คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Lucky :: 001 :: Intro
*หมายเหตุ โปรดกรุณารีเซ็ทลักษณะนิสัยลู่หานจากในรูบิคทิ้งให้หมด
เพราะเรื่องนี้ไม่เป็นเหมือนเรื่องก่อน 555
[ลงครั้งแรก 14 ธันวาคม 2556]
======== #ficluckyman ===========
“ปิ๊งป่อง!!!”
“ยินดีด้วยค่ะ คุณคือลูกค้าที่มารับบริการจากทางร้านของเราเป็นรายที่ 1,111 ค่ะ ทางเราได้จัดรายการสมนาคุณลูกค้าที่มาใช้บริการกับทางร้านเป็นรายที่ 1,111 ด้วยแพคเกจที่พักพร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ภูเก็ต 4 วัน 3 คืน จำนวน 2 ที่ อีกทั้งวันนี้ยังรับประทานอาหารของทางร้านได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ”
“เห? จริงเหรอครับเนี่ย ขอบคุณนะคร้าบ~~”
ผมชื่อ ลู่หาน ผมเป็นคนโชคดีแบบนี้เสมอ ใคร ๆ ก็ บอกว่าผมดวงดี ดวงแข็ง หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง เป็นโชคมหาโชคไปเสียทุกครั้ง ทั้งยังอารมณ์ขัน ขี้เล่นและเป็นกันเองกับทุกคนเสมอ
สำหรับผมแล้วเรื่องร้าย ๆ ดูจะห่างไกลกันหลายขุมเชียวล่ะ หลายครั้งที่ผมมักตั้งคำถามอยู่ในใจเล่น ๆ เอาเองว่า ถ้าวันหนึ่งอยู่ ๆ ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับดวงกาลี พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ทำอะไรก็ไม่รุ่งสักอย่างในชีวิต พยายามเท่าไรก็หนีไม่พ้นไอ้ดวงเชี่ย ๆ นั่นสักที แล้วชีวิตผมมันจะเป็นยังไง? นั่นสิผมก็ไม่รู้หรอกนะ ผมลองนึกกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เคยหาคำตอบได้ คงเพราะผมไม่เคยเป็นคนโชคร้ายอะไรแบบนั้นเลยในชีวิต ผมจึงไม่สามารถตอบคำถามที่ตัวเองเป็นคนตั้งได้
“คิดถูกจริง ๆ ที่มากับนาย ให้ตายสิลัคกี้แมนเอ้ย” ชานยอลเพื่อนซี้ตัวสูงใหญ่ ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน ปรบมือหัวเราะแสดงความยินดีอย่างออกนอกหน้า
“ว่าแต่นายจะไปกับใครวะลู่หาน?” แบคฮยอนเพื่อนร่างเล็กที่นั่งข้างกันกับผมหันถามพลางอ่านเมนูในมือไปด้วย
“คงไปกับเซฮุนล่ะมั้ง ไม่รู้สิ เดี๋ยวต้องลองถามมันดูก่อน” ผมเอ่ยตอบและกวาดตามองเมนูที่พนักงานเสิร์ฟนำมาให้เมื่อครู่ด้วยรอยยิ้มร่าเริง
“อิจฉาจริงไอ้คนดวงดีอย่างแกเนี่ย ไหน ๆ ก็ได้ไปทะเลสวย ๆ ขนาดนั้นแล้ว ทำไมไม่ลองชวนสาว ๆ สักคนแทนที่จะเป็นน้องชายตัวเองล่ะวะ”
“ไม่ดีกว่า ขืนมันรู้ทีหลังว่าได้รางวัลแล้วเลือกพาสาวไปแทนมัน คงบ่น 3 ปี 4 ชาติไม่เลิกราแน่ แล้วนึกสภาพที่ต้องทนฟังเซฮุนบ่นกรอกหูแต่เช้ายันค่ำ ไม่เอาดีกว่า ไว้ถ้ามันบอกไม่ว่างหรือไม่ไปมาก่อนค่อยหาสาวไหนสักคนไปด้วยก็แล้วกัน... ขอโทษครับ สั่งอาหารด้วยครับ”
ความจริงใช่ว่าไม่อยากพาสาวไหนไปเที่ยวด้วยหรอกนะ แต่ยังไม่มี! แถมคิดถึงสภาพที่เจ้าลูกเจี๊ยบเซฮุน น้องชายตัวดีบ่นโวยวายไม่พาไปด้วย ประหนึ่งตัวอายุสัก 5-6 ขวบก็ปวดหัวจะแย่! แบบนั้นต่อให้โชคดีแค่ไหนก็คงเป็นความทุกข์ทรมานระบมหูแถมรอยฟกช้ำที่มันตะบี้ตะบันทุบแขนมาไม่หวาดไม่ไหวแหง เข็ดแล้วกับครั้งก่อนที่เผลอหน้าใหญ่เอารางวัลที่ได้ไปให้เพื่อน ถูกน้องโวยวายเป็นเดือน ๆ จนอยากขอกลับไปเกิดใหม่อีกครั้งให้รู้แล้วรู้รอด...
ความจริงจะพูดว่าเป็นน้องชายก็ทั้งถูกและไม่ถูกดีนัก คงต้องเรียกลูกพี่ลูกน้องกันมากกว่า ผมกับเขาเราเรียนกันต่างเมือง นาน ๆ ถึงจะมาเจอกันสักทีช่วงรวมญาติ หรือวันหยุดยาว เออแต่ระยะทางไม่ได้ทำให้ไอ้ลูกเจี๊ยบแปดหลอดนั่นหยุดหาวิธีบ่นกันได้หรอกนะ
การมีน้องชายเป็นเซฮุนคงเป็นโชคร้ายเรื่องเดียวในชีวิตของลู่หานคนนี้ล่ะมั้ง
“พี่~~เร็ว ๆ สิผมอยากไปเดินเล่นชายหาดแล้วนะ”
“นายอยากไปไหนก็ไปก่อนเลย เหนื่อยจะตายแล้ว!”
ที่นี่เหมือนสวรรค์ยังไงยังงั้น ทั้งสวย ทั้งบรรยากาศดี อาหารอร่อย พวกเราสองพี่น้องพากันตะลอนเที่ยวชมความงามของธรรมชาติตามโปรแกรมทัวร์ที่เขาจัดไว้ให้และที่แหกคอกออกมากันเองบ้างก็มี ทั้งกิน เที่ยว และช้อปกันไม่ยั้ง อ้อ ก่อนมาบังเอิญผมถูกรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยได้พ็อกเก็ตมันนี่ติดตัวมาสำหรับจับจ่ายใช้สอยและซื้อของฝากกลับบ้านเพิ่มเติมน่ะ ตอนนี้เลยเรียกง่าย ๆ ได้ว่ากินอยู่กันอย่างราชาเลยทีเดียว
คืนนี้เป็นคืนปล่อยผีที่ซึ่งสองพี่น้องสามารถไปที่ไหน ๆ ก็ได้ ระเริงราตรีและทำตามใจตัวเองได้โดยไม่ถูกบังคับด้วยโปรแกรมทัวร์อีกต่อไป เซฮุนที่กระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าเลยเผ่นแนบออกแรด ไปดูแสงสีที่เค้าจัดแสดงโชว์เอาไว้โดยไม่แม้แต่จะรอพี่ชายคนนี้ของตนแม้แต่น้อย ผมถึงต้องมานั่งจิบไวน์แดงที่ล็อบบี้ของโรงแรมรอให้มันกลับมานั่นแหละ อยู่กับเซฮุน 1 วันเท่ากับเลี้ยงเด็กอนุบาลสัก 10 คน
ความจริงผมก็ไม่ใช่คนที่รักสงบชอบอยู่เงียบ ๆ ลำพังอะไรเท่าไรนักหรอกนะ เพียงแต่บางครั้งครึกครื้นติดต่อกันหลาย ๆ วันมันก็น่าเบื่อจนเกินไป เหมือนอย่างตอนนี้ที่นั่งได้ครู่เดียวก็เริ่มเบื่อ อยากลุกเดินยืดเส้นยืดสายกับเขาบ้าง ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเดินออกไปหาที่จุดบุหรี่สูบแถวสระว่ายน้ำ พลางก้มลงมองน้ำใส ๆ และดวงจันทร์เสี้ยวที่สะท้อนผิวน้ำระรอกแล้วระรอกเล่า กระทั่งที่ใครคนหนึ่งเดินผ่านมา....
เธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาสะสวยผิวขาวดวงตากลมโตดูน่ารัก ที่หากประมาณอายุแล้วก็คงอายุมากกว่าผมไม่เท่าไร ที่สำคัญคนจีนชาติเดียวกับผมชัวร์แถมยังเป็นสเปคผมด้วย สาวเจ้าเดินผ่านไปช้า ๆ ด้วยท่าทีลังเลอยู่พักหนึ่งคล้ายไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันเดินกลับมายังผมอีกครั้ง เสียงในใจผมที่ร้องก้องออกมาในแว่บแรกเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเธอคนนั้นคือ เธอปิ๊งผมแหง สมแล้วกับฉายาลัคกี้แมนนะลู่หาน
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคนจีนหรือเปล่าคะ”
“ครับ แต่ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่เกาหลี” เมื่อผมตอบกลับคำเธอออกไป เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกในทันที
“จริงเหรอค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย ฉันก็ทำงานอยู่ที่เกาหลีเหมือนกันค่ะ มาเที่ยวได้กี่วันแล้วคะเนี่ย อา...ขอโทษค่ะ ฉัน เหม่ยเซียน ค่ะ” หล่อนเอ่ยแนะนำตัวก่อนยื่นนามบัตรให้ เหม่ย เซียน....นางฟ้าแสนสวย ก็เป็นชื่อที่เหมาะกับเธอไม่น้อย
“ลู่หาน ครับ ยินดีที่รู้จัก ผมมาได้ 2-3 วันแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว เหม่ยเซียนล่ะครับ”
“กลับพรุ่งนี้เหรอ?”
น้ำเสียงของเหม่ยเซียนดูร้อนรนและตกใจเป็นพิเศษเมื่อผมตอบเธอกลับไปเช่นนั้น มันทำเอาอดระบายยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้
“ครับ .....ผมมากับน้องชาย เราโชคดีกันนิดหน่อยเลยได้มาเที่ยวกันนี่ล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ? ดูคุณสีหน้าแปลก ๆ นะครับ”
“คือ...เอ่อ” เธอทำหน้าครุ่นคิดและเริ่มกัดเม้มริมฝีปากของตัวเองพลางก็เหลือบมองผมเป็นระยะ ๆ
“พี่ลู่หาน~~!.... พี่คุยกับใครอยู่น่ะ?”
นรกชัด ๆ....... จู่ ๆ เสียงจากนรกชั้นที่ลึกที่สุดก็ดังทะลุกลางปล้องขึ้นมา ทำเอาสวรรค์ตรงหน้าของหนุ่มโสดอย่างลู่หานต้องพังครืน เซฮุนเดินมาพร้อมตะโกนเรียกไม่ได้สนใจคนอื่นรอบด้านแม้แต่น้อย ทำให้บรรยากาศที่ดูเหมือนกำลังเป็นไปได้สวยหยุดชะงักตัวลง แม้ลู่ผมจะไม่ใช่หนุ่มที่หน้าตาขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาขนาดนายแบบตามหน้าปกนิตยสารหรือเป็นเดือนเป็นดาวของมหาวิทยาลัยได้ หรือจะพอมีสาว ๆ มาตามดูบ้างเหมือนกันเวลาที่ไปวิ่งเล่นเตะบอลกับเพื่อนกลางสนาม แต่สาวสวยถูกใจตรงสเปคขนาดนี้มันก็เจอไม่บ่อยนัก ดังนั้นผมว่าผมไม่ควรปล่อยให้หลุดมือไปไม่ใช่หรือไง? แต่ไอ้เจ้าเซฮุนที่มาทำหน้ายุ่งหวงพี่อยู่ตรงนั้นก็ช่างขัดขวางกันเหลือเกิน ขืนอยู่ต่อไปดีไม่ดีสาวจะโดนมันเล่นงานเสียจนหนีไปน่ะสิ
“ขอโทษนะครับ ไว้กลับเกาหลีแล้วผมจะติดต่อกลับไปนะครับ”
ผมโค้งลาเธอด้วยรอยยิ้มแล้วออกเดินเท้าไปหาคุณน้องชายสุดที่รัก แต่แล้วแขนของผมกลับถูกดึงรั้งเอาไว้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขอโทษนะลู่หาน ถ้าฉันพูดอะไรที่ดูเหมือนเพ้อเจ้อ แต่ฉันก็อยากให้คุณรับฟังเอาไว้สักหน่อย กลับถึงเกาหลีแล้วโปรดระวังตัวด้วยนะคะ โชคที่มีอยู่มันกำลังจะหมดไป ความโชคร้ายมันกำลังจะเข้ามาแทนที่ จากเรื่องเล็ก ๆ จะกลายเป็นอะไรที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และร้ายแรงมากขึ้นทุกที ทุกที ชะตาของคุณกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างที่คุณเองไม่เคยได้คาดคิดเอาไว้มาก่อนจริง ๆ”
เหม่ยเซียนกล่าวจบจึงปล่อยมือผมพร้อมกับที่ใช้ดวงตากลมโตของเธอมองจ้องลึกเข้ามาที่นัยน์ตาของผม คำพูดที่ชวนขนลุกทำเอาผมชะงักไปนิดหนึ่งก่อนระเบิดหัวเราะออกมาเสียลั่น
“เห? นี่จริง ๆ แล้ว เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ ทำไมคุณถึงได้รู้เรื่องของผมดีนักล่ะ? ไม่เอาน่ะ! คิดจะจีบหนุ่มทั้งทีต้องหาวิธีขู่กันขนาดนี้เชียวเหรอครับ ฮ่า ๆ แต่ฟังดูก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตมาป่านนี้ ผมยังไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “โชคร้าย” นั่นเลยสักครั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าหน้าตามันเป็นยังไง ลาก่อนครับ ไว้ถ้าผมโชคร้ายจริงอย่างที่คุณว่า คุณก็อย่าลืมเตรียมสำรับน้ำชาตั้งรอผมไว้ด้วยแล้วกันล่ะ ผมจะไปหาให้คุณช่วยตามโชคดีของผมกลับมานะ ฮะ ๆ ๆ”
ผมกล่าวกลั้วหัวเราะแล้วเดินจากไป
“เตือนแล้วนะ.... ฉันถือว่าฉันเตือนแล้วนะ เจ้ากวางแห่งรุ่งอรุณ ลู่หาน แล้วนายจะรู้เองว่าโชคร้ายที่ว่านั่นหน้าตาเป็นยังไง ถ้าตายไปซะก่อนจะแก้ดวงได้ ก็ถือซะว่าถึงเวลาถึงที่แล้วกัน ชริ!” ดวงหน้าหวานบ่นพึมพำเพียงลำพังก่อนเดินสะบัดหน้าเข้าโรงแรมไป
เกาหลี
“ลู่หาน! ระวัง!!!!”
“เหวอ~~!!!!”
เพล้ง! กระถางต้นไม้กระเบื้องเคลือบจากห้องชั้น 3 ร่วงลงมาห่างจากตัวผมไปไม่ถึงคืบ แม้มันจะไม่โดนหัวแต่เศษกระเบื้องบางชิ้นก็กระทบเฉี่ยวและบาดผมให้ได้แผลบ้างเป็นบางแห่ง วันก่อนไปบ้านเพื่อน เจ้าหมาที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวหงุดหงิดใส่ผม กระโจนโดดงับเข้าซะงั้น ดีที่ใส่กางเกงยีนส์ตัวหนาเลยได้แค่เป็นแผลถลอกเล็กน้อย ทำเอาเพื่อนฝูงตกอกตกใจกันยกใหญ่โดยเฉพาะตัวเจ้าของหมาเอง กดน้ำตู้หยอดเหรียญก็โดนกินเหรียญ ซื้อตั๋วขึ้นรถตั๋วหล่นหาย เสียค่าพนันบอลไปอีกเป็นเงินเกือบครึ่งของเงินเก็บ ทั้งที่ทุกครั้งเล่นทีไรรวยทุกที ที่สำคัญไอ้พวกเพื่อนระยำที่เล่นตามนี่สิ มันเล่นกันซะอ่วมยัดเยียดให้ผมเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดในส่วนของพวกมันด้วย ในฐานะที่ชักชวนให้เล่นตาม แมร่งโคตรเซ็ง.... ยังมีเรื่องนี้อีก แม่บ้านกวาดฝุ่นผงลงมาแล้วลืมมองว่าผมเดินอยู่ตรงนั้น ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกโรคจิตบนรถไฟ จนถูกจับไปสถานีตำรวจกว่าจะเคลียร์เรื่องได้เล่นเอาแทบบ้า บลา บลา บลา อีกหลายสิ่งจนไม่อยากจะคิดถึง พักนี้ผมได้แต่นั่งมือก่ายหน้าผากโทรเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เซฮุนฟัง แทนที่จะเห็นอกเห็นใจกัน ผมกลับได้ยินแต่เสียงหัวเราะสะใจอย่างบ้าคลั่งของมันเสียดแทงเข้ามาให้ช้ำชอกเข้าไปอีก เล่นเอาอยากซื้อตั๋วดิ่งไปเตะขาคู่ซักทีให้หายแค้นแล้วบินกลับกันเลยทีเดียว
“เฮ้ยพักนี้เป็นไรวะ Lucky Man ไหงกลายเป็น Badluck Guy ไปซะแล้วล่ะ พูดก็พูดเถอะพักนี้ดวงแกจู๋มาก ๆ เลยว่ะ โคตรจะไม่อยากไปไหนมาไหนด้วยเลย กลัวจะติดเชื้อโชคร้ายไปด้วยฮ่า ๆ ๆ” ชานยอลหัวเราะร่วนลงคออย่างซ้ำเติมกัน
“พูดมากน่ะ! ของงี้มันก็ต้องมีกันมั่งสิวะ มันถึงจะเป็นสีสันของชีวิต” ลู่หานที่นั่งขมวดคิ้วหงุดหงิดใจเป็นทุนเดมอยู่แล้วพาลให้อารมณ์เสียหนักเข้าไปกว่าเก่า
“แต่มันดูเหมือน..... เขาเรียกว่าไงดีล่ะ อืมมมม เหมือนนายใช้โชคดีในชีวิตไปจนหมดแล้ว ความโชคร้ายก็เลยเข้ามาแทนที่ แบบนั้นป่าววะ เขาเรียกงี้ป่ะ หือ?” แบคฮยอนที่นั่งข้างกันเท้าคางทำหน้าครุ่นคิดและออกความเห็น ทำเอาผมถอนหายใจยาว ๆๆๆๆๆ เสียอีกครั้งอย่างอ่อนใจ
“เฮ่อ....ใช้โชคดีจนหมดไป โชคร้ายเข้ามาแทนที่งั้นเหรอ................เหมือนจะเคยได้ยินอะไรทำนองนี้มาจากที่ไหนกันวะ?” ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อทวนคำที่เพื่อนพูด
“คารมคมซะขนาดนี้จะไปได้ยินจากไหนได้กัน มีฉันเท่านั้นแหละที่คิดได้ฮ่า ๆๆๆๆ”
“โชคดีหมดไป...โชคร้ายมาแทน....อืมมมมมมม โชคดีหมดไป...โชคร้ายมาแทน.... โชคดีหมดไป...โชคร้ายมาแทน....โชคดี.............เฮ้ย! ผู้หญิงคนนั้น!!!!”
หลังจากคิดทบทวนคำพูดนั้นวนไปวนมาจนได้ที่ ความทรงจำที่หลงเหลือจึงผุดจี๊ดขึ้นมาทำให้ผมตะโกนลั่นอย่างร้อนรนและ....
“ห้องสมุดงดใช้เสียงนะครับ” เสียงโต๊ะข้าง ๆ ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่พูดขึ้นอย่างเตือน ๆ พร้อมกับชำเลืองมองด้วยหางตาแกมดุ
“โทษที อู๋อี้ฝาน นายอ่านต่อเหอะ” ผมรีบหันไปโค้งขอโทษก่อนลงนั่งตามเดิม
“แมร่ง...อ่านแต่หนังสือพัฒนาตัวเองกับบาส ยังจะมาบ่นชาวบ้านเขาอีก หนังสือเรียนรึก็ไม่ใช่ ชริ” ผมบ่นกระปอดกระแปดเบา ๆ พอให้เพื่อน ๆ ได้ยิน
“ก็จริงของแก แต่ก็จริงของมันที่ว่าห้องสมุดเขางดใช้เสียง แถมนั่นมันก็เป็นคนคุมห้องสมุดมั้ยวะลู่หาน ถ้ามันจะด่าแกก็ไม่ผิดหรอก ว่าแต่แกจะเสือกแหกปากขึ้นมาทำไมวะไอ้กวางบ้า”
“เออ พอดีนึกอะไรขึ้นมาได้น่ะ ฉันไปก่อนแล้วกันนะ เจอกันพรุ่งนี้ บาย”
ผมบอกลาเพื่อนฝูงก่อนลุกเดินจากที่นั่งออกไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับโค้งลาคุณคนคุมห้องสมุดอย่าง อู๋อี้ฝาน น้อย ๆ แล้วโกยอ้าวออกไป ผู้หญิงคนนั้น....คนที่เจอกันตอนไปเที่ยวนั่นชื่อ....ชื่ออะไรวะจำไม่ได้ หล่อนต้องรู้แน่ ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่สิ ก็หล่อนเป็นคนบอกกับเราเองนี่นา เพียงแต่ตอนนั้นใครจะไปคิดวะว่าเรื่องไร้สาระเหลวไหลแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นมาจริง ๆ อ้อ ใช่ นึกออกแล้ว เหม่ยเซียน ใช่ นามบัตรต้องอยู่ที่ไหนสักที่ในกระเป๋าล่ะ ลู่หาน เอ๋ย ลู่หาน ชะตานายอาจขึ้นอยู่กับนามบัตรใบนั้นใบเดียวแล้วก็ได้นะ
“โอ้ย!”
“ว้าย ขอโทษค่ะ มันหลุดมือ”
“ทีหลังก็ระวังหน่อยสิครับ โธ่!”
แปรงลบกระดานที่เต็มไปด้วยฝุ่นชอล์กหล่นลงหัวผมดังตุ่บ! ไม่ได้ ผมต้องหาแม่สาวคนนั้นให้เจอให้ได้ ไม่งั้นชีวิตผมคงไม่ได้สงบสุขแน่ๆ
“เหวอ~ โอ้ย!”
พื้นก็ออกจะเรียบแล้วไหงทำไมผมถึงต้องมาหกล้มก้มจ้ำเบ้าแบบนี้กันด้วยล่ะฟระ ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยยยยย
และนี่ล่ะครับ คือจุดเริ่มต้นของเรื่องที่กำลังจะดำเนินต่อไป นับจากนี้....
-----------------------------------------
Talk with viruskei
เรื่องนี้สั้น น่าจะจบเร็วมั้ง (เรื่องเก่ายังไม่จบเรื่องใหม่มาอีกแล้วฮ่าๆๆๆ) อ้อ แจ้งนิดนึง นิยายเรื่อง RUBIK - Krishan - เปิดรีปริ้นท์แล้วนะคะ สอบถามรายละเอียดได้ที่แฟนเพจ facebook.com/viruskeistory จ้า
ความคิดเห็น