คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Ai] KrisHan ::1:: one fine day
[Ai] KrisHan ::1:: one fine day
“ลู่หาน”
เสียงเคาะประตูพร้อมร่างสูงใหญ่ที่เท้าแขนบนกรอบประตูห้องด้วยรอยยิ้มน้อย ทำให้ผู้ที่ถูกเรียกหันมองตามเสียงและยกยิ้มให้
“ไปก่อนนะ” ลู่หานบอกเพื่อนร่วมห้องที่นั่งคุยกันอยู่เมื่อครู่ พร้อมลุกดีดตัวขึ้นอย่างร่าเริงไปหาใครคนนั้นที่หน้าประตูห้อง ก่อนพากันเดินจากไป
“ถูกทิ้งอีกแล้วเหรอพวกเรา” เฉินหัวเราะลงคอเบาๆ มีเลย์ยักไหล่น้อยๆ และเล่นคอมพิวเตอร์ของตัวเองต่อ สองคนนั้นเป็นแบบนี้เสมอๆ คริสมักเดินมาหากวางบ้าที่ห้องแล้วไม่นานกวางบ้าก็จะลุกเดินหายไปกับคริสแค่สองคน มันเป็นเรื่องที่ชินชาในสายตาสำหรับพวกเขาทั้งหมดไปแล้ว
ชายหนุ่มทั้งสองยังคงเดินต่อเท้ากันไปเรื่อยๆ บนฟุตบาทของถนนสายหลัก ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนทางผ่านกันไปมา ลู่หานเหลียวมองดูร้านเครื่องประดับที่วางโชว์แหวนและสร้อยสไตล์น่าสนใจแต่ก็ไม่คิดจะหยุดแวะหรือเข้าไปในร้าน แต่สักพักคนที่มากับเขาเช่นคริสหรืออู๋อี้ฝานกลับหยุดฝีเท้า ก้าวขาเลี้ยวไปยังร้านขายเครื่องประดับร้านนั้นโดยไม่กล่าวบอกอะไร ลู่หานคงมองดูสร้อยและแหวนที่ตนติดใจเมื่อครู่และเดินดูของในร้านต่ออีกหน่อย โดยมีอู๋อี้ฝานเดินตามและหยิบจับบางชิ้นขึ้นดูบ้างเป็นบางครั้ง
สุดท้ายคนที่เข้ามาในร้านคนแรกกลับไม่ได้ของอะไรแม้สักชิ้นติดกลับออกไป มีเพียงลู่หานเท่านั้นที่ได้ของมาด้วยรอยยิ้มและพูดจ้อไม่หยุดว่าจะใส่เข้ากับชุดไหนในคอลเลคชั่นของตัวเองดี
เสียงเพลงและมิวสิคสไตล์ R&B ดังมาจากจอLCD ขนาดยักษ์ที่ติดอยู่กับตัวตึกแยกตรงข้าม ลู่หานหยุดยืนแหงนมองดูภาพเคลื่อนไหวที่อยู่บนจอนั้นด้วยความสนใจพลางเผยอปากน้อยๆ อย่างลืมตัว ......ใบหน้าด้านข้างของลู่หานดูโดดเด่นและน่ามองจนทำให้คนร่างสูงใหญ่อย่างอู๋อี้ฝานอดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ยามเมื่อก้มลอบมอง ชายหนุ่มปล่อยให้คนตัวเล็กกว่ายืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ ดูมิวสิคนั้นเงียบๆ ไม่ปริปากเร่งให้เดิน ทั้งเอื้อมจับแขนรั้งดึงอีกฝ่ายเป็นครั้งคราวยามเมื่อมีใครบนฟุตบาทเดินเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่ทันระวังว่าจะมีใครมาหยุดยืนดูอะไรนิ่งๆ กลางทางเช่นนี้
ลู่หานแหงนมองคนที่มาด้วยกันและหยักยิ้มจนตาหยีร้องบอกความเจ๋งของมิวสิคที่เพิ่งได้ดูผ่านตาทั้งถามความเห็นด้วยความอยากรู้ แต่อู๋อี้ฝานทำได้เพียงหัวเราะและฟังลูกกวางระบายความตื่นเต้นนั้นต่อไป เมื่อเดินถัดออกไปอีกสองสามบล็อคก็ถึงร้านอาหารร้านประจำที่พวกเขาทั้งสองมักเดินมาฝากท้องยามว่างเสมอ พนักงานในร้านเดินยิ้มกริ่มพร้อมเมนูอาหารส่งยื่นให้ก่อนจดรายการที่สั่งลงไปและไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของคนทั้งสอง คนหนึ่งนั่งจิ้มมือถือออนเหวยโบ๋ อีกคนเท้าคางหันหน้าออกไปนอกกระจกก่อนถูกสะกิดให้ดูรูปในมือถือที่เพิ่งโหลดมาได้จากเหวยโบ๋ พอแกล้งจิ้มกดขยายแล้วแซวเรื่องริ้วรอยที่คนทำรูปใช้โฟโต้ชอปลบออกไปให้ เจ้าของเครื่องก็หัวเราะยกมือที่ว่างตีลงไปตรงแขนและยกมือถือกลับคืนมานั่งเปิดรูปอื่นดูต่อไป
ไอศกรีมรสมิ้นต์วางลงตรงหน้า พร้อมกาแฟถ้วยอุ่นหอมกรุ่นกลิ่นไอฟุ้ง และกรีนทีลาเต้ของอี้ฝาน
ลู่หานหยอดน้ำตาลใช้ช้อนคนกาแฟไปมา พลางเหลือบมองอู๋อี้ฝานที่เพิ่งเดินกลับมาพร้อมนิตยสารให้อ่านฟรีค่าเวลาในร้าน ใบหน้าเข้มกับคิ้วและดวงตาที่ติดจะดุของอู๋อี้ฝาน เขาชอบแอบมองดูมันเสมอ อี้ฝานชอบทำหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไรเพราะมักบ่นอยู่เสมอว่าตนยิ้มไม่สวย แต่สำหรับลู่หาน เขาว่าอี้ฝานยิ้มแล้วดูดีไม่ต่างจากตอนทำหน้านิ่งเช่นนี้
มือใหญ่เอื้อมคว้าช้อนและตักไอศกรีมในถ้วยตรงหน้าของลู่หานมาชิมก่อนวางคืนกลับที่เดิม กวางบื้ออ้าปากค้างบ่นพึมพำว่าเจ้าของยังไม่ทันได้กินเลยมากินก่อนได้ไง และตักไอศกรีมเข้าปากบ้าง อี้ฝานหัวเราะในคอเบาๆ หยิบช้อนกาแฟในถ้วยของลู่หานออกมาตักไอศกรีมถ้วยนั้นอีกครั้งอย่างจงใจแกล้งเย้า จนถูกยกถ้วยไอศกรีมหนี สองคนหัวเราะร่วนก่อนวางมันไว้ตรงกลางโต๊ะและแบ่งกันกินโดยที่ไม่พูดอะไรกันต่อ
คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือ อีกคนนั่งเล่นเหวยโบ๋ กินขนมกันไป ฟังเพลงที่เปิดในร้านกันไป เสียงแมสเสจเข้า ดังพร้อมกัน เป็นจื่อเทาและเซฮุนที่ส่งเข้ามาตามหาพวกเขาในห้องแชทรวม ว่าให้ซื้อขนมกลับไปฝากด้วย
สองคนมองหน้าและหัวเราะก่อนเรียกพนักงานมาคิดเงิน ลุกเดินตามกันออกไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมกลับไปให้น้องชายทั้งสอง
ดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้าไปแล้ว แสงไฟในเมืองและร้านรวงพากันส่องกะพริบวับวามทั่ว บ้างเร่งเดินกลับบ้าน บ้างออกมาหาอะไรกิน บ้างเดินเล่น บ้างรอใครสักคน และบางคู่ก็ก้าวเดินไปพร้อมๆ กันอย่างนี้จนเป็นนิสัย...
อู๋อี้ฝานเดินมาส่งลู่หานที่หน้าห้องนอน ยื่นถุงขนมที่ซื้อมาฝาก เลย์และเฉินในห้องให้ ส่วนตัวเองก็ถือของเซฮุนและเทาไว้
“งั้นแยกกันตรงนี้นะ”
“อื้อ”
“.....ราตรีสวัสดิ์” อี้ฝานยกยิ้มพร้อมเดินหันหลังกลับห้องของตนที่คงมีลิงทโมนทั้งสองนอนรออยู่ในห้องแล้ว
“อี้ฝาน” ลู่หานเอ่ยเรียกทำให้คนร่างสูงเลิกคิ้วฉงนหันกลับมามองอีกครั้ง .....กระทั่งถูกดึงรั้งให้โน้มต่ำสัมผัสกับความหยุ่นนิ่มของริมฝีปากบางๆ จากกวางน้อยตัวนี้ ถึงทำให้เขาเข้าใจความหมายและน้อมรับไว้แต่โดยดีไม่ขัดขืน
“ราตรีสวัสดิ์.....” ลู่หานบอกและเดินเข้าห้องไป ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มและความอุ่นอวลในหัวใจของกันและกัน
Never Ending Story
=================================================
เรื่องสั้นลำดับที่ 1 ของข้าพเจ้า ในตระกูล คริสลู่ ฮ่าๆๆๆๆๆ
with love
viruskei
ความคิดเห็น