ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #21 : เรา......ในสายลมหนาว

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 50



                    
           หลังสงบจิตสงบใจไปได้สักพักไดแอซก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบห้องอีกครั้งอย่างละเอียดจนไปสะดุดเอากับแจกันกระเบื้องเคลือบสีขาวเขียนลายช่อกุหลาบสีอมชมพูสวยซึ่งถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะไม้แคบทรงสูงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าต่าง  กลิ่นหอมอ่อนๆจากดอกไม้ประดิษฐ์กลีบบางใสโชยมาต้องจมูกเขา 

                   
          เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปพิจารณาดูอย่างใกล้ชิด 
    "หอมดีจัง"   ไดแอซสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมนั้นเข้าไปจนเต็มปอด  จากนั้นเจ้าตัวยังอดเอามือลูบๆคลำเนื้อกระเบื้องไม่ได้  "ลายอีกด้านมันอะไรนะ จะเหมือนกันไหมเนี่ย" เจ้าตัวพยายามใช้สองมือค่อยๆเลื่อนหมุนให้ตัวแจกันอีกด้านให้หันออกมา 

                   
          เพล้ง

                   
          ด้วยไม่ทันระวังมือของเด็กหนุ่มจึงปัดเอาแจกันตกกระทบพื้นจนเศษกระเบื้องแตกกระเด็นไปตามแนวระนาบจนเกลื่อนพื้นพรมหนา ฝ่ายดอกไม้ประดิษฐ์ก็ลงไปกองแอ้งแม้งอยู่ไม่ไกลนัก  

                   
          "ง่า"

                   
          เจ้าตัวเสียงแปลกๆ ดวงตาสีฟ้าหม่นจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆพร้อมกับหน้าค่อยๆซีดลงๆ 
    "ทำไงดีอ่ะ  ท่าทางจะเป็นของแพงซะด้วย"   เจ้าตัวพึมพำเบาๆพร้อมยกมือเกาหัวแกร๊กๆพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหา  ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มค่อยๆหยิบเศษกระเบื้องซึ่งกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากองรวมๆกัน

                   
          ตึก

                   
          เสียงฝีเท้าเดินช้าๆเหมือนจะมาหยุดยืนหน้าห้องเล่นเอาเจ้าตัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ 
    "เฮ้อ"  เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเสียงนั้นค่อยๆขยับเดินไกลออกไป   ก่อนหันกลับมามองกองกระเบื้อง  แล้วหันซ้ายหันขวาหาที่ซุกซ่อนหลักฐาน  "พระราชวังออกใหญ่ แจกันแบบนี้มีเยอะ คงไม่มีใครสังเกตหรอกนะ"  ไดแอซนึกในใจหลังเล็งสถานที่ไว้เรียบร้อย  เขาค่อยๆใช้สองมือเตรียมกอบกองกระเบื้องตัวปัญหาไปหมกไว้ตรงพรมแถบมุมห้อง

               
          ฝีเท้าหนักๆของสองคนดังมาตามทางเดินกว้าง  แว่วเสียงพูดคุยกันได้ยินเข้ามาจนถึงในห้อง  "เห็นจะเป็นห้องนี้ล่ะ"  เสียงทุ้มเอ่ยประโยคชวนเสียวสันหลังวาบๆ  "จะถึงแล้วอ่ะ"  เด็กหนุ่มชะงักปล่อยให้กองกระเบื้องร่วงผล๊อยลงมา  จะเก็บอีกทีมือก็สั่นไปหมดเสียแล้ว  จึงได้แต่หันไปมองประตูใจระทึก  

                   
          วาบ

                   
          ฝ่ามือของเขาเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าจนสว่างไปทั่วห้องแล้วดับวูบลงในฉับพลัน 
    "อ้าว"  เจ้าตัวหันกลับมาดูพร้อมสีหน้าแปลกใจเมื่อกองกระเบื้องเมื่อครู่กลับกลายเป็นแจกันในเดิมที่มีสภาพสวยใหม่เอี่ยมไร้รอยขีดข่วน  กระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่มีเวลาให้ได้ตกใจมากนัก ด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆดังลอดเข้ามา  เขาคว้าหมับเข้าที่ช่อดอกไม้ประดิษฐ์แล้วจับมันยัดลงไปในแจกันลวกๆก่อนนำไปวางกลับที่เดิม 

               
          ประตูบานใหญ่ถูกผลักเข้ามาพร้อมชายหนุ่มสองคนในชุดเสื้อคอตั้งบนบ่าเดินดิ้นสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของทหารรักษาพระองค์ พวกเขามองหน้าซีดๆแปลกๆของเด็กหนุ่มอย่างสงสัยหากไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงค้อมศีรษะให้เขา 

               
          "
    เชิญทางนี้" 

                   
          "ฟู่  หวิดไป" 

                   
          ไดแอซแอบหันหน้าไปถอนหายใจกับฝาห้องอย่างโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้ทักเรื่องท่าทางแปลกๆของเขา กับแจกันกระเบื้อง  เด็กหนุ่มจึงค่อยบังคับขาสั่นๆให้เดินตามออกไปแต่ยังไม่วายเหลียวหลังกลับมามองวัตถุสีขาวอมชมพูด้วยกลัวว่ามันจะแตกไปอีกรอบหนึ่ง ครั้นเห็นว่ายังปกติสุขอยู่ทุกประการเขาจึงก้าวออกจากห้องไป

                   
          ฟุบ

                   
          ดอกไม้ประดิษฐ์ช่อสวยที่ยังตั้งตรงเมื่อครู่ค่อยเปลี่ยนเป็นสีเทาและแตกสลายไป  ฝุ่นผงละอองเล็กๆปลิวกระจายไปทั่วห้อง และผสมกลมกลืนกับธาตุอากาศจนสิ้น


    *****************

                   
          พวกเขานำเด็กหนุ่มขึ้นไปตามบันไดวนกว้าง ก่อนหักเลี้ยวไปตามโถงทางเดินยาวปูด้วยพรมสีแดงเลือดนกทอดยาวซึ่งพาทะลุออกไปยังซุ้มทางเชื่อมโปร่งที่พาดผ่านสวนหิมะขนาดย่อม  เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาอย่างสำรวจด้วยความสนใจเนื่องด้วยครั้งก่อนเดินเบลอๆวกซ้ายวนขวาจึงไม่ทันได้มองอะไรทั้งสิ้น  

                   
          รูปปั้นหินอ่อนรูปนางไม้กำลังร่ายรำในอิริยาบถต่างกันวางอยู่ตามมุมโน้นมุมนี้  ดวงไฟสีส้มอ่อนว่องสว่างกระทบภาพเขียนในกรอบไม้เคร่งขรึมแต่ดูหรูหรานับร้อยที่เรียงรายกันแทบตลอดทางเดินคล้ายกำลังทอดสายตามองดูเขาอยู่  สุดปลายมีร่างบางยืนพิงผนังคล้ายกำลังรอคอยใครบางคนอยู่  เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งถูกรวบไว้เพียงครึ่งศีรษะทิ้งตัวเคลียไปกับเสื้อคลุมกันหนาวขนสัตว์ในสีโทนเดียวกัน  เมื่อเข้าไปใกล้เด็กสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองพวกเขาพร้อมคลี่ยิ้ม

                   
          "องค์หญิง"  นายทหารที่นำทางเด็กหนุ่มมาใช้มือขวาแนบหัวใจแล้วโค้งต่ำ  ปล่อยให้คนข้างหลังยืนส่งยิ้มเก้อๆ สายตาคมวาบถูกส่งมาหาไดแอซจนเจ้าตัวสะดุ้ง  "ไม่เป็นไรหรอก"  เด็กสาวกล่าวเสียงสดใส  ชายผู้นั้นจึงละสายตาจากเขา  "ขอบคุณท่านมากนะ"  อีกฝ่ายโค้งต่ำก่อนจะถอยหลังเดินจากไป

                   
          "หายดีแล้วเหรอไดแอซ"  เธอทักอย่างคุ้นเคย  "อื้อ"  เด็กหนุ่มรับคำง่ายๆแล้วยิ้มให้อย่างร่าเริง  "ท่านพ่อคอยเจ้าอยู่น่ะ"  เสียงใสเอ่ยต่อทำเอาคนฟังหัวใจดิ่งวูบลงไปอยู่ใต้ดินเมื่อนึกได้ถึงธุระสำคัญของวันนี้  เจ้าตัวค่อยๆเหลือบไปมองประตูไม้สีเข้มเรียบอย่างกล้าๆกลัวๆ  "ท่านพ่อไม่ได้เป็นคนน่ากลัวสักหน่อย"  ว่าแล้วเฟลิเซียก็หัวเราะเบาๆออกมา  เป็นเสียงที่ทำให้หัวใจของคนฟังกระโดดกลับขึ้นมาอยู่ที่เดิมทันที  รู้สึก.....

                   
          
    "นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่"   เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไป 

                   
          
    แอ๊ด

                   
          "ท่านพ่อคะ เขามาแล้ว" เด็กสาวเอยขณะผลักประตูห้องให้เปิดออก  "เข้าไปข้างในกันเถอะไดแอซ"  เธอหันมาเรียกอีกฝ่ายที่ยังมีท่าทีเหมือนคิดอะไรอยู่นอกห้อง   "ครับ"   เด็กหนุ่มคนดังกล่าวหันมารับคำแล้วเดินตามเธอเข้าไป

                   
          ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็งน้ำตาลเข้มเรียบ  โต๊ะไม้ตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารมากมายที่เรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  กำแพงทั้งด้านซ้ายและขวาคือชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่มีหนังสือมากมายเรียงตัวกันจนแน่น    พาให้บรรยากาศของห้องดูขรึมขลังจนเด็กหนุ่มไม่ค่อยกล้ามองอะไรเต็มตาเท่าใดนัก

                   
           
    "ข้าขอตัวก่อนล่ะ"  เฟลิเซียหันมาบอก  "เอ่อ...."  ไดแอซทำท่าเหมือนจะเรียกให้เธอช่วยยืนเป็นเพื่อนกันสักหน่อย  หากเด็กสาวหันกลับมายิ้มคล้ายให้กำลังใจ  "แล้วเจอกัน"  ร่างบางถอนสายบัวก่อนลับหายไปพร้อมประตูไม้บานใหญ่ค่อยๆปิดลง

                   
           
    ทิ้งให้เขาได้แต่ยืนเก้ออยู่กลางห้องด้วยไม่รู้จะทำประการใดดี  ครั้นจะเงยหน้ามองหรือก็ไม่กล้า  จะขยับร่างกายมันก็ดันไม่ตอบสนอง จึงได้แต่ยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้อยู่อย่างนั้น 

                   
          ผู้กำลังทรงงานละสายตาจากเอกสารข้อมูลต่างๆขึ้นมองเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า  เสียงปิดแฟ้มเบาๆ เรียกให้ไดแอซขยับตัวขึ้นมองก่อนจะรีบหลุบสายตาลงต่ำเหมือนเดิม 
    "ทำตัวตามสบายเถอะ"  น้ำเสียงเอื้ออารีดุจบิดาเอ่ยต่อบุตรดังขึ้น ไดแอซจึงค่อยเงยหน้าขึ้นช้าๆ

                     
          นับเป็นครั้งที่สองที่เขาได้พบกับองค์ราชาแห่งแพนเทีย  ครั้งแรกด้วยพวกเขาอยู่บนที่นั่งค่อนข้างสูงและไกลเอาการจึงทำให้ไม่ได้เห็นองค์ชัดเจนนัก 

                   
          บุรุษตรงหน้าแย้มยิ้มให้เขาด้วยท่าทางอ่อนโยน กระนั้นดวงหน้าก็ยังมีราศีของความงามสง่าน่าเกรงขามและสงบเฉกผู้เคยผ่านร้อนผ่านหนาว  นัยน์ตาสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเฟลิเซีย ทว่าดูลุ่มลึกคล้ายบ่อน้ำอันเก่าแก่กำลังทอดมองเขา    

                   
          "เฟลิเซียเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังบ้างแล้ว"  น้ำเสียงทุ้มเอ่ย "ขอรับ"  เด็กหนุ่มรับเสียงเบา "ไม่ต้องก้มหน้าขนาดนั้นหรอก ทำตัวตามสบายเถอะ" เขาเอ่ยย้ำอีกครั้ง 

                   
          เด็กหนุ่มจึงค่อยเงยหน้าขึ้น  นัยน์ตาสีฟ้าหม่นสบเข้ากับบุรุษตรงหน้า  แววว่างเปล่าฉายชัดก่อนที่เจ้าตัวหลุบตาลงต่ำ 
    "สีตาของเจ้า...."  องค์ราชาเอ่ยด้วยเสียงเบา  "ขอรับ"  เด็กหนุ่มรับคำด้วยเข้าใจในความหมาย  "หม่อมฉันถูกพบอยู่กลางทะเลแสงดาว  เมื่อตื่นขึ้นมาก็จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย"  น้ำเสียงหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

                   
          ครั้นเห็นอาการเป็นดังนั้นองค์ราชาจึงตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครา 
    "เจ้า.....ชื่อไดแอซใช่ไหม? "  เด็กหนุ่มรับคำเบาๆ  "เป็นชื่อที่แปลกมากนะ"

                   
          "ขอรับ" เจ้าตัวยังคงเอ่ยเช่นเดิมคล้ายไม่รู้ว่าจะต่ออย่างไร จากนั้นจึงนิ่งเงียบไป

                   
           
    "เอาเถิด"  องค์ราชาตรัสเปลี่ยนเรื่อง  "จากรายงานของแรนดัล.....เจ้ามีพลังที่แปลกประหลาดสินะ"  เขานิ่งไปครู่หนึ่ง  "หม่อมฉันเองก็จำอะไรเกี่ยวกับพลังนั่นไม่ได้เลยเช่นกัน"   คู่สนทนายิ้มน้อยๆคล้ายปลอบโยน  "ไม่เป็นไรหรอก ข้าคิดว่าสักวันเจ้าต้องนึกออกแน่ๆ  และยังหวังว่าเจ้าจะนมันไปใช้ในทางที่ดี"  ทว่าเมื่อกล่าวต่อน้ำเสียงกลับฟังดูเคร่งขรึมจนเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกครา  "ลูกสาวข้ายังบอกอีกว่าเจ้าเองก็สามารถติดต่อกับเจ้าหญิงลีเมย์ได้  เช่นนั้นคงพอช่วยเหลือนางได้บ้าง"

               
           
    "
    ข้าเอง.....แม้ไม่เคยได้พบแต่ก็คิดว่าการถูกพันธนาการและรอคอยอันไม่รู้จบสิ้นนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามย่อมต้องทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งนั้น  จึงอยากให้เจ้าช่วย  ได้ไหม?......" 

                   
           
    "ขอรับ  หม่อมฉันเองก็รับปากกับเจ้าหญิงลีเมย์ไว้แล้ว  ไม่ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใด ยามลำบากเพียงไหนก็จะช่วยให้จงได้"  เด็กหนุ่มให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่  ก่อนใช้มือขวาแตะหน้าอกด้านซ้ายแล้วก้มต่ำแทนคำสัญญา  ยังไม่ทันที่องค์ราชาจะตรัสสิ่งใดต่อก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆดังขัดจังหวะขึ้น  

                   
           
    "มีเรื่องอะไรหรืออลัน"  เสียงทุ้มเอ่ยถามชายหนุ่มในเครื่องแบบรักษาพระองค์ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า  "ท่านเสนาบดีจอห์นขอเข้าเฝ้าขอรับ  เห็นว่าจะถวายรายงานทั้งหมดเรื่องปัญหาด้านกสิกรรม"  องค์ราชาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้    "เดี๋ยวเจ้าช่วยพาไดแอซไปส่งด้วยนะ แล้ว..."  กระแสเสียงเสียงคล้ายมีบางอย่างอยากจะเอ่ยต่อแต่กลับนิ่งไป   "โชคดีนะ"

                   
          เด็กหนุ่มเดินตามแผ่นหลังกว้างย้อนทางเก่า ครั้นสายตาเหลือบปะเข้ากับแจกันดอกไม้ระหว่างทางเจ้าตัวยังอดนึกถึงผลงานที่ห้องรับรองไม่ได้   
    "ภาวนาไม่ให้มันแตกเถอะนะ"  เขาแอบคิดพลางสวดมนตร์ไปให้เสียหลายบทก่อนจะเปลี่ยนมานึกอะไรเรื่อยเปื่อย กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนอยู่ตรงประตูใหญ่ของพระราชวังเสียแล้ว

               
          ไดแอซเดินลงจากเนินเขาช้าๆพลางมองดูอากาศรอบกายที่ยังสดใส  พลางนึกว่าจะหาอะไรกินในตัวเมืองเสียหน่อย  "มีเวลาให้หลงอีกเยอะ"  เจ้าตัวคิดอย่างนั้น

                   
          หมับ

                   
          สัมผัสจากใครบางคนที่ย่องมาทางด้านหลังทำเอาเขาสะดุ้งโหยงพร้อมกระโดดไปข้างหน้ารวดเดียว 5เมตร  เสียงใสหัวเราะคิกๆคล้ายพอใจที่ได้แกล้งเด็กหนุ่ม 
    "โอ๊ยเข่าอ่อน"  ไดแอซทรุดลงไปนั่งแหมะอยู่บนหิมะ  "ง่า  พลังงานหมดกะทันหันอ่ะ"  เจ้าตัวทำหน้าแปลกๆ  จนมือบางในถุงมือหนาถูกยื่นมาตรงหน้า

                   
          "อะไรกัน แค่นี้ทำเป็นตกใจไปได้"  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือแล้วต้องออกอาการตกใจซ้ำสอง  "เฟลิเซีย"  เขาอุทานชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ เด็กสาวในชุดกันหนาวอย่างดีอาศัยพาพันคอหนาบดบังดวงหน้าหวานไปกว่าครึ่งแต่กระนั้นเขาก็ยังจำเธอได้แม่นอยู่ดี  "ทำไมถึงได้ ....."

                   
          "เงียบๆน่า ข้าแค่แอบหนีท่านแม่ออกมาเที่ยวหน่อยเดียวเอง"  เด็กสาวพูดอย่างเป็นเรื่องธรรมดา   "ดีเหมือนกันที่ได้เจอเจ้า  พวกเราไปกันเถอะ"  เด็กสาวไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้ามือไดแอซแล้วพาวิ่งลงเนินไปทันที คาดว่าคงกลัวทหารวังมาเห็นเข้าและเกิดจำได้เป็นแน่


    **********************

                   
          แดดยามบ่ายแก่ของฤดูหนาวสาดทะลุแพเมฆสีอมเทาลงมายังพื้นดินเบื้องล่างแลเห็นเป็นลำสีเหลืองทอง  เด็กสาวจับมือเด็กหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงวิ่งถลาลงมาจนถึงตัวเมือง

                   
         
    "ง่า หัวใจจะวาย นี่ถ้าเบรกไม่ทันจะทำไงอ่ะ" 

                   
         
    ไดแอซได้โอกาสบ่นยาวยืดอย่างลืมตัวเมื่อพวกเขามาหยุดอยู่ตรงสวนหย่อมเล็กๆเชิงเนิน
     เฟลิเซียหลุดขำทั้งๆที่ยังหอบจากการวิ่งลงเนินรวดเดียว  "ทำตัวอย่างกับคนแก่เลยรู้ไหม"  เด็กสาวย่นจมูกพร้อมเชิดหน้าเล็กน้อย  "ก็แหม ถ้าเกิดสะดุดล้มก็เจ็บอะดิ แถมถ้าเจ้าเป็นอะไรไปข้ายิ่งไม่มีปัญญารับ......."

                   
           
    "หิมะหนาดีเนอะ"

                   
           
    "นี่ถ้าเจ้า........"

                   
          "อยากปั้นตุ๊กตาหิมะจังเลย"

                   
          ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ไดแอซพูดเลยแม้แต่น้อย แถมตอนนี้เธอยังจัดแจงถอดถุงมือออกแล้วเริ่มปั้นหิมะให้เป็นก้อนกลมๆเสียด้วย

                   
           
    "นี่ฟังที่ข้าพูดบ้างไหมเนี่ย"

                   
           
    เด็กหนุ่มที่เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังบ่นให้อากาศโล่งๆกับหย่อมหิมะฟังหันไปหาเด็กสาวข้างตัวที่ตอนนี้กำลังกลิ้งบอลหิมะที่ค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างสนุกสนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอหยุดเงยหน้าแล้วปัดปอยผมสีน้ำตาลอ่อนที่ตกลงมาข้ามไหล่กลับไป  ก่อนเหลือบมามองเด็กหนุ่มที่ยังยืนแยกเขี้ยวอยู่ไม่ไกล

                   
          "มาช่วยกันหน่อยสิ  ปั้นคนเดียวนี่มันลำบากน๊า"

                   
          เฟลิเซียตะโกนเรียกไดแอซเสียงใส   เด็กหนุ่มรีบสะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆออกจากศีรษะแล้วลงมือช่วยกลิ้งก้อนหิมะอีกแรงจนได้ตุ๊กตาหิมะตัวป้อมๆมาหนึ่งตัว

                   
           "ต้องมีตาด้วยเนอะ"

                   
          "เบี้ยวอ่ะ ต้องขึ้นไปอีกหน่อยสิ"  เสียงหวานบอก

                   
          "ข้าว่ามันสวยแล้วนา"

                   
          "ไม่เอา" เสียงใสยังคงไม่ละความพยายามคราวนี้ยังเอามือไปยื้อยุดไม้ที่เขียนหน้าเขียนตาของตุ๊กตาจากมือเด็กหนุ่ม ครั้นเห็นว่าเจ้าของยังไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จึงจัดการหันไปกอบหิมะจากข้างตัวแล้วถล่มใส่หัวดำๆของคู่กรณี 

               
           
    "
    เฮ้ย ขี้โกงนี่นา"

                   
           
    ไดแอซรีบปัดวัตถุสีขาวเย็นซึ่งดูตัดกับผมสีดำของเขาออกอย่างรวดเร็ว
    "แกล้งกันชัดๆ" เขาบอกก่อนหันหน้าไปทางอื่น  "นี่ อย่างอนสิ"   เฟลิเซียยื่นหน้าเข้ามาพร้อมทำท่าขอโทษได้อย่างน่ารักจนคนงอนต้องยอมหันกลับมา

               
          เสียงหัวเราะของสองคนดังประสานกันท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บ แต่ทว่าก็อบอวลไปด้วยความสุข

                   
           ร่างบางข้างๆกำลังมองดูตุ๊กตาหิมะที่เพิ่งปั้นเสร็จใหม่ๆ 
    "น่าเสียดายเนอะ อีกไม่นานก็คงต้องละลายไปแล้ว"  เธอเอ่ยเบาๆคล้ายจะพูดกับตัวเอง 

                   
          "ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่   ถึงมันจะอยู่ได้ไม่นาน อาจจะต้องละลายไปพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรืออาทิตย์หน้า แต่อย่างน้อยเราก็ยังจำได้นี่นาว่าเคยได้ปั้นมันด้วยรอยยิ้ม ด้วยเสียงหัวเราะของพวกเรา ใช่ไหมล่ะ?"

                   
          เฟลิเซียหันมาส่งยิ้มให้เด็กหนุ่ม 
    "หิมะนี่ก็คงเหมือนความสุขที่มีวันต้องจางหาย  ถึงรู้อยู่แก่ใจว่ามันต้องหายไปแน่ๆ  กระนั้นก็ยังอยากจะเก็บกักตักตวงเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  เพราะไม่มีอาจรู้ได้ว่าวันต่อๆไปจะเกิดอะไรขึ้น  ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ  แต่ข้ารู้แน่ๆว่าความสุขเหล่านั้นจะคงอยู่ข้างในนี้..............ในหัวใจที่จะไม่มีวันลืมมันไปแน่นอน "

               
          "
    อื้อ"

                   
          "แต่ว่าหนาวจัง"  เด็กสาวอดพูดขึ้นมาไม่ได้หลังจากพยายามเป่าลมใส่มือสีแดงแจ๋ที่ตอนนี้เย็นแทบจะพอๆกับหิมะทีเดียว  ไดแอซทำท่าเหมือนนึกอะไรได้   "ยื่นมือมานี่สิ"  ว่าแล้วก็ฉวยมือของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆก่อนเอ่ยถ้อยคำเบาๆ  ดวงไฟสีขาวส่องแสงนวลปรากฏขึ้นระหว่างมือทั้งสอง  "ทีนี้อุ่นขึ้นไหม? "  เจ้าตัวถามยิ้มๆ

                   
          ประกายแสงเล็กเท่าหิ่งห้อยลอยช้าๆวนอยู่รอบมือของทั้งสอง  เด็กหนุ่มมองภาพของคนตรงหน้าที่ก้มน้อยๆเพื่อมองดูดวงแสงให้ถนัดด้วยความสนใจ  ประกายอ่อนโยนผุดขึ้นมาในดวงตา แต่เพียงชั่วครู่กลับถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าดังเดิม  หัวใจดูเหมือนจะเต้นผิดจังหวะ คล้ายมีลูกบอลเล็กๆมากมายกระเด้งกระดอนกลับไปกลับมาอยู่ในนั้น

                   
           
    "สัญญาของเราสองคน................."

                   
          อีกแล้ว  เสียงของใครบางคนแว่วมาท่ามกลางสายลมหนาว  เสียงที่เขาแม้จะนึกไม่ออกแต่ทว่าไม่อาจลืมได้  ทั้งโหยหา แต่ก็เจ็บปวดนัก

                   
           
    มือที่กำลังจะยื่นไปแตะอีกฝ่ายหดกลับมาช้าๆ  คล้ายกับมีบางอย่างเหมือนม่านบางๆขวางกั้นความรู้สึกเอาไว้  ใจซึ่งเต้นแรงเมื่อครู่นั้นเจ็บแปลบคล้ายถูกหนามแหลมสะกิดแผลเก่าให้เกิดหนอง  สัญญากับใครบางคนไว้  เป็นสัญญา.............ที่แม้ตายก็ไม่อาจลบเลือนไปได้

               
          "
    ไดแอซ  เป็นอะไรไปเหรอ?"

                   
          เด็กสาวละสายตาขึ้นมาถามหลังเห็นอีกฝ่ายเงียบไปเฉยๆ 
    "ไม่มีอะไรหรอก"  เด็กหนุ่มปฏิเสธเบาๆ  "งั้นเราไปที่ตลาดกันเถอะนะ  ข้าหิวแล้ว"   น้ำเสียงสดใสร่าเริงนั้นฉุดดึงให้เด็กหนุ่มออกมาจากห้วงความคิดคำนึง  ร่างบางที่เดินนำอยู่ข้างหน้า  ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือแต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้ 

                   
          ไดแอซเดินตามคนนำหน้าไปช้าๆทิ้งเพียงรอยเท้า ความเงียบงัน และตุ๊กตาหิมะที่ยืนโดดเดี่ยวคล้ายตัวเขาไว้เบื้องหลัง 


    *******************

               
          ตลาดยามบ่ายยังคงจอแจเหมือนเคย ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปผ่านมาขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายส่งเสียงเรียกลูกค้ากันอย่างไม่ขาดสาย  ขนมปังอุ่นๆเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆถูกลำเลียงออกมาในถาดแบนซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสูงของร้านชวนน้ำลายสอ 

                   
          เฟลิเซียดึงมือเด็กหนุ่มให้เดินเข้าไปก่อนกลับออกมาอีกครั้งพร้อมขนมปังหลายชนิดเต็มอ้อมแขน  จนไดแอซอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาสองคนจะกินหมดกันหรือเปล่า  แถมเด็กสาวยังอุตส่าห์จะแวะซื้อโก้โก้ร้อนกับผลคราสที่ออกเฉพาะแต่ในหน้าหนาวมาด้วย  ดีแต่เด็กหนุ่มห้ามไว้ทันไม่อย่างนั้นคนถือของอย่างเขาคงต้องเอาปากคาบเป็นแน่ 

                   
          ทั้งสองค่อยๆเดินผ่านซอกแคบอันเป็นทางลัดไปสู่จตุรัสดวงดาว  ไดแอซแอบเบ้หน้าเล็กน้อยเนื่องมาจากห่อขนมปังที่แทบจะล้นอ้อมแขนบังหน้าบังตา  ทั้งทางยังแคบและค่อนข้างมืดทำให้เดินลำบากเอาการ  คนข้างหน้าก็ไม่คิดจะรอเขาเอาเสียเลย  
    "นี่ถ้าเกิดสะดุด........."

                   
          "ว๊าย"

                   
          ยังไม่ทันขาดคำเสียงใสของเด็กสาวก็ดังขึ้น  เนื่องจากเธอเสียหลักจากการเบี่ยงตัวหลบหญิงชรานางหนึ่งจนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นหินเย็นๆ 

                   
          "เป็นอะไรหรือเปล่า  ลุกไหวไหม" เด็กหนุ่มถามด้วยไม่อาจทิ้งของกินอันมีค่าในอ้อมแขนลงไปได้  "แม่หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหม"   หญิงชราคนเมื่อครู่เอ่ยด้วยท่าทางเป็นห่วงแล้วรีบวางตะกร้าสานเก่าๆ ก่อนยื่นมือไปพยุงร่างบางให้ลุกจากพื้น  เด็กสาวยิ้มให้ก่อนปัดเนื้อปัดตัว ชุดคลุมกันหนาวอย่างดีเปื้อนหิมะที่ละลายจนเป็นวงสีเข้ม

                   
          แต่เฟลิเซียดูเหมือนจะไม่สนใจสภาพตัวเองเท่าใดนัก 
    "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"  เธอหันไปถามหญิงชราทำเอาใบหน้าของผู้สูงวัยเกิดรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน  ครั้นเห็นว่ามือที่ช่วยพยุงเธออยู่เย็นเฉียบจากอากาศที่ค่อนข้างหนาวด้วยไม่ได้สวมถุงมือ  ในตะกร้าเก่าๆนั้นเต็มไปด้วยดอกหญ้าหิมะที่จะขึ้นอยู่เฉพาะกลางทุ่งน้ำแข็งซึ่งอยู่นอกเมืองออกไปเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร

                   
          "หนาวจะแย่นะคะ"  เด็กสาวเอ่ยๆเบาๆก่อนรวบมือเหี่ยวย่นซึ่งมีรอยแดงเป็นจ้ำๆจากการถูกหิมะกัดมาอยู่ในอุ้งมือเรียว  ไดแอซค่อยๆวางข้าวของในหอบลงแล้วปาดนิ้วผ่านมือคู่นั้น  เธฮมองมือของหญิงชราอย่างแปลกใจ  เนื่องด้วยรอยสีแดงนั้นหายวับไปในพริบตา  พร้อมละอองแสงพร่างพรมลงบนเสื้อผ้าของนางให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด 

                   
          "ขอบใจมากเลยนะจ๊ะแม่หนู  พ่อหนุ่มด้วย"  หญิงชรากล่าวพลางหยิบตะกร้าขึ้นมาคล้องแขน  "ฉันให้"  มือเหี่ยวย่นยื่นช่อดอกหญ้าหิมะเล็กๆช่อหนึ่งให้พวกเขา 

                   
          "แต่...................."  ทั้งสองปฏิเสธพร้อมกัน

                   
          "ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ  เอ้าพ่อหนุ่ม  เก็บไว้ประดับเสื้อให้แม่หนูนั่น" นางส่งมันให้ไดแอซ  "พวกเธอเหมาะสมกันดีนะ"  เสียงกระซิบพอให้ได้ยินกันแต่สองคนทำเอาคนฟังหน้าขึ้นสีเรื่ออย่างช่วยไม่ได้  "แหะๆๆ"  เจ้าตัวหัวเราะแห้งแก้เขิน  "ดูแลเธอให้ดีล่ะ"  นางยิ้มให้แล้วหันหลังเดินจากไป

                   
          "นี่ท่านยายคนนั้นพูดอะไรกับเจ้าเหรอ  เห็นหน้าแดงใหญ่เลย"  เด็กสาวถามอย่างสนใจ  "มะ...ไม่มีอะไรหรอก"   เจ้าตัวรีบปฏิเสธเป็นการใหญ่ด้วยท่าทีมีพิรุธ  แต่ฝ่ายคนถามกลับไม่ได้ติดใจจะซักไซ้อะไรจึงออกเดินต่อไปจนทะลุถึงยังทางเดินกว้างซึ่งทอดสู่จัตุรัสดวงดาวอันเป็นเป้าหมายที่แลเห็นอยู่ไม่ไกล

                   
          "สวยจังเลย"  เด็กสาวเอียงคอมองช่อดอกหญ้าที่ถืออย่างทะนุถนอม  "ดูสิ ส่องประกายระยิบระยับอย่างกับสมบัติล้ำค่าเลย"  เธอหันไปยื่นดอกไม้ให้เด็กหนุ่มได้ดูบ้าง  "สมบัติล้ำค่า"  เขาทวนคำของเด็กสาวอย่างแปลกใจ  ทั้งๆที่คนอย่างเธอน่าจะเคยได้รับเพชรพลอยอัญมณีสวยๆมาก็มาก  แล้ว..........

                   
          "บางที......  บางคนให้คุณค่ากับความสำคัญต่อสิ่งของต่างกัน  สำหรับข้าแล้วของพวกนั้นน่ะ  บางครั้งคนให้ก็ไม่ได้ให้ด้วยหัวใจหรอกนะ แค่อยากมีอำนาจอยากประจบประแจงเลยทำให้มันมีค่าเพียงแค่นั้น  ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย  แต่การที่เราได้รับอะไรสักอย่าง แม้จะไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่คนๆนั้นมอบให้ด้วยหัวใจน่ะดีกว่าตั้งเยอะ  เพราะเขาบรรจุเอาความรู้สึกดีๆทั้งหลายใส่เอาไว้เต็มไปหมดเลยล่ะ เป็นความรู้สึกที่มีค่ามากกว่าอะไรอื่น"

                   
          ไดแอซเพียงมองดูดอกหญ้าหิมะซึ่งกำลังสะท้อนแดดคล้ายอวดความมีคุณค่าในตัวเองออกมา
    "ต้องใช้หัวใจสัมผัสสินะ"  เด็กหนุ่มนึกแล้วยิ้มให้กับเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างๆกัน

                   
           
    กุบกับ กุบกับ

                   
          เสียงรถม้าซึ่งวิ่งเข้ามาจากถนนอีกสายด้วยความเร็วสูงชวนหวาดเสียวชนิดไม่ต้องคิดจะถามหาเบรกดังลั่นพร้อมกันกับที่ไดแอซทิ้งห่อของแล้วดึงมือเฟลิเซียให้หลบเข้ามาในมุมถนนได้ทันก่อนเขาจะต้องมาแซะเธอขึ้นมาจากถนน
    "นี่  จะปล่อยได้หรือยัง? "  เสียงใสฟังดูอู้อี้เล็กน้อยดังขึ้นมาจาก.....จากอกเขา 

                   
          "เฮ้ย"

                   
          เด็กหนุ่มอุทานอย่างตกใจพร้อมรีบดันร่างคนตรงหน้าออกห่าง  ตามด้วยความรู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวพุ่งขึ้นมากระจุกกันอยู่บนใบหน้าจนแดงเป็นน้องๆลูกแอปเปิ้ล   ไดแอซได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆแก้เขินเป็นรอบที่ 2 ของวัน 

                   
           
    ตึง

                   
           ประตูรถม้าถูกกระแทกให้เปิดออกตามด้วยร่างในชุดคลุมดำตั้งแต่หัวจรดเท้าก้าวลงมาพร้อมชายรูปร่างค่อนข้างท้วมในชุดภูมิฐานอย่างพวกขุนนางหรือเศรษฐี  อำนาจแผ่ผ่านอากาศมาจนถึงทำให้ไดแอซซึ่งยืนมองอยู่ในมุมไม่ห่างนักถึงกับนิ่งงัน 

                   
          "พลัง................"

                   
          ขณะเดียวดวงหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่ไม่มีใครเคยได้พบเห็นนั้นหันซ้ายหันขวาคล้ายกำลังสอดส่องหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ 

                   
          "อยู่ที่นี่แล้วสินะ........................"  

    --------------------------------------------------------------------
        หวัดดีค่าทุกๆท่าน อัพสาย(อีกแล้ว) 555+ ความจริงอัพเมื่อคืนพอเข้ามาดูตอนเช้า จ๊ากกกกก มันเจ๊งแย้ว  เลยต้องแก้ใหม่ยกใหญ่(เพราะเราไม่ยอมเช็คเอง)  ตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดรำลึกความหลัง+บ้าอนิเมะค่ะ  แบบว่าครบปีนึงแล้วที่ได้ไปเรียนที่ไทเป(เดือนครึ่งแต่รู้สึกว่ามันเร็วชะมัด) เวลามันผ่านไปเร็วจังเนอะ คิดถึงอ่ะ ตอนนี้รุ่นใหม่ก็คงจะไปแล้ว คิดว่าน่าจะได้ความรู้สึกดีๆกลับมาเยอะๆเหมือนเรานะ(อย่างกับคนแก่)
            ตอนนี้กำลังดูเรื่อง the voice of a distant star กับ the place promised in our early days อยู่ค่ะ ดูแล้วซึ้งมากๆ ถึงจะเป็นพากย์ไทยก็เถอะนะ(ไม่มีปัญญาซื้อดีวีดีอ่ะ ทรัพย์จาง) เลยดูซ้ำอีก(ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว) ออกแนวเศร้าๆซึ้งๆ ถ้าชอบก็แนะนำค่ะ ดีมากๆเลย
          อ่า........ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์ด้วยนะคะ

                   

                   


         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×