คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : skin 01
Begin
“อะไรนะครับ! เอาอีกแล้วเหรอ เอ่อ ครับ ๆ ขอบคุณมากครับ…ใช่ครับ ทางเรายังต้องการความช่วยเหลืออยู่ครับ…ครับ รบกวนอีกครั้งนะครับ ครับ สวัสดีครับ” แทซัน ชายสูงวัยอายุราวสี่สิบปีเศษในชุดสูทสีดำภูมิฐานยกมือขึ้นนวดคลึงบริเวณขมับของตนเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดหลังจากวางสายโทรศัพท์ที่คุยไปเมื่อครู่ได้หมาด ๆ เขามองดูใบหน้าตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนภาพชายสูงวัยผู้คร่ำเคร่งเส้นผมขาวโพลนแทบจะหมดทั้งศีรษะด้วยทอดถอนลมหายใจแทบหมดปอด ปีนี้ผมขาวเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อน ๆ อีกเยอะและเยอะเป็นพิเศษจริง ๆ จนเขาคงต้องย้อมมันเข้าสักวัน ด้วยเพราะเรื่องงานประจำตำแหน่งของตนและกรณีพิเศษอย่างโทรศัพท์สายเมื่อครู่ที่ทำให้ต้องพาตัวเองก้าวขาอย่างเหนื่อย ๆ มายังห้อง ‘ต้นเรื่อง’ ผู้เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เขาแก่ก่อนวัยอันควรได้ขนาดนี้
ก๊อกๆ ๆ
“เชิญ…” เสียงกังวานใสดังลอดออกมาสั้น ๆ และให้พอได้ยิน ผู้เคาะจึงวางใจเดินเข้าไปในห้องอย่างสงบเสงี่ยมสำรวมอย่างที่สุด
ภายในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เบื้องหน้าคือโต๊ะทำงานของหญิงวัยสามสิบห้าปีที่ชื่อ เยจี ผู้เป็นเลขาส่วนตัวของประธานบริษัทโอกรุ๊ป รุ่นก่อนรวมถึงรุ่น ‘ผู้สืบทอด’ ด้วยเช่นกัน ด้านขวามือเมื่อเดินต่อมาจะพบกับโต๊ะทำงานใหญ่ที่วางอยู่หน้ากระจกซึ่งสามารถมองออกไปนอกอาคารสวยแห่งนี้ได้ ยามเมื่อได้มองออกไปด้านนอกนั่นดั่งเหมือนเป็นราชาผู้ปกครองเมืองทั้งเมือง ตึกรามบ้านช่องแลดูเล็กกระจิดราวกับฝ่ามือทั้งสองข้างจะสามารถโอบอุ้มไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดหากวัดกันตามความเป็นจริงแล้วก็อาจเป็นไปได้มาก เพราะถ้าลองใช้ปากกาสีแต้มลงไปยังอาคารต่าง ๆ ที่บริษัทโอกรุ๊ปเป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วนนั้นคงไม่แคล้วต้องใช่แปรงทาสีวาดป้ายระบายลงไปทั้งหมดจะง่ายกว่า
ที่เก้าอี้บุนวมสีดำท่าทางน่าสบายด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่นั้น ยังมีเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิร์ตสีขาวแขนยาว ผูกเนคไทด์ดำ มีลายตรงปลายคล้ายรูปโล่ซึ่งเป็นตราสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่งสำหรับบุตรธิดาของเหล่าผู้ทรงอิทธิพลซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่งคั่งให้กับประเทศนี้ ‘โอ เซฮุน’ เด็กหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์อ่อน ๆ ดวงตาเรียวรีเข้ากับจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากอิ่มสีแดงจัดตัดกับผิวเนื้อขาวจัดที่ดูคล้ายหิมะเมื่อแรกฤดู รูปหน้าเรียวยาวได้ส่วนดูคมคาย รวมถึงคิ้วโค้งสวยได้รูป... ราวกับภาพวาดในเทพนิยายปรัมปรายังไงยังงั้น… เด็กหนุ่มยังคงนั่งหันหลังให้กับโต๊ะทำงานใช้ศอกยันกับหน้าขาของตนเพื่อให้ฝ่ามือรองรับน้ำหนักของคางตัวเองไว้และมองออกไปด้านนอกนั้นอย่างเลื่อนลอย
“สวัสดีครับ คุณหนูเซฮุน” แทซันโค้งและกล่าวทักทาย เพื่อให้ทราบถึงการมาของตน แต่ดูเหมือนคนถูกทักทายที่อายุน้อยกว่าจะไม่ได้ใส่ใจกับผู้ใหญ่คนนี้แม้แต่น้อย ยังคงจ้องมองตึกที่อยู่เบื้องนอกนั้นต่อไป
“.....คุณหนูเซ...”
“…ฉันบอกให้เรียกฉันว่าคุณหนูงั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้ดุดันแต่อย่างใด แต่นั่นก็พอจะชัดเจนอยู่แล้วถึงความไม่พอใจที่เจ้าตัวมี
“เอ่อ…ขอโทษครับ คุณเซฮุน” ผู้ถูกถามรีบเปลี่ยนสรรพนามตามความต้องการของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่เป็นคุณหนูของเขาจริง ๆ แล้วก็เรียกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก มาบัดนี้กลับดึงดันไม่ยอมให้เรียกเสียอย่างนั้น แล้วคนแก่อย่างเขาที่เคยชินกับการเรียกนี้มานานจะแก้ไขมันได้อย่างไรกันล่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
“มีอะไร…”
“เดือนนี้คุณเซฮุนไล่บอดี้การ์ดที่จัดหามาให้เป็นกลุ่มที่ 8 แล้วนะครับ อยู่กันยังไม่ทันอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ…นี่ผมก็ต้องให้ทางนั้นจัดการหามาให้ใหม่อีกแล้ว จะมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้” แทซันกล่าวให้เด็กหนุ่มตรงหน้าฟังอย่างแสนระอาและเหนื่อยใจ ครั้นเมื่อฟังจบเซฮุนที่คล้ายไม่ยี่หระอะไรนั้นจึงหมุนเก้าอี้พลางช้อนสายตามองคนตรงหน้านิ่ง ก่อนเหลือบไปยังโต๊ะเลขาของเขา
“คุณเยจี” หญิงวัยกลางคนรีบลุกจากที่นั่งและเดินเข้ามาทางด้านหน้าโต๊ะ
“คะ คุณหนู เอ่อ...คุณเซฮุน”
“ช่วยเอาเอกสารที่ผมร่างไว้ไปพิมพ์แล้วถ่ายเอกสารแจกให้หัวหน้าแผนกที่มีรายชื่อตามนี้ด้วยนะครับ” มือเรียวเล็กหยิบแฟ้มบนโต๊ะส่งให้เยจีเพื่อนำไปจัดการตามคำสั่ง ยามเมื่อบุคคลที่สามของห้องก้าวเดินพ้นจากตัวห้องไปแล้ว เด็กหนุ่มจึงหันกลับมามองแทซันอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและน้ำเสียงราบเรียบ
“เคยบอกให้หามาให้อย่างนั้นเหรอเนี่ย…” คำพูดเปรย ๆ นี้ ทำเอาแทซันสะอึกไปไม่น้อย เพราะมันเหมือนกับเขายุ่งไม่เข้าเรื่องเจ้ากี้เจ้าการในการสั่งเองทุกอย่างโดยไม่ถามไถ่ฝ่ายนี้เลยแม้แต่น้อย
“…..…”
“ถ้าไม่เคยสั่ง ก็ไม่ต้องมาบ่น ฉันไม่พอใจ ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไล่… อยากหามาได้ ฉันก็ต้องไล่ได้เหมือนกัน” คำกล่าวของคุณหนูทำเอาแทซันก้มหน้าและก้มหัวลงต่ำ
“แต่มันจำเป็นนะครับคุณหนู…เอ่อ…คุณเซฮุน คุณท่านทั้งสองสั่งนักสั่งหนาว่าให้ผมหาบอดี้การ์ดให้คุณ แต่ก็ถูกไล่หมดแบบนี้ ผมจะบอกคุณท่านว่ายังไงกันล่ะครับ” ร่างผอมเพรียวลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางเดินไปยังโซฟาเพื่อคว้าหยิบสูทนักเรียนตัวนอกที่ตนวางพาดไว้บนพนักพิงมาสวมทับสะพายเป้หลังจัดเสื้อแสงให้เข้าทางก่อนบอกเสียงเรียบ
“นั่นมันเรื่องของคุณ เคยบอกแล้วว่าดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องยุ่ง ฉันไปเรียนล่ะ อ้อ บอกคุณเยจีว่าวันนี้ฉันไม่เข้าแล้วนะ จะให้อ่านอะไรก็วางไว้ที่โต๊ะแล้วกัน” เซฮุนเดินสาวเท้าก้าวออกไปโดยไม่สนใจแทซัน ‘ผู้ดูแลส่วนตัว’ ของตนสักนิด
แทซันนั้น เป็นคนสนิทบิดาของ โอ เซฮุน ประธานบริษัทรุ่นก่อนซึ่งประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เมื่อไม่มีประธานแล้วคนที่จะขึ้นต่อไปจึงต้องเป็นลูกหลานเชื้อสายโดยตรงของตระกูลโอเท่านั้น และหากจะนับดูแล้วบรรดาญาติพี่น้องที่ถือหุ้นในบริษัทก็มีอยู่ไม่น้อยเลย โอกาสที่ใครจะได้ขึ้นมานั่งแท่นประธานมีสูงด้วยกันทั้งหมด เซฮุนซึ่งเป็นหลานชายคนโปรดและลูกชายคนเดียวของพี่ใหญ่ตระกูลโอผู้เป็นประธานคนก่อน จึงมีภาษีอันดับหนึ่งในการชิงตำแหน่งประธานบริษัทโอกรุ๊ปแห่งนี้ และมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าใครในการครองเก้าอี้ทำงานในห้องประธานของพ่อเหมือนอย่างเมื่อครู่ที่ผ่านมาด้วยคำสั่งจากท่านปู่ที่ประกาศิตแจ้งแก่ทุกคนโดยทั่ว มันยิ่งกลายเป็นเครื่องตอกย้ำเรื่องที่ว่าเซฮุนคือทายาทรุ่นต่อไปที่จะได้ครอบครองบริษัทนี้
ถึงกระนั้นปัญหาก็ยังมีมาอยู่ดี แม้ท่านปู่จะถือหางออกหน้าเต็มที่มากเพียงใด และแม้เด็กหนุ่มจะฉลาดหลักแหลมเรียนรู้เร็วเฉียบขาดแค่ไหน แต่ด้วยวัยเพียง 19 ปีของเขา จึงทำให้ภายในบริษัทเกิดการแตกแยกผู้ที่เคยสนับสนุนพ่อของเขาตีตนออกห่างไปเข้าพวกกับคนที่ตนคิดว่าน่าจะเหมาะสมและสามารถชิงตำแหน่งนี้ไปจากเขาได้ แน่ล่ะ ใครจะให้เด็ก 19 ขึ้นมาเป็นประธานบริษัทเป็นหัวหน้าอยู่เหนือตนได้ล่ะ ถึงจะเป็นอัจฉริยะก็เถอะ แต่ตำแหน่งนี้ควรมอบให้กับผู้ที่อยู่มาก่อนไม่ใช่หรือไง
ไม่เพียงแค่นั้นหลายคนที่หวังกอบโกยโดยวาดฝันว่าจะพะเน้าพะนอเอาใจเด็กหนุ่มเพื่อตำแหน่งใหญ่ ๆ ในบริษัทจับเซฮุนเป็นหุ่นเชิดให้ตนชักใยเอาเงินเข้ากระเป๋าอยู่เบื้องหลังก็มีไม่น้อย เรียกว่าศึกนี้มีทั้งในที่แจ้งและที่มืดกันเลยทีเดียว ราวกับฮ่องเต้องค์น้อยที่ไม่ประสา ต้องมีขุนนางคอยชี้ทางและลอบสังหารเสียภายหลัง
ด้วยเหตุนี้จึงมีคนคิดไม่ซื่อปองร้ายเหล่าบรรดาผู้มีสิทธิ์ในการนั่งแท่นประธานใหญ่บริษัทโอกรุ๊ป สร้างความหวาดวิตกและเคลือบแคลงระแวงสงสัยกันเองอยู่ไม่น้อย ล่าสุดเมื่อเดือนก่อน อาของเซฮุนก็เพิ่งถูกลอบยิงระหว่างเดินทางไปประชุมย่อยต่างประเทศ โชคดีที่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ต่อมาไม่นานลุงคนรองก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำและเสียชีวิตไป จากการพิสูจน์หลักฐานพบว่าสายเบรกถูกตัดขาดทำให้รถยับเยินตามที่เห็น
ท่านปู่ท่านย่าจึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีก สั่งให้แทซันจัดหาบอดี้การ์ดประจำตัวให้แก่หลานชายสุดรักสุดหวงคนนี้ของตนไว้ และเพราะความที่เป็นที่รักของปู่ย่านี่แหละ จึงทำให้เซฮุนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ดื้อ ไม่ค่อยฟังเหตุผลของคนอื่น พูดจาไม่มีน้ำใจใยดีกับใครเท่าที่ควร มักถูกเกลียดจากบรรดาญาติพี่น้องเสมอ มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่คาดว่าจะได้รับมรดกสูงที่สุดในบรรดาญาติทั้งหมดอีกด้วย จึงยิ่งเป็นชนวนให้ถูกเกลียดเข้าไปใหญ่ กลายเป็นว่ารับศึกทั้งนอกทั้งในอย่างเลี่ยงไม่ได้
ด้วยนิสัยของคุณหนู โอ เซฮุน นั้น แทซันและเยจีก็รู้ดี เพราะอยู่กับท่านประธานคนก่อนบิดาของเซฮุนมานานด้วยกันทั้งคู่ ถึงเซฮุนจะพูดจาไม่ค่อยเพราะทั้งที่พวกตนเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ตาม ก็ไม่เคยโกรธถือโทษแม้แต่น้อย อาจเพราะเข้าใจในสภาพแวดล้อมของอีกฝ่ายและยังเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ที่สำคัญทั้งสองคนทราบดีว่าเซฮุนพูดกับตนแบบนี้ ดีกว่าพูดกับคนอื่น ๆ หลายเท่านัก แม้ว่าแต่ละคำมันจะฟังไม่ค่อยได้ก็ตาม!
ไว้มาสนองนีสตัวเองอีกทีเมื่อว่างนะ
with love
viruskei
ความคิดเห็น