ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Enchanted [SJ :: Short Fiction]

    ลำดับตอนที่ #2 : SF -- WonKyu [Just Listen]

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 55


    SF : WonKyu

     

     

                                                                           

                                                   

     

     

     

     

     

    ‘ นักเรียนปีหนึ่งกรุณามารวมกันหน้าห้องโถงปฐมนิเทศด้วย

    เสียงประกาศที่ดังขึ้นเป็นรอบที่สามในห้านาทีที่ผ่านมา ไม่ทำให้เด็กเฟรชชี่คนไหนขยับเขยื้อนจากมุมที่ตัวเองนั่งอยู่ ถึงจะเป็นเด็กเพิ่งเข้าปีหนึ่งที่ควรจะคึกคัก แต่อย่าลืมว่านี่คือเด็กมหาลัย...อยากทำคือทำ ไม่อยากทำอย่าได้ฝันไปว่ามันจะคึกกันขึ้นมา คงต้องแจกเอ็มร้อยห้าสิบคนละสามขวดถึงจะคึกได้หล่ะ

     

    ‘ นักเรียนปีหนึ่งกรุณามารวมกันหน้าห้องโถงปฐมนิเทศด้วย

                รอบที่สี่ยังคงไม่ได้ใครคิดจะขยับเขยื้อนไปไหน..บางรายรำคาญมากก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเปิดเพลงดังขั้นแม๊กซิมัมให้ไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกาใดๆ บางรายก็ขยับตัวนิดหน่อยพอเป็นพิธีว่ารับรู้แต่กูไม่ทำ บางคน..หรือบางกลุ่มกวนตีนยิ่งกว่า...เดินผ่านหน้าห้องโถงร้อนๆไปกันยกขโยงแล้วเดินกลับมานั่งร่มๆที่เดิม ประหนึ่งท้าอาจารย์ประชาสัมพันธ์ว่า

    แน่จริงมึงเอาอีกรอบสิ

     

    ‘ นักเรียนปีหนึ่งกรุณามารวมกันหน้าห้องโถงปฐมนิเทศด้วยค่ะ!!’

     

    แน่นอนว่ารับคำท้า ความพยายามของอาจารย์ไม่มีขีดจำกัด..รอบที่ห้าและหกตามมาติดๆกัน หากนักเรียนคนใดไม่ลุกอาจจะมีรอบที่ร้อย แน่นอนว่าอาจารย์สมัยนี้กวนประสาทเด็กกลับได้สบายใจยิ่งกว่า เด็กกวนตีนไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่อเจออาจารย์มหาลัย

     

     

    แต่แล้ว...นักศึกษาก็วิน...ได้มิชชั่นคอมพลีทจากพี่ป๋องไป(?????)

     

    บ้านอาจารย์ไม่มีลำโพงรึไงมาเล่นลำโพงมหาลัยน่ะห๊า!!!! คิดว่าลำโพงนี่คือของเล่นเด็กรึไง!!!” แล้วผู้กล้าก็ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางดงความเงียบ เสียงแหกปากสิบล้านหลอดดังขึ้นหน้าห้องประชาสัมพันธ์..ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ชเวซีวอน!!!... นับว่าเป็นเด็กเส้นอันดับต้นๆของมหาลัยก็ว่าได้ เกรดได้เอฟก็ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการโปรยแบงค์พันกระแทกหน้าอาจารย์แล้วเดินออกมา สอยเกรดเอไปชิลๆ...

    นามนี่หรือคือชเวซีวอน OTL

     

    เมื่อมีผู้กล้าคนแรก ก็มักจะมีผู้บุกเบิกคนต่อไป...

    กูไม่ใช่เด็กเฟรชชี่ กูเด็กปีสี่จะเป่าลำโพงกรอกหูกูทำไมหลายรอบห๊า!!! ” เด็กหนุ่มข้างๆซีวอนตะโกนแหกปากลั่นตามๆกัน ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้อาจารย์ปรี๊ดแตกเล่น ซึ่งแน่นอนเพื่อนซีวอนก็เด็กเส้นคนนึง... ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่เกรียงไกร...ไม่แพ้ชายชเว

    แต่ที่นั่งกันอยู่นั่นคือหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ...


    อาจารย์ไม่กล้าจะมาหาเรื่องคนกลุ่มนี้หรอก เห็นตัวหรือไม่เห็นตัวค่าก็เท่ากัน พวกเส้นใหญ่มันเยอะเต็มโรงเรียน... คนที่โดนด่าแทนคือแพะรับบาปดีๆนี่เองแหละ... ความจริงเป้าหมายไม่ได้ล็อกไว้ แต่ดันบังเอิญเป็นเด็กเฟรชชี่ที่เดินผ่านมาพอดี..

     

     

     

    ปัง!!!

     

                ร่างระหงเดินผ่านมาหน้าห้องประชาสัมพันธ์หันไปมองประตูที่ปิดดังลั่น พร้อมทั้งเห็นอาจารย์ที่ดูเดือดดาลไม่น้อยคนนึงมองมาตาขวาง ไม่ทันไรอาจารย์คนนั้นก็เดินดุ่มๆเข้ามาหา

     

    เดินมาทางนี้ทำไมอ่ะ...

     

                นี่เธอ!! เป็นเด็กเฟรชชี่กล้ามาพูดโหวกเหวกโวยวายว่าครูบาอาจารย์แบบนี้ได้ยังไง!!!” อาจารย์ผู้ไม่ตกแฟชั่นนำเทรนด์พูดเสียงน่ากลัวกระแทกใส่หน้าร่างเล็ก ...แว่นเรย์แบนด์สีเขียวมะนาว ทาปากแดง กระโปรงเกาะอกสีบานเย็นพริ้วไหวเหมือนจะรับลมทะเล และรองเท้าบู๊ทสีฟ้าสดเหมือนจะเดินแฟชั่นโชว์ ..ที่เด่นที่สุดคงเป็นสร้อยคอ..สร้อยคอลูกประคำวัดดีๆนี่เอง ใส่มารวมกันก็เก๋ๆไปอีกแบบ

     

    เดินมาด่าเนี่ยนะ...ความจริง อาจารย์ก็แต่งตัวเก๋ดีนะ..

                ฮะ?? ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะฮะ” ความจริงแล้ว แค่น้ำเสียงของเด็กคนนี้ก็บอกอะไรได้หลายๆอย่าง ว่าไม่ได้เป็นคนตะโกนแน่นอน น้ำเสียงใสหวานและอ่อนโยน ไม่ได้กระโชกโฮกฮากปานหมาที่บ้านถูกฆ่าตายแบบใครบางคนสักครู่นี้

     แต่คิดหรือว่าอาจารย์จะยอมเก็บเศษหน้าที่หล่นกระจายไปเต็มพื้น..แบบนี้ต้องแถต่อ

     

    ฉันเห็นเธอเดินผ่านมา!! ..โจ..โจน คูฮะยอน!!” ด้วยความที่คิดว่าตนเองเป็นอาจารย์และข่มนักเรียนได้ ก็เอาข้ออ้างสีข้างเข้าถูแสบๆคันๆ..มันๆปนกันไป มองป้ายชื่อห้อยคอแล้วพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ เฟรชชี่น้องใหม่ถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ..ที่เอ๋อไม่ใช่แค่เรื่องโดนโบ้ยความผิด แต่เรื่องชื่อของเค้าต่างหาก

     

    ...ลายมือออกจะสวยนะ อ่านยากหรือไงกัน?

    อาจารย์ฮะ ..ผมชื่อคยูฮยอนนะฮะ.. โจว คยูฮยอน อาจารย์เรียนภาษาเกาหลีมาหรือเปล่า” หนุ่มหน้าหวานคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนฝ่าพระบาทท่านอาจารย์ผู้นำแฟชั่น แค่พูดออกไปตามตรงเท่าที่รับรู้มา เป็นถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์อ่านไม่ออกนี่อายเด็กนะ

    ชื่อง่ายๆยังอ่านไม่ออกเลย..จะให้คยูคิดยังไงกันล่ะ

               

                “นี่!! จะลามปามไปมั้ยฮ๊ะเธอ..เป็นแค่เด็กปีหนึ่งมาพูดกับอาจารย์แบบนี้ได้ยังไงฮ้ะ!”

                “เอ๋...แปลว่าถ้าผมปีสองถึงจะพูดแบบนี้กับอาจารย์ได้หรอฮะ แล้วผม..ผมอยู่ปีหนึ่งผมต้องพูดยังไงล่ะร่างเล็กถูกเลี้ยงดูมาให้ตอบคำถามอย่างใสซื่อ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้น ลูกคุณหนูถูกเลี้ยงดูมาให้ขาวใสราวผ้าขาวไม่มีอะไรแปดเปื้อน ไม่เหมือนอาจารย์สาวข้างหน้าที่แต่งตัวราวกับยกนกแก้วมาร์คอร์มาทั้งซาฟารีเพื่อเกาะท่อนไม้ตวาดได้

     

    ใช่..เป็นคุณหนูโจวคยูฮยอนเลยล่ะ แน่ล่ะใครเข้ามหาลัยนี้ได้คงเป็นพวกลูกคุณหนูพอตัว ความหยิ่งทะนงนั้นสูงมากพอที่จะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถือตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ใสซื่อบริสุทธิ์เฉกเช่นนี้หาได้ยากมากในสังคมมหาลัยแห่งนี้..สังคมแห่งการแก่งแย่งชิงดีทั้งหลาย

     

    หมับ!!

     

    อาจารย์ครับ...ด่าผิดตัวหรือเปล่า นี่เฟรชชี่นะ เอ้า..นี่ผมอุตส่าห์เก็บมาให้นะ!!” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังอาจารย์คนสวย มือใหญ่แปะหมับลงบนไหล่เกลี้ยงเกลาที่พยายามจะอวดผิวของตนเอง มืออีกหนึ่งข้างแบออก..มีเพียงแต่ความว่างเปล่าอยู่บนมือ

    ซีวอนจะเอาอะไรให้ครูหรอจ๊ะ?” น้ำเสียงและรูปประโยคอ่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลคนนี้ ชเวซีวอน  ..แต่เมื่อเทียบกับตอนที่พูดกับร่างระหงตรงหน้านี้แล้วต่างกัยราวฟ้าหับเหว คือเหมือนอาจารย์จะพยายามกระแดะพูดหวานสุดชีวิตให้คุณชายประทับใจ... ช่างตัดกับนกแก้วมาร์คอร์บนตัวเสียนี่กระไร...

    เสียงตวาดขนาดนั้น..แก้ตัวไม่ทันแล้วล่ะ

    เศษหน้าครับ” กริบ....อึ้งแดกไปสามสิบวิ อาจารย์สาวหน้าถอดสีไปนิดนึง ก่อนจะปรับให้มายิ้มแย้มแบบเดิม.. อาจารย์ผู้หน้าทน ต้องมีคุณสมบัตินี้ถึงจะต่อกรกับเด็กทั้งมหาลัยได้

    เอ่อ....แล้วใครตะโกนซีวอนรู้มั้ยจ๊ะ?” อาจารย์ยังคงพูดเสียงหวานอยู่ รูปหล่อพ่อรวยขนาดนี้..อาจาร์หรือนักศึกษาก็อยากจับทั้งนั้นแหละ

    อยากรู้หรอครับ

    ถ้าอาจารย์รู้อาจารย์จะไป ‘ตักเตือน’ เสียหน่อย..

    แล้วเมื่อสักครู่ที่พูดกับเด็กคนนี้เรียกตักเตือนหรือครับ” ชำเลืองตาไปมองคยูฮยอนก่อนหันหน้ามามองอาจารย์สาว

    เอ่อ....เออ....เอ้อ..คือเด็กคนนี้เค้าไม่มีมารยาทน่ะ เค้าพูดกวนอาจารย์ไง” คิดไม่ออกก็สแครชแผ่นสีข้างถูไถแถถลอกกันต่อไป

    อ๋อ...โอเคครับ ผมตะโกนเองครับ เสียงอาจารย์น่ารำคาญและแสบแก้วหูมาก ที่เด็กนักเรียนไม่มารวมตัวกันก็เพราะเสียงอาจารย์ ...ตามมานี่เดี๋ยวทำอะไรให้ดูนะครับ” ประโยคของซีวอนเหมือนจะนอบน้อมเนื่องจากมีคำว่าอาจารย์ ผม และคำว่าครับ...หากเปลี่ยนสรรพนามคงเป็นประโยคด่าคนได้เลยหล่ะ.. กัดเจ็บยิ่งกว่าพญาปลวก(?)

     

    ขาเรียวยาวเดินมายังห้องประชาสัมพันธ์ จับไมค์ยกขึ้นก่อนจะกรอกเสียงตัวเองลงไป

     

    น้องๆเฟรชชี่มารวมกันหน้าห้องโถงนะครับ แปปเดียวทนร้อนนะ

    ประโยคเดียวกับเสียงทุ้มนุ่มลึกที่ไม่ว่านักศึกษาหญิงหรือชายก็ลุกขึ้นมารวมตัวกันหน้าห้องโถง ประโยคสั้นๆถูกถ่ายทอดออกไปพร้อมนักเรียนที่พากันเดินมาโดยมิได้นัดหมาย ซีวอนหันไปยักคิ้วกวนตีนให้อาจารย์สาวทีนึงก่อนเดินออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์

    คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด..อิอิกำ

     

    เอ่อ...ขอบ ขอบคุณมากฮะรุ่นพี่” เดินออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์ได้ไม่เท่าไหร่ก็เจอร่างบางที่จุดเดิมเมื่อสักครู่นี้

    เห้ยนี้...ไม่ขยับเลยหรอวะ

    นาย..อยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรอ? มองดีๆเด็กนี่ก็..น่ารักว่ะ

    ใช่ฮะ

    ทำไมไม่เดินไปด้วยล่ะ ยืนทำไม

    ก็เมื่อสักครู่รุ่นพี่เรียกแค่อาจารย์ไปนี่นา...แปลว่าต้องเดินกลับอยู่ดี ผมไปด้วยเหมือนผมเข้าไปแทรกน่ะฮะ เลยยืนเฉยๆรอขอบคุณ เสียงหวานพูดออกมา เอียงคอเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร เค้า..ควรจะยืนตรงนี้ไมใช่รึไงกัน??

    พี่เค้าจะฟังรู้เรื่องมั้ยอ่ะ..

     

    อ่อ..อืมฉันชื่อซีวอนนะ นายชื่ออะไร? ถึงจะไม่เข้าใจความเอ๋อของเด็กคนนี้ก็ต้องพยายามเข้าใจ แนะนำตัวไปแบบไม่ได้ทางการมากนัก

    ชื่อ..คยูฮยอนฮะ โจวคยูฮยอน” มือบางหยิบป้ายชื่อตัวเองขึ้นมาแล้วจิ้มๆพร้อมพูดไปด้วย เหมือนเกรงว่าคนตรงหน้าจะอ่านลายมือเขาไม่ออกแบบอาจารย์คนนั้น

    ท่าทางธรรมดาน่ารักๆกับน้ำเสียงหวานปกติของคยู มันกลับกระแทกใจคนมองไปเต็มๆ

     

    ไอ้ชิบหายซีวอน...นี่เด็กปีหนึ่งนะมึง อย่าๆ....แต่เด็กคนนี้..หึหึหึหึ..

    อ่า...โมงเย็นวันนี้มาหาพี่ที่ตึกศิลป์หน่อย เสียงเราดีน่ะ..ไปช่วยอะไรหน่อย พี่ไปล่ะ โชคดีครับน้องคยูยิ้มหล่อแล้วเลี่ยงประเด็นก่อนจะเดินหันหลังกลับไปอีกทาง ปล่อยให้คนตัวเล็กประมวลผลในสมอง

     

    เรียกเราว่า...น้องคยู ...อ่า.....

    .

     

    .

     

    .

     

    ขาเรียวพาตัวเองมาหน้าห้องโถงที่เขานัดเด็กเฟรชชี่เอาไว้ แก้มใสมีสีเลือดฝาดเล็กน้อยหลังจากประโยคสักครู่นี้หลุดจากปากซีวอนมา ไหนจะตากลมโตแล้วผิวขาวใสนั่นอีก ยิ่งทำให้หลายๆคนมองแล้วเคลิ้มกันมากเป็นเท่าตัว

    ...น้องคยูงั้นเหรอ.....

     

     

     

    ครับ แยกย้ายได้เลยครับนักศึกษา

     

    กว่าชม.ที่ผ่านมา โจวคยูฮยอนคนนี้ไม่ได้ฟังเลยว่าตึกไหนอยู่ที่ไหนหรือทางด้านไหนวันใดมีกิจกรรมอะไรบ้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อลอยไปข้างหน้า ในหัวสมองมีแค่คำเดียว

    โชคดีครับ..น้องคยู..

                โชคดีครับ..น้องคยู..

                            โชคดีครับ..น้องคยู.!!!!!

    ฮือออออ..พี่ทำอะไรกับผมเนี่ยยยย... อา..แล้วกัน ไม่ทันได้ฟังว่าตึกศิลป์อยู่ด้านไหน..

     

    กว่าครึ่งชม.ที่เดินวนรอบมหาลัย คยูฮยอนก็ยังไม่รู้ว่าทางไหนเป็นตึกศิลป์กันแน่ ปากเรียวเม้มเข้าหากันอย่างหมดหนทาง นั่งยองๆลงไปเพราะเหนื่อยเต็มทีกับการเดินรอบมหาลัยใหญ่ๆตั้งครึ่งชม. ไม่รู้ทำไมถึงใส่ใจกับคำพูดเล็กๆน้อยๆของซีวอน

     ต้องเรียกว่าวิ่งสิถึงจะถูก...วิ่งมาครึ่งชม.ไม่ได้หยุดพัก

    ..อีก 15 นาทีก็จะถึงเวลาที่นัดแล้ว...ทำไงดีล่ะ


    평생 곁에 있을게 (I do) ~~

     

                                          สายเรียกเข้า

                                   Unknown number

     

    อา..ใครโทรมาตอนนี้..

    ติ๊ด

    น้องคยูอยู่ไหนครับ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ส่งตรงมายังลำโพงโทรศัพท์ของคยูฮยอนทันทีที่กดรับสาย....

    พี่...พี่รู้เบอร์ผมได้ยังไงฮะ ..ผมยังไม่เคยให่ใครเลยนะ เสียงใสสั่นระริกอย่างตกใจ แก้มใสเริ่มมีสีเลือดฝาดเล็กน้อยราวกับคนปลายสายอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ ร่างเล็กเริ่มผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย

    พี่ซีวอน..มีเบอร์เขางั้นหรอ

     

    หืม..ห้องงทะเบียนไง พี่เป็นห่วงคยูเลยไปขอเบอร์มาไงครับน้ำเสียงใจดีถูกส่งออกมาพร้อมนาฬิการะเบิดนับถอยหลัง

     

    พี่   ป็   ห่     ยู ..........บรึ้มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!

    ....เป็นห่วง....อ่าให้ตายสิคยู ฮือออออออ ผมไปไม่เป็นแล้วนะพี่ซีวอน

     

                ผม...เอ่อ ผมไปไม่ถูกน่ะฮะ คือ...มันต้องไปทางไหน” เสียงใสค่อนข้างจะประหม่าขึ้นอีกนิดเมื่อซีวอนปล่อยระเบิดลูกใหญ่มาให้เต็มๆ

                “คยูหันหลังมาครับ..นั่นแหละตึกศิลป์ พี่เห็นนานแล้วแต่ยังออกไปไม่ได้ ห้องกระจกชั้นสองนะครับ...รูปประโยคดูกวนตีนฉบับคุณชายชเว แต่ความจริงคือลงไปหาไม่ได้จริงๆเพราะต้องออดิชั่นเด็กใหม่ที่จะมาแสดงอาทิตย์นี้  เค้าแคนเซิลออดิชั่นหมดแล้วแต่ต้องนั่งจัดผังงาน

    ...เรียกได้ว่าเหมือนเป็นงานประเพณีมหาลัยหลังงานรับน้อง ให้แต่ละคณะออกมา..แสดงความสามารถ

                เพราะงี้เค้าถึงเรียกคยูมา...เสียงตอนคุยกันก็รู้ว่านุ่มแค่ไหน เค้าอยู่มหาลัยมาจะสี่ปี..สี่ปีกับคณะนี้ แค่นี้จิ๊บๆ หึ...

    .

     

    .

     

    .

    ก๊อกๆ

    ...อ่า...ผม มาหาพี่ซีวอนฮะ” มือเล็กบิดลูกบิดประตูเข้ามา เสียงหวานที่เปล่งขึ้นทำให้รุ่นพี่ในห้องนั้นสนใจกันไม่น้อย เนื่องจากรุ่นน้องที่ออดิชั่นทั้งหมดออกไปแล้วจึงมีเพียงคยูฮยอนที่..เข้ามาในห้องออดิชั่นคนสุดท้าย

    อ้าว..ไอ้วอนมันมีเด็กด้วยหรอวะ...ไม่บอกกูเลย

    เหยด..เด็กเฟรชชี่ด้วยว่ะ แม่งตาถึงว่ะ เสียงใสชิบ

    และอีกเสียงโห่แซวไก่การากหญ้าทั้งหลายที่ประดังประเดเข้ามา โดยประเด็นหลักคือหนุ่มหน้าหวานที่ยืนเอ๋ออยู่หน้าห้อง

    ไอ้วอนแม่งแบบ..

    ..เฮ้ยมึง!! ...เดี๋ยวๆๆๆๆ น้องครับชื่ออะไรหนึ่งในคนกลุ่มนั้นพูดแทรกขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ

    คยูฮยอน...โจวคยูฮยอนฮะ

    ป๊าดดดดด ร้องเพลง..มาซักเพลงซิน้อง ไอ้วอนมันถึงกลับไล่เด็กที่มาออดิชั่นออกหมดเพราะบอกว่ารอน้องมา..

    พี่ซีวอน...รอผมมา?? รู้ได้ไงว่าเค้าร้องเพลงได้

    ให้..ผมร้องเพลงอะไร

    อะไรก็ได้น้อง..อ่า ชอบเพลงอะไรก็ร้องไปเหอะ

     

    ปัง!!

                พวกมึง..เพื่อนเลว กูบอกว่าไม่ต้องออไง กูดูแลของกูเอง กูจะปั้นเด็กแข่งกับไอ้เย่มัน” เสียงเปิดประตูดังลั่น ขายาวก้าวเข้ามาในห้องกระจก อธิบายอะไรกันไปก่อนจะดึงคยูให้ตามเข้าไปห้องเก็บเสียงด้านใน

     

    ปึงๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

                เฮ้ยยยยยยยยยยย.. ไอ้วอนนนน มึงจะเข้าไปห้องเก็บเสียงทำม้ายยยยยยยยย” เสียงโหยหวนของผองเพื่อนที่อยากได้ยินอะไรบ้าง มาพร้อมแรงชกเตะถีบอัดประตูพยายามให้มันโค่นลงมา แต่ชื่อห้องก็บอก ห้องเก็บเสียง..ต่อให้ทุบตะโกนโหวกเหวกอะไรคนด้านในก็ไม่มีทางได้ยิน คนข้างในคงได้ยินเสียงแค่ ปุๆ’ เหมือนเครื่องบินกระดาษชนผนัง

                พวกมันมีซัมทิงรองกันหรอวะแม่ง...มึงลึกลับมาก

               

             “คยู..ร้องเพลงได้ใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มกล่าวขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่เปียโนหลังใหญ่สีขาว

    อ่า..ฮะ ผมร้องได้ แต่ก่อนคุณแม่ให้เรียนตาคู่สวยดูเป็นประกายขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
    เสียงอ่อนหวานที่ไม่ได้แสร้งทำ บวกกับหน้าหวานนั่นทำให้ดูดึงดูดใจมากพอดู

    พี่เชื่อใจว่าคยูร้องได้ เสาร์นี้ต้องไปแสดงแข่งกับอีกทีมนึง..คยูรู้ใช่มั้ยครับว่ามีงานมหาลัย” ร่างสูงกวักมือเรียกคยูฮยอนให้เดินเข้าไปหา

    ฮะ..แต่ผม..จะให้ผมร้องจริงๆหรอ

    อืม...เริ่มกันเลยมั้ย เพลงนี้นะครับ..” มือเรียวรับกระดาษโน๊ตเพลงมาจากซีวอน ตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อเพลง...

     ‘Listen’...เพลงนี้ เค้าร้องไม่เพราะหรอกนะยอมรับเลย...มันต้องออกมาจากอารมณ์จริงๆ..

    คยูมานั่งข้างพี่สิ..จะได้ดูโน๊ตเพลงด้วยกัน ค่อยๆฝึกก็ได้อีกตั้งอาทิตย์นึง” มือใหญ่ตบที่นั่งที่เหลือตรงเก้าอี้เปียโนของตัวเอง

    เอ่อ..คือ..คยู...คยูยืนร้องก็ได้ฮะ” ด้วยความขวยเชินของตนทำให้คยูก้าวถอยหลังอย่างประหม่า เผลอแทนสรรพนามที่ใช้กับคนคุ้ยเคย...

    หืม...เมื่อกี๊..แทนตัวเองว่าอะไรนะครับ

     

    ...ตายแล้วคยูฮยอน....ไปแทนตัวเองแบบนั้นได้ไง..พี่เค้า คงคิดว่าตลกสินะ...

    ผมแทนตัวเองว่าผม..เอ่อคือ..ผม...” พูดไม่ออกจริงๆ ณ จุดนี้ เมื่อซีวอนลุกจากเก้าอี้เปียโนแล้วเดินเข้ามาหา ทอดมองเค้าด้วยสายตาอบอุ่นแบบนี้

    แทนตัวเองว่าคยู ..ก็น่ารักดีออกไม่ใช่หรอ...พี่ชอบนะ” เดินมาแล้วจับมือร่างเล็กให้เดินไปนั่งด้วยกัน มือเล็กที่ชื้นเหงื่อจากความประหม่าพยายามจะบิดออก แต่มือของซีวอนกลับกระชับมากขึ้นเหมือนกับกลัวว่าคนตัวเล็กข้างๆเขาจะหายไป ริมฝีปากหนาขยับออกเป็นคำพูดสั้นๆอย่างแผ่วเบา แต่ดังก้องในใจของใครอีกคนเหลือเกิน...

    ...น่ารักดีออก..อย่างนั้นหรอ

    ผม..อ๊ะ...เอ่อพี่ไม่เห็นต้อง..” พอคยูนั่งลงบนเก้าอี้ ร่างของซีวอนก็ลงมานั่งข้างๆทันที พร้อมทั้งลำแขนที่โอบรอบตัวของคยูไปอีกด้านหนึ่ง ดูแล้ว..เหมือนกับกำลังกอดกัน

    แก้มใสขึ้นสีแดงจัดจ้าน่ามอง ริมฝีปากขบเข้าหากันอย่างเขินอาย ช้อนสายตามองร่างสูงอย่าประหม่าเต็มที เท่านั้นก็ทำให้คนแบบซีวอนตบะแตกได้แล้ว....

    ...โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย..อย่าทำหน้าเอ๊กซ์แบบนั้นครับน้อง...พี่สัญญาว่าจะไม่กินเด็กแล้วนะ...


    ซ้อมกันดีกว่า แบบนี้จะได้มองเห็นโน๊ตชัดๆ วันจริงพี่ไม่ขึ้นไปด้วยหรอกน่า...” ซีวอนรู้ดีว่าคยูอายเพราะอะไร แต่วันจริงไม่ได้คิดจะขึ้นอยู่แล้วเพราะเขาให้โชว์พลังเสียง ไม่ได้ให้มาโชว์หวานบนเวที

    อ่าฮะ..

    น้ำเสียงอ่อนหวานคลอเคล้ากับเปียโน รวมแล้วเป็นเสียงเราะมากนัก สิ่งที่คยูฮยอนขาดไปในเพลงนี้อย่างเดียวคือแรงบันดาลใจหรือแรงผลักดัน ..คนที่จะร้องเพลงแบบนี้ได้เพราะต้องมีพลังเสียง แต่สัยงของคยูฮยอนกลับอ่อนหวาน ..เพลงนี้เป็นเพลงที่แสดงถึงความเจ็บปวด..ซึ่งคยูฮยอนไม่ได้รู้สึกถึงมันมากพอ...

                น้ำเสียงหวานหยุดลงเมื่อเพลงจบแล้วลุกพรวดพราดออกไปจากเก้าอี้ทันที ตลอดระยะเวลาของเพลงนี้ สายตาที่ซีวอนทอดมองมา..มันเหมือนมีมากกว่าคำว่ารุ่นพี่มองรุ่นน้อง ไหนจะอ้อมแขนที่กระชับมากขึ้นเรื่อยๆนั่นอีก

    คนเรา..ก็มีขีดจำกัดความเขินเหมือนกันนะ...

    เอ่อ...ผม ผมกลับแล้วนะฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาใหม่” พูดไว้แค่นั้นแล้วรีบวิ่งออกไปท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของรุ่นพี่ที่เหลือในห้อง..

    แน่นอนว่าคงจะอยู่จนกว่าจะรู้อะไรๆจากปากซีวอนเอง

     

    พวกมึง...ยังอยู่กันอีกหรอครับ” เดินออกมาด้วยหน้าเซ็งโลกไม่น้อย แล้วหน้าก็ยิ่งเบ้เข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเพื่อนหลายๆคนยังอยู่คอยหน้าห้อง ถ้าเปรียบเทียบกับสัตว์คงจะเป็นหมาผู้ซื้อสัตย์ที่รอเจ้าของออกมาแล้วส่ายหางดิ๊กๆเหมือนรออาหาร...

    ให้ตาย...นอกจากผมจะพลาดเรื่องคยู ผมคงจะพลาดอีกถ้าบอกอะไรกับพวกมัน

    ร่างสูงเดินดุ่มๆๆออกจากห้องซ้อมไปทันที โดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายกระหายใคร่รู้ของเพื่อน การกระทำแบบนี้เหมือนเจ้าของไม่ยยอมให้เพ็ดดีกรีหมาทั้งฝูงกิน ซึ่งหมามันกัดไม่ปล่อยแน่ๆล่ะ....

    .

    .

    .

    .

    เอ่อเจอกันพรุ่งนี้ครับ” คยูฮยอนลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปเหมือนเดินเฉกเช่นวันที่ผ่านมา เพียงแต่..ร่างเล็กที่วิ่งออกไปคงจะลืมกระเป๋าสะพายสีเทาที่ติดตัวอยู่เสมอ

    เฮ้ออออออออออ!!!” เสียงถอนหายใจยาวของซีวอนดังขึ้นเมื่อคยูวิ่งออกไป

    หลายวันผ่านไป ปฏิกิริยาที่คยูมีต่อเขายังเหมือนเดิมคือประหม่า เขินอาย และเมื่อซ้อมเสร็จก็วิ่งออกไปเลย...รวมทั้งปฏิกิริยาเหมือนหมาได้รับยาบ้าเข้าไปของเพื่อนเขา ไม่เข้าใจว่าอยากจะรู้อะไรนักหนา.. สังคมแบบนี้ ผู้ชายกับผู้ชาย มันจะมีคนรับได้รึไง..หมายถึงถ้าไม่นับเพื่อนผมนะ

    แน่นอนว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่พวกมันถาม..ผมรู้ว่าถ้าผมตอบไปอาจจะเกิดอะไรตามมา ผมรู้ว่าคยูฮยอนคิดกับผมยังไง ผมรู้เพียงแต่แสดงออกมาไม่ได้

    โหยมึง...สรุปนี่มึงชอบน้องเค้าจริงๆใช่ป่ะเนี่ย กูว่ามึงชอบน้องเค้าแล้วล่ะ” เสียงโหวกเหวกโห่แซวลั่นยังตามมาหลอกหลอนทุกวันหลังจากปมเดินออกมาจากห้องเก็บเสียงด้านใน จะให้ตอบยังไง..

    ความถูกต้อง..หรือความต้องการ...


    กู......





    กู.....กูไม่ชอบผู้ชาย!!!!!!!!!!!!!”



    แล้วกูก็ไม่ได้ชอบน้องเค้าด้วย!! อย่าคิดไปเองจะได้ไหม..!!!!!!!!!” เสียงดังฟังชัดตวาดก้องห้องซ้อม ความเงียบที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนลางร้ายอะไรบางอย่าง ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ไม่มีใครพูดออกซักคนเมื่อซีวอนตวาดประโยคนี้ดังลั่น ประโยคที่เหมือนไปกระทบกระเทือนใครบางคนด้านหลังประตูไม้บานเล็ก

    ใครบางคน...ที่วิ่งกลับมาเพื่อจะมาหยิบของ แต่กลับเจอประโยคเสียดแทงจิตใจ ประโยคที่บอกอะไรหลายๆอย่าง..ประโยคที่บอกว่า หลายวันที่ผ่านมา ไม่มีค่าอะไร เขาแค่คิดไปเอง..

    ซีวอนคงลืมไปว่า..ตัวเขาออกมาจากห้องเก็บเสียงแล้ว และเสียงนั้นมันก็ดังพอที่จะให้ใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฟากของประตูได้ยิน..

     

    แอ๊ดดดดด...

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!

    คยู.....ตั้งแต่เมื่อไหร่...

    คยู...คยู.....ไม่ได้กลับไปแล้วหรอครับ... ร่างเล็กของคยูฮยอนเดินห่อไหล่เข้ามา เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างแผ่วเบาต่างจากอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อสักครู่ ยอมรับว่าตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้เค้ารู้สึกดีๆกับเด็กน้อยคนนี้มาก แล้วก็รู้ว่าคยูรู้สึกได้.. ที่เค้าตะโกนออกไปเพื่อให้เพื่อนเลิกเซ้าซี้ หากแต่คำพูดนั้นกลับทำร้ายคนที่เค้าแคร์มากที่สุด...

     

    คยู...ผม...ผมกลับมาเอาของ” สรรพนามที่เปลี่ยนเป็นเหินห่างอย่างกระทันหันทำให้ซีวอนใจหายวาบ จากคราแรกที่คิดว่าร่างเล็กจะมีน้ำตาหรือโศกเศร้านั้น ซีวอนกลับคิดผิด คยูฮยอนมีแววตาที่แข่งแกร่งและแน่วแน่ และ..เย็นชาจนน่าใจหาย ไหนจะน้ำเสียงแข็งกระด้างนั่นอีก

    เย็นชาแบบนี้...ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า...

    เอ่อ..พี่..ให้พี่ช่วยหยิบมั..

    ไม่ต้อง!!! ผม..ทำเองได้ ผมอยู่คนเดียวได้!! ผมทำทุกอย่างเองได้ไม่ต้องมาสนใจผม!!” เสียงหวานที่เต็มไปด้วยความสั่นเครือตวาดดังลั่น หยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ดวงตาที่เคยร่าเริงเป็นประกายสดใสกลับหม่นหมองและมีความผิดหวังอยู่ในนั้นอย่างเห็นได้ชัด

    หยาดน้ำตาของคยูฮยอนเปรียบเสมือนกับลูกศรที่ปักเข้ากลางใจของซีวอนอย่างจัง

    ร่างระหงวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าของตนเองออกมาจากห้องด้านใน มือบางปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ตาแดงก่ำจากการร้องไห้มองตรงไปยังร่างสูง

    ผม..ไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอก ผมจะขึ้นไปร้องให้สุดความสามารถ...แต่เมื่อจบงานครั้งนี้แล้ว  ..เราจะเป็นแค่คนที่เคยเดินผ่านกันเท่านั้น ผมจะไม่รู้จักคุณอีกต่อไป ..คุณซีวอน เอื้อนเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังเดินกลับออกจากห้องไปทันที แน่นอนว่าไม่มีคราบน้ำตาหลงเหลือบนใบหน้าหวานอีกต่อไป มีเพียงแววตาที่เด็ดเดี่ยวพร้อมจะเผชิญอะไรที่ตามมา..

     

    คนที่เข้มแข็งที่สุดคือคนที่กล้าพูดความจริงแม้ตนเองจะร้องไห้ หากเป็นเช่นนั้น..คยูฮยอนคนนี้คงเป็นบุคคลที่อ่อนแอที่สุด... เพราะไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป.......

    .

    .

    .

    สามวันยาวนานเหมือนสามปี สามวันที่คยูไม่มาซ้อม...วันนี้..วันงาน วันสุดท้ายที่เราจะเป็นคนที่สนิทกันได้ ผมไม่รู้ว่าจะร้องออกมาดีไหม สิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือ..สภาพจิตใจของเด็กคนนี้ สภาพจิตใจที่ผมไม่รู้ว่าเค้าพร้อมจะเผชิญกับผู้คน..กับผม ด้วยความหมายของเพลงๆนั้นที่จะร้องได้หรือไม่

    คยูฮยอนเปรียบเหมือนผ้าขาวบางไร้การแต่งแต้ม แต่ผมคนนี้..ได้แต่งแต้มสีดำลงไปบนผ้านั้นเสียเกือบหมด.. ผม..อาจจะเป็นคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป อาจจะเป็นคนที่ทำให้เด็กน้อยที่เคยร่าเริงกลับเย็นชา ผม...คงโง่เอง..

     

    ผู้แข่งขันคนที่ 13.. โจว คยูฮยอน

    แปะๆๆๆๆๆๆๆ

    เสียงประกาศและเสียงปรบมือเกรียวกราวปลุกซีวอนให้ตื่นจากภวังค์ ดวงตาเหม่อลอยไปยังเวทีเมื่อร่างเล็กของคยูฮยอนเดินขึ้นมา...ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มจะเปล่งออกมาเป็นบทเพลงไพเราะ


     

    ฉันไม่รู้หรอกว่า ณ แห่งหนใดคือสิ่งที่ฉันต้องการ  แต่ฉันจะก้าวเดินต่อ หากเธอไม่รับฟัง เสียงเพลงที่พร่ำร้องอยู่ในใจฉัน จังหวะทำนองที่ฉันพร่ำร้อง ฉันจะร้องให้จบ และคงไม่สามารถเชื่อเธออีกต่อไป ไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง มันเป็นอะไรได้มากกว่าที่เธอคิด ฉันจะเดินตามเสียงที่เพรียกร้อง ตามบาทวิถีแห่งตัวฉัน  ..ด้วยตัวของฉันเอง...



    ความหมายของเพลง..ที่ตรงตามชีวิตของเขาทุกอย่าง..มันไม่ง่ายเลยที่จะเปล่งออกมา แต่เมื่อคนใดล้มแล้วลุกขึ้นมาได้  คนนั้นจะแข็งแกร่งเพิ่มเป็นเท่าตัว.. และตอนนี้..คยูฮยอนคงจะแข็งแกร่งพอที่จะเปล่งเสียงบทเพลงอันไพเราะออกมาให้ทุกคนได้ฟัง

    เค้าว่ากันว่า..แข็งนอก อ่อนใน..

    ทำนองเสียงร้องแสนหวานยังกัดกินใจชเวซีวอนคนนี้ไม่เท่าความหมายอันลึกซึ้งของเพลง และแววตาที่ทอดมองมา..สายตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา เหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน น้ำเสียงทรงพลังที่ร้องขึ้นมาต่างจากน้ำเสียงอ่อนโยนตอนแรกที่ซ้อมลิบลับ...

    ราวกับว่า..คยูฮยอนได้รับความเจ็บปวดที่ผ่านมา..สะสม..เป็นแรงผลักดัน

     

    เมื่อน้ำเสียงหวานใสหยุดลง..เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นพร้อมขาเรียวที่ลากตัวเองลงจากเวที.. หากใครสังเกตุดีๆ คงจะเห็นได้ว่าโจวคยูฮยอนคนนี้หลั่งน้ำตาออกมามากเพียงใดระหว่างการร้องเพลง ยิ่งสบตากับร่างสูง ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ได้.. เหมือนกับว่ายังคงโหยหาเพรียกร้องอยู่เช่นนั้น

     

    ขอโทษนะครับ..หลีกทางหน่อย เสียงหวานพูดขึ้นไม่ลืมหูลืมตาขณะกำลังเดินออกไปจากบริเวณหลัง เลยชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง..

    คยู...พี่ขอโทษ...พี่มันแย่..พี่...

    คุณ...ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับคุณอีกแล้ว!!”น้ำเสียงแข็งกระด้างตัดประโยคของซีวอน..น้ำเสียงที่เย็นชา แต่แววตายังดูเจ็บปวดไม่น้อย...เหมือนยังลืมซีวอนไม่ได้ ก่อนที่แววตาจะกลับมาแย็นชาดังเดิม..

    กลบเกลื่อนไปก็เท่านั้น...ในเมื่อหัวใจยังโหยหา..ดั่งนาฬิกาที่พยายามจะดิ้นรนเดินต่อไป..แต่กลับวนเวียนอยู่ที่เดิม...กับคนเดิมๆที่ยังต้องการ

     

    คยูบอกพี่ว่า..จบจากวันนี้ไง เพราะงั้นพี่ขอโอกาสสุดท้าย....พี่....พี่มันโง่เองที่พูดแบบนั้น...พี่น่ะ..พี่ ... พี่รักคยูนะครับ ถ้อยคำสุดท้ายบางเบาดั่งเสียงกระซิบแต่กลับก้องในใจคนฟัง ก่อนริมฝีปากบางจะถูกครอบครองและรุกเร้า ถูกขบเม้มเบาๆแกมหยอกล้อ แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนละมุนละไม วงแขนแกร่งโอบรอบตัวร่างเล็ก ส่งผ่านความรักจากการจุมพิตและไออุ่นจากการโอบกอด ก่อนที่ร่างสูงจะถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สายตาทอดมองคนตรงหน้าอย่างใคร่รัก

    จูบที่ไม่รุกเร้าร้อนแรง แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่น เพียงเท่านี้...คำๆเดียวที่คยูฮยอนรอ...เท่านี้จริงๆ คำนี้จากปากซีวอนเป็นมากกว่าคำพูด แต่เหมือนคำสัญญา คำขอโทษ ขอร้อง...แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...

     

    ให้โอกาสพี่อีกครั้ง พี่จะไม่ทำให้คยูเสียใจนะครับ..พี่รักคยู..รักมากจริงๆ..

    แค่นี้แหล่ะ..ที่ผมอยากได้ยินจากปากคนๆนี้...


    ผม..ไม่สิ...... คยูอยากเริ่มต้นใหม่..มาเริ่มต้นใหม่กันนะฮะพี่ซีวอน..









       {ขอบคุณธีมจาก cinnamon}




    MusicPlaylist
    Music Playlist at  MixPod.com




    =======================================================================



     แฮร่!! ตอนนี้วอนคยูคนรีเควสคือป้าแจงนะฮ้าฟฟฟฟฟ...เออคือใครจะรีเควสคู่ไหนก็บอกได้นะความจริง จะแต่งให้ถ้าจิ้นออก.. แล้วก็ตอนนี้ยกมาจากเรื่องเดิมนะฮร๊า เพราะอยู่ในช่วงตันโมเม้น ใครอ่านแล้วอ่านอีกไม่เป็นไรใช่ม้อย?? ' ' ติชมกันด้วยนะว่าดีป่าว อ่านแล้วรู้สึกตัวเองเหมือนสเตซวี่ลี จุดเยอะไปปร้าส์.........................


    เอ่อ..แอนฝากแบนเนอร์หน่อยดิ -w- ช่วยโปรโมทฟิคหน่อยดิใครมีฟิคอ่า.. 55555555555555555555555555555

    ¡´à¢éÒä»ÍèÒ¹áÅéÇáÁèÙ¡ËÇ 


    ส่วนเรื่องของเพลงชื่อเพลงชื่อ Listen ของ Beyonce นะคะ ความหมายก็ที่คยูร้องไปนั่นแล -w- ขอบคุณทุกกำลังใจค่า *ซารางเงล์*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×