ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lollipopz Story : เรื่องนี้อมยิ้มเป็นต้นเหตุ

    ลำดับตอนที่ #2 : lllC.1lll~ จะไม่ตั้งชื่อตอนว่า 'การเริ่มต้น'!

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 53


    1






    อวตารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!”

     

    ฉันมองดูความวุ่นวายในห้องของฉัน นี่ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่พวกหลุมดำหลังห้องจะลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้ววิ่งฆ่ากัน เพราะปกติของมันคือการเล่นไพ่ยูกิ ดูไพ่ยิปซี หรือว่าคุยเรื่องเกมส์กันทุกคาบ

     

    จะสอบปลายภาคแล้ว นั่นหมายความว่า ปีหน้าพวกฉันจะขึ้น ม.5 ถ้าเกิดว่าไม่ซ้ำชั้นนะ

     

    และหวังว่า ครูประจำชั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะพวกฉันได้ครูคนเดิมมา 4 ปีแล้ว

     

    เฮ้ยน่า! เคลียร์งานค้างดิ

    จินหันมาทางฉันที่นั่งอยู่ข้างหลังพร้อมกับโยนชีทเคมีที่ทำเสร็จแล้วมาให้ ใช่แล้วล่ะ หน้าที่ของฉันคือลอกมันลงไปในชีทที่ว่างเปล่าของตัวเอง อะไรมันจะแสนง่ายดายขนาดนั้น

     

    เสร็จแล้วยืมต่อนะเว่ย

    และพอต้นฉบับได้เริ่มเผยแพร่ เหล่าบรรดาคนมีกรรมก็เริ่มมารุมล้อมที่ต้นฉบับ แต่ฉันถือสิทธิ์ว่าเป็นเพื่อนสนิทของผู้ทำต้นฉบับ จึงลอกได้ก่อนใครเพื่อน

     

    อา~ นักเรียน น่างเท่

    ครูผู้ชายตัวเล็กๆเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับทำเสียงยานๆเป็นเอกลักษณ์ นี่คือครูหนึ่ง คุณครูวิชาภาษาไทยของพวกฉัน  แต่อย่าหวังเลยว่าพวกฉันจะทำตามได้ภายในคำสั่งเดียว

     

    ไฮย่าาาาาาา

    ตัวอวตารสองสามตัววิ่งผ่านครูไปมา นั่นทำให้ครูหนึ่งมองอย่างเอือมระอาสุดๆ

     

    ม.4~ เป็นแบบนี้ไม่ไหวน้า

    ย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจก! นายต้องเลือกนะ

     

    ฉันผละจากชีทเคมีเงยหน้ามองเหตุการณ์หน้าห้องนิดหน่อย จะว่ารำคาญก็ได้นะไอ้อวตารพวกนั้นน่ะ แต่ว่า

     

    ปีหน้าก็จะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้ว

     

    .

    .

    .

    .

     

    .

     

     

     

    หลายอาทิตย์ก่อนจะสอบปลายภาค

     

    นั่นออกจะเป็นเรื่องเหลือซักเชื่อหน่อย ที่อยู่ดีๆคุณครูของมัธยมปลายก็แห่กันเข้ามาในห้องเต็มไปหมด  ซึ่งนำโดยครูที่ปรึกษาห้องฉันที่ค่อนข้างโหดเอาการ

    ทำตัวเหลวแหลก! ไม่มีอนาคต!”

    มักง่าย

    ไอ้พวกที่เล่นก็เล่น ไม่มีจิตสำนึก!”

    และอีกสารพัดคำที่พูดกับพวกฉันแรงๆ เอาเถอะ ฉันเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะมัวแต่นั่งวาดรูป แต่ที่สำคัญ

     

    แยกห้องแน่ๆ

    โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนที่เปิดมาได้ไม่กี่ปี และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่เข้าเรียนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล จนตอนนี้ ม.4 แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทนอยู่มาได้ยังไง

     

    ประชากรก็น้อยลงทุกปีนะ จะว่านี่เป็นเรื่องน่าตกใจก็ได้ เพราะ คน 34 คน ยอมอัดกันอยู่ในห้องเรียนห้องเดียว พูดง่ายๆคือ ม.4 มีห้องเดียว นั่นละ

     

    ออกจะผิดจากโรงเรียนอื่นซักหน่อยที่มีเป็นสิบห้อง และเพราะนักเรียนน้อยๆแบบนี้ทำให้คนมองว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติ และบางคนก็มองว่าไม่มีคุณภาพ

     

    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นแบบนั้นจริงมั๊ย แต่เอาเถอะ ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่การแยกห้องนี่นา

     

    กิตติศัพท์ของห้องฉันเป็นที่ร่ำลือมากในความดุร้ายและโหดเหี้ยม   ไม่ใช่สิ   ในความไม่เอาไหน จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะพวกเทพๆก็มีเยอะอยู่  หรือว่าความดื้อด้าน มันก็ไม่ใช่อยู่ดี

     

    คงเรียกว่าไม่สนโลกน่าจะได้

     

    ถ้าพวกฉันได้ยิน ก็คงจะปฏิบัติตามอยู่ แต่นี่ไม่ได้ยินน่ะสิ

     

    ก็เพราะประชากรเยอะ แล้วธรรมชาติของเราคือการตะโกนคุยกันและแย่งกันพูด  ทำให้เสียงดังด้วยละมั้ง 

     

    แต่ 34 คน ถ้าเทียบกับที่อื่นก็ไม่เรียกว่าเยอะนะ ใช่มั๊ย?

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    วันนี้ท้องฟ้าดูแจ่มใสเป็นพิเศษ เรียกว่าอากาศดีมากก็คงไม่ผิด  ฉันนั่งรับลมเย็นๆอยู่ใต้ถุนอาคาร หลังจากทานข้าวกลางวันและเก็บโต๊ะเสร็จ

     

    เงียบสงบดีจริงๆ

     

    เพื่อนๆของฉันทยอยมานั่งด้วย หลังจากซื้อของกินเล็กๆน้อยจากร้านทารุณเศรษฐีอันเลื่องชื่อ ที่พวกเราไม่อยากจะอุดหนุนซักนิด แต่มันไม่มีทางเลือกน่ะ เพราะมีอยู่สองร้าน ร้านนึงขายอาหารอีกร้านขายน้ำ

     

    ซี่โครงหมูทอดเส้นผ้าศูนย์กลาง 1.25 เซนติเมตร เอามาทอดขายชิ้นละ 10 บาท แถมยังเอาของวันศุกร์มาขายวันจันทร์ และพวกฉันก็ยังโง่ซื้อ ก็อย่างที่บอกน่ะว่ามันไม่มีทางเลือก - -

     

    พวกแกคิดว่า ปีหน้าจะแยกห้องยังไง

    ตามเกรด

    ตามความชอบของครู

    แล้วแต่คอนว่ะ

    'คอน' หรือว่า Mr.connelly เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นคุณลุงตัวเตี้ยๆ พุงโย้ ผมขาว เจ้าของการเรียกตอบตัวต่อตัวที่ขนลุกที่สุด และการให้การบ้านเด็กตามใจชอบทำเอาเดี้ยงมาหลายรายแล้ว ที่เด่นชัดที่สุดก็คือมาตรการ “Extra Oxford book” ที่จะต้องอ่านหนังสือเล่มเล็กในเครือออกฟอร์ด อัดลงซีดี และทำรายงานส่ง

     

    นั่นเป็นปัญหาเลยทีเดียว แค่เล่นบางๆเล่มนึงก็ร้อยบาทขึ้นไปแล้ว

    ซึ่ง Mr.connelly ไม่สั่งเพิ่มทีละเล่ม แต่เพิ่มทีละ 7 เล่ม!

     

    ซึ่งสูงสุดที่โดนก็เพื่อนในห้องของฉันนี้ล่ะ โดนไป 71 เล่ม (มันไปถึงได้ยังไงวะนั่น)

    เอาเถอะ เราเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า ดูเหมือนเพื่อนๆของฉันจะให้ความสนใจอะไรบางอย่างที่ท่อระบายน้ำหน้าบันได

     

    ลงไปดูดีกว่า เพื่อสีสันของชีวิต

     

    - -?

     

    ไอ้นี่มัน..  อมยิ้มไม่ใช่?

     

    อมยิ้มที่มันม้วนๆๆๆหลายๆสีอ่ะ โลลี่ป๊อป นั่นแหละ

    ด้วยความเสียดายสุดจิต พวกฉันเลยช่วยกันยกฝาท้อขึ้นเพื่อเอามันออกมา ><!  เด็กบางคนคงจะทำตกลงไปแล้วไม่มีปัญญาเอาขึ้นมา เมืองไทยไม่มีผลิต ถ้าอยากกินก็ต้องถ่อไปเมืองนอก หรือไม่ก็ซื้อที่ร้านนำเข้าก็แพงอย่างไม่น่าให้อภัย

    ด้วยเหตุผลที่หลากหลายทำให้มันเสร็จพวกฉันไปโดยปริยายยย

     

    วิ้งงงงง~งง

    อมยิ้มที่ส่องประกายเจิดจ้า นี่มันอะไรกัน ว้าววว แสบตาได้โล่เลยล่ะ

     

    เฮ้ยพวกเรา แบ่งกันกินบ้างๆ

    มันใส่สารเรืองแสงรึเปล่าวะ!”

    คนในตึกเริ่มกระตือรือร้นเพราะแสงจากอมยิ้มมันส่องประกายเจิดจ้าท้าพระอาทิตย์อย่างผิดปกติ

     

    เฮ้ย! เอาซ้อนก่อนเว้ยๆๆ  เด็ก ม.1 มองกันใหญ่แล้ว

    ใครซักคนพูดขึ้นมา พวกฉันก็เห็นตามนั้น ความจริงเรื่องระหว่างพวกฉันกับ ม.1 มันไม่มีอะไรเลย นะ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ  แค่ไม่ค่อยสมานฉันท์กันเท่าไรแค่นั้นเอง

     

    แต่ไม่ยักรู้ว่าน้องๆเห็นแก่กินกันด้วย..  ไม่ให้หรอกเฟร้ย!

     

    แก๊บ! เก็บ

    เฮ้ยย ไม่เอา

    แก๊บเป็นหลุ่มร่างอ้วนอารมณ์ดีหัวหน้าห้องของพวกฉันที่ไม่ค่อยจะปฏิบัติตนเป็นหัวหน้าที่ดีเท่าไร เช่นการสั่งทำความเคารพครูที่มีความดังแล้วแต่อารมณ์ บางทีก็ดังลั่นออกไปทั้งชั้น แม้จะปิดประตูกับหน้าต่างเปิดแอร์ก็เถอะ แต่บางครั้งก็เม้าเพลินจนมองไม่เห็นครูที่เข้ามายืนรออยู่หน้าห้อง 

     

    อย่างไรซะก็คือหัวหน้าของพวกเรา

     

    พวกฉันทำการยัดอมยิ้มเข้าไปในเสื้อกันหนาวสีขาวๆดำๆตัวหนาของแก๊บ แล้วแก๊บก็บ่นร้อน เลยถอดเสื้ออกเอามาห่ออมยิ้มไว้ แล้วทุกอย่างก็จบอยู่แค่นั้น

     

    ไม่มีใครสนใจอมยิ้มอันนั้นอีก

     

    เพราะไม่มีใครรู้ว่า มันคือสิ่งที่นำหายนะมาสู่พวกเรา..









    ............................................................................................................................................................................




    Talk : ได้ฤกษ์ลงตอนแรก!

    พล็อตใหม่เลยนะเนี่ย เขียนด้วยสภาพจิตหลุดเต็มที่


    อ้อ ทุกคนมีบทอยู่แล้วล่ะ แต่ว่า เมื่อไรแค่นั้นเอง
    ถามอะไรหน่อย ถ้าเราจะยังเขียน 34 คนครบ ไม่นับคนที่ออก โอเคมั๊ย?

    ตามนี้นะ~

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน



    PS. รับบริจาครูปเสมอ หรือว่าใครจะโพสลงเม้นก็ได้
    แต่อย่าลืมสมัครสมาชิกนะ !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×