คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : SF -- WonKyu [Just Listen]
SF : WonKyu
‘ นักเรียนปีหนึ่งกรุณามารวมกันหน้าห้องโถงปฐมนิเทศด้วย’
เสียงประกาศที่ดังขึ้นเป็นรอบที่สามในห้านาทีที่ผ่านมา ไม่ทำให้เด็กเฟรชชี่คนไหนขยับเขยื้อนจากมุมที่ตัวเองนั่งอยู่ ถึงจะเป็นเด็กเพิ่งเข้าปีหนึ่งที่ควรจะคึกคัก แต่อย่าลืมว่านี่คือเด็กมหาลัย...อยากทำคือทำ ไม่อยากทำอย่าได้ฝันไปว่ามันจะคึกกันขึ้นมา คงต้องแจกเอ็มร้อยห้าสิบคนละสามขวดถึงจะคึกได้หล่ะ
‘ นักเรียนปีหนึ่งกรุณามารวมกันหน้าห้องโถงปฐมนิเทศด้วย’
รอบที่สี่ยังคงไม่ได้ใครคิดจะขยับเขยื้อนไปไหน..บางรายรำคาญมากก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเปิดเพลงดังขั้นแม๊กซิมัมให้ไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกาใดๆ บางรายก็ขยับตัวนิดหน่อยพอเป็นพิธีว่ารับรู้แต่กูไม่ทำ บางคน..หรือบางกลุ่มกวนตีนยิ่งกว่า...เดินผ่านหน้าห้องโถงร้อนๆไปกันยกขโยงแล้วเดินกลับมานั่งร่มๆที่เดิม ประหนึ่งท้าอาจารย์ประชาสัมพันธ์ว่า
‘แน่จริงมึงเอาอีกรอบสิ’
‘ นักเรียนปีหนึ่งกรุณามารวมกันหน้าห้องโถงปฐมนิเทศด้วยค่ะ!!’
แน่นอนว่ารับคำท้า ความพยายามของอาจารย์ไม่มีขีดจำกัด..รอบที่ห้าและหกตามมาติดๆกัน หากนักเรียนคนใดไม่ลุกอาจจะมีรอบที่ร้อย แน่นอนว่าอาจารย์สมัยนี้กวนประสาทเด็กกลับได้สบายใจยิ่งกว่า เด็กกวนตีนไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่อเจออาจารย์มหาลัย
แต่แล้ว...นักศึกษาก็วิน...ได้มิชชั่นคอมพลีทจากพี่ป๋องไป(?????)
“บ้านอาจารย์ไม่มีลำโพงรึไงมาเล่นลำโพงมหาลัยน่ะห๊า!!!! คิดว่าลำโพงนี่คือของเล่นเด็กรึไง!!!” แล้วผู้กล้าก็ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางดงความเงียบ เสียงแหกปากสิบล้านหลอดดังขึ้นหน้าห้องประชาสัมพันธ์..ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ชเวซีวอน!!!... นับว่าเป็นเด็กเส้นอันดับต้นๆของมหาลัยก็ว่าได้ เกรดได้เอฟก็ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการโปรยแบงค์พันกระแทกหน้าอาจารย์แล้วเดินออกมา สอยเกรดเอไปชิลๆ...
นามนี่หรือคือชเวซีวอน OTL
เมื่อมีผู้กล้าคนแรก ก็มักจะมีผู้บุกเบิกคนต่อไป...
“กูไม่ใช่เด็กเฟรชชี่ กูเด็กปีสี่จะเป่าลำโพงกรอกหูกูทำไมหลายรอบห๊า!!! ” เด็กหนุ่มข้างๆซีวอนตะโกนแหกปากลั่นตามๆกัน ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้อาจารย์ปรี๊ดแตกเล่น ซึ่งแน่นอนเพื่อนซีวอนก็เด็กเส้นคนนึง... ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่เกรียงไกร...ไม่แพ้ชายชเว
แต่ที่นั่งกันอยู่นั่นคือหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ...
อาจารย์ไม่กล้าจะมาหาเรื่องคนกลุ่มนี้หรอก เห็นตัวหรือไม่เห็นตัวค่าก็เท่ากัน พวกเส้นใหญ่มันเยอะเต็มโรงเรียน... คนที่โดนด่าแทนคือแพะรับบาปดีๆนี่เองแหละ... ความจริงเป้าหมายไม่ได้ล็อกไว้ แต่ดันบังเอิญเป็นเด็กเฟรชชี่ที่เดินผ่านมาพอดี..
ปัง!!!
ร่างระหงเดินผ่านมาหน้าห้องประชาสัมพันธ์หันไปมองประตูที่ปิดดังลั่น พร้อมทั้งเห็นอาจารย์ที่ดูเดือดดาลไม่น้อยคนนึงมองมาตาขวาง ไม่ทันไรอาจารย์คนนั้นก็เดินดุ่มๆเข้ามาหา
เดินมาทางนี้ทำไมอ่ะ...
“นี่เธอ!! เป็นเด็กเฟรชชี่กล้ามาพูดโหวกเหวกโวยวายว่าครูบาอาจารย์แบบนี้ได้ยังไง!!!” อาจารย์ผู้ไม่ตกแฟชั่นนำเทรนด์พูดเสียงน่ากลัวกระแทกใส่หน้าร่างเล็ก ...แว่นเรย์แบนด์สีเขียวมะนาว ทาปากแดง กระโปรงเกาะอกสีบานเย็นพริ้วไหวเหมือนจะรับลมทะเล และรองเท้าบู๊ทสีฟ้าสดเหมือนจะเดินแฟชั่นโชว์ ..ที่เด่นที่สุดคงเป็นสร้อยคอ..สร้อยคอลูกประคำวัดดีๆนี่เอง ใส่มารวมกันก็เก๋ๆไปอีกแบบ
เดินมาด่าเนี่ยนะ...ความจริง อาจารย์ก็แต่งตัวเก๋ดีนะ..
“ฮะ?? ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะฮะ” ความจริงแล้ว แค่น้ำเสียงของเด็กคนนี้ก็บอกอะไรได้หลายๆอย่าง ว่าไม่ได้เป็นคนตะโกนแน่นอน น้ำเสียงใสหวานและอ่อนโยน ไม่ได้กระโชกโฮกฮากปานหมาที่บ้านถูกฆ่าตายแบบใครบางคนสักครู่นี้
แต่คิดหรือว่าอาจารย์จะยอมเก็บเศษหน้าที่หล่นกระจายไปเต็มพื้น..แบบนี้ต้องแถต่อ
“ฉันเห็นเธอเดินผ่านมา!! ..โจ..โจน คูฮะยอน!!” ด้วยความที่คิดว่าตนเองเป็นอาจารย์และข่มนักเรียนได้ ก็เอาข้ออ้างสีข้างเข้าถูแสบๆคันๆ..มันๆปนกันไป มองป้ายชื่อห้อยคอแล้วพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ เฟรชชี่น้องใหม่ถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ..ที่เอ๋อไม่ใช่แค่เรื่องโดนโบ้ยความผิด แต่เรื่องชื่อของเค้าต่างหาก
...ลายมือออกจะสวยนะ อ่านยากหรือไงกัน?
“อาจารย์ฮะ ..ผมชื่อคยูฮยอนนะฮะ.. โจว คยูฮยอน อาจารย์เรียนภาษาเกาหลีมาหรือเปล่า” หนุ่มหน้าหวานคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนฝ่าพระบาทท่านอาจารย์ผู้นำแฟชั่น แค่พูดออกไปตามตรงเท่าที่รับรู้มา เป็นถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์อ่านไม่ออกนี่อายเด็กนะ
ชื่อง่ายๆยังอ่านไม่ออกเลย..จะให้คยูคิดยังไงกันล่ะ
“นี่!! จะลามปามไปมั้ยฮ๊ะเธอ..เป็นแค่เด็กปีหนึ่งมาพูดกับอาจารย์แบบนี้ได้ยังไงฮ้ะ!”
“เอ๋...แปลว่าถ้าผมปีสองถึงจะพูดแบบนี้กับอาจารย์ได้หรอฮะ แล้วผม..ผมอยู่ปีหนึ่งผมต้องพูดยังไงล่ะ”ร่างเล็กถูกเลี้ยงดูมาให้ตอบคำถามอย่างใสซื่อ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้น ลูกคุณหนูถูกเลี้ยงดูมาให้ขาวใสราวผ้าขาวไม่มีอะไรแปดเปื้อน ไม่เหมือนอาจารย์สาวข้างหน้าที่แต่งตัวราวกับยกนกแก้วมาร์คอร์มาทั้งซาฟารีเพื่อเกาะท่อนไม้ตวาดได้
ใช่..เป็นคุณหนูโจวคยูฮยอนเลยล่ะ แน่ล่ะใครเข้ามหาลัยนี้ได้คงเป็นพวกลูกคุณหนูพอตัว ความหยิ่งทะนงนั้นสูงมากพอที่จะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถือตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ใสซื่อบริสุทธิ์เฉกเช่นนี้หาได้ยากมากในสังคมมหาลัยแห่งนี้..สังคมแห่งการแก่งแย่งชิงดีทั้งหลาย
หมับ!!
“อาจารย์ครับ...ด่าผิดตัวหรือเปล่า นี่เฟรชชี่นะ เอ้า..นี่ผมอุตส่าห์เก็บมาให้นะ!!” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังอาจารย์คนสวย มือใหญ่แปะหมับลงบนไหล่เกลี้ยงเกลาที่พยายามจะอวดผิวของตนเอง มืออีกหนึ่งข้างแบออก..มีเพียงแต่ความว่างเปล่าอยู่บนมือ
“ซีวอนจะเอาอะไรให้ครูหรอจ๊ะ?” น้ำเสียงและรูปประโยคอ่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลคนนี้ ชเวซีวอน ..แต่เมื่อเทียบกับตอนที่พูดกับร่างระหงตรงหน้านี้แล้วต่างกัยราวฟ้าหับเหว คือเหมือนอาจารย์จะพยายามกระแดะพูดหวานสุดชีวิตให้คุณชายประทับใจ... ช่างตัดกับนกแก้วมาร์คอร์บนตัวเสียนี่กระไร...
เสียงตวาดขนาดนั้น..แก้ตัวไม่ทันแล้วล่ะ
“เศษหน้าครับ” กริบ....อึ้งแดกไปสามสิบวิ อาจารย์สาวหน้าถอดสีไปนิดนึง ก่อนจะปรับให้มายิ้มแย้มแบบเดิม.. อาจารย์ผู้หน้าทน ต้องมีคุณสมบัตินี้ถึงจะต่อกรกับเด็กทั้งมหาลัยได้
“เอ่อ....แล้วใครตะโกนซีวอนรู้มั้ยจ๊ะ?” อาจารย์ยังคงพูดเสียงหวานอยู่ รูปหล่อพ่อรวยขนาดนี้..อาจาร์หรือนักศึกษาก็อยากจับทั้งนั้นแหละ
“อยากรู้หรอครับ”
“ถ้าอาจารย์รู้อาจารย์จะไป ‘ตักเตือน’ เสียหน่อย..”
“แล้วเมื่อสักครู่ที่พูดกับเด็กคนนี้เรียกตักเตือนหรือครับ” ชำเลืองตาไปมองคยูฮยอนก่อนหันหน้ามามองอาจารย์สาว
“เอ่อ....เออ....เอ้อ..คือเด็กคนนี้เค้าไม่มีมารยาทน่ะ เค้าพูดกวนอาจารย์ไง” คิดไม่ออกก็สแครชแผ่นสีข้างถูไถแถถลอกกันต่อไป
“อ๋อ...โอเคครับ ผมตะโกนเองครับ เสียงอาจารย์น่ารำคาญและแสบแก้วหูมาก ที่เด็กนักเรียนไม่มารวมตัวกันก็เพราะเสียงอาจารย์ ...ตามมานี่เดี๋ยวทำอะไรให้ดูนะครับ” ประโยคของซีวอนเหมือนจะนอบน้อมเนื่องจากมีคำว่าอาจารย์ ผม และคำว่าครับ...หากเปลี่ยนสรรพนามคงเป็นประโยคด่าคนได้เลยหล่ะ.. กัดเจ็บยิ่งกว่าพญาปลวก(?)
ขาเรียวยาวเดินมายังห้องประชาสัมพันธ์ จับไมค์ยกขึ้นก่อนจะกรอกเสียงตัวเองลงไป
‘น้องๆเฟรชชี่มารวมกันหน้าห้องโถงนะครับ แปปเดียวทนร้อนนะ’
ประโยคเดียวกับเสียงทุ้มนุ่มลึกที่ไม่ว่านักศึกษาหญิงหรือชายก็ลุกขึ้นมารวมตัวกันหน้าห้องโถง ประโยคสั้นๆถูกถ่ายทอดออกไปพร้อมนักเรียนที่พากันเดินมาโดยมิได้นัดหมาย ซีวอนหันไปยักคิ้วกวนตีนให้อาจารย์สาวทีนึงก่อนเดินออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์
คนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด..อิอิกำ
“เอ่อ...ขอบ ขอบคุณมากฮะรุ่นพี่” เดินออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์ได้ไม่เท่าไหร่ก็เจอร่างบางที่จุดเดิมเมื่อสักครู่นี้
เห้ยนี้...ไม่ขยับเลยหรอวะ
“นาย..อยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรอ?” มองดีๆเด็กนี่ก็..น่ารักว่ะ
“ใช่ฮะ”
“ทำไมไม่เดินไปด้วยล่ะ ยืนทำไม”
“ก็เมื่อสักครู่รุ่นพี่เรียกแค่อาจารย์ไปนี่นา...แปลว่าต้องเดินกลับอยู่ดี ผมไปด้วยเหมือนผมเข้าไปแทรกน่ะฮะ เลยยืนเฉยๆรอขอบคุณ” เสียงหวานพูดออกมา เอียงคอเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร เค้า..ควรจะยืนตรงนี้ไมใช่รึไงกัน??
พี่เค้าจะฟังรู้เรื่องมั้ยอ่ะ..
“อ่อ..อืมฉันชื่อซีวอนนะ นายชื่ออะไร?” ถึงจะไม่เข้าใจความเอ๋อของเด็กคนนี้ก็ต้องพยายามเข้าใจ แนะนำตัวไปแบบไม่ได้ทางการมากนัก
“ชื่อ..คยูฮยอนฮะ โจวคยูฮยอน” มือบางหยิบป้ายชื่อตัวเองขึ้นมาแล้วจิ้มๆพร้อมพูดไปด้วย เหมือนเกรงว่าคนตรงหน้าจะอ่านลายมือเขาไม่ออกแบบอาจารย์คนนั้น
ท่าทางธรรมดาน่ารักๆกับน้ำเสียงหวานปกติของคยู มันกลับกระแทกใจคนมองไปเต็มๆ
ไอ้ชิบหายซีวอน...นี่เด็กปีหนึ่งนะมึง อย่าๆ....แต่เด็กคนนี้..หึหึหึหึ..
“อ่า...6 โมงเย็นวันนี้มาหาพี่ที่ตึกศิลป์หน่อย เสียงเราดีน่ะ..ไปช่วยอะไรหน่อย พี่ไปล่ะ โชคดีครับน้องคยู”ยิ้มหล่อแล้วเลี่ยงประเด็นก่อนจะเดินหันหลังกลับไปอีกทาง ปล่อยให้คนตัวเล็กประมวลผลในสมอง
เรียกเราว่า...น้องคยู ...อ่า.....
.
.
.
ขาเรียวพาตัวเองมาหน้าห้องโถงที่เขานัดเด็กเฟรชชี่เอาไว้ แก้มใสมีสีเลือดฝาดเล็กน้อยหลังจากประโยคสักครู่นี้หลุดจากปากซีวอนมา ไหนจะตากลมโตแล้วผิวขาวใสนั่นอีก ยิ่งทำให้หลายๆคนมองแล้วเคลิ้มกันมากเป็นเท่าตัว
...น้องคยูงั้นเหรอ.....
‘ครับ แยกย้ายได้เลยครับนักศึกษา’
กว่าชม.ที่ผ่านมา โจวคยูฮยอนคนนี้ไม่ได้ฟังเลยว่าตึกไหนอยู่ที่ไหนหรือทางด้านไหนวันใดมีกิจกรรมอะไรบ้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อลอยไปข้างหน้า ในหัวสมองมีแค่คำเดียว
โชคดีครับ..น้องคยู..
โชคดีครับ..น้องคยู..
โชคดีครับ..น้องคยู.!!!!!
ฮือออออ..พี่ทำอะไรกับผมเนี่ยยยย... อา..แล้วกัน ไม่ทันได้ฟังว่าตึกศิลป์อยู่ด้านไหน..
กว่าครึ่งชม.ที่เดินวนรอบมหาลัย คยูฮยอนก็ยังไม่รู้ว่าทางไหนเป็นตึกศิลป์กันแน่ ปากเรียวเม้มเข้าหากันอย่างหมดหนทาง นั่งยองๆลงไปเพราะเหนื่อยเต็มทีกับการเดินรอบมหาลัยใหญ่ๆตั้งครึ่งชม. ไม่รู้ทำไมถึงใส่ใจกับคำพูดเล็กๆน้อยๆของซีวอน
ต้องเรียกว่าวิ่งสิถึงจะถูก...วิ่งมาครึ่งชม.ไม่ได้หยุดพัก
..อีก 15 นาทีก็จะถึงเวลาที่นัดแล้ว...ทำไงดีล่ะ
평생 곁에 있을게 (I do) ~~
สายเรียกเข้า
Unknown number
อา..ใครโทรมาตอนนี้..
ติ๊ด
“น้องคยูอยู่ไหนครับ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ส่งตรงมายังลำโพงโทรศัพท์ของคยูฮยอนทันทีที่กดรับสาย....
“พี่...พี่รู้เบอร์ผมได้ยังไงฮะ ..ผมยังไม่เคยให่ใครเลยนะ” เสียงใสสั่นระริกอย่างตกใจ แก้มใสเริ่มมีสีเลือดฝาดเล็กน้อยราวกับคนปลายสายอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ ร่างเล็กเริ่มผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย
พี่ซีวอน..มีเบอร์เขางั้นหรอ
“หืม..ห้องงทะเบียนไง พี่เป็นห่วงคยูเลยไปขอเบอร์มาไงครับ”น้ำเสียงใจดีถูกส่งออกมาพร้อมนาฬิการะเบิดนับถอยหลัง
พี่ เ ป็ น ห่ ว ง ค ยู ..........บรึ้มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!
....เป็นห่วง....อ่าให้ตายสิคยู ฮือออออออ ผมไปไม่เป็นแล้วนะพี่ซีวอน
“ผม...เอ่อ ผมไปไม่ถูกน่ะฮะ คือ...มันต้องไปทางไหน” เสียงใสค่อนข้างจะประหม่าขึ้นอีกนิดเมื่อซีวอนปล่อยระเบิดลูกใหญ่มาให้เต็มๆ
“คยูหันหลังมาครับ..นั่นแหละตึกศิลป์ พี่เห็นนานแล้วแต่ยังออกไปไม่ได้ ห้องกระจกชั้นสองนะครับ...”รูปประโยคดูกวนตีนฉบับคุณชายชเว แต่ความจริงคือลงไปหาไม่ได้จริงๆเพราะต้องออดิชั่นเด็กใหม่ที่จะมาแสดงอาทิตย์นี้ เค้าแคนเซิลออดิชั่นหมดแล้วแต่ต้องนั่งจัดผังงาน
...เรียกได้ว่าเหมือนเป็นงานประเพณีมหาลัยหลังงานรับน้อง ให้แต่ละคณะออกมา..แสดงความสามารถ
เพราะงี้เค้าถึงเรียกคยูมา...เสียงตอนคุยกันก็รู้ว่านุ่มแค่ไหน เค้าอยู่มหาลัยมาจะสี่ปี..สี่ปีกับคณะนี้ แค่นี้จิ๊บๆ หึ...
.
.
.
ก๊อกๆ
“...อ่า...ผม มาหาพี่ซีวอนฮะ” มือเล็กบิดลูกบิดประตูเข้ามา เสียงหวานที่เปล่งขึ้นทำให้รุ่นพี่ในห้องนั้นสนใจกันไม่น้อย เนื่องจากรุ่นน้องที่ออดิชั่นทั้งหมดออกไปแล้วจึงมีเพียงคยูฮยอนที่..เข้ามาในห้องออดิชั่นคนสุดท้าย
“อ้าว..ไอ้วอนมันมีเด็กด้วยหรอวะ...ไม่บอกกูเลย”
“เหยด..เด็กเฟรชชี่ด้วยว่ะ แม่งตาถึงว่ะ เสียงใสชิบ”
และอีกเสียงโห่แซวไก่การากหญ้าทั้งหลายที่ประดังประเดเข้ามา โดยประเด็นหลักคือหนุ่มหน้าหวานที่ยืนเอ๋ออยู่หน้าห้อง
“ไอ้วอนแม่งแบบ..”
“..เฮ้ยมึง!! ...เดี๋ยวๆๆๆๆ น้องครับชื่ออะไร”หนึ่งในคนกลุ่มนั้นพูดแทรกขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ
“คยูฮยอน...โจวคยูฮยอนฮะ”
“ป๊าดดดดด ร้องเพลง..มาซักเพลงซิน้อง ไอ้วอนมันถึงกลับไล่เด็กที่มาออดิชั่นออกหมดเพราะบอกว่ารอน้องมา..”
พี่ซีวอน...รอผมมา?? รู้ได้ไงว่าเค้าร้องเพลงได้
“ให้..ผมร้องเพลงอะไร”
“อะไรก็ได้น้อง..อ่า ชอบเพลงอะไรก็ร้องไปเหอะ”
ปัง!!
“พวกมึง..เพื่อนเลว กูบอกว่าไม่ต้องออไง กูดูแลของกูเอง กูจะปั้นเด็กแข่งกับไอ้เย่มัน” เสียงเปิดประตูดังลั่น ขายาวก้าวเข้ามาในห้องกระจก อธิบายอะไรกันไปก่อนจะดึงคยูให้ตามเข้าไปห้องเก็บเสียงด้านใน
ปึงๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!
“เฮ้ยยยยยยยยยยย.. ไอ้วอนนนน มึงจะเข้าไปห้องเก็บเสียงทำม้ายยยยยยยยย” เสียงโหยหวนของผองเพื่อนที่อยากได้ยินอะไรบ้าง มาพร้อมแรงชกเตะถีบอัดประตูพยายามให้มันโค่นลงมา แต่ชื่อห้องก็บอก ‘ห้องเก็บเสียง’..ต่อให้ทุบตะโกนโหวกเหวกอะไรคนด้านในก็ไม่มีทางได้ยิน คนข้างในคงได้ยินเสียงแค่ ‘ปุๆ’ เหมือนเครื่องบินกระดาษชนผนัง
พวกมันมีซัมทิงรองกันหรอวะแม่ง...มึงลึกลับมาก
“คยู..ร้องเพลงได้ใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มกล่าวขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่เปียโนหลังใหญ่สีขาว
“อ่า..ฮะ ผมร้องได้ แต่ก่อนคุณแม่ให้เรียน”ตาคู่สวยดูเป็นประกายขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
เสียงอ่อนหวานที่ไม่ได้แสร้งทำ บวกกับหน้าหวานนั่นทำให้ดูดึงดูดใจมากพอดู
“พี่เชื่อใจว่าคยูร้องได้ เสาร์นี้ต้องไปแสดงแข่งกับอีกทีมนึง..คยูรู้ใช่มั้ยครับว่ามีงานมหาลัย” ร่างสูงกวักมือเรียกคยูฮยอนให้เดินเข้าไปหา
“ฮะ..แต่ผม..จะให้ผมร้องจริงๆหรอ”
“อืม...เริ่มกันเลยมั้ย เพลงนี้นะครับ..” มือเรียวรับกระดาษโน๊ตเพลงมาจากซีวอน ตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อเพลง...
‘Listen’...เพลงนี้ เค้าร้องไม่เพราะหรอกนะยอมรับเลย...มันต้องออกมาจากอารมณ์จริงๆ..
“คยูมานั่งข้างพี่สิ..จะได้ดูโน๊ตเพลงด้วยกัน ค่อยๆฝึกก็ได้อีกตั้งอาทิตย์นึง” มือใหญ่ตบที่นั่งที่เหลือตรงเก้าอี้เปียโนของตัวเอง
“เอ่อ..คือ..คยู...คยูยืนร้องก็ได้ฮะ” ด้วยความขวยเชินของตนทำให้คยูก้าวถอยหลังอย่างประหม่า เผลอแทนสรรพนามที่ใช้กับคนคุ้ยเคย...
“หืม...เมื่อกี๊..แทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”
...ตายแล้วคยูฮยอน....ไปแทนตัวเองแบบนั้นได้ไง..พี่เค้า คงคิดว่าตลกสินะ...
“ผมแทนตัวเองว่าผม..เอ่อคือ..ผม...” พูดไม่ออกจริงๆ ณ จุดนี้ เมื่อซีวอนลุกจากเก้าอี้เปียโนแล้วเดินเข้ามาหา ทอดมองเค้าด้วยสายตาอบอุ่นแบบนี้
“แทนตัวเองว่าคยู ..ก็น่ารักดีออกไม่ใช่หรอ...พี่ชอบนะ” เดินมาแล้วจับมือร่างเล็กให้เดินไปนั่งด้วยกัน มือเล็กที่ชื้นเหงื่อจากความประหม่าพยายามจะบิดออก แต่มือของซีวอนกลับกระชับมากขึ้นเหมือนกับกลัวว่าคนตัวเล็กข้างๆเขาจะหายไป ริมฝีปากหนาขยับออกเป็นคำพูดสั้นๆอย่างแผ่วเบา แต่ดังก้องในใจของใครอีกคนเหลือเกิน...
...น่ารักดีออก..อย่างนั้นหรอ
“ผม..อ๊ะ...เอ่อพี่ไม่เห็นต้อง..” พอคยูนั่งลงบนเก้าอี้ ร่างของซีวอนก็ลงมานั่งข้างๆทันที พร้อมทั้งลำแขนที่โอบรอบตัวของคยูไปอีกด้านหนึ่ง ดูแล้ว..เหมือนกับกำลังกอดกัน
แก้มใสขึ้นสีแดงจัดจ้าน่ามอง ริมฝีปากขบเข้าหากันอย่างเขินอาย ช้อนสายตามองร่างสูงอย่าประหม่าเต็มที เท่านั้นก็ทำให้คนแบบซีวอนตบะแตกได้แล้ว....
...โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย..อย่าทำหน้าเอ๊กซ์แบบนั้นครับน้อง...พี่สัญญาว่าจะไม่กินเด็กแล้วนะ...
“ซ้อมกันดีกว่า แบบนี้จะได้มองเห็นโน๊ตชัดๆ วันจริงพี่ไม่ขึ้นไปด้วยหรอกน่า...” ซีวอนรู้ดีว่าคยูอายเพราะอะไร แต่วันจริงไม่ได้คิดจะขึ้นอยู่แล้วเพราะเขาให้โชว์พลังเสียง ไม่ได้ให้มาโชว์หวานบนเวที
“อ่าฮะ..”
น้ำเสียงอ่อนหวานคลอเคล้ากับเปียโน รวมแล้วเป็นเสียงเราะมากนัก สิ่งที่คยูฮยอนขาดไปในเพลงนี้อย่างเดียวคือแรงบันดาลใจหรือแรงผลักดัน ..คนที่จะร้องเพลงแบบนี้ได้เพราะต้องมีพลังเสียง แต่สัยงของคยูฮยอนกลับอ่อนหวาน ..เพลงนี้เป็นเพลงที่แสดงถึงความเจ็บปวด..ซึ่งคยูฮยอนไม่ได้รู้สึกถึงมันมากพอ...
น้ำเสียงหวานหยุดลงเมื่อเพลงจบแล้วลุกพรวดพราดออกไปจากเก้าอี้ทันที ตลอดระยะเวลาของเพลงนี้ สายตาที่ซีวอนทอดมองมา..มันเหมือนมีมากกว่าคำว่ารุ่นพี่มองรุ่นน้อง ไหนจะอ้อมแขนที่กระชับมากขึ้นเรื่อยๆนั่นอีก
คนเรา..ก็มีขีดจำกัดความเขินเหมือนกันนะ...
“เอ่อ...ผม ผมกลับแล้วนะฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาใหม่” พูดไว้แค่นั้นแล้วรีบวิ่งออกไปท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของรุ่นพี่ที่เหลือในห้อง..
แน่นอนว่าคงจะอยู่จนกว่าจะรู้อะไรๆจากปากซีวอนเอง
“พวกมึง...ยังอยู่กันอีกหรอครับ” เดินออกมาด้วยหน้าเซ็งโลกไม่น้อย แล้วหน้าก็ยิ่งเบ้เข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเพื่อนหลายๆคนยังอยู่คอยหน้าห้อง ถ้าเปรียบเทียบกับสัตว์คงจะเป็นหมาผู้ซื้อสัตย์ที่รอเจ้าของออกมาแล้วส่ายหางดิ๊กๆเหมือนรออาหาร...
ให้ตาย...นอกจากผมจะพลาดเรื่องคยู ผมคงจะพลาดอีกถ้าบอกอะไรกับพวกมัน
ร่างสูงเดินดุ่มๆๆออกจากห้องซ้อมไปทันที โดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายกระหายใคร่รู้ของเพื่อน การกระทำแบบนี้เหมือนเจ้าของไม่ยยอมให้เพ็ดดีกรีหมาทั้งฝูงกิน ซึ่งหมามันกัดไม่ปล่อยแน่ๆล่ะ....
.
.
.
.
“เอ่อเจอกันพรุ่งนี้ครับ” คยูฮยอนลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปเหมือนเดินเฉกเช่นวันที่ผ่านมา เพียงแต่..ร่างเล็กที่วิ่งออกไปคงจะลืมกระเป๋าสะพายสีเทาที่ติดตัวอยู่เสมอ
“เฮ้ออออออออออ!!!” เสียงถอนหายใจยาวของซีวอนดังขึ้นเมื่อคยูวิ่งออกไป
หลายวันผ่านไป ปฏิกิริยาที่คยูมีต่อเขายังเหมือนเดิมคือประหม่า เขินอาย และเมื่อซ้อมเสร็จก็วิ่งออกไปเลย...รวมทั้งปฏิกิริยาเหมือนหมาได้รับยาบ้าเข้าไปของเพื่อนเขา ไม่เข้าใจว่าอยากจะรู้อะไรนักหนา.. สังคมแบบนี้ ผู้ชายกับผู้ชาย มันจะมีคนรับได้รึไง..หมายถึงถ้าไม่นับเพื่อนผมนะ
แน่นอนว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่พวกมันถาม..ผมรู้ว่าถ้าผมตอบไปอาจจะเกิดอะไรตามมา ผมรู้ว่าคยูฮยอนคิดกับผมยังไง ผมรู้เพียงแต่แสดงออกมาไม่ได้
“โหยมึง...สรุปนี่มึงชอบน้องเค้าจริงๆใช่ป่ะเนี่ย กูว่ามึงชอบน้องเค้าแล้วล่ะ” เสียงโหวกเหวกโห่แซวลั่นยังตามมาหลอกหลอนทุกวันหลังจากปมเดินออกมาจากห้องเก็บเสียงด้านใน จะให้ตอบยังไง..
ความถูกต้อง..หรือความต้องการ...
“กู......”
“กู.....กูไม่ชอบผู้ชาย!!!!!!!!!!!!!”
“แล้วกูก็ไม่ได้ชอบน้องเค้าด้วย!! อย่าคิดไปเองจะได้ไหม..!!!!!!!!!” เสียงดังฟังชัดตวาดก้องห้องซ้อม ความเงียบที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนลางร้ายอะไรบางอย่าง ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ไม่มีใครพูดออกซักคนเมื่อซีวอนตวาดประโยคนี้ดังลั่น ประโยคที่เหมือนไปกระทบกระเทือนใครบางคนด้านหลังประตูไม้บานเล็ก
ใครบางคน...ที่วิ่งกลับมาเพื่อจะมาหยิบของ แต่กลับเจอประโยคเสียดแทงจิตใจ ประโยคที่บอกอะไรหลายๆอย่าง..ประโยคที่บอกว่า หลายวันที่ผ่านมา ไม่มีค่าอะไร เขาแค่คิดไปเอง..
ซีวอนคงลืมไปว่า..ตัวเขาออกมาจากห้องเก็บเสียงแล้ว และเสียงนั้นมันก็ดังพอที่จะให้ใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฟากของประตูได้ยิน..
แอ๊ดดดดด...
!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คยู.....ตั้งแต่เมื่อไหร่...
“คยู...คยู.....ไม่ได้กลับไปแล้วหรอครับ...” ร่างเล็กของคยูฮยอนเดินห่อไหล่เข้ามา เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างแผ่วเบาต่างจากอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อสักครู่ ยอมรับว่าตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้เค้ารู้สึกดีๆกับเด็กน้อยคนนี้มาก แล้วก็รู้ว่าคยูรู้สึกได้.. ที่เค้าตะโกนออกไปเพื่อให้เพื่อนเลิกเซ้าซี้ หากแต่คำพูดนั้นกลับทำร้ายคนที่เค้าแคร์มากที่สุด...
“คยู...ผม...ผมกลับมาเอาของ” สรรพนามที่เปลี่ยนเป็นเหินห่างอย่างกระทันหันทำให้ซีวอนใจหายวาบ จากคราแรกที่คิดว่าร่างเล็กจะมีน้ำตาหรือโศกเศร้านั้น ซีวอนกลับคิดผิด คยูฮยอนมีแววตาที่แข่งแกร่งและแน่วแน่ และ..เย็นชาจนน่าใจหาย ไหนจะน้ำเสียงแข็งกระด้างนั่นอีก
เย็นชาแบบนี้...ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า...
“เอ่อ..พี่..ให้พี่ช่วยหยิบมั..”
“ไม่ต้อง!!! ผม..ทำเองได้ ผมอยู่คนเดียวได้!! ผมทำทุกอย่างเองได้ไม่ต้องมาสนใจผม!!” เสียงหวานที่เต็มไปด้วยความสั่นเครือตวาดดังลั่น หยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ดวงตาที่เคยร่าเริงเป็นประกายสดใสกลับหม่นหมองและมีความผิดหวังอยู่ในนั้นอย่างเห็นได้ชัด
หยาดน้ำตาของคยูฮยอนเปรียบเสมือนกับลูกศรที่ปักเข้ากลางใจของซีวอนอย่างจัง
ร่างระหงวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าของตนเองออกมาจากห้องด้านใน มือบางปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ตาแดงก่ำจากการร้องไห้มองตรงไปยังร่างสูง
“ผม..ไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอก ผมจะขึ้นไปร้องให้สุดความสามารถ...แต่เมื่อจบงานครั้งนี้แล้ว ..เราจะเป็นแค่คนที่เคยเดินผ่านกันเท่านั้น ผมจะไม่รู้จักคุณอีกต่อไป ..คุณซีวอน” เอื้อนเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังเดินกลับออกจากห้องไปทันที แน่นอนว่าไม่มีคราบน้ำตาหลงเหลือบนใบหน้าหวานอีกต่อไป มีเพียงแววตาที่เด็ดเดี่ยวพร้อมจะเผชิญอะไรที่ตามมา..
‘คนที่เข้มแข็งที่สุดคือคนที่กล้าพูดความจริงแม้ตนเองจะร้องไห้’ หากเป็นเช่นนั้น..คยูฮยอนคนนี้คงเป็นบุคคลที่อ่อนแอที่สุด... เพราะไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป.......
.
.
.
สามวันยาวนานเหมือนสามปี สามวันที่คยูไม่มาซ้อม...วันนี้..วันงาน วันสุดท้ายที่เราจะเป็นคนที่สนิทกันได้ ผมไม่รู้ว่าจะร้องออกมาดีไหม สิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือ..สภาพจิตใจของเด็กคนนี้ สภาพจิตใจที่ผมไม่รู้ว่าเค้าพร้อมจะเผชิญกับผู้คน..กับผม ด้วยความหมายของเพลงๆนั้นที่จะร้องได้หรือไม่
คยูฮยอนเปรียบเหมือนผ้าขาวบางไร้การแต่งแต้ม แต่ผมคนนี้..ได้แต่งแต้มสีดำลงไปบนผ้านั้นเสียเกือบหมด.. ผม..อาจจะเป็นคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป อาจจะเป็นคนที่ทำให้เด็กน้อยที่เคยร่าเริงกลับเย็นชา ผม...คงโง่เอง..
‘ผู้แข่งขันคนที่ 13.. โจว คยูฮยอน’
แปะๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงประกาศและเสียงปรบมือเกรียวกราวปลุกซีวอนให้ตื่นจากภวังค์ ดวงตาเหม่อลอยไปยังเวทีเมื่อร่างเล็กของคยูฮยอนเดินขึ้นมา...ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มจะเปล่งออกมาเป็นบทเพลงไพเราะ
‘ฉันไม่รู้หรอกว่า ณ แห่งหนใดคือสิ่งที่ฉันต้องการ แต่ฉันจะก้าวเดินต่อ หากเธอไม่รับฟัง เสียงเพลงที่พร่ำร้องอยู่ในใจฉัน จังหวะทำนองที่ฉันพร่ำร้อง ฉันจะร้องให้จบ และคงไม่สามารถเชื่อเธออีกต่อไป ไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง มันเป็นอะไรได้มากกว่าที่เธอคิด ฉันจะเดินตามเสียงที่เพรียกร้อง ตามบาทวิถีแห่งตัวฉัน ..ด้วยตัวของฉันเอง...’
ความหมายของเพลง..ที่ตรงตามชีวิตของเขาทุกอย่าง..มันไม่ง่ายเลยที่จะเปล่งออกมา แต่เมื่อคนใดล้มแล้วลุกขึ้นมาได้ คนนั้นจะแข็งแกร่งเพิ่มเป็นเท่าตัว.. และตอนนี้..คยูฮยอนคงจะแข็งแกร่งพอที่จะเปล่งเสียงบทเพลงอันไพเราะออกมาให้ทุกคนได้ฟัง
เค้าว่ากันว่า..แข็งนอก อ่อนใน..
ทำนองเสียงร้องแสนหวานยังกัดกินใจชเวซีวอนคนนี้ไม่เท่าความหมายอันลึกซึ้งของเพลง และแววตาที่ทอดมองมา..สายตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา เหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน น้ำเสียงทรงพลังที่ร้องขึ้นมาต่างจากน้ำเสียงอ่อนโยนตอนแรกที่ซ้อมลิบลับ...
ราวกับว่า..คยูฮยอนได้รับความเจ็บปวดที่ผ่านมา..สะสม..เป็นแรงผลักดัน
เมื่อน้ำเสียงหวานใสหยุดลง..เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นพร้อมขาเรียวที่ลากตัวเองลงจากเวที.. หากใครสังเกตุดีๆ คงจะเห็นได้ว่าโจวคยูฮยอนคนนี้หลั่งน้ำตาออกมามากเพียงใดระหว่างการร้องเพลง ยิ่งสบตากับร่างสูง ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ได้.. เหมือนกับว่ายังคงโหยหาเพรียกร้องอยู่เช่นนั้น
“ขอโทษนะครับ..หลีกทางหน่อย” เสียงหวานพูดขึ้นไม่ลืมหูลืมตาขณะกำลังเดินออกไปจากบริเวณหลัง เลยชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง..
“คยู...พี่ขอโทษ...พี่มันแย่..พี่...”
“คุณ...ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับคุณอีกแล้ว!!”น้ำเสียงแข็งกระด้างตัดประโยคของซีวอน..น้ำเสียงที่เย็นชา แต่แววตายังดูเจ็บปวดไม่น้อย...เหมือนยังลืมซีวอนไม่ได้ ก่อนที่แววตาจะกลับมาแย็นชาดังเดิม..
กลบเกลื่อนไปก็เท่านั้น...ในเมื่อหัวใจยังโหยหา..ดั่งนาฬิกาที่พยายามจะดิ้นรนเดินต่อไป..แต่กลับวนเวียนอยู่ที่เดิม...กับคนเดิมๆที่ยังต้องการ
“คยูบอกพี่ว่า..จบจากวันนี้ไง เพราะงั้นพี่ขอโอกาสสุดท้าย....พี่....พี่มันโง่เองที่พูดแบบนั้น...พี่น่ะ..พี่ ... พี่รักคยูนะครับ” ถ้อยคำสุดท้ายบางเบาดั่งเสียงกระซิบแต่กลับก้องในใจคนฟัง ก่อนริมฝีปากบางจะถูกครอบครองและรุกเร้า ถูกขบเม้มเบาๆแกมหยอกล้อ แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนละมุนละไม วงแขนแกร่งโอบรอบตัวร่างเล็ก ส่งผ่านความรักจากการจุมพิตและไออุ่นจากการโอบกอด ก่อนที่ร่างสูงจะถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สายตาทอดมองคนตรงหน้าอย่างใคร่รัก
จูบที่ไม่รุกเร้าร้อนแรง แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่น เพียงเท่านี้...คำๆเดียวที่คยูฮยอนรอ...เท่านี้จริงๆ คำนี้จากปากซีวอนเป็นมากกว่าคำพูด แต่เหมือนคำสัญญา คำขอโทษ ขอร้อง...แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...
“ให้โอกาสพี่อีกครั้ง พี่จะไม่ทำให้คยูเสียใจนะครับ..พี่รักคยู..รักมากจริงๆ..”
แค่นี้แหล่ะ..ที่ผมอยากได้ยินจากปากคนๆนี้...
“ผม..ไม่สิ...... คยูอยากเริ่มต้นใหม่..มาเริ่มต้นใหม่กันนะฮะพี่ซีวอน..”
Music Playlist at MixPod.com
=======================================================================
แฮร่!! ตอนนี้วอนคยูคนรีเควสคือป้าแจงนะฮ้าฟฟฟฟฟ...เออคือใครจะรีเควสคู่ไหนก็บอกได้นะความจริง จะแต่งให้ถ้าจิ้นออก.. แล้วก็ตอนนี้ยกมาจากเรื่องเดิมนะฮร๊า เพราะอยู่ในช่วงตันโมเม้น ใครอ่านแล้วอ่านอีกไม่เป็นไรใช่ม้อย?? ' ' ติชมกันด้วยนะว่าดีป่าว อ่านแล้วรู้สึกตัวเองเหมือนสเตซวี่ลี จุดเยอะไปปร้าส์.........................
เอ่อ..แอนฝากแบนเนอร์หน่อยดิ -w- ช่วยโปรโมทฟิคหน่อยดิใครมีฟิคอ่า.. 55555555555555555555555555555
ส่วนเรื่องของเพลงชื่อเพลงชื่อ Listen ของ Beyonce นะคะ ความหมายก็ที่คยูร้องไปนั่นแล -w- ขอบคุณทุกกำลังใจค่า *ซารางเงล์*
ความคิดเห็น