คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 : HAPPY BIRTHDAY
1 : HAPPY BIRTHDAY
“ระวัง! หลีกไป ..”
เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก ทำให้เด็กหนุ่ม ซึ่งกำลังนอนหนุนแขนตนเอง เหม่อมองท้องฟ้าอันสดใส ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งแทบจะทันที วินาทีนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามีแรงลมปะทะวูบผ่านตัวไป
“นี่กะจะฆ่ากันเลยเหรอ แซนด์” เด็กหนุ่มตะโกนถามออกไป เมื่อเห็นว่าสาเหตุของแรงลมนั่นคือ เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังฉุดรั้งไม่ให้เกวียนบรรทุกไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งบรรทุกไม้ฟืนมาจนเกือบเต็ม ไม่ให้ไถลลงเนินไป
“เฮ้ย! อย่ามัวแต่พูดมากน่า ไม่คิดจะมาช่วยกันเลยหรือไง มาช่วยกันหน่อย เร็วซิ” เสียงตะโกนตอบกลับมายังเจือด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกไม่หาย เขาเลยรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปช่วยฉุดเกวียนให้ชะลอความเร็ว ไม่ให้ไถลลงจากเนินเขา จนกระทั่งมันหยุดนิ่งบนที่ราบช่วงหนึ่งของเนินเขาลูกย่อม ๆ แห่งนี้
“โอ๊ย! .เกือบ ไป แล้ว เฮ้อ เหนื่อยชะมัด” เสียงพูดตะกุกตะกัก ปนเสียงหอบเอ่ยออกมา “ขอบใจน่ะ เจย์ ที่มาช่วยอ่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นายเหอะ เล่นอะไรพิเรนทร์ ๆ อีกละ”
“ จะบ้าเหรอ ! “ เสียงตอบกลับเกือบจะทันที ที่เด็กหนุ่มเจย์พูดจบ “นายเห็นชั้นกำลังเล่นอะไรสนุก ๆ จนต้องมายืนเป็นหมาหอบแดดอยู่อย่างนี้เหรอ”
“ โธ่! อย่าโมโหน่า แซนด์ “ เจย์ยังคงพูดต่อไปอย่างอารมณ์ดี “คนที่น่าจะอารมณ์เสียน่ะ น่าจะเป็นชั้นมากกว่านะ เกวียนนายเกือบจะทับหัวชั้นไปแล้วนะ โชคดีที่ยังหลบทัน”
“แล้วใครใช้ให้นายมานอนเอ้อระเหยอยู่บนนี้หล่ะ” แซนด์ตอบกลับด้วยเสียงที่เป็นปกติ
“นายกำลังทำให้บรรยากาศในการพักผ่อนวันนี้ของชั้นเสียหมดเลย น่าเสียดายชะมัด นายดูซิวันนี้ท้องฟ้าสวยจะตายไป เป็นวันแรกในรอบสัปดาห์เลยน่ะเนี่ย ที่ท้องฟ้าไม่มืดครึ้ม ฝนไม่ตก”
“ชั้นไม่มีเวลามานั่งซึมซับบรรยากาศแบบนายหรอก” เด็กหนุ่มเจ้าของนัยต์ตาสีเขียวมรกต ซึ่งขุ่นมัวเมื่ออยู่ในอาการที่หงุดหงิดเช่นนี้ ยังคงยืนหายใจหนัก ๆ แสดงอาการเหนื่อยจากการที่ต้องออกแรงเมื่อสักครู่ “เหนื่อยจะแย่ ร้อนก็ร้อน เฮ้อ! ชั้นต้องแพ้ยัยนั่นอีกแน่ ๆ เลย
บ้าชะมัด
.”
“แล้วเที่ยวนี้ นายไปท้าแข่งอะไรกับน้องอีกล่ะ” เจย์ยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ อย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ
“ ก็ .. ก็.. ไม่มีอะไรหรอก เรื่องไร้สาระน่ะ นายอย่าสนใจเลย” แซนด์รีบตัดบท “แล้วตกลงนายมาทำอะไรอยู่บนนี้ล่ะ”
“ก็บอกแล้วไง ว่าขึ้นมาพักผ่อน ชมวิว บรรยากาศดีอย่างนี้ มัวอยู่แต่ในบ้านเสียดายตายเลย “ เจย์ตอบคำถามขณะที่แหงนหน้ามองท้องฟ้า พร้อมกับยิ้มสดใส นั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้ ดูน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก
แซนด์ มองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ถึงเค้าจะเป็นรุ่นพี่ แต่ก็อายุมากกว่าแซนด์แค่ปีเดียว ทั้งสองจึงสนิทกันเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทั้งคู่ชอบไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และมักจะได้รับคำชมอยู่บ่อย ๆ ว่า เป็นเด็กหนุ่มที่น่าตาดีทั้งคู่ เจย์เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง ตาสีน้ำตาลเข้มรับกับผมสีดำขลับ คิ้ว จมูก ปาก ช่างประกอบกันอย่างลงตัวบนใบหน้าที่คมเข้มนั้น ส่วนแซนด์ ถึงจะไม่สูงเท่าเจย์ แต่ก็ไม่ได้เตี้ยไปกว่ากันสักเท่าไหร่ แต่ด้วยผมสีม่วงอ่อน ๆ และนัตย์ตาสีเขียวมรกต ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ แซนด์ดูแตกต่างจากเด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้าน
“เฮ้ ว่าไง” เสียงเจย์ดังขึ้น ทำให้แซนด์สะดุ้ง หลุดจากภวังค์
“หา นายว่าอะไรนะ”
“ชั้นถามนายว่า นายจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า ชั้นจะได้ช่วยนายเข็นเกวียนลงเขาไปไง”
“อืม ก็ดีซิ มีนายช่วยอีกแรง จะได้ไม่ไถลวืดไปแบบเมื่อกี้นี้อีก”
ว่าแล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกแรงเข็นเกวียนบรรทุกไม้ฟืนลงเขาไปตามทางที่ขรุขระอย่างทุลักทุเล โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่กระท่อมขนาดย่อม ๆ ที่ตีนเขา
“จะว่าไปแล้ว นายก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่บ้านชั้นนานแล้วนะเนี่ย แม่ยังบ่นถึงนายอยู่เลย” แซนด์พูดพลาง ขณะที่ต้องก้มหัวหลบกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาจากข้างทาง
“ก็ช่วงนี้ ฝกตกทุกวันเลย นายก็เห็น อย่างที่ชั้นบอกไง วันนี้อากาศดีจริง ๆ เลย” เจย์ตอบพลางทำท่าสูดอากาศหายใจฟอดใหญ่ “นี่ถามจริงเหอะ ทำไมนายถึงคิดกลับบ้านทางนี้ล่ะ ทางดี ๆ มี ไม่ยอมใช้ นายก็รู้ทางสายนี้ ธรรมดาแล้วไม่มีใครเค้าใช้แล้วนะ มันทั้งรก ทั้งขรุขระขนาดนี้”
“ชั้นคิดว่าทางนี้น่าจะกลับบ้านได้เร็วกว่าทางข้ามแม่น้ำในหมู่บ้าน ก็เลยจะลองดู ไม่นึกว่ามันจะชันขนาดนี้”
“แล้วผลที่ออกมา ดันช้ากว่าเก่า แถมเกือบทำชั้นซวยไปด้วย คิดแบบนี้ซิน๊า ถึงได้มีเรื่องปวดหัวแทบทุกวัน”
“อย่ามัวบ่นเลยน่า นายน่ะรู้ตัวมั๊ย ทำตัวเป็นคนแก่ขึ้นทุกวันแล้ว รีบ ๆ เข็นเข้าเถอะ จะได้ถึงบ้านเร็ว ๆ วันนี้แม่ทำขนมไว้ด้วยนะ”
“จริงเหรอ ลาภปากอีกแล้ว กำลังคิดถึงขนมฝีมือคุณป้าอยู่พอดี โชคดีจริง ๆ เล้ย ..”
“เอ้า.. ก็รีบ ๆ เข้าสิ เจย์ วิ่ง เร็ว นึกถึงขนมเข้าไว้ ขนม ..ขนม .ขนม ..” แซนด์เร่ง พร้อมกับเข็นเกวียนวิ่งเร็วขึ้น
**********************************
“มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะลูก”
“คอยพี่ค่ะแม่ น่าจะถึงได้แล้ว ไม่รู้มัวแต่ไปเถลไถลที่ไหน สงสัยรู้ตัวว่าแพ้ เลยไม่กล้ากลับมา สมน้ำหน้า”
“ จริง ๆ เลย พี่น้องคู่นี้ คราวนี้แข่งอะไรกันอีกล่ะ หืม ”
“ก็แข่งกันว่า ใครจะกลับถึงบ้านก่อนค่ะ”
“อ้าว! พี่เค้าไปตัดไม้ที่ด้านโน้นของป่าไม่ใช่เหรอ ทางก็ต้องไกลกว่าลูกที่ไปตักน้ำที่แม่น้ำอยู่แล้ว ยังไง ๆ พี่เค้าก็ต้องแพ้หนูอยู่ดี ทำไมถึงรับคำท้ากันล่ะ”
“อ๋อ.. ก็หนูต่อให้นี่คะ หนูขนน้ำ 2 เที่ยว ให้พี่ขนไม้ฟืนแค่เที่ยวเดียว อันที่จริงหนูเสียเปรียบกว่าด้วยนะคะเนี่ย ยังเสร็จก่อนพี่เค้าเลย กลับมาคราวนี้จะทำโทษอะไรคนที่แพ้ดีน๊า . แม่ช่วยหนูคิดหน่อยซิคะ นะคะแม่ นะคะ”
“ไม่ต้องมาอ้อนแม่หรอก ไม่ยุ่งด้วยแล้ว พี่น้องคู่นี้ มีเรื่องกันได้ทุกวี่ทุกวัน หนูน่ะจะคอยพี่ก็เข้ามาคอยในบ้านดีกว่า มาเร็ว อย่ามัวยืนตากแดดอยู่ เดี๋ยวไม่สบาย พานีย์เข้ามาด้วยนะ”
“ค่ะ แม่ ไป นีย์ เข้าบ้าน “ เด็กสาวตอบแม่ พร้อมกับหันไปลากสุนัขตัวใหญ่ สีดำเป็นมันที่กำลังจ้องมองมาเหมือนกับรู้ว่าแม่พูดให้พามันเข้าบ้านไปด้วย
***********************
“โฮ่ง ..โฮ่ง ..”
“แม่คะ เสียงนีย์ สงสัยพี่จะกลับมาแล้ว หนูไปดูนะคะ” เด็กสาวร่างโปร่งบาง พูดจบพร้อมกับรีบวิ่งออกจากห้องครัวไปในทันที
“ว่าไง คนขี้แพ้ กลับมาแล้วเหรอ อ้าว ..” เสียงเด็กสาวชะงักไป เมื่อเห็นคนตรงหน้า
“หวัดดี ซายน์” เจย์ทัก
“พี่เจย์ มาไงอ่ะ นึกว่าแซนด์ซะอีก”
“ซายน์” เสียงแม่ดุมาจากในครัว
“ค่ะแม่ พี่แซนด์ก็ได้” ซายน์ตอบกลับเบา ๆ แล้วหันหน้ากลับมาทางเจย์ด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ
“อยู่นี่ “ เสียงแซนด์ตะโกนมาจากด้านข้างของบ้าน “เอาไม้ฟืนไปเก็บมา”
“ทำไมช้าอย่างนี้หล่ะ เค้ากลับมาตั้งนานแล้วนะ “ ซายน์รีบเยาะทันทีที่เห็นหน้าแซนด์ พร้อมด้วยท่าทางยืนกอดอก ยิ้มมุมปาก ซึ่งเป็นท่าที่ซายน์คิดว่าคงจะกวนอารมณ์แซนด์ได้ดีที่สุด
“สวัสดีครับ คุณป้า” เจย์รีบเดินเข้าไปทักแม่ของซายน์และแซนด์ทันทีเมื่อเห็นท่านเดินออกมาจากห้องครัว พร้อมกับยกถาดใส่ขนมออกมาด้วย
“อ้าว เจย์ ไม่ได้เจอซะตั้งนาน.. พอดีเลย มา มาทานขนมด้วยกัน”
“ขอบคุณครับ” เจย์ตอบ พร้อมกับรีบเข้าไปช่วยถือถาดใส่ขนมไปวางไว้บนโต๊ะ
“เอ้า . สองคนนั่น จะเถียงกันอีกนานมั๊ย” แม่พูดพลางหันไปถามแซนด์กับซายน์ ที่กำลังยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายที่ประตูบ้าน
“แม่คะ ก็พี่เค้าไม่ยอมรับว่าแพ้นี่คะ บอกว่าครั้งนี้ให้ถือเป็นโมฆะ เพราะพี่เค้าไปเจอพี่เจย์ระหว่างทาง เลยแวะคุยกัน ทำให้กลับมาช้า
ขี้โกงชะมัดเลย” ซายน์พูดด้วยน้ำเสียงงอน ๆ แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ เอื้อมมือหยิบขนมเข้าปากทันที
“นี่นายโกงน้อง โดยเอาชั้นเป็นข้ออ้างเหรอ” เจย์แอบกระซิบกับแซนด์ ขณะที่แซนด์เดินมานั่งข้าง ๆ พร้อมกับหยิบขนมเข้าปาก
“ นายอย่าเสียงดังซิ ดีนะที่ชั้นหัวไว คิดข้อแก้ตัวนี้ได้สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกี้นี้เอง รอดตัวไป ไม่งั้นโดนยัยนั่นหาวิธีแปลก ๆ มาทำโทษอีก
แน่ ๆ” แซนด์กระซิบกลับพร้อมกับเคี้ยวขนมไปด้วย
“คุณป้า ไม่มาทานขนมด้วยกันเหรอครับ” เจย์หันกลับไปทักแม่ของเพื่อน เมื่อเห็นว่าท่านนั่งเหม่อลอยมองมาโต๊ะ ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
“ไม่ล่ะจ๊ะ ตามสบายน่ะ ลูก ๆ ทานกันเถอะ” พูดจบ นางก็หันกลับไปมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ตามเคย
**************************************
“เอาอาหารให้นีย์ แล้วเหรอลูก” แม่เอ่ยถาม ขณะที่แซนด์กำลังล้างมือ เพื่อจะเตรียมตัวรับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน
“ครับแม่ วันนี้นีย์ไม่รู้เป็นอะไรฮ่ะ วิ่งไปวิ่งมา ไม่ยอมให้จับเลย กว่าจะจับตัวไปผูกกับที่ได้ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่” แซนด์ตอบขณะเดินมานั่งที่โต๊ะ
“อย่าโกรธนีย์เลยน่ะลูก มันอยู่กับเรามานานแล้ว ต่อไปนีย์อาจจะช่วยลูก ๆ ได้มาก โดยที่ลูกนึกไม่ถึงเลยก็ได้”
“ช่วยอะไรคะแม่” ซายน์ถามพลางเริ่มต้นกันแซนด์วิชในมือ
“เอาเถอะ อย่าถามเลย รีบ ๆ ทานอาหารเช้ากันเร็วเข้า กลับจากโรงเรียนวันนี้แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูก ๆ ด้วยนะ ”
แซนด์กับซายน์มองหน้ากันอย่าง งง ๆ กับพฤติกรรมของแม่ในวันนี้ แม่ดูเลื่อนลอย และมีสีหน้าที่ดูวิตกกังวล อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งคู่จึงรีบกินแซนด์วิชในจานของตนเอง และดื่มนมจนหมดแก้ว
ตอนเย็น เมื่อทั้งคู่กลับจากโรงเรียนในหมู่บ้าน หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็เดินออกมาตามหาแม่ซึ่งไม่อยู่ในบ้าน จนกระทั่งพบแม่นั่งอยู่บนตอไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเป็นบริเวณกว้าง นีย์นอนหมอบอยู่แทบเท้า แม่เหม่อมองไปในทุ่งหญ้าเบื้องหน้า ซายน์เพิ่งจะเห็นว่ามองแม่จากมุมนี้ แม่ดูบอบบาง และดูแก่ลงไปมาก วันนี้แม่ดูแปลก ๆ ไปจริง ๆ แม่ดูห่อเหี่ยว ไร้ชีวิตชีวา และดูเศร้าหมอง ท้อแท้ สิ้นหวัง
“แม่คะ “ ซายน์เรียกแม่เบา ๆ ขณะเดินเข้าไปใกล้แม่ ก้มลงกอดแม่ไว้ เหมือนจะปลอบประโลม
“นั่งลงสิ ทั้งสองคน แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย แม่อยากให้ทั้งคู่ตั้งใจฟังสิ่งที่แม่จะพูดนี้ให้ดี เข้าใจมั๊ย” แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นเช่นเคย
“ค่ะ” “ครับ” ทั้งคู่ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“วันพรุ่งนี้ ลูก ๆ ก็จะมีอายุครบ 15 ปีกันแล้วซินะ”
“เออ .ใช่ จริง ๆ ด้วย พรุ่งนี้วันเกิดพวกเรานี่นา ลืมซะสนิทเลยเน๊อะซายน์” แซนด์ตะโกนทะลุกลางปล้องขึ้นมา แต่ก็รีบเงียบเสียงลงทันที เมื่อเห็นสายตาของแม่ที่มองปรามมา
“อายุ 15 กันแล้วซินะ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ “ แม่เหม่อมองไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นเบาๆ อย่างไม่ได้มีเจตนาจะพูดกับแซนด์และซายน์
“แม่คะ” ซายน์เรียกแม่เบา ๆ ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เมื่อเห็นแม่พูดไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่คลอหน่วย
“มันเร็วจริง ๆ แม่ยังไม่ทันจะคิดเลยว่าจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกฟังอย่างไร ลูก ๆ ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่แม่จะเล่าให้ฟัง แม่จะเริ่มต้นตรงไหนดีนะ แม่มัวแต่คิดว่ายังมีเวลา แล้วค่อย ๆ อธิบายให้ลูกฟังไปเรื่อย ๆ แต่เผลอแป๊บเดียว ก็ถึงวันพรุ่งนี้แล้ว มันเร็วจริงๆ “
“แม่กำลังจะบอกอะไรกับเราน่ะ เธอรู้เรื่องรึเปล่าซายน์” แซนด์กระซิบถามซายน์อย่าง งง ๆ ทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องไปที่แม่ ซึ่งตอนนี้นั่งเหม่อมองออกไปแสนไกล ซายน์ได้แต่ส่ายหัวไปมา โดยที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าของแม่ตรงหน้า
“แม่จำได้ว่าเมื่อตอนเล็ก ๆ ลูก ๆ เคยสงสัยและถามแม่เสมอว่าทำไมเราถึงไม่ไปอยู่ในหมู่บ้านเหมือนคนอื่น ๆ ทำไมชาวบ้านถึงชอบมองลูกแปลก ๆ ทำไมแม่ไม่เคยเข้าไปในหมู่บ้านเลย แต่แม่ก็ไม่เคยตอบคำถามเหล่านั้น บอกแต่ว่าสักวันหนึ่งลูก ๆ จะรู้เอง” แม่ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อุโมงค์กินคน” อยู่ ๆ แม่ก็พูดโพล่งขึ้นมา
“ค๊ะ” “อะ..อะไรครับ” ทั้งซายน์และแซนด์สะดุ้งโหยง พร้อมกับปล่อยเสียงออกมา
“อุโมงค์ที่อยู่หลังป่าด้านโน้น ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าอุโมงค์กินคน ลูก ๆ รู้จักใช่มั๊ย ลูกรู้มั๊ยทำไมชาวบ้านจึงเรียกมันว่าอุโมงค์กินคน” แม่เงียบไปอึดใจ เมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ต่างนั่งนิ่งจ้องมองมายังตนเป็นตาเดียว โดยไม่เอ่ยปากอะไรออกมา จึงเริ่มต้นพูดต่อโดยสายตายังทอดมองออกไปแสนไกล
“นั่นเป็นเพราะไม่ว่าใครที่เข้าไปในอุโมงค์นั่นแล้ว ไม่เคยจะกลับออกมา ชาวบ้านกลัวอุโมงค์นั่นมาก ว่ากันว่าเป็นที่อยู่ของปีศาจที่ต้องกินคนเป็นอาหาร”
“พ่อด้วยใช่มั๊ยค่ะแม่ พ่อก็หายไปในอุโมงค์นั่น” อยู่ ๆ ซายน์ก็พูดขึ้นมา
แม่ชะงักคำพูดที่กำลังจะพูดต่อ ตวัดสายตากลับมามองหน้าซายน์ที่กำลังจ้องมองมา และเมื่อเบนสายตาไปมองอีกคนหนึ่งก็เห็นแซนด์กำลังจ้องมองแบบรอคอยคำตอบเช่นกัน
“จ๊ะ ลูก” แม่ตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมา “ฟังแม่ดี ๆ น่ะลูก ทุก ๆ อย่างมันเริ่มจากแม่ไม่ใช่คนที่นี่ แม่จากอุโมงค์นั่น” แม่พูดพร้อม ๆ กับหันหน้ามองไปทางชายป่า ซึ่งลึกเข้าไปคือที่ตั้งของอุโมงค์นั่น อุโมงค์ที่ชาวบ้านขนานนามให้ว่า อุโมงค์กินคน
“พ่อมาเจอแม่สลบอยู่หน้าอุโมงค์ แล้วพ่อก็พาแม่กลับมาอยู่ในหมู่บ้าน แต่พอชาวบ้านรู้ว่าพ่อเจอแม่ที่ไหน ทุก ๆ คนก็รังเกียจแม่ พากันว่าแม่คือปีศาจ จะนำภัยพิบัติมาสู่หมู่บ้าน ไม่มีใครต้อนรับแม่ พากันขับไล่ พ่อจึงต้องพาแม่มาสร้างบ้านอยู่กันที่นี่ นี่คือสาเหตุต่าง ๆ ที่ลูกเฝ้าถามกันมาตลอด”
“แม่ คือว่า . แล้วแม่คือใครครับ” แซนด์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ต่อมาไม่นาน แม่ก็ตั้งท้อง” แม่ยังคงเล่าต่อ โดยมีสายตาอับอบอุ่น แต่ดูปวดร้าวจ้องมองมายังทั้ง 2 คน ซึ่งตอนนี้มีแต่สีหน้าที่ดู
งุนงงปรากฏอยู่บนใบหน้า “แต่ตอนแม่ใกล้จะคลอด แม่ก็ไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร แม่เหมือนคนไม่สบายมาก มีไข้สูง และมักจะเพ้อแต่ว่าจะกลับบ้าน จนทำให้พ่อพลอยเป็นกังวลไปด้วย พ่อพยายามหาวิธีรักษาแม่ทุกทางแต่ไม่สำเร็จ อาการแม่หนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งพ่อทนไม่ไหวกลัวว่าจะเสียทั้งแม่และลูกไป พ่อจึงตัดสินใจเข้าไปในอุโมงค์ เพราะคิดว่าน่าจะมีอะไรในอุโมงค์ หรือมีวิธีใดที่จะรักษาแม่ได้ แต่นับตั้งแต่นั้น พ่อก็ไม่กลับมาอีกเลย ถ้าแม่มีแรงมากพอ แม่จะห้ามพ่อ ห้ามไม่ให้พ่อเข้าไปที่นั่น” แม่กล่าวจบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“แล้วเกิดอะไรขึ้นค่ะ แม่หายได้ยังไง แล้ว แล้วตกลง แม่เป็นใครค่ะ” เสียงซายน์ถามขึ้น
“จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่คิดว่าคงเป็นวันที่แม่ต้องตายแน่แล้ว แม่เจ็บปวดไปทั่วร่าง รู้สึกเหมือนตัวแม่จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และแล้วแม่ก็คลอดลูกทั้ง 2 ออกมา และนั่นก็ทำให้อาการทุกอย่างของแม่หายเป็นปกติ แม่ไม่รู้ว่าทำไม เกิดอะไรขึ้นกับแม่ แต่แม่คิดว่าคงเป็นเพราะที่นี่ ในโลกนี้ ทำให้แม่มีอาการผิดปกติตอนจะคลอด เมื่อคลอดลูกแล้วแม่จึงกลับเป็นปกติ เหมือนไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่แม่ห้ามพ่อทัน พ่อก็คงไม่จากเราไป” เสียงแม่เริ่มสะอื้น
“แม่ค่ะ . “ “แม่ครับ .” ทั้ง 2 ลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดแม่พร้อม ๆ กัน
“พ่อเป็นมนุษย์ธรรมดา พ่อจึงไม่ได้กลับออกมา แม่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเข้าไปที่นั่นแล้ว พ่อจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้น หนูทั้ง 2 เป็นเสมือนตัวแทนความรักที่พ่อมีให้แม่เสมอมา เพราะไม่ว่าแม่จะเป็นใครมาจากไหน พ่อก็ไม่เคยคิดจะถามแม่เลย พ่อมีแต่ความรักให้แม่ตลอดจนกระทั่งวันสุดท้ายที่พ่อจากไป พ่อก็จากไปเพราะความรักที่พ่อมีให้กับแม่ แม่รักหนูทั้ง 2 มากนะลูก” แม่กล่าวต่อพร้อมกับลูบหัวแซนด์และซายน์ไปด้วย
“แม่ครับ ผมมีเรื่องจะถามหน่อยได้มั๊ยครับ” แซนด์ถามขึ้น และเมื่อเห็นว่าแม่มองกลับมาเหมือนจะรอฟังอยู่ แซนด์ก็ถามต่อว่า “แล้วตกลงแม่มาจากไหนครับ ในอุโมงค์นั่นมีอะไรกันแน่”
“อุโมงค์นั่นเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกนี้กับโลกที่แม่มา โลกนั้นชื่อว่า พาร์ตรีไดส์ “
“พาร์ตรีไดส์” ทั้งคู่ประสานเสียงออกมาพร้อม ๆ กัน แบบงง ๆ
“ใช่จ๊ะ พาร์ตรีไดส์ และแม่คิดว่าลูก ๆ คงจะได้รู้จักมันเร็ว ๆ นี้”
“ทำไมค่ะแม่ แม่จะพาเราไปที่นั่นเหรอค่ะ” ซายน์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“มันขึ้นอยู่กับลูกจ๊ะ อยู่ที่การตัดสินใจของลูกทั้ง 2 ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรืออยากจะรู้จัก พาร์ตรีไดส์” แม่ตอบด้วยสายตาเลื่อนลอย
“แล้วทำไม แม่ไม่พาพวกเราไปตั้งแต่ที่พ่อหายไปละครับ ที่จริงแม่ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่ให้คนในหมู่บ้านทำอย่างนี้กับแม่ เรากลับไปอยู่บ้านของแม่กันก็ได้ เน๊อะซายน์” แซนด์ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น อย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
“ไม่ได้หรอกลูก มันยังไม่ถึงเวลา พาร์ตรีไดส์ ไม่ใช่สถานที่ ที่ใครอยากจะมา หรืออยากจะไปตามใจชอบได้ ทุกอย่างมีข้อกำหนดและแม่ก็คิดว่านี่คงถึงเวลาของลูก ๆ แล้ว ซายน์ เข้ามาใกล้ ๆ แม่ซิลูก” แม่พูดพลางก้มลงหยิบของที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆ ข้าง ๆ ตัว
“ของขวัญวันเกิด ปีที่ 15 ของลูกจ๊ะ ลูกต้องสวมมันไว้ตลอดเวลาน่ะ ห้ามถอดมันออกจากตัวเด็ดขาด” แม่พูดพลางสวมสร้อยสีเงินเส้นเล็ก ๆ ให้ซายน์
“ขอบคุณค่ะแม่” ซายน์ก้มดูสร้อยที่อยู่บนคอตนเอง เป็นสร้อยที่สวยมาก ซายน์ได้แต่นึกในใจ สวยจนบอกไม่ถูก ซายน์รู้เพียงแต่ว่าชอบมันมาก มันเป็นสร้อยสีเงินเส้นเล็ก ๆ ดูบอบบาง เหมือนกับจะขาดได้ง่าย ๆ มันส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ ซายน์จับจี้ที่ห้อยอยู่กับสร้อยขึ้นมาดู มันเป็นคริสตันใสสีม่วงอ่อน ๆ รูปแมลงปอกางปีก แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือส่วนหางของแมลงปอ กลับกลายเป็นโลหะสีเงิน ซึ่งเป็นสี่เหลี่ยมมีปุ่มแหลมที่ไม่เท่ากันยื่นออกมา 3 ปุ่ม
“แซนด์ นี่ของลูกจ๊ะ” เสียงแม่ดังขึ้น เรียกให้ซานย์เงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้า แม่กำลังสวมสร้อยข้อมือให้แซนด์ มันเป็นสร้อยแบบเดียวกันกับที่ซานย์ได้ แต่มีขนาดใหญ่กว่า สร้อยข้อมือของแซนด์เมื่อนำตะขอมาเกี่ยวกันแล้วจะกลายเป็นรูปแมลงปอเหมือนของซายน์เพียงแต่มีลักษณะที่เล็กกว่า และไม่มีปุ่มโลหะที่เงินที่หาง
“ขอบคุณครับแม่” แซนด์ตอบขณะที่ตายังจ้องมองที่อยู่สร้องข้อมือของตนเอง
“ลูกทั้ง 2 คน ต้องดูแลกันดี ๆ น่ะ อย่าทิ้งกัน รักกันมาก ๆ แซนด์ เป็นพี่ต้องดูแลน้องด้วยน่ะลูก แม่รักลูกทั้ง 2 คนมากน่ะ” แม่พูดเป็นครั้งสุดท้าย
**************************************
“ซายน์ ตื่นเร็ว วันนี้วันเกิดเรานะ ไปดูดีกว่าว่าแม่เตรียมอะไรให้เรากินบ้าง เร็ว ๆ ซิ” เสียงแซนด์ตะโกนปลุกแต่เช้า
“โห พี่แซนด์ ไม่ค่อยบ้าเห่อเลยนะ ปกตินอนตื่นซะสาย วันนี้ทำไมเป็นฝ่ายมาปลุกได้ล่ะเนี่ย” ซายน์งัวเงียตอบ แต่ก็ลุกขึ้นเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบ เหมือนเช่นที่ทำทุกวัน
“แหม วันนี้วันพิเศษทั้งที ก็ต้องมีอะไรพิเศษ ๆ หน่อย เร็ว ๆ เข้าสิ ยายอืดอาด ไม่งั้นไม่รอแล้วน่ะ เดี๋ยวถ้าออกไปก่อนเจออะไรอร่อย ๆ จะกินให้หมด ไม่เหลือให้เลย” แซนด์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“รอด้วย แป๊บเดียว นะ”
**************
“แม่คะ” “แม่ครับ” ทั้งคู่ประสานเสียงเรียกแม่ เมื่อเห็นว่าในห้องครัวไม่มีใครอยู่
“แม่หายไปไหนล่ะเนี่ย หรือจะเซอร์ไพส์อะไรเรารึเปล่าน๊า” เสียงแซนด์ดูตื่นเต้นกับเรื่องแปลกของวันนี้
“ไม่น่าจะใช่น่ะพี่แซนด์ ตามปกติแล้วป่านนี้แม่ต้องอยู่ในครัวแล้วนี่น่า แยกกันหาแม่ดีกว่านะ พี่ไปดูข้างนอกล่ะกัน เดี๋ยวซายน์จะเข้าไปดูแม่ที่ห้อง เผื่อว่าแม่จะไม่สบาย” ซายน์พูดด้วยสีหน้าวิตก
“อืม ก็ได้” แซนด์ตอบ แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปตามทางที่ตกลงกันไว้
“แม่ .. แม่คะ”
**********************
ความคิดเห็น