ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    incubus master [yaoi] {boy love}

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 57


    บทที่1

    “ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเราจะ”


                     มาจอรีย์ซึ่งเป็นแม่ของโดมินิกหรือน้าของเขา เจ้าของร่างอวบอัดเซ็กซี่ผู้มีเส้นผมสีบลอนด์ทองและตาสีฟ้าเอ่ยหลังจากนำขวัญแก้วเข้าสู่ภายในบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่แถวชานเมืองซานฟรานซิสโกในรัฐแคลิฟอร์เนีย


                    “และนี่คือคริสเทนลูกสาววัยสิบห้าของน้า”

    มาจอรีย์ชี้นิ้วไปยังเด็กสาวผู้มีทรวดทรงอันรัดรึงและใบหน้าชวนฝัน ทรงผมบ๊อบเทและเส้นผมสีทองทำให้รู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นสาวมั่นและปราดเปรียว คริสเทนยิ้มหวานและขยิบตาให้เขาอย่างน่ารักกริยานั้นทำเอาขวัญแก้วหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย


                   “ส่วนนั่นลูกน้าอีกคนโดมินิกพวกเธอคงรู้จักกันแล้ว”

    มาจอรีย์พยักเพยิดไปยังคนตัวเล็กกว่าเขาซึ่งเดินตามเข้ามาที่หลัง โดมินิกยืนกอดอกพิงกำแพงแล้วมองหน้าเขาด้วยแววตาที่ทำให้เขารู้สึกประหลาด


                    รู้สึกจั๊กกะจี้แบบแปลกๆรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเธอดูจะสนใจเขามากเป็นพิเศษ ตอนอยู่ในรถถึงจะไม่พูดกันแต่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกมองอยู่ จะคริสเทนก็ดีจะโดมินิกก็ดีรู้สึกว่ารอบตัวเขาตอนนี้จะมีแต่เด็กผู้หญิงหน้าตางดงามราวนางฟ้า

    เขาเองก็เป็นเด็กผู้ชายทำไงดีตอนนี้ชักไม่อยากทำตัวเชยๆเสี่ยวๆให้พวกเธอกับคุณน้าดูซะแล้วสิ


                    ไม่ ไม่ดีกว่า

    ขวัญแก้วส่ายหน้าไปมาและจมอยู่กับความคิดตัวเอง


                    ถ้าเกิดกลิ่นหอมของเขาสร้างปัญหาขึ้นอีก ถ้าเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นที่นี่เขาไม่มีที่พึ่งที่ไหนจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง

    ขวัญแก้วหวนคิดถึงภาพของคุณแม่ที่ตั้งอยู่ในงานศพ สองอาทิตย์ก่อนเด็กหนุ่มร้องไห้เสียใจจนแทบไม่ได้นอนจากการตายด้วยอุบัติเหตุของคุณแม่


                    เขาสนิทกับคุณแม่มากไปไหนไปด้วยกันเสมอคุณแม่เลี้ยงเขามาด้วยตัวเองตั้งแต่เด็กเนื่องจากหย่าขาดกับคุณพ่อของเขา ไอเดน โรซามันด์ เมื่อตอนเขาอายุได้สามขวบ


                   แต่ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ลำบากเพราะคุณพ่อส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้อยู่ตลอด นอกจากนั้นทุกปียังมาพบหน้าเขาปีละครั้งหรือสองครั้ง


                     เหตุผลที่ทั้งคู่หย่ากันเพราะทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ไหว คุณพ่อของเขามีอาชีพเป็นนักถ่ายรูปประกอบนิยาสารเนเชอร์แนลจีโอกราฟฟิก


                    ดังนั้นจึงมักตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆทั่วโลกจนแทบไม่ได้อยู่ติดที่ หลังจากงานศพคุณแม่ได้สามวัน คุณพ่อก็เดินทางมาหาเขาและบอกว่าจะรับเขาไปอยู่ด้วยที่อเมริกา ขวัญแก้วตัดสินใจไปอยู่กับพ่อในทันทีเพราะรู้สึกเคว้งคว้างและรู้สึกดีกับพ่อของตัวเองอยู่มาก


                    หลังจากเจอหน้ากันหลังงานศพคุณพ่อบอกจะให้เขาไปอยู่กับคุณน้าน้องสาวของพ่อ เขารู้สึกลำบากใจเล็กๆเพราะตลอดเวลาเกือบสิบหกปีเขาไม่เคยเจอหน้าญาติฝั่งพ่อเลย


                     แต่พอนึกถึงอาชีพการงานของพ่อเขาก็คิดว่าปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของคุณน้าครั้งเดียวดีกว่าย้ายตามพ่อไปโน้นนี่หรืออยู่เพียงลำพังในอเมริกา


                     เพราะอย่างนั้นในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ขวัญแก้วนอกจากจะย้ายที่อยู่ใหม่ ยังต้องเตรียมสมัครเรียนเทียบขึ้นเรียนไฮสคูลในเกรดสิบอีกด้วย เรื่องยุ่งยากสำหรับเขายังรออยู่อีกมาก


                   “เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวน้าบูดสติยังดีอยู่หรือเปล่า”

    ขวัญแก้วรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบหัวเมื่อเสียงเย็นชาของโดมินิกฉุดกระชากเขาออกจากห้วงความคิด

    คำพูดร้ายกาจนั้นดูไม่เข้ากับใบหน้งดงามของคนตรงหน้าเลยสักนิด


                     “จะช่วยเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องรีบหน่อย”

    โดมินิกพูดเสียงเย็น  ร่างเล็กกว่ายืนกอดอกพิงกำแพงก่อนจะย้ายร่างมายังกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทั้งสองใบของขวัญแก้ว


                     “เออฉันถือเองดีกว่ามันหนัก”

    ขวัญแก้วทำท่าจะเดินเข้าไปแย่งกระเป๋าเดินทางมาจากมือโดมินิกหากแต่คนตัวเล็กกว่ากลับลากกระเป๋าเดินนำไปโดยไม่มีท่าทีว่าหนักหรือลำบากสักนิด


                   “ตามมาจะพาไปที่ห้อง”

    โดมินิกพยักเพยิด

    ขวัญแก้วมองดูร่างเล็กกว่าที่น่าจะเตี้ยกว่าเขาที่สูงร้อยเจ็ดสิบสองซ.มประมาณเจ็ดซ.

    ถึงจะดูค่อนข้างสูงแล้วในหมู่เด็กผู้หญิงแต่ยังไงก็เป็นเด็กผู้หญิงอยู่ดี

    เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจในความคล่องแคล่วและแข็งแรงของโดมินิก


                     กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบซึ่งเต็มไปด้วยสมบัติจำนวนมหาศาลของเขาถูกเธอยกขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่มีท่าทางหนักหรือเหนื่อยล้าสักนิด ขนาดเขายังค่อนข้างทุลักทุเลเลยตอนลากกระเป๋า

    แถมยังคิดว่าตัวเองบ้าสมบัติเกินไปน่าจะทิ้งไปเสียบ้างจนรู้สึกขุ่นมัวไปตลอดทาง แต่นี่โดมินิกกลับยกขึ้นลงหน้าตาเฉยไม่บ่นสักคำ

    ขวัญแก้วรู้สึกว่าตัวเองบอบบางไปถนัดใจและเริ่มสมเพชตัวเองนิดๆ


                     “ดูดีจัง”

    ขวัญแก้วพูดหลังจากที่เดินตามโดมินิกเข้ามาที่ห้องซึ่งน่าจะเป็นของเขา

    ห้องถูกทาด้วยสีฟ้าอ่อน เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้โอ๊คอย่างดี โคมไฟแอนทีคน่ารักๆที่หัวเตียง ทุกอย่างที่ต้องการมีครบ แม้แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังมีให้ใช้โดยที่ไม่ต้องขอ นี่เป็นห้องที่น่ารักสมบูรณ์มากแล้วในความคิดของเขา


                     “ธรรมดาออก”

    โดมินิกพูดขณะลงมือเปิดกระเป๋าเดินทางของขวัญแก้วเด็กหนุ่มลนลานและร้องโวยวายห้ามคนตัวเล็กกว่าแทบไม่ทัน


                   “ทำไมแค่จะช่วยจัดของ”

    โดมินิกปลายมองขวัญแก้วอย่างเย็นชาในขณะที่มือก็ไม่หยุดหยิบจับของออกมาวางนอกกระเป๋า

    จนในที่สุดร่างเล็กกว่าก็หยิบกางเกงในแบบboxbriefs หรือทรังก์ขึ้นมา

    ขวัญแก้วรีบคว้าออกจากมือคนตัวโดมินิกแทบไม่ทัน


                    “นี่แหละเหตุผลล่ะ”

    ขวัญแก้วหน้าแดงก่ำ เขาพยายามซ่อนกางเกงในไว้ในกำมือพร้อมกับแย่งกระเป๋าเดินทางมาไว้ในอาณัติของตน


                   “อายเหรอ”

    โดมินิกถามพร้อมกับเหยียดยิ้ม

     
                   ช่างเป็นรอยยิ้มที่บาดตานักในความคิดของขวัญแก้ว

    ทั้งที่ตลอดเวลาสองสามชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันในรถไม่เคยยิ้มแถมยังทำหน้าตายอยู่ตลอดแท้ๆ ทำไมต้องมายิ้มบาดใจแบบนี้ตอนที่เขากำลังเสียหน้าและอับอายด้วยวะ


                    “โดมินิกออกไปก่อนเดี๋ยวฉันจัดการเองได้”

    ขวัญแก้วพูดพร้อมดันหลังโดมินิกให้ออกไปนอกห้อง บนใบหน้างดงามซึ่งเคยเย็นชาอย่างรูปสลักของโดมินิกบัดนี้พร่างพรายด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


                     “ไม่ให้ช่วยจริงๆนะเหรอ”


                    “ไม่ต้องครับ”

    ขวัญแก้วยื่นคำขาดก่อนจะปิดประตูเมื่อไล่อีกฝ่ายออกไปพ้นห้อง


                  “ขายหน้าที่สุด”

    ขวัญแก้วพึมพำ

    หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็เริ่มจัด้องอย่างขะมักเขม้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ในที่สุดเขาก็จัดห้องเสร็จ

    พอดีกับที่ได้ยินเสียงเคาะประตูจากหน้าห้อง  ขวัญแก้วเปิดประตูออกไปดูอย่างไม่รอช้า


                  “คริสเทนเหรอครับ”

    ขวัญแก้วมองดูเจ้าของร่างรัดรึงส่งยิ้มชวนฝันมาให้

    คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเหมือนถูกเธอเชิญชวนยังไงชอบกล


                    “คุณแม่ให้มาเรียกคุณไปทานข้าว”

    คริสเทนพูดเธอคว้ามือของเขาไปกุมแล้วพาเดินลงไปยัง้องทานอาหารที่ชั้นล่าง


                      “วันนี้เราทางไก่งวงกันนะจ๊ะฉลองที่เรามีสมาชิกใหม่”

    มาจอรีย์พูดขณะจัดวางไก่งวงตัวใหญ่ลงกลางโต๊ะ ขวัญแก้วกวาดมองสมาชิกในห้องแล้วรู้สึกแปลกใจ


                    “โดมินิกล่ะครับ”


                    “เจ้านั่นไปออกเดต”

    คริสเทนพูดพลางลากเขาไปยังเก้าอี้จัดแจงให้เขานั่งอย่างเอาอกเอาใจ


                   “ไม่ต้องสนใจหรอกนใจฉันดีกว่า ฉันอยากรู้เรื่องของคุณจนแทบคลั่งแล้ว”

    คริสเทนกระซิบที่ข้างหูอย่างยั่วเย้าจนขวัญแก้วหน้าแดงก่ำ

    เด็กสาวค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเขาแบบไม่ละสายตาจากเขาแม้แต่ชั่วเสี้ยว

    ไม่ได้รู้สึกไปเองจริงๆด้วยเธอกำลังให้ท่าเขามิ่น่าเกลียดเกิน เธอกำลังสนใจเขาน่าจะดีกว่า


                    “ได้ข่าวว่าโดมินิกเรียกคุณว่าเกลฉันขอเรียกบ้างนะ”

    คริสเทนพูดเธอช้อนตามองดูขวัญแก้วอย่างหยาดเยิ้มทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกลำบากใจ

    คุณน้ามาจอรีย์เอ่ยปรามกริยาของคริสเทนทันทีที่เธอรู้ตัวว่าขวัญแก้วกำลังลำบาก


                     “อย่าทำเกลต้องลำบากใจสิคริสเทน”

               
                   “ค่าค่าค่าขอโทษค่า”

                    คริสเทนแลบลิ้นอย่างซุกซนมาเขาแล้วเอ่ยขอโทษ เด็กสาวเลิกแสดงท่าทางหยาดเยิ้มใส่เขาทันทีที่ถูกดุ

                    หลังจากนั้นพวกเขาก็รับประทานอาหารมื้อใหญ่อย่างสนุกสนาน ขวัญแก้วถูกคุณน้าและคริสเทนคะยั้ยคะยอให้เล่าเรื่องของตนให้ฟัง

    เด็กหนุ่มเล่าด้วยความกระตือรือร้นทีเดียวจวบจนคนทั้งหมดย้ายไปนั่งคุยในห้องนั่งเล่น ขวัยแก้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


                   “ผมต้องซื้อแว่นตา”


                   “แว่น เธอายตาสั้นหรือจ๊ะ”

    มาจอรีย์ถามยิ้มๆขณะยกกาแฟขึ้นจิบ


                   “เปล่าครับแต่ใส่ไว้ซะจนชิน”

    ขวัญแก้วทำเสียงอ่อยๆด้วยความลำบากใจอีกครั้ง

    ไม่อยากให้อีกฝ่ายขุดคุ้ยเรื่องที่ต้องใส่แว่นปกปิดใบหน้าซักเท่าไร่

    เพราะเจ้าฝรั่งบ้านั่นเอาแว่นเขาไปแท้ๆเลย


                    ขวัญแก้วรู้สึกโกรธขึ้นมาตงิดๆ โชคยังดีที่คุณน้าไม่ถามอะไรมากนอกจากบอกให้คริสเทนพาเขาไปที่ย่านการค้าเพื่อซื้อแว่นและเดินสำรวจเมืองเล่นๆไปในตัว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×