คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : lllC.1lll~ จะไม่ตั้งชื่อตอนว่า 'การเริ่มต้น'!
1
“อวตารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!”
ฉันมองดูความวุ่นวายในห้องของฉัน นี่ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่พวกหลุมดำหลังห้องจะลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้ววิ่งฆ่ากัน เพราะปกติของมันคือการเล่นไพ่ยูกิ ดูไพ่ยิปซี หรือว่าคุยเรื่องเกมส์กันทุกคาบ
จะสอบปลายภาคแล้ว นั่นหมายความว่า ปีหน้าพวกฉันจะขึ้น ม.5 ถ้าเกิดว่าไม่ซ้ำชั้นนะ
และหวังว่า ครูประจำชั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะพวกฉันได้ครูคนเดิมมา 4 ปีแล้ว
“เฮ้ยน่า! เคลียร์งานค้างดิ”
จินหันมาทางฉันที่นั่งอยู่ข้างหลังพร้อมกับโยนชีทเคมีที่ทำเสร็จแล้วมาให้ ใช่แล้วล่ะ หน้าที่ของฉันคือลอกมันลงไปในชีทที่ว่างเปล่าของตัวเอง อะไรมันจะแสนง่ายดายขนาดนั้น
“เสร็จแล้วยืมต่อนะเว่ย”
และพอต้นฉบับได้เริ่มเผยแพร่ เหล่าบรรดาคนมีกรรมก็เริ่มมารุมล้อมที่ต้นฉบับ แต่ฉันถือสิทธิ์ว่าเป็นเพื่อนสนิทของผู้ทำต้นฉบับ จึงลอกได้ก่อนใครเพื่อน
“อา~ นักเรียน น่างเท่”
ครูผู้ชายตัวเล็กๆเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับทำเสียงยานๆเป็นเอกลักษณ์ นี่คือครูหนึ่ง คุณครูวิชาภาษาไทยของพวกฉัน แต่อย่าหวังเลยว่าพวกฉันจะทำตามได้ภายในคำสั่งเดียว
“ไฮย่าาาาาาา”
ตัวอวตารสองสามตัววิ่งผ่านครูไปมา นั่นทำให้ครูหนึ่งมองอย่างเอือมระอาสุดๆ
“ม.4~ เป็นแบบนี้ไม่ไหวน้า”
“ย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจก! นายต้องเลือกนะ”
ฉันผละจากชีทเคมีเงยหน้ามองเหตุการณ์หน้าห้องนิดหน่อย จะว่ารำคาญก็ได้นะไอ้อวตารพวกนั้นน่ะ แต่ว่า
ปีหน้าก็จะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้ว
.
.
.
.
.
หลายอาทิตย์ก่อนจะสอบปลายภาค
นั่นออกจะเป็นเรื่องเหลือซักเชื่อหน่อย ที่อยู่ดีๆคุณครูของมัธยมปลายก็แห่กันเข้ามาในห้องเต็มไปหมด ซึ่งนำโดยครูที่ปรึกษาห้องฉันที่ค่อนข้างโหดเอาการ
“ทำตัวเหลวแหลก! ไม่มีอนาคต!”
“มักง่าย”
“ไอ้พวกที่เล่นก็เล่น ไม่มีจิตสำนึก!”
และอีกสารพัดคำที่พูดกับพวกฉันแรงๆ เอาเถอะ ฉันเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะมัวแต่นั่งวาดรูป แต่ที่สำคัญ
“แยกห้องแน่ๆ”
โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนที่เปิดมาได้ไม่กี่ปี และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่เข้าเรียนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล จนตอนนี้ ม.4 แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทนอยู่มาได้ยังไง
ประชากรก็น้อยลงทุกปีนะ จะว่านี่เป็นเรื่องน่าตกใจก็ได้ เพราะ คน 34 คน ยอมอัดกันอยู่ในห้องเรียนห้องเดียว พูดง่ายๆคือ ม.4 มีห้องเดียว นั่นละ
ออกจะผิดจากโรงเรียนอื่นซักหน่อยที่มีเป็นสิบห้อง และเพราะนักเรียนน้อยๆแบบนี้ทำให้คนมองว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติ และบางคนก็มองว่าไม่มีคุณภาพ
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นแบบนั้นจริงมั๊ย แต่เอาเถอะ ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่การแยกห้องนี่นา
กิตติศัพท์ของห้องฉันเป็นที่ร่ำลือมากในความดุร้ายและโหดเหี้ยม ไม่ใช่สิ ในความไม่เอาไหน จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะพวกเทพๆก็มีเยอะอยู่ หรือว่าความดื้อด้าน มันก็ไม่ใช่อยู่ดี
คงเรียกว่าไม่สนโลกน่าจะได้
ถ้าพวกฉันได้ยิน ก็คงจะปฏิบัติตามอยู่ แต่นี่ไม่ได้ยินน่ะสิ
ก็เพราะประชากรเยอะ แล้วธรรมชาติของเราคือการตะโกนคุยกันและแย่งกันพูด ทำให้เสียงดังด้วยละมั้ง
แต่ 34 คน ถ้าเทียบกับที่อื่นก็ไม่เรียกว่าเยอะนะ ใช่มั๊ย?
.
.
.
.
.
.
วันนี้ท้องฟ้าดูแจ่มใสเป็นพิเศษ เรียกว่าอากาศดีมากก็คงไม่ผิด ฉันนั่งรับลมเย็นๆอยู่ใต้ถุนอาคาร หลังจากทานข้าวกลางวันและเก็บโต๊ะเสร็จ
เงียบสงบดีจริงๆ
เพื่อนๆของฉันทยอยมานั่งด้วย หลังจากซื้อของกินเล็กๆน้อยจากร้านทารุณเศรษฐีอันเลื่องชื่อ ที่พวกเราไม่อยากจะอุดหนุนซักนิด แต่มันไม่มีทางเลือกน่ะ เพราะมีอยู่สองร้าน ร้านนึงขายอาหารอีกร้านขายน้ำ
ซี่โครงหมูทอดเส้นผ้าศูนย์กลาง 1.25 เซนติเมตร เอามาทอดขายชิ้นละ 10 บาท แถมยังเอาของวันศุกร์มาขายวันจันทร์ และพวกฉันก็ยังโง่ซื้อ ก็อย่างที่บอกน่ะว่ามันไม่มีทางเลือก - -
“พวกแกคิดว่า ปีหน้าจะแยกห้องยังไง”
“ตามเกรด”
“ตามความชอบของครู”
“แล้วแต่คอนว่ะ ”
'คอน' หรือว่า Mr.connelly เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นคุณลุงตัวเตี้ยๆ พุงโย้ ผมขาว เจ้าของการเรียกตอบตัวต่อตัวที่ขนลุกที่สุด และการให้การบ้านเด็กตามใจชอบทำเอาเดี้ยงมาหลายรายแล้ว ที่เด่นชัดที่สุดก็คือมาตรการ “Extra Oxford book” ที่จะต้องอ่านหนังสือเล่มเล็กในเครือออกฟอร์ด อัดลงซีดี และทำรายงานส่ง
นั่นเป็นปัญหาเลยทีเดียว แค่เล่นบางๆเล่มนึงก็ร้อยบาทขึ้นไปแล้ว
ซึ่ง Mr.connelly ไม่สั่งเพิ่มทีละเล่ม แต่เพิ่มทีละ 7 เล่ม!
ซึ่งสูงสุดที่โดนก็เพื่อนในห้องของฉันนี้ล่ะ โดนไป 71 เล่ม (มันไปถึงได้ยังไงวะนั่น)
เอาเถอะ เราเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า ดูเหมือนเพื่อนๆของฉันจะให้ความสนใจอะไรบางอย่างที่ท่อระบายน้ำหน้าบันได
ลงไปดูดีกว่า เพื่อสีสันของชีวิต
- -?
ไอ้นี่มัน.. อมยิ้มไม่ใช่?
อมยิ้มที่มันม้วนๆๆๆหลายๆสีอ่ะ โลลี่ป๊อป นั่นแหละ
ด้วยความเสียดายสุดจิต พวกฉันเลยช่วยกันยกฝาท้อขึ้นเพื่อเอามันออกมา ><! เด็กบางคนคงจะทำตกลงไปแล้วไม่มีปัญญาเอาขึ้นมา เมืองไทยไม่มีผลิต ถ้าอยากกินก็ต้องถ่อไปเมืองนอก หรือไม่ก็ซื้อที่ร้านนำเข้าก็แพงอย่างไม่น่าให้อภัย
ด้วยเหตุผลที่หลากหลายทำให้มันเสร็จพวกฉันไปโดยปริยายยย
วิ้งงงงง~งง
อมยิ้มที่ส่องประกายเจิดจ้า นี่มันอะไรกัน ว้าววว แสบตาได้โล่เลยล่ะ
“เฮ้ยพวกเรา แบ่งกันกินบ้างๆ”
“มันใส่สารเรืองแสงรึเปล่าวะ!”
คนในตึกเริ่มกระตือรือร้นเพราะแสงจากอมยิ้มมันส่องประกายเจิดจ้าท้าพระอาทิตย์อย่างผิดปกติ
“เฮ้ย! เอาซ้อนก่อนเว้ยๆๆ เด็ก ม.1 มองกันใหญ่แล้ว”
ใครซักคนพูดขึ้นมา พวกฉันก็เห็นตามนั้น ความจริงเรื่องระหว่างพวกฉันกับ ม.1 มันไม่มีอะไรเลย นะ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ แค่ไม่ค่อยสมานฉันท์กันเท่าไรแค่นั้นเอง
แต่ไม่ยักรู้ว่าน้องๆเห็นแก่กินกันด้วย.. ไม่ให้หรอกเฟร้ย!
“แก๊บ! เก็บ”
“เฮ้ยย ไม่เอา”
แก๊บเป็นหลุ่มร่างอ้วนอารมณ์ดีหัวหน้าห้องของพวกฉันที่ไม่ค่อยจะปฏิบัติตนเป็นหัวหน้าที่ดีเท่าไร เช่นการสั่งทำความเคารพครูที่มีความดังแล้วแต่อารมณ์ บางทีก็ดังลั่นออกไปทั้งชั้น แม้จะปิดประตูกับหน้าต่างเปิดแอร์ก็เถอะ แต่บางครั้งก็เม้าเพลินจนมองไม่เห็นครูที่เข้ามายืนรออยู่หน้าห้อง
อย่างไรซะก็คือหัวหน้าของพวกเรา
พวกฉันทำการยัดอมยิ้มเข้าไปในเสื้อกันหนาวสีขาวๆดำๆตัวหนาของแก๊บ แล้วแก๊บก็บ่นร้อน เลยถอดเสื้ออกเอามาห่ออมยิ้มไว้ แล้วทุกอย่างก็จบอยู่แค่นั้น
ไม่มีใครสนใจอมยิ้มอันนั้นอีก
เพราะไม่มีใครรู้ว่า มันคือสิ่งที่นำหายนะมาสู่พวกเรา..
............................................................................................................................................................................
พล็อตใหม่เลยนะเนี่ย เขียนด้วยสภาพจิตหลุดเต็มที่
อ้อ ทุกคนมีบทอยู่แล้วล่ะ แต่ว่า เมื่อไรแค่นั้นเอง
ถามอะไรหน่อย ถ้าเราจะยังเขียน 34 คนครบ ไม่นับคนที่ออก โอเคมั๊ย?
ตามนี้นะ~
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
PS. รับบริจาครูปเสมอ หรือว่าใครจะโพสลงเม้นก็ได้
แต่อย่าลืมสมัครสมาชิกนะ !
ความคิดเห็น