ตอนที่ 1 : #1
ร่างบางอยู่ในชุดผ้าไหมสีขาวปักลวดลายเป็นลวดลายที่คนธรรมดาอ่านไม่ออก ด้ายที่ใช้ปักก็เป็นสีขาวเช่นกัน มีสีเดียวที่ตัดกับสีขาวคือผ้าคลุมสีฟ้าอ่อนที่คลุมป้องกันความหนาว ผมสีขาวธรรมชาติถูกปล่อยสะเปะสะปะไม่จัดทรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจนเหมือนมันจางไปจดจ้องไปที่คัมภีร์ นิ้วเรียวสวยกดพู่กันเปื้อนหมึกตวัดลงบนคัมภีร์ม้วนหนาที่ตอนนี้กางแบอยู่ที่พื้น การกระทำทุกอย่างมันทำให้คนตรงหน้าน่าหลงใหล… เป็นคนที่ไม่มีสีสัน ที่งดงามที่สุด
“นายเขียนอีกแล้ว?”
เสียงเรียกของเพื่อนสนิทเรียกความสนใจของเขา
“นึกออกก็ต้องรีบเขียนเลย ไม่งั้นเดี๋ยวลืม”
“เขียนไปนายก็ไม่รู้ความหมายของมันอยู่”
“แต่มันออกมาจากหัวเรา มันน่าหลงใหล”ไม่ใช่แค่พูด เขาก็มองมันอย่างหลงใหลเช่นกัน
“ฉันอ่านไม่ออก”
“เราก็อ่านไม่ออก”ผมตอบมิไฮทันที
มิไฮคือเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของผม มิไฮมีเลือนผมสีบลอนเงิน นัยตาสีน้ำตาลอ่อนกว่าผมอีก มิไฮอยู่ในชุดผ้าไหมสีกรมผูกผ้าสีขาวไว้ที่เอวเพื่อความกระชับ ต่างจากผมที่ชอบใส่สบายๆมากกว่า ที่สำคัญรอบคอของมิไฮมีผ้าพันคอสีกรมพันรอบอยู่
“ทุกวันนี้นายยังฝันอยู่ไหม”
“...ฝันสิ”
ผมฝัน ฝันที่แปลกจนเพื่อนรักสงสัย ผมฝันเห็นสิ่งแปลกๆที่อ่านไม่ออก เหมือนในคัมภีนี้นั้นละ ตื่นมาผมก็จดมันเท่าที่จะจำได้ จนตอนนี้มันม้วนใหญ่อ้วนเท่าผมแล้ว
“วาเลนไทน์”
“?”
“ผู้นำหมู่บ้านบอกว่ามีคนติดต่อมาว่าจะมาหมู่บ้านเรา3คน ช่วงนี้นายก็อย่าออกไปไหนบ่อยละ”มิไฮเตือน
“อื้ม เข้าใจแล้ว ความจริงมิไฮไม่ต้องห่วงเรื่องนี้มากก็ได้ เราไม่มีใครให้ไปคุยด้วยหรอก^^”
“ดึกๆก็ไม่ต้องออกไปไหน เข้าใจไหม”
“เราเข้าใจแล้ว”
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้เราหันไปสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมตัดสินใจเดินไปเปิดประตูบ้านของตัวเองเพื่อมองดูว่าใครกันที่มาบ้านผม??
“มิไฮละ?”ผู้มาเยือนถามขึ้นทันทีที่เห็นผม
“มิไฮอยู่ข้างใน”
“เรียกมาให้ที”
ผมหันกลับมาสบตากับมิไฮ มิไฮน่าจะได้ยินที่ เจเนตพูดแล้ว เธอเป็นคนในหมู่บ้านนี้เช่นเดียวกับพวกเรา สำคัญคือเขาไม่ชอบผม… เพราะอะไรผมก็ไม่รู้หรอก
“มีอะไรหรอ”มิไฮเดินไปรับหน้าแทนผมแล้ว
“ผู้นำหมู่บ้านฝากนี่มาให้นายกับวาเลนไทน์ รับไป”เจเนตยัดจดหมายใส่มือของมิไฮ
“ขอบใจ”
“ดูแลตัวเองด้วย”เจเนตพูดและหันหลังเดินออกมา
ในความจริงแล้วไม่มีใครอยากจะมายุ่งกับบ้านหลังนี้เท่าไหร่หรอก คนในหมู่บ้านเชื่อกันว่าผมถูกสาป ตามที่บรรยายไปก่อนหน้านี้ ผมไม่เพียงมีสีผมสีขาวและนัยตาที่สีอ่อนมาก ไม่ว่าคิ้วทรงสวย ขนตาแพรงามนั้นก็เหมือนสีขาว ผิวก็ขาวใสดั่งหิมะ เป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่าผิวเผือก แต่สำหรับมิไฮก็ไม่ได้มองว่ามันผิดธรรมชาติยังไง ผลตรวจออกมาแล้วว่าไม่ร้ายแรงถึงขึ้นเป็นโรคนั้น สิ่งที่ต้องระวังก็ไม่มี ผมสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้ดีกว่าคนหลายคนด้วยซ้ำ
หมู่บ้านของเราอยู่ในเขตหนาวชื้นไม่มีปัญหาเรื่องแสงแดด พวกเราอาศัยอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ใช้เงินตรา ใช้การแลกเปลี่ยนในการใช้ชีวิตซะส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ใช้เลยนะ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ใช้กัน เงินตราที่ว่าคือเงินหรือไม่ก็ทองเท่านั้นละที่คนที่จะใช้แลกกัน พวกเราเชื่อในเทพเจ้าและสัตว์ในตำนาน
สีผมและสีตา สีผิวของเราล้วนเป็นสีอ่อน และผมจะผิวเผือกมันจะผิดตรงไหนกันละ?
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ มีคนลือกันไปว่าผมถูกสาป… ผมเป็นแวมไพร์
และมันก็ใช่อะนะ…
“อะไรน่ะ”ผมถามเมื่อเห็นจดหมายแปลกๆนั้น
“ประทับตราของหมู่บ้านด้วย มันต้องเป็นงานของหมู่บ้านแน่ๆเลย เห้อ”มิไฮถอนหายใจ
“เปิดสิๆ”
“ถึงมิไฮ ไมเรนเกอร์, วาเลนไทน์
เมื่อวันที่ 5 เดือน 8 ที่กำลังจะมาถึงนี้ มีคนติดต่อว่าจะเข้ามาหมู่บ้านเพื่ออยู่อาศัยและะท่องเที่ยว หากแต่ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ทางเราอยากให้พวกเจ้าทั้ง 2 พาตัวเขาเข้ามาแนะนำที่สำนักหมู่บ้าน
ติดต่อสำนักหมู่บ้าน เบอร์บิว
จาก ผู้อาวุโสเหลาเออร์”
“...เราต้องไปหรอ”
“งานของหมู่บ้านแบบนี้มีค่าแลกเปลี่ยน”มิไฮพูดถึงข้อดีของมัน
“เราไม่ได้เดือดร้อนเงินทอง เผลอๆของแลกเปลี่ยนอาจจะเป็นปลาสักตัวก็ได้”ผมพูดติดตลก
“ทำยังไงได้เล่า น่าเบื่อเนอะ ทำไมต้องเป็นเราก็ไม่รู้”
“นั้นสิ ทั้งๆที่ไม่มีใครอยากเจอเราแท้ๆ แต่ผู้อาวุโสเหลาเออร์อยากให้เราออกไปข้างนอกจัง”
“อย่าพูดอย่างงั้น”
“^^”
“งั้นเราไปกันเถอะ”
“หะ??”
“ก็วันนี้ เป็นวันที่5”
…เจเนตคงทำใจนานถึงจะเอาจดหมายมาให้เราสินะ
“เราเบื่อแล้ว”
“...เห้อ”
“เราเบื่อ เมื่อไหร่เขาจะมาเสียที ผู้อาวุโสเหลาเออร์ได้ระบุเวลาหรือเปล่า”ผมถาม เพราะเรามารอที่ทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อบ่ายตอนที่เราได้รับจดหมาย แต่จนตอนนี้2ทุ่มแล้ว เราก็ยังไม่เห็นวี่แววของใครสักคน
ผู้อาวุโสเหลาเออร์โกหกเรางั้นหรอ
“นายเก็บราสเบอรี่กินจนจะหมดต้นแล้ว กินต่อให้มันหมดเขาคงมา”
“:( อิ่ม”
“งั้นก็บันทึกคัมภัร์นั้นไปสิ”
“เรากำลังรอให้มิไฮพูดถึง”ผมพูดและกางคัมภีร์ม้วนโตข้างหลังออกเล็กน้อย ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นหญ้าและหยิบพู่กันขึ้นมา แต่ก็ต้องค้างอยู่หลายนาที เพราะนึกไม่ออก
“จำไม่ได้หรอ ระหว่างวันนายเราแต่พูดว่า เพราะว่าต้องมารับผู้มาใหม่เลยอดเขียนต่อ ทีนี้เขียนไม่ออกหรอ?”
“อืม”ผมพยักหน้า“อ้ะ”ผมร้องและจรดพู่กันลงบนกระดาษคัมภีย์ม้วน แน่นอนว่าตอนนี้เวลา2ทุ่ม ฟ้ามันมืดมากแล้วสำหรับเขตหนาวชื้น แต่สายตาของผมก็ยังคงมองเห็นสิ่งต่างๆชัดเจณ มีแต่มิไฮที่ต้องอาศัยไฟจากเทียนหอมตลับเล็กที่ผมพกมาด้วย
“นั้นใครน่ะ”ผมเงยหน้าขึ้นทันที ผมเคยพูดแล้วว่าความมืดไม่ใช่ปัญหาของผม ผมจ้องไปที่เบื้องหน้า มือก็ม้วนคัมภีย์เก็บสะพายไว้ข้างหลังทันที
“ฉันเป็นแขก”คนที่ผมมองเห็นนั้นเดินออกมาจากความมืดแต่โดยดี เขาถูกแสงเทียนในมือของมิไฮทำให้มองเห็นเขาได้ชัดขึ้นสำหรับมิไฮ
“คุณเป็นใคร”มิไฮถามขึ้น
“ผมเป็นคนที่ขอเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านของคุณวันนี้”เขาพูดขึ้น นี่คือน้ำหน้าของคนที่ปล่อยพวกผมยืนรอกันจนรากงอกสินะ
เขาเดินเข้าป่ามาทางเข้าหมู่บ้านเราโดยที่ไม่มีแม้แต่ตะเกียงไฟหรอ?? มันแปลก และผมก็รู้สึกระแวงเขา มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย...
“มืดแล้ว เราเข้าหมู่บ้านกันเถอะ”มิไฮมองผมอย่างประหลาดใจ แต่ก็เดินหันหลังเข้าหมู่บ้าน ทางเข้าหมู่บ้านอยู่ห่างจากจุดที่ผู้คนอาศัยอยู่พอสมควรผู้อาวุโสเหลาเออร์เลยต้องการให้คนมารับแขกสินะ
เราเดินกลับมาโดยที่อาศัยแสงเทียงจากเทียนตลับในมือมิไฮเท่านั้น สำหรับผมมันไม่ใช่ปัญหา และผมก็สงสัยว่าสำหรับแขกคนนี้ก็ไม่เป็นปัญหาด้วยเหมือนกัน
เราเดินกันประมาณ10นาทีก็เริ่มเจอแสงสว่าง มิไฮก็เป่าเทียนหอมตลับของผมดับไป
เรามุ่งหน้าไปที่สำนักหมู่บ้าน เพื่อที่จะติดต่อเบอร์บิว เขาเป็นคนทะเบียนของหมู่บ้านเรา
“ฉันต้องทำยังไง”
“เข้าไปหาคนที่ชื่อเบอร์บิว”มิไฮพูดส่งท้ายแค่นั้น
“นายน่ะ”
“...”ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร
“เข้าไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”เขาพูด
“อืม เราเข้าไปกันเถอะ”มิไฮเออออตามและเดินเข้ามาในสำนักหมู่บ้าน
“เบอร์บิว”
“มิไฮ วาเลนไทน์?”เบอร์บิวทักขึ้น
“เราพาเขามา”มิไฮพูดและชี้ไปที่คนแปลกหน้าคนนั้น
“เข้าใจแล้ว คุณชื่ออะไรครับ”
“ซิสโก้ เอ็ม”
“เขียนตรงนี้”เบอร์บิวพูดและยื่นกระดาษต่างๆนาๆให้เขาเซ็น ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร เพราะผมเกิดและโตมาที่นี่
“คุณมีที่อยู่ที่เตรียมไว้ใช่ไหม?”
“...”
ความเงียบปลกคลุมทันที เพราะว่าซิสโก้คนนี้ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“กลับเถอะมิไฮ”ผมรู้สึกถึงปัญหาเลยดึงแขนเสื้อมิไฮเชิงบอกว่า เผ่นเถอะ เร็วเข้า
“อืม”มิไฮพยักหน้ารับทันที
“มิไฮ”
“.......”มิไฮชะงักกึก
“กลับบ้านดีกว่า ง่วงเนอะ”ผมเนียน
“วาเลนไทน์”
“...”
“ช่วยดูแลเขาก่อนคืนนึงได้หรือเปล่า^^ ผู้อาวุโสเหลาเออร์เขาออกไปนอกหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เราไม่มีที่อยู่ให้เขานะ”
ใช่ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว มันไม่มีโรงแรมให้เขาพักหรอกนะ เข้าป่าไปดิเว้ย- -.
“คือถ้าพวกนายไม่ช่วย คืนนี้เขาคงต้องกลับไป หรือไม่ก็หาที่นอนแถวบันไดหรือหน้าประตูบ้านใครสักคน คงน่าสงสารแย่”
“- -”ซิสโก้มองเบอร์บิวแบบ ‘นายจะหาเรื่องกันใช่ไหม’
“เอาไงดี”มิไฮกระซิบถาม
“ไม่รู้”
“งั้นฉันไปนอนบ้านคนที่ชื่อมิไฮได้หรือเปล่า”ซิสโก้พูดขึ้น
“ไม่ได้!”ผมปฏิเสธทันที
“แฮ่ม”เบอร์บิวมองผมอย่างตำหนิ อะไร! ก็ผมไม่ไว้ใจ
“หรือนายอยากให้ฉันไปนอนบ้านนาย วาเลนไทน์...”เขารู้ชื่อผมกับมิไฮแล้วสินะจากที่เบอร์บิวเรียก
“เหอะ งั้นมิไฮนายมานอนบ้านฉันและให้เขานอนบ้านนายไป แต่นายห้ามแตะต้องของทุกอย่างในบ้านของมิไฮ นายตกลงไหม”
“ตกลง”เขาตอบปัด
“ชิ ไม่ชอบเลย”
“ใจเย็นน่ะ”มิไฮแตะแขนผมเบาๆเหมือนจะดึงสติ
เรากลับมาถึงบ้านแล้ว ความจริงบ้านผมกับบ้านมิไฮอยู่ข้างกันนี่เอง มิไฮก็มานอนที่บ้านผมบ่อยๆ มิไฮเคยอยู่กับแม่ แต่ตอนนี้แม่ของมิไฮเสียแล้ว ท่านเสียตั้งแต่มิไฮอายุ7ขวบ เลยอยู่ในการอุปการะจากผู้อาวุโสคนก่อน ผู้อาวุโสเวโซ่ และเขาเป็นคนเดียวกับคนที่เลี้ยงผมมาเช่นกัน
“นายอาบน้ำนอนเลยเถอะ”
“นายจะกินอะไรก่อนไหม”มิไฮถาม
“ไม่ละ เขาอยู่ใกล้แค่นี้ เราไม่อยากให้เขาระแคะระคาย เราไม่ไว้ใจเลย”ผมตอบและจุดเทียนตลับ5อันและวางไว้ข้างเดียวฝั่งละ2หัวเตียง1
ผมยื่นตะเกียงให้กับมิไฮ เพื่อที่จะให้มิไฮใช้เป็นแสงสว่างตอนอยู่ในห้องน้ำ
ใช่แล้วละ บ้านผมไม่ต่อใช้ไฟฟ้าอย่างบ้านอื่นเนื่องจากผมไม่จำเป็นต้องใช้ไฟผมก็สามารถมองเห็นในความมืดได้ และอากาศของที่นี่ก็ดีค่อนไปทางหนาวด้วยซ้ำ ผมเลยไม่ต้องการแอร์ และมิไฮก็อยู่กับผมได้ บ้านของผมเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านเก่าของผู้อาวุโสเวโซ่ที่รับเลี้ยงผมกับมิไฮมา แต่ท่านเสียไปตั้งแต่ผมอายุ10ขวบแล้วละ ผมเลยสนิทกับจีมิน มากกว่าเพื่อนสนิท เราเหมือนพี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้อง
“โอเค”
ก่อนวันเกินวาเลนไทน์ อายุ13ปี
วันนี้เป็นวันเกิดของผม มิไฮเอาขนมปังครีมสดและเบอรี่ป่าที่เก็บได้ในป่าในสวนของหมู่บ้านมายำรวมกัน พร้อมกับปักเทียน13ดอก
“ขอบคุณนะมิไฮ”
“สุขสันต์วันเกิดนะ^^”มิไฮลูบศรีษะผมเบาๆ
เรานั่งทานเค้กประดิษฐ์กัน2คน มันอร่อยมากเลยละ ความอร่อยที่ไม่ได้อยู่ที่เค้ก แต่อยู่ที่คนที่เรากินด้วยต่างหาก ความอบอุ่นของความมีครอบครัว มีแค่มิไฮเท่านั้นละที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้
“ขอบคุณมากนะ^^”
00:00
“เฮือก!!!!”ผมสะดุ้งขึ้นมาจากที่นอน ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ร่างกายสั่นเทาไปหมด กะ เกิดอะไรขึ้น ผมกวาดสายตามองรอบตัวอย่างประหลาดใจ ทั้งๆที่มันมืดมากแท้ๆ แต่ผมกลับมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจณ แม้แต่ไยแมลงมุมที่มุมห้องผมก็ยังมองเห็นได้ชัดเจณ ทำไมละ?
หิว หิวน้ำ
ผมพุ่งตัวรุกจากเตียงและตรงไปที่ห้องครัวทันที ผมเปิดตู้เย็นและคว้าขวดแก้วที่บรรจุน้ำไว้ออกมา ผมเปิดจุกออกและกรอกมันลงคออย่างไม่คิดชีวิต ตอนนี้ลำคอของผมแห้งพรากไปหมด มันทรมาณมาก…
จนกระทั่งมันหมด อาการกระหายน้ำของผมมันไม่ได้บรรเทาได้เลย!
ผมลุกและเดินพรวดพราดออกมาจากบ้านทันที ทั้งๆที่ผู้อาวุโสเหลาเออร์ย้ำเตือนนักเตือนหนาว่าเป็นไปได้ห้ามทุกคนออกจากบ้านตอนกลางคืน
ปัง ปัง ปัง!!!
“มิไฮ!!”
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!!
“เปิดประตูที!”
ไม่มีเสียงตอบรับ ผมหอบหายใจลำคอแห้งพราก ผมต้องการน้ำ! ตอนนี้!! ในปริมาณมากๆด้วย มิไฮ
…
เหมือนสติสัมปชัญญะได้ถูกช่วงชิงไป ตอนนี้ผมเหมือนจะมีสติ แต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายต้วเองได้อีกแล้ว
“วาเลนหรอ?”เสียงคนที่พูดขึ้นอยู่คนละฝั่งของประตู
แก๊ก
“ว่าไงหรอวาเลน เกิดอะไรขึ้น”มิไฮปรากฏตัวต่อหน้าผม อีกฝ่ายขยี้ตาอย่างง่วงงุนเมื่อถูกปลุกกลางดึก
หมับ กึก!!
“!!! อึก วาเลน!”ผมพุ่งเข้าหามิไฮทันที คมเขี้ยวที่งอกขึ้นมากัดเขาลงที่เส้นเลือดฝอยบริเวณต้นคอ โดนเลี่ยงเส้นเลือดใหญ่ มิไฮจะต้องไม่ตาย…
“เจ็บนะ!! วาเลน?!”ใบหน้าเหยเกของมิไฮยังคงตรึงใจผมจนถึงทุกวันนี้ มิไฮจะผลักออกก็ไม่กล้า เพราะในขนาดที่ถูกกัด และผละออกทันทีแผลมันต้องเหวอะหวะเป็นแน่
ผมดูดเลือดจากรอยแผลที่มาจากเขี้ยวของผม ไม่นานนักปากแผลก็ถูกดูดจนเขียวช้ำ เลือดไม่ไหลแล้ว มันทำให้ผมลดกระหายไปได้
“มิไฮ… มิไฮ!!”
ผมมองสภาพเพื่อนสนิทที่เหมือนจะวูบหมดสติ มิไฮ?! ผมเป็นคนทำ? ผมเป็นคนทำหรอ เกิดอะไรขึ้น?
“มิไฮ! ไหวไหม! ฮึบ”ผมพยุงร่างของมิไฮและพาเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นในบ้านของมิไฮ
และนับจากนั้นมา ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กอายุ10ขวบที่ผู้ใหญ่เกรงกลัว จนผมในตอนนี้อายุ13 ไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยซ้ำ…
กลับมาปัจจุบันเถอะ…
ผมกับมิไฮได้รับหน้าที่ดูแลซิสโก้ เราพาเขาไปพบกับผู้อาวุโสเหลาเออร์อีกครั้งในตอนเช้า แน่นอนว่ามิไฮไม่ต้องการให้ใครมาอยู่บ้านตัวเองหรอก ผมก็ไม่อยากให้เขามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผมเช่นกัน ถ้าเขารู้เรื่องของผม มันจะแย่เอา
“สวัสดี”ซิสโก้ทักผู้อาวุโสเหลาเออร์อย่างไร้ความเคารพและอารมณ์
“สวัสดี เธอคือซิสโก้ เอ็มสินะ ฉันผู้อาวุโสเหลาเออร์ เป็นผู้นำหมู่บ้านนี้”
ซิสโก้พยักหน้าเล็กน้อยในเชิงรับรู้
“ก่อนที่เธอจะติดต่อขอเข้าหมู่บ้านเราเธอคงรู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ต้อนรับคนนอกมากนัก แต่สภาอาวุโสพึ่งจะลงมติกันเมื่อไม่นานว่าเราควรเปิดหมู่บ้านรับนักท่องเที่ยวหรืออย่างอื่น”
พวกเราฟังอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะเรื่องนี้เรารู้อยู่แล้ว ก็เราเป็นคนในนี่นา ติดที่ซิสโก้ที่ต้องเป็นคนใส่ใจกับทำหน้าเบื่อเลยมองไปนอกหน้าต่างอย่างไม่คิดจะสนใจคำพูดของผู้อาวุโสเหลาเออร์เลยแม้แต่น้อย
“หมู่บ้านเราอยู่กับธรรมชาติโดยสมบูรณ์ เราไม่ใช้เงินตรา แต่มีสิ่งมีค่าที่ใช้แลกเปลี่ยนได้ คือเงินและทองคำ เธอมีหรือเปล่า”ผู้อาวุโสเหลาเออร์ถามตรงๆขนาดนี้เลยหรอ?? มันคล้ายกับจะหมายความว่า ไม่มีนายก็อยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ
ซิสโก้ไม่พูดอะไรมาก เขาหยิบทองคำรูปพรรณจำนวนหนึ่งขึ้นมา ทองคำมีค่ามาก แค่แหวนวงนึงก็สามารถแลกข้าวปลาอาหารจากคนในหมู่บ้านได้เกือบปีเลยละ แต่เขาหยิบออกมาเป็นกำมือ? แต่ถึงยังไงก็เถอะ หมู่บ้านเรามีทุกอย่างอยู่แล้ว พืชพรรณสามารถเติบโดยได้ สัตว์น้อยใหญ่ก็สามารถหาได้ในป่า เราไม่จำเป็นถึงขั้นต้องใช้ทองคำในการแลก ส่วนใหญ่ในมีทองคำหรือเงินก็จะเก็บไว้เป็นสมบัติเสียมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น บ้านผมปลูกผัก และวันนี้มิไฮตกปลามาได้3ตัว มิไฮเอาผักไป ผมเอาปลามา1ตัวอะไรแบบนี้ ถึงผมกับมิไฮจะกินข้าวด้วยกันก็เถอะ
“อืม แน่นอนว่าคนของเราไม่ขัดสน หากเธอจะอยู่ที่นี่ก็ต้องปฏิบัติตามกฏของที่นี่ เบอร์บิว”
เบอร์บิวที่ถูกเรียกก็ยื่นหนังสือเล่มขนาดกลางเล่ม1ไปให้ซิสโก้ เขารับมันไว้และยัดมันใส่กระเป๋าที่พกติดตัวอย่างไม่ใส่ใจนัก
“นี่มันคือหนังสือ ที่เขียนกฏของที่นี่ไว้”เบอร์บิวอธิบาย
“และข้อ1ที่สำคัญ พยายามอย่างออกมาข้างนอกตอนค่ำมืด”ผู้อาวุโสเหลาเออร์พูด
“นั้นคือข้อบังคับหรือเปล่า?”
“นั้นแค่เตือนน่ะ”เบอร์บิวตอบแทน
“และฉันจะต้องไปอยู่ที่ไหน ฉันอยากได้บ้านสักหลัง”ซิสโก้พูดอย่างเอาแต่ใจ
เอาแต่ใจจริงแหะ
“เราไม่มี ถ้านายอยากได้ นายต้องสร้างเอง”มิไฮพูด
ซิสโก้เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“หากนายไม่ติด เราให้นายยืมผ้าใบไปทำเต้นท์นอนได้ สนใจไหมละ”ผมกระตุกยิ้มอย่างหวังกวนอีกฝ่าย
“เหอะ บ้านนายก็ใหญดีนี่ วาเลนไทน์”ซฺสโก้พูดขึ้น ทำไมผมรู้สึกถึงรางไม่ค่อยดี- -
“...”ผมเก็บปากเงียบ
“ถ้าฉันจะขอเช่าห้องสักห้อง :)”
“เห็นทีจะไม่สะดวก!”ผมปฏิเสธทันที
บ้านของผมเป็นบ้านหลังเก่าของผู้อาวุโสเวโซ่ เขาเป็นคนเลี้ยงผมมา และเขาไม่มีญาติหรือลูกหลาน เขารับผมเป็นหลานของเขา เพราะงั้นหลังเขาตาย ผมก็สามารถอยู่ต่อได้ หมู่บ้านเราไม่ถืออะไรมากมาย สังเกตุจากกฏหมู่บ้านที่สามารถบรรจุลงในหนังสือเล่มขนาดกลางได้
“หึ หรือนายมีความลับอะไร ที่บอกใครไม่ได้หรืออย่างไร”ซิสโก้มองผมอย่างยั่วอารมณ์โมโห และผมก็ค่อนข้างโมโหและไม่ถูกชะตากับเขาเป็นพิเศษ
“วาเลนไทน์”มิไฮเรียกให้ผมสงบอารมณ์
เจ้านี่ต่างหากที่ปั่นหัวเรา! มิไฮ!
“อดีตบ้านของผ้อาวุโสเวโซ่ก็หลังใหญ่ใช่ย่อย”เบอร์บิวพูดเสริม
“เรามีทองคำมากโข ไม่ต้องการของของนายหรอก ไปหาบ้านหลังอื่นอยู่เถอะ”ผมพูดและหลบตาเขา
“ฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้เท่าไหร่ผู้อาวุโสเหลาเออร์ แต่คิดว่ารู้ถึงเรื่องแปลกระหว่างทางมาที่นี่ เรื่องเล่าลือเกี่ยวกับปีศาจ คำสาปหลายสิ่ง ช่างน่ากลัวเสียจริง”
คำพูดคำจาเปื้อนยิ้มนั้นมันชวนโมโหเหลือเกิน!
“เรื่องนั้นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นละ”ผู้อาวุโสเหลาเออร์เพียงแต่ได้หลบตาซิสโก้จอมวายร้าย
“ว่าไงดี วาเลนไทน์ นายมีความลับอะไรถึงได้รังเกียจแขกของหมู่บ้านเช่นเราได้ถึงเพียงนี้”
“งั้นทองคำ2ทรอยออนซ์ต่อ7วันเห็นทีคงจะไม่เป็นไร”ผมยื่นข้อเสนอเสียเปรียบให้กับเขา คนมีสมองที่ไหนจะยอมแรกทองคำ2ทรอยออนซ์ต่ออาทิตย์กันเล่า!
“นั้นไม่เป็นปัญหา”
“...นาย”ผมถลึงตาใส่เขาอย่างไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
“...”มิไฮกุมขมับอย่างปวดหัว
“งั้นตกลงเอาตามนี้”ซิสโก้สรุปเองเออเอง
“มิไฮ!!”ผมหันไปฟ้องมิไฮทันที
“เดี๋ยวค่อยคุยเถอะ”มิไฮระงับศึกไว้เพียงเท่านี้ เพราะสีหน้าของผู้อาวุโสเหลาเออร์กับเบอร์บิวที่ดูลำบากใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“หึ่ย”
“:)”
ทองคำจำนวนหนึ่งวางกองอยู่เบื้องหน้าของผม ของซิสโก้นั้นละ
“ชิ”
“ตกลงตามนี้ ทองคำพวกนี้แท้แน่นอน นายจะตรวจสอบก่อนก็ได้ ว่าแต่จะให้ฉันอยู่ห้องไหน”ซิสโกถาม เขามาตัวเปล่า ข้าวของไม่เยอะนัก เลยไม่ลำบากในการขนย้าย
“นายไปอยู่บ้านมิไฮเถอะ มิไฮจะย้ายมาอยู่ที่นี่”ผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่เกี่ยง”เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เขาแค่ต้องการกวนอารมณ์ผมเท่านั้นสินะ!
เขายักไหล่ไม่สนใจและเดินไปบ้านมิไฮทันที
“นายไม่ชอบหน้าเขาหรือว่ากลัวความลับแตก”มิไฮถาม
“ทั้ง2”
“ปกตินายไม่ใช่คนไม่เป็นมิตรกับผู้อื่นนิ?”มิไฮเลิกคิ้วอย่างสงสัย
ใช่ปกติผมเป็นคนเป็นมิตร แต่ความรู้สึกผมบอกชัดมากว่า ผมไม่ชอบเขา
“ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนฉัน”
“! หมายความว่า?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
