลาปฐมนิเทศแล้วนี่ ช่างแม่งก่อนแล้วกันมั้ง เปิดเทอมยังไงซะก็ต้องได้เจอมันอยู่ดีไปเฮอะ”
“นั่นสิ เรือนนรกนี่ใครที่ไหนมันจะอยู่ได้ มันคงไม่โผล่โง่เข้ามาหลบในนี้หรอก ไปเหอะว่ะ”
กลุ่มนักเรียนนักเลงเริ่มเอ่ยวิพากษ์วิจารณ์และด่าทอทักกันเองก่อนจะค่อยๆ พากันเดินจากไป ครั้นเมื่อทุกอย่างกลับสู่เหตุการณ์ปกติแล้วมือบางนั้นจึงคว้าจับมือที่ปิดปากตัวเองอยู่ออกอย่างโมโห พร้อมตั้งใจจะด่าอย่างเหลืออด
“นี่นาย....”
“เกือบไปแล้วเห็นมั้ย! ถ้านายยังอยู่ตรงนั้นนะมีหวังถูกพวกแม่งตื่บแหง ดีนะที่ฉันพามาหลบด้วยเนี่ย ไอ้ผีกระบองเพชร อ้อ ฉันชื่อ นัทสึกิ โช เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เทอมนี้ ยินดีที่รู้จัก”
ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ทันพูดอะไรออกไป เจ้าของมือแกร่งเมื่อครู่ก็ชิงเอ่ยตัดหน้าแทรกกันไปเสียก่อนแล้ว ทำเอาเขาแทบอ้าปากค้างเมื่อได้ยินประโยคความที่หมอนี่พูดออกมา
“ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักนิด คนที่จะถูกรุมมันนายคนเดียวไม่ใช่หรือไง ทีหน้าทีหลังอย่าลากใครเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ของตัวเองอีกล่ะ มันไม่ดี อีกอย่างรบกวนช่วยถอยออกไปห่างฉันหน่อยจะได้หรือเปล่า ฉันเป็นภูมิแพ้โดนอะไรนิดหน่อยก็ต้องหามส่งเข้าห้องพยาบาลแล้ว นายอย่าโดนตัวฉันจะดีกว่า”
“เหรอ?”
ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าคนที่ทำสีหน้าเรียบนิ่งพูดจาเสียงเนิบช้าเป็นจังหวะจะโคนน่าฟังพร้อมก้มมองชุดสูทของตนเพื่อปัดร่องรอยฝุ่นผงออกไป ก็พาให้คิ้วมุ่นขมวดอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก
“นักเรียนใหม่ใช่หรือเปล่า ออกไปได้แล้วนะ อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาปฐมนิเทศแล้ว ที่นี่ถ้าเข้าสายโทษหนักใช่ย่อยเชียว ฉันว่า....”
“นายนี่มัน.......น่าหงุดหงิดเป็นบ้า”
“หือ?”
“ฉันบอกว่า นายเป็นคนประเภทที่น่าหงุดหงิดเป็นบ้า ทำไมจะต้องแกล้งทำเป็นไม่โมโหด้วยทั้งๆ ที่ตัวเองอยากจะกระโดดถีบกันด้วยซ้ำ? แล้วถ้ามันจะต้องเป๊ะขนาดนั้นก็อย่ามานอนอะไรแถวที่แบบนี้สิ ถ้ากลัวเปื้อนก็อย่าเข้ามาเสียตั้งแต่แรก แล้วก็หัดมีมารยาทกับคนอื่นบ้าง ทำตัวแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่มีคนคบหรอก หน้าตาก็ดี นิสัยแย่ชะมัด”
นัทสึกิบอกออกไปตามที่คิดและที่เห็น ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นแหงนมองดูเรือนกระจกหลังนี้อีกครั้ง อย่างไม่สนใจว่าคนที่ถูกเขาวิจารณ์ซะเสียหายป่นปี้เมื่อครู่จะกำลังโมโหจนเส้นเลือดโป่งพองแค่ไหนแล้ว ข้อดีของเขาที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็เห็นจะเป็นการรับรู้ความรู้สึกในแง่ลบของคนอื่นได้รวดเร็วจนน่าตกใจนี่แหละ และด้วยเพราะเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เขาเอาชีวิตรอดจากการวิวาททั้งหลายมาได้อย่างน่าหวุดหวิดเสมอ มันน่าโมโหน้อยซะเมื่อไรกันล่ะที่เจอคนประเภทนี้ ประเภทปากอย่าง ใจอย่าง หน้าเนื้อใจเสือ เห็นยิ้มให้กัน พูดดีเข้าใส่ ทำดีเข้าหา แต่จริงๆ กลับคิดตรงกันข้ามตลอด ทั้งชีวิตนี้สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือพวกคนประเภทนี้นี่แหละแต่แล้วทำไมพระเจ้าก็ชอบส่งมาให้เขาซะจริง
“นี่....!”
“พวกนั้นเรียกที่นี่เรือนนรกเหรอ? นรกที่ไหนจะสวยขนาดนี้วะ ตาถั่วเป็นบ้า เรียกว่า “เรือนเพชร” ยังจะเหมาะซะกว่าอีก”
กำลังโมโหๆ อยู่ก็ต้องให้สะดุดชะงักกึก เมื่อได้ยินคำพูดของคนๆ นี้ ที่ดันมาเห็นพ้องต้องกันกับเขาในการตั้งชื่อให้เรือนนรกเป็นเรือนเพชรอย่างที่เขาชอบเรียก แม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ไม่แปลกอะไรแต่สำหรับสึทนะแล้วมันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาดันให้ในอกพองโตขึ้นเล็กน้อย และให้แฟ่บฟี่บในพริบตาเพราะคำพูดต่อไปของหมอนี่
“นายจะรีบไปปฐมนิเทศใช่มั้ย ผีกระบองเพชร งั้นก็ลาเลยแล้วกัน หวังว่าเราคงไม่เจอกันอีกนะ เพราะคนแบบนายเป็นประเภทที่ฉันโคตรไม่ชอบเลยจริงๆ ว่ะ อ้อ อีกอย่าง...”
ร่างสูงโปร่งเอ่ยค้างไว้เพียงเท่านั้นก่อนค่อยๆ ก้มลงแลบปลายลิ้นแตะบนริมฝีปากอิ่มสวย ให้เจ้าของร่างถึงกับเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
“ถ้าไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อต้องตัวก็พูดออกมาตรงๆ ก็ได้นะ คุณผีกระบองเพชร”
ใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายที่ติดจะกวนโมโหหน่อยๆ นี้ยกยิ้มให้คนที่กำลังจะแข็งเป็นหินประดับในเรือนพืชพันธุ์ทะเลทราย เพราะเหมือนกับว่าตนถูกจูบกันทางอ้อมโดยที่ไม่ได้สมยอมพร้อมใจแม้แต่น้อย ก่อนจะทำหน้าระเรื่อนและเดินผละไปจากเขา
ตั้งแต่เกิดมาเคยถูกใครพูดจาแบบนี้ด้วยเมื่อไรกัน ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ได้ยินแต่เสียงชื่นชมและให้ความเคารพ รวมถึงโปรยรักให้อย่างมากมายจนท่วมท้น ด้วยหน้าตาท่าทางอันโดดเด่นบวกกับการวางตัวและผลการเรียนที่อยู่ในระดับ “ท็อป” ทำให้ “สึทนะ โทชิยะ” กลายเป็นประธานนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SIT-T ตั้งแต่อยู่เพียงแค่ปีหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังได้รับตำแหน่ง Diva ของสถาบันตั้งแต่แรกเข้าอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าจริงๆ นิสัยของเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องวุ่นวายก็ตามที แล้วยังติดจะขี้รำคาญเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่ชอบมีปัญหากับใครและชอบที่จะเป็นที่หนึ่งของใครๆ เสมอนี่แหละ เขาถึงได้เลือกนิ่งเลือกคำพูดที่จะเอ่ยออกมาเลือกที่จะยิ้มแย้มยามถูกใครทักทายแม้จะไม่ชอบขี้หน้าก็ตาม เขาสามารถกดนิสัยเสียๆ ของตนเอาไว้เบื้องหลังและส่งแต่สิ่งดีๆ มายังเบื้องหน้านี้ เพื่อที่จะเป็นที่รักของใครๆ ตามที่ตนต้องการ
“ผีกระบองเพชรอะไรกัน ฉันชื่อ สึทนะ โทชิยะ! ประธานนักเรียนของสถาบัน SIT-T ที่นายกำลังจะเข้าปฐมนิเทศในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึงนี่ รู้ไว้ซะด้วย”
“สึทนะ? อ้อถึงว่าชื่อแบบนี้สิเล่าถึงได้ “ซึน”(ซึนดาเระ=พวกปากอย่างใจอย่าง) ได้ขนาดนี้ งั้นก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยแล้วกันนะ ท่าน-ประ-ธาน”
นัทสึกิกล่าวโต้กลับพร้อมหยักยิ้มมุมปากอย่างเหยียดๆ และโบกมือเดินออกจากเรือนกระจกไป
ก็ถ้าหากเกิดมาจะยังไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร สึทนะ ก็คงจะหมายหัวหมอนี่ให้เป็น “คนแรก” ของเขาล่ะนะ นัทสึกิ โช!
to be con....
ความคิดเห็น