ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #26 : เหมันต์........นิรันดร

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 50


               
          กลุ่มแสงสีส้มอันเจิดจรัสนั้นได้แผ่รัศมีเข้าครอบคลุมเหนือร่างของผู้ใช้เวททั้งหมดก่อนจะค่อยๆรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนกลมลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของเวสซึ่งยืนอยู่ใจกลางของวงเวท

                   
         
    "เปลวไฟอันร้อนแรงเอย  จงมอบพลังอันไพศาลและนำมาซึ่งการควบคุม"  ก้อนสีส้มที่เรืองแสงน้อยในความมืดนั้นสั่นไหว  "ภายใต้อาณัติแห่งตัวข้า......."  แสงสีขาวเรียวเล็กดังเส้นไหมที่พุ่งออกมาจากร่างของผู้ใช้เวทมากมายค่อยๆชำแรกไปตามพื้นดินดุจสายน้ำโดยหมายมุ่งเข้าสู่วงกลมเล็กซึ่งอยู่ใจกลาง  สายกระแสซึ่งเปล่งรัศมีอ่อนโยนเหล่านั้นหลอมรวมปะปนกันและพลิกพลิ้วไปมาอยู่ภายใต้เท้าของชายหนุ่ม รวมไปกับเกล็ดหิมะบางเบาสีขาวที่เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งโดยไม่มีใครสังเกต

                   
          อักขระโบราณที่เรียงตัวกันเป็นวงค่อยเปล่งแสงขึ้นทีละน้อย 
    "ปลดปล่อย"  สิ้นคำพลังเหล่านั้นก็พุ่งผ่านตัวของชายหนุ่มขึ้นสู่ก้อนสีส้มเบื้องบนพาให้เสื้อผ้าและเส้นผมปลิวสะบัดคล้ายต้องลมแรง  ร่างทั้งร่างราวกับจะกลืนหายไปกับความสว่างไสวขณะที่เส้นแสงสีขาวสว่างพาดผ่านขึ้นไปตามใบหน้าและลำตัวอย่างไม่ขาดสายแล้วเข้าถักทอห่อหุ้มก้อนพลังสีส้มไว้ราวกับรังไหมอ่อนนุ่ม    

                   
          ยิ่งนานแสงขาวยิ่งเจิดจ้าตัดกับทัศนียภาพของรัตติกาลรอบด้าน  ลูกพลังกลมนั้นขยายขนาดใหญ่ขึ้นทีละน้อย  ช่องว่างเล็กๆของเส้นขาวเผยให้เห็นว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยประจุหลากสีวิ่งวนส่งเสียงเปรี๊ยะประอยู่มากมาย

                   
          ฮวบ

                   
          ร่างของเวสซึ่งเป็นผู้เชื่อมถ่ายพลังทรุดลงกับพื้น  เลือดสีแดงฉานที่หยดรินราวฝนพรำนั้นสวนทางกับกระแสธารขาวซึ่งยังคงพุ่งผ่านตัวเขาขึ้นไปอย่างไม่ขาดสายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักลงแม้แต่น้อย  เพื่อนทั้งสี่ที่ยืนล้อมชายหนุ่มนั้นทำได้เพียงมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงนัก เนื่องจากหากมีใครสักคนขยับตัวออกนอกที่ของตนขณะร่ายเวทนั้น วงเวทจะแตกออกและพลังทั้งหมดจะสะท้อนกลับสู่ทุกผู้

                   
         ชายหนุ่มผู้อยู่กลางวงพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง เขากัดริมฝีปากฝืนใจพยุงกายลุกขึ้นอย่างลำบากยากเย็นอีกครั้งแต่เหมือนว่าเรี่ยวแรงทั้งร่างจะถูกดูดกลืนไปจนหมดแล้วจึงทรุดกายลงดังเดิม 

                   
          วาบ

                   
          เส้นสีขาวทั้งหลายถูกปลดปล่อยผ่านตัวของชายหนุ่มไปจนหมดในที่สุด  พื้นใต้ร่างซึ่งถูกวาดเป็นวงเวทเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำตาลแตกระแหงดังเดิม  ผู้ใช้เวทที่ยืนอยู่บริเวณด้านนอกทั้งหมดถอนตัวออกไปช้าๆ  หลายคนตลบฮู้ดของเสื้อคลุมขึ้นบังหิมะที่เริ่มตกหนักพลางสนทนากันเบาๆเกี่ยวกับสภาพอากาศที่กลับมาเป็นฤดูหนาวดุจเดิม  ขณะที่ชายหนุ่มทั้งห้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม

                   
          ตูม

                   
          ลูกพลังลอยตัวขึ้นไปจนสูงแล้วระเบิดออกในฉับพลัน ประกายหลากสีกระจายตัวปะปนไปกับหิมะครอบคลุมอาณาเขตของแพนโทเนียทั้งหมด  ละอองเหล่านั้นดูสวยงามคล้ายดอกไม้ไฟในคืนฤดูร้อน ผู้ใช้เวททั้งหมดกลั้นหายใจรอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น  เขตเวทคุ้มครองปรากฏไหววับสะท้อนแสงเพียงเล็กน้อยก่อนจะเลือนหายไปภายใต้ผืนกำมะหยี่สีดำสนิท  คนทั้งหลายถอนหายใจแทบจะพร้อมๆกัน แต่ว่า..................

                   
          จู่ๆวงเวทใต้เท้าของเวสกลับเปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง หากคราวนี้กลับจัดจ้ารุนแรงชวนให้รู้สึกหวาดผวา แสงส้มพุ่งลงมาห้อมล้อมชายหนุ่มเอาไว้ราวกับกำแพงแก้วบางใสซึ่งประดับประดาด้วยเปลวไฟอันลุกโชติช่วง  ในเวลาเดียวกับที่ประกายสีอมเขียวอมฟ้าจากคนทั้งสี่พุ่งสวนเข้าไป

                   
          ทิวทัศน์รอบด้านพร่ามัวลงอย่างกะทันหัน  แม้ว่าเวสจะพยายามเพ่งมองสักเท่าไหร่ก็ไม่ได้ชัดขึ้นเลยแม้แต่น้อย  ราวกับภาพวาดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำทำให้หลายสีเข้าผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าคือสิ่งใด  เปลือกตาค่อยปรือปิดลงอย่างช้าๆอย่างง่วงงุนโดยไม่แยแสอุณหภูมิรอบกายที่เพิ่งสูงขึ้นเป็นลำดับ

                   
          "เกิดอะไรขึ้น"  หัวหน้าคณาจารย์เปล่งเสียงออกมา  ขณะที่ผู้ใช้เวทหลายคนถึงกับนิ่งอึ้งอย่างตระหนกไปกับสิ่งเหนือความคาดหมาย  หากอีกหลายคนเริ่มขยับตัวจัดกลุ่มเตรียมพร้อมร่ายเวทชะลอพลัง  เหล่าคณาจารย์เองก็รวมตัวกันในลักษณะเตรียมพร้อมเช่นกัน  

                   
          "มัน...........กับดัก"  แรนดัลเปล่งเสียงอย่างเคร่งเครียด  "ฉลาดนัก"  ในเวลาแบบนี้เขายังอดชม

    ผู้ก่อเรื่องไม่ได้  "คงคาดการณ์ไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องใช้เวทที่ค่อนข้างทรงพลังในการแก้  จึงได้วางเวทซ้อนกันสองชั้น  หนึ่งก่อกวน  อีกหนึ่งกักสะท้อน"   คิ้วเข้มขมวดมุ่นบนหน้าผาก  "ถ้าเอาพลังส่วนนี้ไว้ไม่อยู่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอันตรายเอาตรงส่วนไหนของแพนโทเนียเข้า"

                   
          "ตอนนี้ต้องขังให้อยู่ในบริเวณนี้ให้ได้ก่อน"   ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นในที่สุด  ผู้เป็นหัวหน้าคณาจารย์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนหันไปสั่งความกับผู้ใช้เวทข้างตัว

                   
          รอยยิ้มประหลาดพาดผ่านใบหน้าของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนพิงต้นไม้ไร้ใบอยู่เพียงลำพัง  นัยน์ตาสีฟ้าหม่นเย็นชาเองก็เปล่งประกายกล้าตัดกับใบหน้าอ่อนเยาว์  ไดแอซยกมือขึ้นปัดเกล็ดบางนั้นออกจากใบหน้าแล้วก้าวออกมาจากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ให้ร่างตนหลบเข้าไปอยู่ในเงามืดมากขึ้น  ดวงตาทั้งคู่มองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้วยแววไม่ทุกข์ไม่ร้อน   เจ้าตัวสะบัดแขนซ้ายออกด้านข้างให้กางขนานกับพื้นแล้วพลิกฝ่ามือให้หันออกไปด้านหน้า

                   
          "แทรกแซง"

                   
          น้ำเสียงแฝงแววตกใจปนดังขึ้นจากกลุ่มผู้ใช้เวทซึ่งรวมตัวกันด้วยรับรู้ว่าเวทที่ส่งออกไปหายวับในพริบตาราวกับหยดน้ำต้องไอแดดโดยที่พวกเขามองไม่เห็นตัวพลังแม้แต่น้อย  แรนดัลหันขวับไปยังทิศทางที่มาของพลังนั้น  และเขาต้องตกใจซ้ำสองเมื่อสบเข้ากับดวงตาอันคมกล้าจนน่ากลัวในเงามืดของเด็กหนุ่มนามไดแอซ

                   
          กำแพงสีส้มที่กำลังโรมรันกับประกายเวทสีอมเขียวอมฟ้าก็ถูกพลังนั้นเข้ากลืนกินอย่างง่ายดาย เพียงไม่นานก็จางหายหลงเหลือไว้แค่เกล็ดบางเบาหมุนคว้างอยู่กลางอากาศราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อน

                   
          "เวส"  ชายหนุ่มทั้งสี่พุ่งเข้าไปหาเพื่อนของตนซึ่งแน่นิ่งอยู่กลางวงในทันที  แรนดัลหันไปทันได้เห็นอากาศรอบตัวเด็กหนุ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย  ครั้นรู้สึกตัวว่าถูกจ้องอีกครั้งหนึ่งไดแอซจึงหันไป  มุมปากยกยิ้มประหลาด ทั้งยะเยือกเย็น ทั้งหยิ่งยโสถือดี แต่เพียงชั่วพริบตาก็กลับเป็นซื่อใสดุจเดิม

                   
         
    พลังประหลาดนั่น........ยังท่าทางแปลกๆของไดแอซ   ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ
    "สงสัยคงจะตาฝาดเพราะเหนื่อยกระมัง"   แต่ถึงอย่างนั้นภาพรอยยิ้มนั้นยังติดตาอยู่ไม่คลาย  กระนั้นเขาก็ไม่มีเวลาให้ได้คิดมากเนื่องจากต้องมาเป็นธุระจัดการนำเวสไปส่งยังสถานพยาบาลของแพนโทเนียพร้อมส่งม้าเร็วแจ้งข่าวให้กับสภาขุนนางรวมถึงการให้คนไปป่าวประกาศอธิบายเรื่องราวอันเป็นต้นเหตุของเสียงให้ชาวแพนโทเนียทั้งหลายที่บัดนี้พากันลุกจากที่นอนของตนมายืนออกันอยู่หน้าบ้านให้ได้รับรู้เรียบร้อยแล้ว ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าสถานพยาบาลก็อดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้  "แปลกจริงๆ ลองถามมาร์คัสดูจะดีกว่า"   แรนดัลคิด  และจะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบร่างสูงของเจ้าของชื่อนั้นเดินตรงมาทางเขาพอดิบพอดี 

                   
          "มาร์คัส"

                   
          ชายหนุ่มอดทำสีหน้าสงสัยกับท่าทีแปลกๆของชายวัยกลางคนที่ดูจะแผ่รัศมีความเคร่งเครียดออกมารอบตัว 
    "อะไรหรือครับ"  เขาถามอย่างสุภาพ  "เอ่อ.....เวส....เวสเป็นยังไงบ้าง"   คนถูกถามทำหน้างงเล็กน้อยก็เพิ่งยืนฟังนายแพทย์ใหญ่อธิบายอาการของเวสด้วยกันอยู่แหมบๆ  สงสัยเหนื่อยจนเบลอแล้วละมั้ง  ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ชายหนุ่มก็ตอบไปตามธรรมดา   "ไม่ได้อันตรายอะไรแล้ว  ตอนนี้ให้ยาเรียบร้อย คาดว่าร่างกายล้าต้องการการพักผ่อนนานหน่อย  คงอีกประมาณสามถึงสี่วันคงจะฟื้น"  แรนดัลพยักหน้าแล้วรีบถามต่อ  

                   
         "เจ้า.......รู้สึกแปลกๆไหม"            

                   
          "หา.."

                   
          "คือเกี่ยวกับพลังที่มาช่วยพวกเราน่ะ"   ชายวัยกลางคนอธิบาย  "ไม่นี่ครับ  อาจเพราะข้ามัวแต่จดจ่ออยู่กับการช่วยเวสเลยไม่ได้สังเกตอะไร ต้องขออภัยด้วย"  ชายหนุ่มค้อมศีรษะแล้วกล่าวต่อ  "หรือท่านสงสัยอะไรเกี่ยวกับไดแอซ"  แรนดัลส่ายหน้าช้าๆ  "อย่าใส่ใจเลย ข้าคงคิดมากไปเอง"  เขาบอกแล้วเดินจากไป  ทิ้งคำถามกับท่าทางแปลกๆให้ชายหนุ่มเก็บไปคิดต่อ

                   
          "พวกเจ้ากลับไปก่อนก็ได้  คืนนี้ข้าจะอยู่เฝ้าเอง"  เมอร์สออกมาบอกเพื่อนๆที่แต่ละคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย คงเพราะเหนื่อยกับการต้องใช้พลังมาก

                   
          "ไปกันเถอะไดแอซ"  มาร์คัสหันไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยังยืนมองเวสซึ่งกำลังหลับลึก  เจ้าของชื่อละสายตาจากคนบนเตียงแล้วเดินออกมาสมทบกับชายหนุ่มตรงประตู   เด็กหนุ่มมองไปยังร่างบนเตียงอีกครั้งและก่อนที่สายลมจะพัดพาให้บานประตูปิดสนิทลง  ริมฝีปากเรียวขยับเอ่ยถ้อยคำ 

                   
          "ขอพรแห่งราชินีหิมะทรงคุ้มครองท่าน"


    ****************

               
          คนทั้งหมดเดินอย่างเงียบๆท่ามกลางหิมะที่เริ่มแผ่ตัวคลุมพื้นดินอย่างบางเบาในความมืด  คำถามแปลกๆของท่านแรนดัลผุดขึ้นมารบกวนชายหนุ่มอีกครั้ง  ทำให้เขาอดเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างกันไม่ได้   พลันมาร์คัสก็เกิดความรู้สึกประหลาดบางอย่างขึ้น 

                   
          ชายหนุ่มจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างนั้นอย่างพินิจพิจารณา  ใบหน้าอ่อนเยาว์ติดจะหล่อนั้นดูสงบกว่าที่เคยเป็น  แววตาสีฟ้าหม่นก็เรียบนิ่ง ฉายแววครุ่นคิด ล้ำลึก แลคล้ายเกล็ดหิมะกลางฤดูหนาวที่เยือกเย็น  อ้างว้าง เดียวดาย หากก็งดงามยิ่ง 

                   
          รู้สึกว่า.......จะไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มคนก่อนอีกต่อไปแล้ว 
    "มีอะไรรึเปล่า"  เด็กหนุ่มรู้สึกตัวจึงหันมาถามเขา  "เปล่านี่  แค่รู้สึกว่าเจ้าไม่เหมือนเดิม ........ก็แค่นั้น"  คำตอบทำเอาคนถามเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจอย่างที่สุด   "ไม่เหมือนเดิมตรงไหนกัน"  ไดแอซชี้มือที่หน้าของตัวเอง  "ข้า.....ก็คือข้า ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ"  เด็กหนุ่มถามหน้าซื่อตาใสเล่นเอามาร์คัสพูดอะไรไม่ออกไปเลยทีเดียว 

                   
           
    "ช่างเถอะ"  ชายหนุ่มบอก  หากยังไม่คลายสงสัยเรื่องราวแปลกประหลาดที่เพิ่งได้พบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง  แต่อย่างน้อย.....บัดนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดี ถึงจะมีหิมะตกลงมาเพิ่มก็เถอะนะ  คาดว่าไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าคงได้มีงานฉลองใบไม้ผลิเป็นแน่ 

                   
          ว่าแล้วก็เบนสายตาขึ้นมองฟ้าด้านบนที่เริ่มเป็นสีเทาจางๆด้วยว่ายามอรุโณทัยได้มาเยี่ยมเยือนอีกครั้งหนึ่งพร้อมสุริยเทพชักรถทรงซึ่งห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างสีส้มเหลืองอันร้อนแรงมาหยุดรอที่ขอบฟ้า 

                   
          หลายคนเริ่มอ้าปากหาวหวอดๆต่อกันเป็นชุด  เด็กหนุ่มข้างตัวเองก็เดินโซซัดโซเซด้วยความสะลึมสะลือเต็มแก่  เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น 
    "รีบเดินกันหน่อยเถอะ จะได้พักกันซะที"  ทุกคนพรอ้มใจกันพยักหน้าแล้วสาวเท้าก้าวให้เร็วขึ้น 

                   
          เสียงรองเท้ากระทบพื้นซึ่งมีเกล็ดหิมะเคลือบอยู่จางๆดังสะท้อนก้องไปทั่วถนนที่ยังไม่ฟื้นตื่นจากราตรีอันยาวนานและเหน็บหนาว  เสียงสดใสจากบรรดาไก่ทั้งหลายซึ่งเริ่มโก่งคอขันเจื้อยแจ้วรับอรุณอันสวยงาม   

                   

    *********************

                   
          ในความพร่าเลือนที่ไหววับดุจกระแสน้ำในสระต้องแสงตะวัน  เวสรู้สึกคล้ายร่างของตนจมจ่อมลงไปในห้วงน้ำอันลึกล้ำและเยียบเย็น  กระนั้นเขากลับไม่รู้สึกทรมานเลยแม้แต่น้อย  เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน  ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้  เหนื่อย   ความรู้สึกล้าผุดวาบขึ้นในหัวสมองพร้อมดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรือลงอีกครา  หากจู่ๆก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นมาฉุดให้กระชากด้วยแรงมหาศาลให้ร่างของชายหนุ่มทะลึ่งพราดพ้นผิวน้ำ

                   
          "อะไร"   ความง่วงงุนและเหนื่อยล้าทั้งหมดจางหายราวเป็นแค่ความฝัน ตอนนี้เขารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าราวกับได้พักผ่อนมาอย่างเต็มอิ่ม

                   
          ครั้นลองกวาดสายดูก็พบว่าสิ่งที่ตนสวมอยู่เสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชายและกางเกงขายาวสีดำ  เบื้องหน้าคือทางเดินซึ่งทำด้วยดินแดงทอดยาวออกไปไกลจนเรียกได้ว่าจรดกับขอบฟ้าที่เห็นอยู่ลิบๆ  สองข้างคือทุ่งหญ้าสีเขียวขจีและเนินเขาสลับกันไป  สายลมเย็นพัดโชยมาไม่ขาดสายพาให้ยอดหญ้าพลิ้วไหวเป็นละรอกคลื่น  เมฆก้อนกลมสีขาวกระจายกันเต็มฟ้าช่วยบดบังไม่ให้แสงแดดแรงกล้าจนเกินไป

                   
          บรรยากาศชวนให้นึกถึงท้องทุ่งแถวบ้านในสมัยเด็กและอากาศกำลังสบายเช่นนี้ก็เหมาะแก่การเดินเล่นเป็นที่สุด  เมื่อคิดเช่นนั้นชายหนุ่มก็ตัดสินใจก้าวตรงไปตามทางเดินข้างหน้าอย่างมั่นคง  เขาพบว่าแม้จะค่อนข้างแล้งแต่บนถนนกลับไม่มีฝุ่นเลยแม้แต่นิดเดียว

                   
          เมื่อเวสก้าวข้ามเนินเขาลูกที่สอง ภาพของสิ่งก่อสร้างอย่างหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา  ครั้นเดินเข้าไปอีกจึงพบว่าเป็นปราสาทที่ตระการตานั่นเอง  หลังคาสีน้ำเงินวาวสะท้อนแดดรับกับตัวปราสาทซึ่งก็คือกำแพงสีขาวสะอาดและริ้วธงที่เรียงรายหลากหลายสีโบกสะบัดในสายลม 

                   
          "ข้าจะลองไปที่นั่นดู"   ชายหนุ่มนึกเช่นนั้นแล้วจึงเริ่มต้นออกเดินอีกครา  สองเท้าพาเขามุ่งไปตามทางเดินตัดผ่านทุ่งหญ้า ขึ้นลงเนินเขานับสิบๆแห่งจนใกล้ตัวปราสาทเข้าไปทุกขณะ  เมื่อทอดสายตามองอีกครั้งก็เห็นตัวปราสาทตั้งตระหง่านน่าเกรงขาม  ประตูใหญ่สองบานเปิดอ้ากว้าง  กระนั้นกลับมีบรรยากาศอันเงียบสงัดคล้ายไม่มีผู้คนอยู่อาศัยแม้แต่ผู้เดียว  ชายหนุ่มมุ่นคิ้วอย่างสงสัยขึ้นมาตงิดๆ  อันที่จริงตั้งแต่เดินมาเขาเองก็ยังไม่ได้พบใครสักคนเช่นกัน

                   
          จากจุดที่เขายืนอยู่ถึงตัวปราสาทยังมีสะพานไม้ทอดยาวผ่านหุบเหวลึกขวางกันอยู่  ชายหนุ่มเดินข้ามสะพานนั้นอย่างช้าๆ  คิ้วเรียวเริ่มขมวดปมอีกครั้งเนื่องจากเดินเท่าไหร่เขาก็ไปไม่ถึงอีกฟากของสะพานนี้เสียที  ทั้งๆที่ตัวสะพานเองก็ไม่ได้ยาวอะไรหนักหนา  เหมือนว่าเขากำลังย่ำอยู่กับที่เสียมากกว่า

                   
          "เฮ้ย"

                   
           
    เวสอุทานอย่างตกใจเมื่อพื้นไม้แทบเท้าแตกออกจากกันพร้อมร่างของเขาร่วงลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง  ไม่มีสายน้ำ  ป่าไม้  หรือต้นหญ้า หากเป็นความมืดอันลึกล้ำดังเช่นครั้งแรก  พวกมันคลี่กายห่อหุ้มตัวของชายหนุ่มไว้อย่างอ่อนโยน  ความสงบและง่วงหาวที่คุ้นเคยเคลื่อนเข้ามาสู่ตัวชายหนุ่มอีกครั้ง  คราวนี้ความรู้สึกเหล่านั้นแผ่กระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วราวกับฝังตัวแน่นอยู่ในเส้นเลือด  โดยไม่รีรอให้เขาได้มีโอกาสคิดถึงเรื่องใดๆ

                   
           
    "เวส ..............เวส"  เสียงคุ้นเคยเรียกเบาๆ

                   
          "แต่ว่าข้าเหนื่อย.......ขอนอนสักหน่อยเถอะ"   เวสนึกต่อรองในใจ

                   
          "ไม่ได้นะ......ตื่นสิ"    คราวนี้เสียงนั้นปนตวาดนิดๆพร้อมสัมผัสเย็นเฉียบเหมือนใครเอาน้ำแข็งทั้งก้อนมาแตะหน้าชายหนุ่มเป็นผลให้เจ้าตัวเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด  แสงสีขาวอมเหลืองนวลสว่างไสวตัดกับความมืดอยู่บริเวณใบหน้าเขาค่อยๆลามไล่มาจนทั่วร่าง  กระแสความห่วงใยจากละอองแสงนั้นถ่ายเทเข้ามาเติมเต็มหัวใจที่อ่อนล้า  เสียงกระซิบเบาๆดังก้องอยู่ในหูทั้งสองข้าง

                   
          "มีชีวิตอยู่และมีความสุข..........เผื่อข้าด้วยล่ะ"


    ***************

                  
           
    "รีบตื่นเร็วดีนี่"  คำทักทายคำแรกจากปากของเมอร์สถูกส่งมาหาชายหนุ่ม   อื้อ   คนบนเตียงรับคำก่อนหยัดกายขึ้นในท่านั่ง  "หนังเหนียวดีแท้นะเจ้า"   โชวี่ว่าบ้าง   "สงสัยจะได้กลิ่นนี่ละมั้ง"   มาร์คัสเอ่ยพลางยกขนมปังเนยสดสอดไส้แอปเปิ้ลแห้งอันลือชื่อขึ้นมาส่งให้กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอฟุ้งกระจายไปทั่วห้องเรียกเสียงหัวเราะได้พอตัว   เวสยิ้มน้อยๆแล้วร่วมวงหัวเราะไปด้วย

                   
           
    "ข้าจะมีความสุขเผื่อเจ้า"

                   
          "เอ้า  ของโปรด(อีกอย่าง)ไม่ใช่เรอะ"   มาร์คัสโยนห่อขนมหนึ่งในนั้นให้เวสที่รับได้อย่างแม่นยำ 
    "ว่าแต่เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"   ชายหนุ่มถามขณะเคี้ยวขนมตุ้ยๆ   "ซะที่ไหนเล่า"  เมอร์สว่าพลางบุ้ยใบ้ให้ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกหน้าต่างแล้วเจ้าตัวก็ต้องเบิกตาโต  เนื่องด้วยบัดนี้ทัศนียภาพภายนอกเต็มไปด้วยหิมะจนขาวโพลนไปเสียหมด  แทบจะไม่แผกไปจากหลายวันก่อนเลยแม้แต่น้อย  จนเหมือนว่าที่หิมะละลายนั้นเป็นแค่ฝันเล็กๆในห้วงนิทราเท่านั้น

                   
          "ง่า...."  แล้วชายหนุ่มก็อดบ่นต่ออย่างเสียไม่ได้  "หนาวจะตายชักอยู่แล้ว  ยังกับย้อนไปตอนกลางฤดูหนาวยังงั้นแหละ"  ไดแอซส่ายหน้าเล็กน้อย  "เหมือนเวลาจะหยุดอยู่กับที่........ซึ่งมีแค่ฤดูหนาวเท่านั้น" 

                   
          "คิดมากไปหรือเปล่าไดแอซ"   โชวี่ว่าด้วยน้ำเสียงเหมือนร่าเริงแต่ก็แฝงแวววิตกไม่น้อย   "อีกไม่นานคงละลายแล้วน่า"  แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ  "ไม่.....ข้ารู้สึกได้  ตอนนี้..........อีกไม่นานแล้ว"

                   
           
    ทั้งหมดพากันจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาครุ่นคิดแตกต่างกัน 
    "จริงหรือ"  มาร์คัสหันไปถามเด็กหนุ่มข้างตัว  นัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั้นก็ฉายแววกังวลออกมาไม่แพ้กัน  เขาเอียงคอเล็กน้อยด้วยท่าทางครุ่นคิด  ทำให้ชายหนุ่มอดนึกไม่ได้ว่าแววของความสงบเย็นที่สัมผัสได้เมื่อวานนั้นจางหายไปจนสิ้นราวกับว่านั่นเป็นตัวตนอีกด้านหนึ่งที่จะปรากฏออกมาเวลาเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น   

          "อีกไม่นานแล้วล่ะ..................แพนโทเนียแห่งนี้จะตกอยู่ในห้วงแห่งความหนาวเย็นของเหมันต์อันเป็นนิรันดร"

          นัยน์ตาคู่นั้นที่มองออกไปนอกหน้าต่างกลับแฝงแววเหงาเศร้าอีกครั้งหนึ่งโดยที่เจ้าของไม่ทันรู้ตัว  หิมะซึ่งโปรยลงมาไม่หยุดตั้งแต่หลายวันก่อนจับตัวบนกระจกของบานหน้าต่างใส  

          ทำไมนะ ถึงได้รู้สึกหนาว.......ไปถึงหัวใจแบบนี้  

          เพราะอะไรกัน..........................  

          ความรู้สึกอ้างว้าง.................โดดเดี่ยวพวกนี้
     
          เพราะอะไรกัน..........................
      
          ------------------------------------------------
      หวัดดีค่าทุกท่าน 
     รู้สึกว่าตอนนี้จะสั้นไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรค่ะ วิลมีของแถมมาแจกทุกท่าน
     แท่น แท่น แท๊น............. หวัดนั่นเองค่ะ  แจกฟรีไม่คิดตังค์ด้วยน๊า55+   ส่วนสมาทร์วันที่ไปสอบก็ประกาศคะแนนแล้วละค่ะ  วิลผ่านมาได้อย่างเฉียดฉิวชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดเลยล่ะ  (แอบเจ็บใจเล็กน้อยที่พยายามไม่พอ) คิดว่าครั้งหน้าจะลองตั้งใจใหม่  สู้ตายเจ้าค่า
    ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์ด้วยน๊า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×