ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาร์ตรีไดส์ : ดิน น้ำ ฟ้า และเรา

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : การสูญเสียและการเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 49


    2    :    การสูญเสียและการเริ่มต้น

     

                    แม่…..   แม่คะ   เสียงซายน์ตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังขึ้นมาจากในบ้าน ทำให้แซนด์ที่กำลังจะปลดโซ่นีย์ ถึงกับชะงักและรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน

                    เกิดอะไรขึ้นซายน์   แซนด์ตะโกนถามทันทีที่เปิดประตูบ้านออกและรีบวิ่งไปยังห้องของแม่

                    พี่แซนด์  แม่…..  แม่เป็นอะไรไม่รู้  ฮือ….ฮือ…..  พี่แซนด์  ฮือฮือ…..”  ซานย์ได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาขณะยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงแม่แล้วเอาแต่ร้องไห้  

                    เมื่อแซนด์วิ่งเข้ามาถึง รีบตรงไปยังเตียงของแม่  ภาพที่เห็น  แม่นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียง  ใบหน้าแม่ดูงดงามปานรูปวาด ใบหน้าแม่ดูมีความสุข  แต่สิ่งที่ทำให้แซนด์ถึงกลับทรุดตัวลงข้างเตียงจับมือแม่ไว้ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม คือแม่ที่นอนอยู่ตรงหน้า ไม่มีลมหายใจแล้ว

                    พี่แซนด์  เสียงซายน์ที่เรียก ทำให้แซนด์ต้องรีบเงยหน้ามอง  ซายน์ได้แต่ยืนร้องไห้  น้ำตาไหลมาเป็นทาง โดยที่ไม่ขยับเข้ามาแม้แต่จะจับตัวแม่

                    แม่นอนหลับใช่มั๊ย  เมื่อไหร่แม่จะตื่นล่ะ  ซายน์ถามพร้อม ๆ น้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด  เสียงที่ซายน์ถามเหมือนรอความหวังให้แซนด์ตอบกลับมาว่า  แม่เพียงแค่นอนหลับ  ซายน์ยังคงทำใจไม่ได้  ไม่คิดว่าแม่จะจากไปโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

                    ซายน์    ซายน์ฟังพี่น่ะ  แม่ไม่ต้องทนเหนื่อยต่อไปอีกแล้ว  แม่มีความสุขมากเห็นมั๊ย  แม่ยิ้มให้เราด้วย  ดูแม่ซิ  แม่มีความสุขแค่ไหนแซนด์เดินเข้ามากอดปลอบซายน์ไว้  และพาซายน์เดินมาที่เตียง จับมือซายน์วางไปบนมือแม่

                    แม่คะ  หนูรักแม่ค่ะ  หนูรักแม่ค่ะ  ซายน์ได้แต่พูดซ้ำไป ซ้ำมาก้มลงซบกับอกแม่ พร้อมกับร้องไห้โฮ

                    แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุด  แซนด์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ก้มหน้าซบลงพร้อมกับโอบกอดแม่และน้องไว้ในอ้อมแขน ด้วยน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม

     

    **************************************

                   

    แม่คงอยากให้เราไปที่  พาร์ตรีไดส์ มากกว่า 

                    แต่เราไม่รู้จักที่นั่นนะคะ  เราไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นยังไง  เป็นแบบไหน เราจะอยู่ได้เหรอ  เสียงซายน์ตอบกลับไป  ทั้งคู่ยังไม่รู้ว่าทำยังไงกันต่อไป  เมื่อขณะนี้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนอยู่กันลำพัง  2  คนบนโลกใบใหญ่นี้ 

    ทั้งคู่นำร่างแม่ฝังไว้ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ที่แม่ชอบนั่งเป็นประจำ  2  วันที่ผ่านมาตั้งแต่เสียแม่ไป  ทั้งคู่อยู่แต่ในบ้านได้แต่นั่งซึมอยู่กันอย่างเงียบ ๆ อย่างผู้สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตอันใหญ่หลวง   วันที่นำร่างแม่ลงฝังยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจคนทั้งสอง  แม่ดูสวยราวกับเทพธิดา  หน้าแม่ดูสวยงามราวรูปวาดในสมัยโบราณ  รอยยิ้มน้อย ๆ บนหน้าแม่ยังคงติดตาอยู่    ภาพนีย์ที่เอาแต่นอนหมอบอยู่ปลายหลุมโดยไม่มีเสียงใด ๆ จากปากของมัน  ชั่วขณะหนึ่งที่ซายน์หันไปมอง ถ้าตาของซายน์ไม่ฝาดเพราะน้ำตาที่เอ่อไหลอยู่ตลอด  ซายน์เห็นน้ำตาของนีย์    มันคงรับรู้ว่าแม่ได้จากพวกเราไปแล้ว  วันนี้เป็นวันที่  3  ของการสูญเสีย  หลังจากที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักเมื่อ  2  วันที่ผ่านมา เพราะต่างคนต่างรู้สึกแย่ ๆ และอยู่ในช่วงทำใจ   อยู่ ๆ  วันนี้ แซนด์ก็พูดเชิงปรึกษาหารือกับซายน์ว่าจะทำยังไงกันต่อไป

                    แต่ถ้าเราคิดเรื่องที่แม่พูดกับเราไว้ก่อนท่านจากไปให้ดี  อยู่ ๆ ท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง  และยังบอกอีกว่า เราคงจะได้รู้จักมันเร็ว ๆ  นี้แม่บอกว่ามันขึ้นอยู่เราว่าจะตัดสินใจยังไง  อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรืออยากจะรู้จัก พาร์ตรีไดส์   และคงถึงเวลาของเราแล้ว  จำได้หรือเปล่าล่ะ  แซนด์ถามซายน์ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แฝงความกังวล  หากวันนี้ยังคงเป็นเหมือนวันที่แม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง  และแม่ยังคงอยู่ตอนนี้  แซนด์คงเห็นเป็นเรื่องสนุกและคงตื่นเต้นที่จะได้ลองอะไรที่แปลกใหม่  แต่วันนี้ไม่ใช่  มันเหมือนกับเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่  เป็นการลิขิตเส้นทางชีวิตที่จะต้องเดินต่อไปในอนาคตทั้งของตัวเองและน้องสาวที่เหลืออยู่

                      แต่….  แต่….  เราไม่เคยเห็นที่นั่น  ไม่รู้ว่ามันมีจริงรึเปล่านะคะ  ถ้าเราจะไปที่นั่น เราต้องเข้าไปในนั้น  ในอุโมงค์กินคน  น้ำเสียงซายน์แสดงความลังเลและหวาดหวั่น

                    ซายน์ไม่เชื่อที่แม่เล่าให้ฟังเหรอ 

                    ไม่ใช่ไม่เชื่อค่ะ  แต่มันไม่มีรายละเอียดอะไรเลยนะคะ  เราไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า  พาร์ตรีไดส์  คืออะไร  จะเข้าไปได้ยังไง แล้วต้องทำอะไร ยังไงบ้าง 

                    ยังไงพี่ก็ยังคิดว่าแม่คงต้องการให้เราไป  แต่ถึงยังไงก็แล้วแต่ทุกอย่างพี่ให้ซายน์ตัดสินใจ  หากซายน์ไม่ต้องการไปพาร์ตรีไดส์และอยากอยู่ที่นี่  พี่ก็จะตามใจ  ซายน์คิดดูให้ดีแล้วกัน

                    เราจะไปพาร์ตรีไดส์ค่ะ พี่แซนด์  น้ำเสียงซายน์แสดงความเด็ดเดี่ยว หลังจากเงียบไปอึดใจหนึ่ง  เมื่อแซนด์มองหน้าซายน์ก็พบกับ
    สีหน้าที่มุ่งมั่น  และการตัดสินใจที่เด็ดขาด

                    ได้  ตกลง  เราจะไปที่นั่น  เราจะไปบ้านของแม่กัน  แซนด์ตอบตกลงอย่างตัดสินใจแล้วเช่นเดียวกัน

     

    *************************

     

                    แน่ใจแล้วนะ ว่าจะไม่เสียใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  แซนด์ถามขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่หน้าปากอุโมงค์กินคน

                    ค่ะพี่แซนด์  เสียงซายน์ตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว  แต่ลึก  ๆ ในใจแล้ว ซายน์ก็ยังรู้สึกลัวและเป็นกังวลอยู่ดี 

                    นีย์  เดี๋ยวซิ  ขอเวลาทำใจหน่อย  เสียงแซนด์ตะโกนขึ้นพร้อมกับออกแรงดึงโซ่ไว้  เมื่อนีย์ที่อยู่อีกปลายด้านหนึ่งของโซ่ พยายามที่จะลากแซนด์เข้าไปในอุโมงค์ให้ได้

                    โฮ่ง….  โฮ่ง….”  

                    ดูท่าทางมันอยากเข้าไปข้างในนั่นมากเลยน่ะพี่แซนด์  ซายน์พูดพลางพยักเพยิดให้แซนด์ดูนีย์  ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตา ทำท่าจะวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ให้ได้

                    อืม  เหมือนมันดีใจที่จะได้เข้าไปข้างในนั่น  แซนด์ตอบพลางออกแรงดึงโซ่ให้มากขึ้นอีก

                    นี่พวกนายกำลังทำอะไรกัน   เสียงดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งและหันหลังกลับไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน

                    เจย์   พี่เจย์    เสียงทั้งคู่ประสานกันเบา ๆ  ต่างหันกลับมามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังกับคนที่มาใหม่ดี

                    ว่าไง  กำลังจะทำอะไร  อย่าบอกนะว่าวันนี้จะเล่นเข้าอุโมงค์นั่นกันน่ะ  มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ  มันอันตรายขนาดไหนก็รู้กันดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ  ถ้านายเล่นอะไรเสี่ยง ๆ และอันตรายแบบนี้ ไม่นึกถึงคุณป้าบ้างเหรอ  เสียงเจย์ดุ พอ ๆ กับหน้าที่ตอนนี้ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

                    เราไม่ได้เล่นกันค่ะ พี่เจย์  ซายน์ตอบ

                    นายรู้ได้ไงว่าเราอยู่กันที่นี่   แซนด์ถามด้วยความอยากรู้

                    ชั้นก็ไปหานายที่บ้านไง  แต่ไม่เห็นมีคนอยู่ ก็เลยลองเดินมาเรื่อย ๆ คิดว่าคงเล่นอะไรกันอยู่ที่ชายป่า  แล้วก็ได้ยินเสียงนีย์เข้า เลยรีบวิ่งมาเนี่ย  เสียงเจย์ยังคงไม่เป็นปกติ  ตกลงพวกนายจะบอกได้หรือยังว่ากำลังเล่นอะไรกัน

                    เราไม่ได้เล่นค่ะ  พี่เจย์  เสียงซายน์ยังคงยืนยันคำพูดเดิม

                    ฟังน่ะเจย์  เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าให้นายฟังยังไงดี  แต่คราวนี้เราไม่ได้เล่นกัน   ใช่  เรากำลังจะเข้าไปในอุโมงค์นั่น  เรากำลังกลับบ้าน บ้านของแม่ เจย์

                    บ้านของแม่  เจย์ทวนคำ  นี่ พวกนายเป็นบ้าอะไรไปแล้ว  บ้านของแม่ที่ไหน  บ้านนายอยู่ที่โน่นไง  เจย์ยกมือชี้ไปทางด้านหนึ่งของป่าที่เป็นที่ตั้งของกระท่อม  แล้วนี่คุณป้าไปไหน ที่บ้านก็ไม่อยู่  ชั้นจะไปฟ้องคุณป้า  ว่านายกับน้องเล่นอะไรเลยเถิดเกินไปแล้ว  เสียงเจย์ดุขึ้นมาอีก

                    แม่จากพวกเราไปแล้วค่ะ  พี่เจย์  เสียงซายน์ตอบเบา ๆ  ก้มหน้าลง แต่ก็พยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

                    อะ อะไรนะ   เจย์ตกใจ

                    แม่เสียเมื่อ  3  วันที่แล้ว   เราให้แม่พักผ่อนอย่างสงบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างบ้าน  เสียงแซนด์ตอบกลับอย่างเบา ๆ เช่นกัน

                    เกิดอะไรขึ้น  นี่มันอะไรกัน  ชั้นงง ไปหมดแล้ว   คุณป้าเสียแล้ว  ไม่เห็นรู้เรื่องเลย  ทำไมนายไม่บอกกันเลยล่ะแซนด์  เจย์ได้แต่ยืนงง  และทำหน้าเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

                    ฟังน่ะเจย์  ก่อนที่แม่จะเสีย  แม่เล่าให้พวกเราฟังว่า  แม่มาจากอีกโลกหนึ่ง  ซึ่งอยู่อีกฝั่งของอุโมงค์นี่  แม่ไม่ใช่คนที่นี่  และในอุโมงค์ไม่ได้มีปีศาจอย่างที่ชาวบ้านพูดกัน  แต่มันคือโลกอีกโลกหนึ่งต่างหาก

                    หา….”  เจย์ยังคงได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น และยังคงทำหน้างุนงงหนักขึ้นไปอีก

                    เพราะฉะนั้น   เมื่อไม่มีแม่  เราจึงตัดสินใจกันว่า เราจะลองไปยังเมืองของแม่ดู  เราจะเข้าไปในอุโมงค์นั่นค่ะ  ไปโลกของแม่  ไปยัง
    พาร์ตรีไดส์  ซายน์พูดต่อ พร้อมกับหันหน้ากลับไปมองที่อุโมงค์อีกครั้ง

                    นาย  2  คนไม่สบายรึเปล่า  เจย์ยังคมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินอยู่ดี

                    เราพูดเรื่องจริง  ลาก่อนนะเจย์  เราคงไม่ได้พบกันอีก  ชั้นดีใจมากที่ได้รู้จักนายนะ   แซนด์เดินเข้ามาจับบ่าเจย์  พร้อมกับยิ้มกว้าง

                    เฮ้ยตกลงนี่ เอาจริงเหรอ  พวกนายจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ 

                    ค่ะ  เราพูดเรื่องจริง  และเราก็กำลังจะทำอย่างนั้นจริง    ลาก่อนนะค่ะพี่เจย์  ซายน์พูดจบพร้อมกับหันหลังกลับเตรียมตัวจะก้าวเข้าไปในอุโมงค์พร้อม ๆ  กับแซนด์  และนีย์ ที่ขณะนี้ยังตั้งหน้าตั้งตาจะวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ท่าเดียว

                    เฮ้ยเดี๋ยว ๆ ๆ   ไปด้วย  ชั้นไปกับพวกนายด้วย  เสียงเจย์พูดอย่างจริงจัง หลังจากที่ทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้อุโมงค์มากแล้ว

                    นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะพี่เจย์   ซายน์หันกลับมามองเจย์ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนห้ามเด็กเล่นอะไรที่อันตราย ๆ

                    ใช่  ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ  เรายังไม่รู้ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง  นายไปกับเราไม่ได้หรอก   แซนด์ยืนยันคำพูดของซายน์

                    ก็รู้แล้วไง ว่าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นี่มันเรื่องใหญ่  ใหญ่มาก  พวกนายจะไปกัน  2  คนนี่นะ  ไม่ได้หรอก  ยังไง ๆ ชั้นก็ต้องไปด้วย ไม่ต้องห่วงชั้นรับผิดชอบตัวเอง  ที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้ชั้นต้องห่วงด้วย  พ่อแม่ชั้นก็ไม่มี  อยู่ไปวัน ๆ ก็เท่านั้น  แล้วชีวิตชั้นตอนนี้ก็มีพวกนายเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดถ้าไม่มีพวกนาย แล้วชั้นอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร  ไม่รู้ล่ะ  ยังไง ๆ ชั้นก็ต้องไปด้วยให้ได้  เจย์พูดพลางเดินเข้ามายืนข้าง ๆ กับซายน์

                    ขณะนี้ทั้ง  3  คน ยืนหันหน้าเข้าหาอุโมงค์  แต่ละคนเงียบมองเข้าไปในความมืดในอุโมงค์นั่น  ไม่มีใครพูดอะไร เหมือนกับตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  นีย์ยังคงพยายามเข้าไปในอุโมงค์ให้ได้  แซนด์หันมามองหน้าซายน์และเจย์อีกครั้งก่อนจะถอนหายใจและพนักหน้าให้กับทั้ง  2  คน

                    ไป  เราไปกันได้แล้ว  พาร์ตรีไดส์ รอเราอยู่   พูดจบแซนด์ก็เดินตามนีย์เข้าไปในอุโมงค์  นำหน้าทั้ง  2  คนเข้าไป  โดยมีซายน์เดินตรงกลางและเจย์เดินปิดท้าย

                   

    **********************

     

                    ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่  ในอุโมงค์ยิ่งมืดมากขึ้นเท่านั้น  ตอนนี้ทุก ๆ อย่างรอบตัวซายน์มีแต่ความมืดมิด  มองไม่เห็นอะไรเลย  ซายน์รู้แต่ว่าการก้าวเดินของทุกคน ช้าลงเรื่อย ๆ เพราะมองไม่เห็นทางข้างหน้า  ซายน์ได้แต่จับชายเสื้อข้างหลังของแซนด์ไว้  และก็รู้สึกเหมือนกันว่าเจย์ก็คงเดินอยู่ข้างหลังไม่ห่าง  แม้เจย์จะไม่ได้จับเสื้อซายน์ไว้  แต่ซายน์ก็รู้สึกได้ว่าเจย์อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง    ซายน์รู้สึกว่าอากาศข้างในเย็นขึ้นเรื่อย ๆ   และผนังของอุโมงค์คงกว้างออกจากตอนเดินเข้ามาแรก     เพราะซายน์ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนตอนเดินเข้ามาใหม่ ๆ  หรือว่าจะชินกับกลิ่นอับชื้นของอากาศข้างในนี้กันแน่ ซายน์เองก็ไม่แน่ใจ   แต่ที่รู้ ๆ คือ  ซายน์ไม่กล้าที่จะลองยื่นมือออกไปข้าง ๆ เพื่อลองสัมผัสกับผนังของอุโมงค์ดูหรอก  ซายน์กลัวว่ามันจะไปเจอเข้ากับอะไรสักอย่าง  ที่ซายน์เองก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังกลัวอะไร

                    ทุกย่างก้าวที่แซนด์เดิน  แซนด์ก็ได้แต่คิดไปมาว่า  ตัวเองกำลังทำผิดหรือเปล่า  ทำให้น้องกับเพื่อนอีกคนตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า  ยิ่งคิดแซนด์ก็ยิ่งสับสน  ถึงตอนนี้ความกลัวก็พุ่งขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะยิ่งเดินต่อไปเท่าไหร่  มันก็ยิ่งมืดมิดเท่านั้น  แถมรู้สึกเหมือนจะต้องเดินต่อไป
    เรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด  นี่ก็เดินมาสักพักแล้ว  แต่ยังมองไม่เห็นทางออกเลย  เราจะพากันมาตายในนี้รึเปล่านะ  พ่อ  ใช่แล้ว  แล้วพ่อล่ะ  ตอนพ่อเดินมาในนี้ พ่อจะเป็นยังไง  พ่อคงจะไม่กลัวเหมือนเราแน่ ๆ เลย  เพราะพ่อคงคิดแต่จะหาทางช่วยแม่กับเราที่อยู่ในท้อง  พ่อต้องเดินอยู่ในนี้นานเท่าไหร่นะ  แล้วพ่อเจออะไร  ทำไมพ่อหายไป ไม่กลับไปหาแม่  คิดได้เท่านี้แซนด์ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีก  จะทำยังไงดี  คิดซิ ๆๆๆ  ตั้งสติให้ดี  แซนด์ได้แต่ท่องอยู่ในใจอย่างนั้น

                    นี่เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่  เจย์ได้แต่คิดวนเวียนไปมา  มันไม่ใช่การเล่นสนุก  ครั้งแรกที่ได้ยิน 2 คนพี่น้องพูดถึงโลกอีกโลกหนึ่งที่ปลายอุโมงค์ข้างหน้า  เจย์ได้แต่คิดว่ามันคงเป็นเรื่องล้อเล่นธรรมดา   แต่เมื่อทั้งคู่ยืนยัน และดูจากสีหน้าท่าทางทั้งคู่แล้ว  มันดูจริงจังมากกว่าจะมาเป็นเรื่องล้อเล่นธรรมดา ๆ ได้  เจย์รู้สึกตกใจเล็กน้อย  แต่สิ่งที่เจย์ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ  ความรู้สึกอีกความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาคือ  ความดีใจ  ซึ่งเจย์ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม  เจย์รู้สึกยินดีที่ได้ยินว่าอีกด้านของอุโมงค์มีโลกอีกโลกหนึ่ง  โลกที่ไม่มีใครรู้จัก และกำลังจะเชื้อเชิญเราทั้ง  3  คนเข้าไปหามัน  นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจย์ตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะต้องมากับทั้งสองคนพี่น้องนี้ด้วย  เจย์จะไม่ยอมพลาดโอกาสอันนี้ไปเด็ดขาด และเจย์ตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เจย์จะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้เลย  อีกไม่นานคงจะได้รู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น

     

    *******************

     

                    เหนื่อยรึเปล่า ซายน์  จะพักมั๊ย   เสียงแซนด์ถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่า แรงดึงของเสื้อข้างหลัง ดูจะแรงขึ้นเหมือนคนดึงเริ่มล้าแล้ว

                    ไม่เป็นไรค่ะพี่แซนด์  รีบเดินต่อไปดีกว่า  ซายน์ไม่ชอบในนี้เลย มันมืดสนิท  มองอะไรไม่เห็นเลย  ซายน์อยากพ้นจากอุโมงค์นี่เร็ว ๆ 

                    เอางั้นเหรอ  เจย์  นายล่ะ ว่าไง 

                    แล้วแต่เหอะ ยังไงก็ได้  ชั้นไม่เป็นไร  เจย์ตอบกลับมาเบา ๆ

                    โฮ่ง….  โฮ่ง….”

                    เสียงนีย์  เหมือนบอกจะให้เราไปต่อนะค่ะ

                    อืม  ไป  เราเดินกันต่อดีกว่า  พี่ว่าอีกไม่นานเราคงเจอทางออกแล้วล่ะ  ทนหน่อยน่ะซายน์

                    ค่ะพี่  ซายน์ตอบ  และหวังว่าคงจะอีกไม่นานเหมือนที่พี่แซนด์พูดไว้  แม่ค่ะ  แม่ช่วยพวกเราด้วยนะคะ  ช่วยคุ้มครองให้พวกเราไปยังพาร์ตรีไดส์  บ้านของแม่โดยปลอดภัย   หนูเชื่อว่าขณะนี้แม่คงเฝ้ามองเราและคุ้มครองเราอยู่ 

                    นีย์  อย่าวิ่งซิ  อย่าวิ่ง  ช้า ๆ  ได้ยินมั๊ย   เสียงแซนด์ทำให้ซายน์หลุดจากความคิด และรู้สึกได้ว่าร่างของแซนด์ข้างหน้ากระตุกไปตามแรงฉุดของนีย์  แต่เมื่อแซนด์ออกแรงฉุดนีย์ไว้ได้  ทั้งหมดก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามเคย

                    พี่ค่ะ  พี่ว่าแม่กำลังเฝ้ามองดูเราอยู่รึเปล่าคะ  เสียงซายน์ถามขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นว่า เดินกันมาสักพักก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น

                    แน่นอน  แม่ต้องกำลังมองดูพวกเรา และคุ้มครองพวกเราทุกคน เชื่อพี่ซิ

                    โฮ่ง  โฮ่ง….”

                    คงใกล้ถึงทางออกแล้วล่ะ   ไม่เชื่อลองสูดอากาศซิ  หอมจัง  กลิ่นอะไรน่ะ  เสียงแซนด์ตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น

                    อืม..  จริง ๆ  ด้วย  หอมมากเลย  เสียงเจย์ดังขึ้น

                    กลิ่น….กลิ่น…..”   เสียงซายน์พูดได้แค่นั้น  ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

     

    **********************

     

                    กรี๊ด………….”  

                    พี่….พี่แซนด์…. ช่วย…. ช่วยด้วย  เสียงซายน์หวีดร้อง  เมื่อรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นมาพบว่ามีเงาของตัวอะไรซักอย่างชะโงกหน้ามาอยู่ห่างจากหน้าตนเองไม่มากนัก

                    ไม่ต้องตกใจ ซายน์  ซายน์  เสียงทุ้มหนัก ๆ  พูดขึ้น แต่นั่นมันยิ่งทำให้ซายน์ผวาหนักกว่าเก่า

                    ช่วยด้วย   พี่แซนด์… “  เสียงซายน์ยังคงกรีดร้องต่อไป  พร้อมกับหลับตาปี๋

                    อะไรกันซายน์  ลืมตาขึ้นสิ  นี่พี่ไง ซายน์….  ซายน์  แซนด์เขย่าตัวซายน์เบา ๆ

                    พี่แซนด์ ช่วยด้วย ๆ ตัวอะไรก็ไม่รู้  เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือพี่ชายตนเอง  ซายน์ผวาเข้าไปกอดไว้แน่น  ตัวอะไรไม่รู้ เมื่อกี้อยู่ตรงนี้  ซายน์บอก พร้อมกับชี้มือไปตรงหน้า

                    นีย์ไง   แซนด์ตอบกลับ  พร้อมกับทำหน้าตื่นเต้น

                    นีย์เหรอ  ไม่ใช่หรอกพี่แซนด์  ไม่ใช่นีย์  ซายน์ยังยืนยัน

                    นีย์จริง ๆ  ไม่เชื่อเหรอ  นีย์  นีย์ ….  มาซิ   ซายน์หายตกใจแล้ว   เสียงแซนด์ตะโกน

                    นะนะนีย์   นีย์จริง ๆ เหรอ  เสียงซายน์ขาด ๆ หาย ๆ  และยิ่งเขยิบเข้าใกล้และกอดแซนด์แน่นขึ้น  เมื่อเห็นว่าตรงหน้าตนนั้น คืออะไร

                    ใช่  นีย์เอง  เจ้าของเสียงทุ้มหนักที่ซายน์ได้ยินครั้งแรก เอ่ยขึ้นอีกครั้ง  ครั้งนี้ซายน์เห็นได้ชัดว่าออกมาจากปากเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้า

                    นีย์ เป็น..  เป็น..  มังกร  เสียงซายน์ยังตื่นตระหนก  เป็นมังกร แถม..แถมยังพูดได้ด้วย  ไม่น่ะ  ฝันไป  ต้องฝันไปแน่ ๆ เลย  นีย์เป็นหมาไม่ใช่มังกร 

                    ไม่ใช่ฝันซายน์  ตอนนี้เราอยู่ที่  พาร์ตรีไดส์ ไงซายน์  แล้วนี่ก็คือนีย์จริง ๆ   เสียงแซนด์ยังคงสดใสอยู่

                    นีย์เป็นมังกร  ซายน์ยังคงพึมพำกับร่างตรงหน้า   มันคือมังกร ขนาดไม่ใหญ่นัก ขณะที่มันหุบปีกอยู่นี้ตัวมันใหญ่พอ ๆ  กับม้าตัวใหญ่ ๆ ตัวนึงเท่านั้นเอง   ไม่เหมือนกับมังกรที่ซายน์เคยนึกไว้เวลาอ่านหนังสือแล้วจินตนาการถึง  แต่สิ่งที่เหมือนนีย์ที่สุดคือ สีดำเป็นมันของผิวมังกรนั่น สีเหมือนนีย์จริง ๆ   แต่เป็นไปได้ยังไง นีย์คือมังกร ยิ่งคิดซายน์ก็ยิ่งไม่เข้าใจ

                    เมื่ออยู่ในโลกโน้น  ร่างของนีย์จะกลายร่างเองโดยอัตโนมัติ ไม่เช่นนั้น ผู้คนจะแตกตื่น    เหมือนนีย์จะอ่านความคิดซายน์ออก  อยู่ ๆ นีย์ก็พูดขึ้น

                    ถ้าเช่นนั้น  นีย์ก็ไปจากโลกนี้ พร้อม ๆ กับแม่ล่ะซิ  นีย์อยู่กับแม่มานานแล้วซิ  ใช่มั๊ย  เสียงซายน์เริ่มกลับมาเป็นปกติ

                    ใช่  เราไปจากที่นี่ด้วยกัน  นีย์เป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัวของเซร่า

                    เซร่า  เสียงซายน์กับแซนด์เอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กัน

                    เซร่า  เป็นชื่อของแม่เมื่อตอนอยู่ที่โลกนั่นไง   นีย์ตอบกลับมาเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของทั้งคู่

                    แล้วทุกคนใน พาร์ตรีไดส์  ต้องมีสัตว์เลี้ยงประจำตัวทุกคนเลยรึเปล่าครับ  แซนด์ถามด้วยความยากรู้ และกระตือรือร้น เพราะรู้สึกอยากมีสัตว์เลี้ยงแปลก ๆ แบบนี้บ้าง

                    ไม่หรอก แซนด์    คนที่จะมีสัตว์เลี้ยงประจำตัวได้  แสดงว่าต้องเป็นบุคคลสำคัญในด้านใดด้านหนึ่งของพาร์ตรีไดส์เท่านั้น  และส่วนมากจะไม่รู้ตัวมาก่อนหรอกว่าจะมีสัตว์ใดเป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัว    

                    พี่เจย์ล่ะ  พี่เจย์หายไปไหนแล้ว  พี่แซนด์   อยู่ ๆ  ซายน์ก็ถามขึ้นเมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วเห็นว่า มีแค่ซายน์  แซนด์ แล้วก็นีย์ที่อยู่ตรงนี้

                    อ๋อ  เจย์เห็นว่าซายน์ยังไม่ตื่น  เลยขอไปเดินดูรอบ ๆ นี้ และนีย์ก็อนุญาตแล้วด้วย  แซนด์ตอบกลับพร้อมกันหันไปยิ้มกับนีย์

                    เมื่อซายน์ลุกขึ้นยืน  ซายน์เพิ่งจะได้สังเกตรอบ ๆ ตัว อย่างละเอียดอีกครั้ง  อากาศที่นี่เย็นสบาย  รอบ ๆ ตัว มีหมอกอยู่เต็มไปหมด ทำให้มองเห็นออกไปได้ระยะไม่ไกลนักขณะนี้เป็นเวลากลางวัน แต่ด้วยเพราะหมอกทำให้ดูบรรยากาศรอบ ๆ ตัวดูมัว ๆ  ไม่สดใส

                    นี่เหรอ  พาร์ตรีไดส์  เสียงซายน์ถามขึ้นเบา ๆ

                    นี่ยังไม่เรียกว่าเราอยู่ในดินแดนพาร์ตรีไดส์ เต็มตัวหรอกน่ะ เรายังอยู่ในทางสายหมอกอยู่เลย  นีย์เอ่ยขึ้น 

                    ทางสายหมอกก็คือทางซึ่งยังคงเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกสองโลก  เราต้องเดินทางต่อไปอีก เพื่อเข้าสู่โลกพาร์ตรีไดส์  นีย์กล่าวต่อเมื่อเห็นสีหน้างง ๆ ของทั้ง  2  คน

                    เอ่อ..  เอ่อ..  คือ  หนูมีคำถามเต็มไปหมดเลย  ถามนีย์จะได้มั๊ยค่ะ  เสียงซายน์ถามขึ้นแบบเขิน ๆ

                    เราจะคุยกันไปเรื่อย ๆ ตลอดทางที่เราจะเดินทางต่อไปน่ะจ๊ะ ซายน์  เสียงอบอุ่นของนีย์ตอบกลับมา

                    เอ่อเอ่อ… “ 

                    อะไรอีกล่ะ แม่ตัวยุ่ง   เสียงแซนด์เย้าแหย่น้องสาวเมื่อเห็นว่าซายน์เริ่มจะมีคำถามอีกครั้ง

                    ซายน์จะกอดนีย์ เหมือนกับตอนที่อยู่ที่โลกโน้นได้อีกมั๊ยค่ะ  เสียงซายน์เขินยิ่งกว่าเก่า

                    ฮ่าฮ่า  ได้สิ  นีย์ยังคงเป็นนีย์ของซายน์กับแซนด์เหมือนเดิมนั่นแหละ  เพียงแต่ว่าอาจจะตัวโตกว่าแต่ก่อนเยอะไปหน่อยน่ะ  เสียงนีย์ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี  ทำให้มังกรตัวนี้ดูไม่น่ากลัวเอาซะเลย  ทั้งซายน์และแซนด์ต่างวิ่งเข้ามาก่อนนีย์พร้อม ๆ กัน ทั้งคู่รู้สึกเหมือนมีคนที่คอยให้ความคุ้มครอง ให้การดูแล  และให้ความอบอุ่นอีกครั้ง

                    เจย์ที่กลับมาทันได้เห็นภาพนี้  ได้แต่ยืนมองพร้อมรอยยิ้มอย่างรู้สึกมีความสุขไปพร้อมกับคนทั้งคู่   แต่เมื่อเห็นสายตาที่นีย์มองมา  มันเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน   ทำให้เจย์อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปกอดนีย์ด้วยเช่นกัน

     

    ********************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×