ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เก็บตัวละครเจ้าค่ะ

    ลำดับตอนที่ #113 : * ◞ PANDORA PROJECT'' (รับสมัครตัวละคร)

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 61


    B
    E
    R
    L
    I
    N


    *เพิ่มเติมข้อมูลตัวอักษรสีแดง และใส่กล่องเพลงค่ะ

     
    APPLICATION
    บท : แพนโดร่า 




    #PART01
    ชื่อ - โยรุ / Yoru  
    นามสกุล - มิซึกิ / Mizuki
    อายุ - 18
    เพศ - หญิง 
    ลักษณะนิสัย - 
              โยรุเป็นหญิงสาวที่เรียกได้เลยว่ามองโลกในแง่ลบเอามากๆ เธอมักจะคิดเรื่องต่างๆนาๆไปในทางที่เลวร้ายที่สุดเสมอ และไม่ไว้ใจใครง่ายๆ โลกใบนี้สำหรับเธอแล้วคงเห็นเป็นสีดำ ผู้คนรอบตัวเปรียบเสมือนปีศาจร้าย ไม่มีสิ่งใดที่เธอสามารถเชื่อถือได้ทั้งนั้นนอกจากตัวเอง ทุกคนเข้ามาเพื่อหวังประโยชน์ เมื่อได้รับก็จากไป เป็นแบบนี้วนเวียนไปไม่รู้จบ 
              คงเพราะเธอมองโลกในแง่ร้ายเอามากๆ ภายในหัวจึงมีแผนการมากมายถูกคิดขึ้นมาทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นในเวลาปกติ หรือกระทั่งตอนนอน เธอก็ไม่เคยลดการระวังตัวลงเลยแหม่แต่น้อย จะบอกว่าเธอขี้ระแวงก็ว่าได้
    เธอหวาดกลัวว่าสิ่งสำคัญของเธอจะหายไปจากเธออีกครั้ง เธอกลัวว่าต้องสูญเสียทุกสิ่งแล้วกลับไปใช้ชีวิตที่ต้องอยู่เพียงลำพัง ความเหงา ความเหน็บหนาวในวันนั้นเธอยังคงจดจำมันได้ดี
                   เธอมักจะยิ้มอย่างเยาะเย้ยทุกสิ่งอยู่เสมอ ราวกับกำลังสมเพชทุกชีวิต หรือบางทีเธออาจกำลังสมเพชตัวเอง โยรุไม่สนว่าใครจะมองเธอยังไง เธอไม่เคยแคร์ด้วยซ้ำว่าจะมีใครสนใจการกระทำของเธอ หรือจะมีใครเข้าใจการ
    กระทำของเธอหรือไม่ นอกจากนี้เธอยังเป็นพวกชอบเรื่องสนุกสนาน เรื่องวินาศสันตะโรของใครหลายคนมักเป็นเรื่องสนุกสำหรับเธอ และเธอจะไม่เข้าไปช่วยใดทั้งสิ้นนอกจากนั่งมองอยู่ห่างๆ แต่หากอยากให้ช่วยแจมเธอก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ ยกเว้นตอนขี้เกียจที่ต่อให้พูดยังไงเธอก็จะไม่ขยับตัวทั้งนั้น ก็เธอไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอนี้หนา   
                   นิสัยกวนเบื้องล่างของเธอทำให้มีหลายคนไม่ค่อยชอบเธอมากเท่าไรนัก ประกอบกับการชอบพูดตรง แทงใจดำใครต่อใคร ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกคงเป็นคำพูดจิกกัดที่ไม่ไว้หน้าใครเลยมากกว่า ยิ่งทำให้หลายคนมองนิสัยเธอติดลบเข้าไปอีก แต่ก็ใช่ว่าเธอจะสนใจหรอก เธอก็แค่ทำตามหน้าที่ของเธอต่อไปเท่านั้น
                   โยรุเป็นพวกหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนอย่างมาก เธอจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครเด็ดขาด หากนั้นไม่ใช่คนที่เธอเคารพ เธอจะไม่ยอมข้อร้องอ้อนวอน ต่อให้เธอจะอยู่ในสภาพปางตายก็ตามที ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมาณแค่ไหน แต่ขอแค่สิ่งนี้ที่เธอจะยอมให้ไม่ได้ แต่คงต้องยกเว้นหากนั้นเป็นเรื่องของคนที่เธอรัก เธอยอมละทุกสิ่งเพื่อสิ่งสำคัญได้ทั้งหมด
                   คงมีเพียงคนที่เธอสนิทด้วยจริงๆถึงจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากที่เธอสวมใส่นั้นปิดซ่อนความอ่อนแอไว้มากเพียงใด ปากร้ายใจดีคงเป็นนิยามของคนสนิทที่มอบให้แด่เธอ เธอไม่ชอบออกไปช่วยใครหากมันนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้ หรือการกระทำออกนอกแผนการเป็นเรื่องที่เธอค่อนข้างขัดใจ แต่กระนั้นเธอเพียงแค่ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แล้วคล้อยตามผู้อื่นอยู่ดี 
                   โยรุเป็นพวกชอบเก็บงำความรู้สึกไว้ภายใน เธอไม่เคยบอกใครว่าตอนนั้นเธอเป็นยังไง แผนการทั้งหมดเธอทำเพื่อใคร หรือความรู้สึกจริงๆของเธอคืออะไร เธอไม่ปราถนาให้ใครมาเห็นด้านอ่อนแอของตนเอง นอกจากไม่บอกออกไปแล้ว เธอยังไม่ชอบให้ใครเข้ามาขุดคุ้ยเรื่องของเธอด้วย เธอยอมรับว่าเธอจะหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่ามีใครกำลังก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัว 
                   เธอติดนิสัยอย่างนึงคือเป็นพวกที่หากไม่สนใจสิ่งใดแล้วก็จะไม่สนใจเลยจริงๆ นอกจากจะเมินไม่อยู่ในสายตาแล้วยังไม่คิดจะจำให้รกสมองด้วยซ้ำไป ประกอบกับนิสัยเกียจคร้านของเธอทำให้เธอไม่ค่อยขยับตัวมากเท่าไรนัก ช่างดูขัดกับหัวสมองที่มักคิดแผนการต่างๆทั้งทางหนีทีไล่และการก่อความวุ่นวายสำหรับผู้อื่นซะเหลือเกิน 
    เพราะถ้าหากเป็นไปได้ เธอคงหวังอยู่ลึกๆให้ความสงบสุขมาถึงเธอในเร็ววัน ( และเธอก็ชื่นชอบเป็นผู้ชมหรือผู้สร้างความปั่นป่วนโดยไม่มีผู้ใดรู้มากกว่าเป็นส่วนนึงในนั้น)
    เธอเป็นพวกรักษาสัญญายิ่งชีวิตเพราะงั้นเธอจึงมักจะไม่รับปากใครต่อใครเพราะกลัวว่าจะไม่สามารถทำได้อย่างที่ถูกตั้งความหวัง
    ลักษณะภายนอก - 
              หญิงสาวผิวขาวนวลเนียนดั่งน้ำนมร่างโปร่งบางด้วยส่วนสูง 165 ทำให้เธอดูผอมเพรียวกับน้ำหนักตัว 56
    ใบหน้าหวานคมถูกล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีม่วงซีดจาง ผมเบื้องหน้าถูกตัดหน้าม้ายาวดูน่าเกะกะ แต่สำหรับเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกอะไร  ดวงตาเรียวสีม่วงเช่นเดียวกับเรือนผมดูราวกับตาแมว  ทั่งดูเจ้าเล่ห์และกวนประสาท แต่กระนั้นก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าสุดแสนลึดล้ำ  ริมฝีปากอิ่มมักยิ้มเยาะเย้ยทุกสรรพสิ่งอยู่เสมอ โดยไม่มีผู้ใดรู้ว่าสิ่งที่เธอเยาะเย้ยนั้นคือผู้อื่น หรือตัวเอง คงไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วดวงตาข้างขวาของเธอนั้นหาได้ปกติเฉกเช่นผู้ใด มันพร่ามัวและไม่ชัดเจน ด้วยอุบัติเหตวัยเยาว์ ทำให้ดวงตาข้างนี้เกิดความผิดปกติในการมองเห็น ในบางครั้งมันก็มักจะเจ็บแปร๊บขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหต ราวกับจะย้ำเตือนถึงเรื่องที่เธอปราถนาจะลืมให้แจ่มชัดในความทรงจำ 
    ดวงตาข้างขวาสีจะซีดจางกว่าข้างซ้ายเล็กน้อย หากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็น ( ดวงตาข้างขวาไม่ใช่มองไม่เห็น แค่บางครั้ง ภาพจะเบลอ และไม่ชัด แต่บางครั้งก็ปกติดี )
    โยรุมักชอบแต่งตัวด้วยของสีดำและสีม่วง ออกแนวเท่ๆตามสไตล์ของเจ้าตัว
    ประวัติ - 
                   โยรุมีน้องสาวที่หน้าตาเหมือนเธอทุกประการ ถ้าจะให้พุดให้ถูกคือ พวกเธอ2พี่น้องเป็นฝาแฝดกัน แต่น้องของเธอนั้นร่างกายไม่แข็งแรง มักจะป่วยอยู่เสมอ ครอบครัวของเธอจึงให้เธออยุ่ภายในบ้านเพียงอย่างเดียว น้องของเธอไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน ด้วยเพราะเหตนั้นภายในบ้านจึงไม่มีรูปรวมที่มีน้องของเธออยู่ภายในรูปนั้นเลย รูปเพียงรุปเดียวที่มีพวกเราครบทุกคนคือรูปที่ถ่ายภายในสวนในบ้านของเธอเอง( เวลาไปเที่ยวเธอมักจะไปกับแม่ นานๆครั้งพ่อจึงจะยอมมาด้วย โดยที่น้องสาวของเธออยู่กับแม่นมที่บ้าน บ้านของเธอมีคนรับใช้เพียงคนเดียวคอยช่วยเหลือน้องของเธอเวลาลำบาก )พ่อของเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ เธอไม่รู้ว่าพ่อของเธอทำงานให้กับใคร หรือเกี่ยวกับอะไรด้วยซ้ำ  พ่อไม่เคยบอกเธอ พ่อปิดบังพวกเธอสองพี่น้อง แต่เธอคิดว่าแม่ของเธอรู้ พ่อกับแม่มักแอบคุยกันลับหลังพวกเธออยู่เสมอ บางครั้งเธอก็มักจะเห็นพ่อกุมขมับด้วยความเหนื่อยอ่อนโดยมีแม่โอบกอดพ่อไว้อย่างปลอบประโลม
                   เธอเกลียดพ่อ พ่อที่ไม่เคยมีเวลาให้เธอเลย ไม่เคยเล่นด้วยกัน ไม่เคยสอนหนังสือเธอ ไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอเลยแหม่แต่น้อย 
                   ในตอนที่เธออายุได้เพียง 8 ขวบ พ่อของเธอถูกลูกหลงในเหตการณ์ระเบิดที่ตึกที่พ่อทำงานอยู่ เธอรู้เรื่องนี้จากแม่ที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก เธอไม่รู้เลยว่าทำไมถึงไม่มีข่าวใดๆออกมา แต่ในตอนนั้นเธอยังเด็กและเสียใจเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องพวกนี้ 
                   ไม่นานน้องสาวของเธอก็ทรุดหนัก จำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลฉุกเฉิน นับวันค่าใช้จ่ายยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆจนเธอและแม่ไม่สามารถหามาได้อีกต่อไป พวกเธอจำเป็นต้องทิ้งทุกสิ่ง รถ โรงเรียน เครื่องประดับ แหม่กระทั่งบ้านพวกเธอก็จำเป็นต้องขายทิ้งแล้วหาที่อยู่ถูกๆอยู่เพียงเท่านั้น แม่วนเวียนระหว่างที่ทำงานกับการดูแลน้องเป็นระยะ 
                    ในตอนนั้นเธอคิดว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ทุกอย่างกำลังจบ แต่คงไม่รู้ว่ามันไม่ได้จบเพียงกำลังเริ่มต้น
                   เช้าวันต่อมา เธอและแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลน้องดั่งเช่นปกติ เพียงแต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เป็นวันเกิดของเธอสองคน ในช่วงที่แม่กำลังคุยกับน้องนั้น เธอปลีกตัวออกมาเพื่อมารับของขวัญและเค้กที่ฝากไว้ที่เคาเตอร์กับพยาบาลคนนึง ในช่วงนั้นเองคงไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น จุดที่ไฟไหม้นั้นคือชั้นบน ชั้นที่น้องของเธอและแม่อยู่พอดี ทุกคนพากันวิ่งหนีตายออกจากโรงพยาบาล แต่เธอกับวิ่งสวนทาง ในใจร่ำร้องเพียงขอให้ทั้งคู่ปลอดภัย ควันไฟปกคลุมไปทั้งชั้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้สาเหต รู้เพียงมันลามไปเร็วเกินกว่าใครจะไหวตัวทัน หรือหยุดมันได้ ไม่นานชั้น3ทั้งชั้นก็เต็มไปด้วยความร้อนระอุราวกับยืนอยู่กลางภูเขาไฟที่กำลังปะทุ และมันยังลามไปยังชั้น 2กับ 4 อย่างรวดเร็ว 
                    ภายในห้อง CCU ว่างเปล่าไร้ผู้คน ไร้ซึ่งเตียงที่น้องของเธอนอนพักฟื้นดั่งเช่นปกติ มีเพียงข้าวของกระจัดกระจายและประตูที่เปิดอ้าออกจนสุด เธอเดาว่าพวกเขาคงพยายามหนีออกไปก่อนหน้าแล้ว ในเมื่อทางที่เธอวิ่งผ่านมาไร้วี่แววของทั้งคู่ เธอจึงวิ่งตรงไปอีกทาง สำหรับทางลงฉุกเฉิน เมื่อเปิดออกเธอก็พบ ร่างไร้วิญญาณของหลายคนนอนกระจัดกระจาย พวกเขาดูราวกับถูกเหยียบตายมากกวาจะสำลักควันหรือถูกไฟไหม้ เธอยกมือปิดปากด้วยความตกใจ แต่แล้วเธอก็รุ้สึกถึงความสั่นไหวอยางรุนแรง ตึกกำลังถล่ม ร่างของเธอเสียศูนย์กลิ้งลงตามขั้นบันได
    ภาพดับวูบลงทันที เหลือเพียงความมืดมิด
    เธอหมดสติไปเพียงชั่วเวลาแปปเดียวเท่านั้น แต่กระนั้นเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาทุกสิ่งตกอยู่ในทะเลเพลิง  ไฟไม่มีทีท่าว่าจะดับ มันยังคงโหมกระพือหวังแผดเผาทุกสิ่งให้ไม่มีเหลือ เธอต้องไปต่อ ภาพของแม่และน้องสาวของเธอผุดขึ้นมาในหัวในเวลาที่กำลังสิ้นหวังกับชีวิต 
                   เธอพยายามประคองร่างออกตามหาคนสำคัญของเธออีกครั้ง แต่ราวโชคชะตาเล่นตลก ร่างของผู้เป็นแม่พิงกำแพงอย่างหมดแรง ขาทั้งสองข้างมีร่องรอยไฟไหม้เป็นทางยาวทั้งขา โดยข้างขวามีบางสิ่งที่ดูราวกับท่อไม่ก็ท่อนเหล็กทับอยู่ ข้างๆกันคือร่างของน้องสาวนอนแน่นิ่งอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ใบหน้าที่ซีดขาวยิ่งซีดลงไปอีก
    เธอพยายามประคองใบหน้าของน้องขึ้นมาอย่างมีหวัง รอยยิ้มเหนื่อยอ่อนถูกส่งให้เธอ ใบหน้าสวยคมเฉกเช่นเดียวกันส่ายไปมาอย่างหมดหวัง แม่ดึงเธอเข้าไปกอดปลอบประโลมเมื่อหยาดน้ำสีใสหลั่งริน เธอรู้ดี เธอรู้ดีว่าไม่มีหวังแล้ว น้องของเธอไปต่อไม่ไหวอีกต่อไป แม่ของเธอไม่สามารถเดินได้อีกแล้ว  แต่เธอก็ยังดิ้นรนด้วยความหวังเพียงน้อยนิด เธอพยายามทุกทางทั้งพยายามฉุดมือแม่ขึ้น พยายามทั้งอุ้มน้องและประคองแม่ไปพร้อมๆกัน แต่แรงของหญิงสาวคนเดียวไม่อาจทำอะไรได้ในสถานการณ์นี้ 
                   หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทาง เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดและเปลวเพลิง พอแล้ว พอกันที ชีวิตบัดซบนี้ควรจบลงได้แล้ว เธอทรุดตัวนั่งลงเบื้องหน้าทั้งคู่อย่างเศร้าสร้อย ในเมื่อพวกเขาไม่รอด เธอก็ไม่หวังให้ตัวเองรอด เธอจะอยู่กับพวกเขาจนวาระสุดท้ายของชีวิต แววตามุ่งมั่นถูกหยุดด้วยมือบางที่ประคองใบหน้าของเธอขึ้น จุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากพร้อมความรู้สึกที่สัมผัสฝ่ามือทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง ร่างกายถูกผลักออกอย่างแรงจากผู้เป็นแม่ ทันใดนั้นเพดานก็ถล่มลงมา ฝังผู้เป็นที่รักของเธอให้จมลงใต้เศษหินก้อนยักษ์ เธอกรีดร้อง 

    ทำไมละ ในเมื่อพวกเขาตาย ทำไมถึงไม่ปราถนาให้เธอตายไปพร้อมๆกัน 

                        เธอไม่สามารถเห็นร่างของน้องสาวได้นอกจากส่วนแขนที่ยื่นออกมาและรอยเลือดกระเซ็น ในขณะที่แม่ของเธอถูกทับไปถึงครึ่งท่อนล่าง แม่ขยับปากแผ่วเบาหากไร้เสียง ถึงกระนั้นเธอก็รู้ดีว่ามารดาผู้ให้กำเนิดกำลังพยายามพูดถึงอะไร 

    ได้โปรด ลูกต้องมีชีวิตต่อไป 

                           แววตาของแม่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความหวัง ช่างตรงข้ามกับเธอที่มืดบอดเหลือเกิน แล้วจะให้เธอปฎิเสธดวงตาคู่นั้นได้อย่างไร  แม่รักลูกนะ คำพูดสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดก่อนร่างนั้นจะแน่นิ่งตามน้องสาวของเธอปล่อยเธอไว้เพียงลำพังในโลกแสนโหดร้ายร่างเล็กได้เพียงกระเสือกกระสนมีชีวิตรอดตามความปราถนาสุดท้ายของผู้เป็นแม่ เธอไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าเธอรอดออกมาได้อย่างไร เธอไม่รุ้ด้วยซ้ำว่ามีใครพยายามเข้ามาช่วยเธอหรือเปล่า เธอรับรู้เพียงแค่ เธอวิ่งหนีออกมาอย่างขลาดเขลา 

    แท้จริงแล้วเธอไม่อาจปฎิเสธดวงตาคู่นั้นได้ หรือ เธอหวาดกลัวความตายที่กำลังมาถึงกันแน่ 

    เธอถูกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนึงรับเลี้ยง ดวงตาข้างขวาของเธอไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ต่อให้รักษาได้เธอก็ไม่หวังให้มันหาย มันคือบาดแผลในตอนที่แม่ผลักเธอออกมา มันคือสิ่งที่คอยย้ำเตือนเธอเสมอถึงความขี้ขลาดที่เธอเคยกระทำ ถึงความอ่อนแอที่ปล่อยให้ของสำคัญหลุดมือไป ร่างกายของเธอสาหัสเอาการ แต่ภายในคงบอบช้ำยิ่งกว่า และจะหายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง

    งานอดิเรก - โยรุมีงานอดิเรกเป็นการอ่านหนังสือเวลาว่าง เธอมักอ่านหนังสือทุกเล่มที่เธอจะสามารถอ่านได้ บางครั้งเธอก็มักแอบขโมยหนังสือที่ห้ามอ่านมาอ่านเล่น  เวลาว่างอีกอย่างที่เธอชื่นชอบคงเป็นการชมเรื่องวุ่นวายทั้งหลายอย่างสงบ 
    ความสามารถพิเศษ - 
    โยรุมีความอดทนเป็นเลิศ เธอจึงสามารถนั่งอยู่นิ่งๆได้เป็นชั่วโมงๆ
    นอกจากนี้เธอยังเป็นพวกอดหลับอดนอนได้ยาวนานเป็นพิเศษ เธอเคยอ่านหนังสือโต้รุ่ง 2 วันติดโดยไม่พักผ่อนหรือเผลองีบไปก่อนจะจบ
    ด้วยความที่เธอค่อนข้างรักการอ่านหนังสือทำให้เธอมีความรู้รอบตัวมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยพูดอวดรู้หรือโอ้อวดตน กลับกันเธอกับชอบเก็บงำทุกอย่างเกี่ยวกับเธอไว้แล้วให้คนอื่นไปหาเอาเองซะมากกว่า 
    ตัวอย่างคำพูดในอารมณ์ต่างๆ - ( เป็นเพียงตัวอย่างสมมุติ)
    ร่างโปร่งบางเดินเข้าไปภายในห้องอย่างเชื่องช้า หากแต่หนักแน่นมั่นคง เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพลางหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจผู้ใด

    คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเซ็งจับจิตเมื่อมีเริ่มมีคนก่อนกวนเวลาของเธอ เธอคงไม่สนหากคำพูดสบประมาทนั้นไม่ได้กล่าวถึงมารดาผู้เป็นที่รัก สายตาเย็นชายตวัดมองอย่างครุ่งเคือง รอยยิ้มเยียดถูกแสยะบนริมฝีปาก

    " หึ ที่แท้ก็เสียงหมาขี้แพ้ "

    มือเรียวยกขึ้นกอดอก ใบหน้าสวยคมเชิดขึ้นอย่างถือดี และมีดีให้ถือ หนังสือเล่มหนาถูกปิดวางบนหน้าขาเรียว
    เธอลอบมองสถานการณ์ที่เริ่มววุ่นวายอย่างสนุกสนาน

    " สนุกเหรอ "

    " สนุกสิ มากเลยละ "

    ริมฝีปากอิ่มแสยะยิ้มอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นรอยยิ้มที่กวนเหลือเกิน มันแฝงไว้ด้วยความทะนงตัว และยังแสดงออกว่าตนนั้นเหนือกว่าใครๆ
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    " แบบนี้ดีแล้วจริงๆนะเหรอ "
    " ไม่หรอกไม่ดีเลย แต่มันเลือกไม่ได้นิ " 

    บนใบหน้ายังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม หากแต่ความรู้สึกที่เห็นครานี้กลับแตกต่าง มันแฝงไว้ด้วยความเศร้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับเจ้าของรอยยิ้มกำลังแตกสลาย ดวงตาคู่นั้นดูมืดบอกไร้ซึ่งหนทาง หยาดน้ำใสที่รินไหลอย่างสุดจะกลั้นทำให้รู้ว่าตัวเธอตอนนี้ไม่อาจรับสิ่งใดไหวอีกต่อไป 
    หยาดน้ำที่ไหลลงท่ามกลางรอยยิ้มสร้างความปวดหนึบในอกยิ่งนัก

    ตอนดีใจ ( ความกวนประสาทจะอัพเลเวทแบบก้าวกระโดด เรียกได้เลยว่าแทบจะโดนกวนด้วยคำพูดตลอดเวลา)
    " เห จริงดิ ไม่นึกเลยว่าน้ำหน้าแบบนี้จะคิดเรื่องแบบนั้นได้ "
    " ไม่เอาสิ แค่ล้อเล่นเองอย่าพึ่งโกรธสิ "

    ตอนโกรธ ( ไม่ค่อยต่างจากปกติ แต่จะเพิ่มระดับความเย็นชาเข้าขั้นติดลบ )
    " หา! อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นได้ไหม " 
    " ออกไป!! อย่ามายุ่งกับฉัน!! "
    ตอนเยาะเย้ย ( ตอนปกติ )
    " พวกเราก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด โดยไม่สนว่าใครต้องเดือดร้อน "
    " คิดว่าแกเก่งขนาดไหนถึงมาสั่งฉัน "
    " ไม่ต้องมาห่วงฉัน ห่วงตัวเองเถอะ จะตายอยู่แล้วยังจะมาปากเก่ง "
    " คนแบบพวกเธอก็ดีแต่ร้องความช่วยเหลือ โดยที่ไม่ยอมทำอะไรเลย รู้ไหมสำหรับฉันแล้ว พวกเธอก็เป็นได้แค่หมากตัวนึงเท่านั้น " 
    " เฮ้ อย่ามาขวางทางฉันสิ  ( ชื่อคน ) " 
    ตอนเศร้า 
    " ฉันก็ไม่รู้!! ถ้าหากเรื่องพวกนี้จบ! ถ้าหาก...ฉันไม่ต้องต่อสู้ ฉัน..จะยังมีชีวิตต่อไปได้อีกรึเปล่า ฉันจะไม่ถูกกำจัดทิ้งใช่ไหม ฉันไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย แหม่กระทั่งคุณค่าของชีวิตนี้ ฉัน ก็ไม่รู้ " 
    สิ่งที่ชอบ / เกลียด / กลัว -
    สิ่งที่ชอบ 
      หนังสือคือสิ่งที่เธอโปรดปรานเป็นที่สุดเรียกได้ว่าแทบจะแต่งงานกับมันอยู่ร่อมร่อในเร็ววัน หากบอกใครว่าเช้านนี้โยรุจะกินหนังสือแทนข้าว คงไม่มีใครสงสัย 
    เธอชื่นชอบเครื่องดื่มหรือของหวานขมๆมากกว่าของหวานที่เด็กๆชอบ เธอจึงมักปฎิเสธขนมและพวกเครื่องดื่มหวานเย็นเสมอ 
    สิ่งที่เธอชอบที่สุดรองลงมาจากหนังสือคงหนีไม่พ้นเรื่องความวินาศสันตะโรของผู้อื่นทั้งเธอเป็นคนก่อนและไม่ได้ก่อนซะละมั้ง
    สิ่งที่เกลียด 
     เธอเกลียดพวกชอบเข้ามาวุ่นวายหรือจุ้นจ้านเรื่องของชาวบ้าน อยากจะรู้เรื่องคนอื่นไปทำไมนักหนา เรื่องของตัวเองไม่มีให้ทำรึยังไงถึงชอบแส่เข้ามาไม่เข้าท่า 
    เธอเกลียดนม ถึงจะรู้ดีว่ามันทำให้ส่วนสูงเธอไม่กระดิกแต่การกินนมเพรียวๆเป็นกล่องก็ทำให้เธอพะอืดพะออมได้อยู่ดี ถ้าจะให้ดีเธอขอเป็นช็อคโกแลตร้อนดีกว่า(ถึงเธอจะคาดหวังที่จะดื่มกาแฟก็ตาม)

    สิ่งที่กลัว  
    เธอเกลียดพวกผิดคำพูด เนื่องจากตอนเด็กพ่อของเธอไม่เคยได้ทำตามที่รับปากกับเธอเลยสักครั้ง            แต่เหนือกว่าความเกลียดคงเป็นความหวาดกลัว กลัวว่าคำสัญญาที่เอ่ยออกมาเจ้าของของมันจะไม่สามารถอยู่แสดงให้หันถึงความสัจจริงได้อีกต่อไป กลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเขาจะจางหายไปในอากาศเหลือเพียงม่านหมอกแห่งความทรงจำที่ยังคงตราตรึง 
    โยรุยังคงกลัวไฟไหม้เนื่องจากเรื่องในวัยเด็ก เธอกลัวเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งที่เข้าใกล้ ร่างกายมักจะสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ความทรงจำที่พยายามปิดกั้นมักจะไหลทะลักราวเขื่อนแตก หมุนวนกรอกลับไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

    * CCU คล้ายห้อง ICU ค่ะ แต่จะรับผู้ป่วยที่มีอาการสาหัสเกี่ยวกับหัวใจ
    #PART02

    ถ้าจำเป็นทางนี้ขอเปลี่ยนประวัติเล็กน้อยให้เข้ากับเรื่องได้มั้ยคะ?
    Ans.ได้เลยค่ะ เอาที่สะดวกเลย จะเปลี่ยนฝั่งก็ได้ค่ะ
    อยากให้ลูกมีคู่รึเปล่า?
    Ans. ยังก็ได้น้า มีหรือไม่มีเราก็ไม่อะไรมากหรอก
    ถ้าเกิดไม่ติดอยากรับลูกกลับหรือให้เรายัดบทให้?
    Ans. ขอรับกลับนะคะ 
    ขอให้โชคดีค่ะ! 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×