คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : เรา......ในสายลมหนาว
หลังสงบจิตสงบใจไปได้สักพักไดแอซก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบห้องอีกครั้งอย่างละเอียดจนไปสะดุดเอากับแจกันกระเบื้องเคลือบสีขาวเขียนลายช่อกุหลาบสีอมชมพูสวยซึ่งถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะไม้แคบทรงสูงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าต่าง กลิ่นหอมอ่อนๆจากดอกไม้ประดิษฐ์กลีบบางใสโชยมาต้องจมูกเขา
เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปพิจารณาดูอย่างใกล้ชิด "หอมดีจัง" ไดแอซสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมนั้นเข้าไปจนเต็มปอด จากนั้นเจ้าตัวยังอดเอามือลูบๆคลำเนื้อกระเบื้องไม่ได้ "ลายอีกด้านมันอะไรนะ จะเหมือนกันไหมเนี่ย" เจ้าตัวพยายามใช้สองมือค่อยๆเลื่อนหมุนให้ตัวแจกันอีกด้านให้หันออกมา
เพล้ง
ด้วยไม่ทันระวังมือของเด็กหนุ่มจึงปัดเอาแจกันตกกระทบพื้นจนเศษกระเบื้องแตกกระเด็นไปตามแนวระนาบจนเกลื่อนพื้นพรมหนา ฝ่ายดอกไม้ประดิษฐ์ก็ลงไปกองแอ้งแม้งอยู่ไม่ไกลนัก
"ง่า"
เจ้าตัวเสียงแปลกๆ ดวงตาสีฟ้าหม่นจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆพร้อมกับหน้าค่อยๆซีดลงๆ "ทำไงดีอ่ะ ท่าทางจะเป็นของแพงซะด้วย" เจ้าตัวพึมพำเบาๆพร้อมยกมือเกาหัวแกร๊กๆพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหา ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มค่อยๆหยิบเศษกระเบื้องซึ่งกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากองรวมๆกัน
ตึก
เสียงฝีเท้าเดินช้าๆเหมือนจะมาหยุดยืนหน้าห้องเล่นเอาเจ้าตัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ "เฮ้อ" เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเสียงนั้นค่อยๆขยับเดินไกลออกไป ก่อนหันกลับมามองกองกระเบื้อง แล้วหันซ้ายหันขวาหาที่ซุกซ่อนหลักฐาน "พระราชวังออกใหญ่ แจกันแบบนี้มีเยอะ คงไม่มีใครสังเกตหรอกนะ" ไดแอซนึกในใจหลังเล็งสถานที่ไว้เรียบร้อย เขาค่อยๆใช้สองมือเตรียมกอบกองกระเบื้องตัวปัญหาไปหมกไว้ตรงพรมแถบมุมห้อง
ฝีเท้าหนักๆของสองคนดังมาตามทางเดินกว้าง แว่วเสียงพูดคุยกันได้ยินเข้ามาจนถึงในห้อง "เห็นจะเป็นห้องนี้ล่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยประโยคชวนเสียวสันหลังวาบๆ "จะถึงแล้วอ่ะ" เด็กหนุ่มชะงักปล่อยให้กองกระเบื้องร่วงผล๊อยลงมา จะเก็บอีกทีมือก็สั่นไปหมดเสียแล้ว จึงได้แต่หันไปมองประตูใจระทึก
วาบ
ฝ่ามือของเขาเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าจนสว่างไปทั่วห้องแล้วดับวูบลงในฉับพลัน "อ้าว" เจ้าตัวหันกลับมาดูพร้อมสีหน้าแปลกใจเมื่อกองกระเบื้องเมื่อครู่กลับกลายเป็นแจกันในเดิมที่มีสภาพสวยใหม่เอี่ยมไร้รอยขีดข่วน กระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่มีเวลาให้ได้ตกใจมากนัก ด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆดังลอดเข้ามา เขาคว้าหมับเข้าที่ช่อดอกไม้ประดิษฐ์แล้วจับมันยัดลงไปในแจกันลวกๆก่อนนำไปวางกลับที่เดิม
ประตูบานใหญ่ถูกผลักเข้ามาพร้อมชายหนุ่มสองคนในชุดเสื้อคอตั้งบนบ่าเดินดิ้นสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของทหารรักษาพระองค์ พวกเขามองหน้าซีดๆแปลกๆของเด็กหนุ่มอย่างสงสัยหากไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงค้อมศีรษะให้เขา
"เชิญทางนี้"
"ฟู่ หวิดไป"
ไดแอซแอบหันหน้าไปถอนหายใจกับฝาห้องอย่างโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้ทักเรื่องท่าทางแปลกๆของเขา กับแจกันกระเบื้อง เด็กหนุ่มจึงค่อยบังคับขาสั่นๆให้เดินตามออกไปแต่ยังไม่วายเหลียวหลังกลับมามองวัตถุสีขาวอมชมพูด้วยกลัวว่ามันจะแตกไปอีกรอบหนึ่ง ครั้นเห็นว่ายังปกติสุขอยู่ทุกประการเขาจึงก้าวออกจากห้องไป
ฟุบ
ดอกไม้ประดิษฐ์ช่อสวยที่ยังตั้งตรงเมื่อครู่ค่อยเปลี่ยนเป็นสีเทาและแตกสลายไป ฝุ่นผงละอองเล็กๆปลิวกระจายไปทั่วห้อง และผสมกลมกลืนกับธาตุอากาศจนสิ้น
*****************
พวกเขานำเด็กหนุ่มขึ้นไปตามบันไดวนกว้าง ก่อนหักเลี้ยวไปตามโถงทางเดินยาวปูด้วยพรมสีแดงเลือดนกทอดยาวซึ่งพาทะลุออกไปยังซุ้มทางเชื่อมโปร่งที่พาดผ่านสวนหิมะขนาดย่อม เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาอย่างสำรวจด้วยความสนใจเนื่องด้วยครั้งก่อนเดินเบลอๆวกซ้ายวนขวาจึงไม่ทันได้มองอะไรทั้งสิ้น
รูปปั้นหินอ่อนรูปนางไม้กำลังร่ายรำในอิริยาบถต่างกันวางอยู่ตามมุมโน้นมุมนี้ ดวงไฟสีส้มอ่อนว่องสว่างกระทบภาพเขียนในกรอบไม้เคร่งขรึมแต่ดูหรูหรานับร้อยที่เรียงรายกันแทบตลอดทางเดินคล้ายกำลังทอดสายตามองดูเขาอยู่ สุดปลายมีร่างบางยืนพิงผนังคล้ายกำลังรอคอยใครบางคนอยู่ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งถูกรวบไว้เพียงครึ่งศีรษะทิ้งตัวเคลียไปกับเสื้อคลุมกันหนาวขนสัตว์ในสีโทนเดียวกัน เมื่อเข้าไปใกล้เด็กสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองพวกเขาพร้อมคลี่ยิ้ม
"องค์หญิง" นายทหารที่นำทางเด็กหนุ่มมาใช้มือขวาแนบหัวใจแล้วโค้งต่ำ ปล่อยให้คนข้างหลังยืนส่งยิ้มเก้อๆ สายตาคมวาบถูกส่งมาหาไดแอซจนเจ้าตัวสะดุ้ง "ไม่เป็นไรหรอก" เด็กสาวกล่าวเสียงสดใส ชายผู้นั้นจึงละสายตาจากเขา "ขอบคุณท่านมากนะ" อีกฝ่ายโค้งต่ำก่อนจะถอยหลังเดินจากไป
"หายดีแล้วเหรอไดแอซ" เธอทักอย่างคุ้นเคย "อื้อ" เด็กหนุ่มรับคำง่ายๆแล้วยิ้มให้อย่างร่าเริง "ท่านพ่อคอยเจ้าอยู่น่ะ" เสียงใสเอ่ยต่อทำเอาคนฟังหัวใจดิ่งวูบลงไปอยู่ใต้ดินเมื่อนึกได้ถึงธุระสำคัญของวันนี้ เจ้าตัวค่อยๆเหลือบไปมองประตูไม้สีเข้มเรียบอย่างกล้าๆกลัวๆ "ท่านพ่อไม่ได้เป็นคนน่ากลัวสักหน่อย" ว่าแล้วเฟลิเซียก็หัวเราะเบาๆออกมา เป็นเสียงที่ทำให้หัวใจของคนฟังกระโดดกลับขึ้นมาอยู่ที่เดิมทันที รู้สึก.....
"นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่" เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไป
แอ๊ด
"ท่านพ่อคะ เขามาแล้ว" เด็กสาวเอยขณะผลักประตูห้องให้เปิดออก "เข้าไปข้างในกันเถอะไดแอซ" เธอหันมาเรียกอีกฝ่ายที่ยังมีท่าทีเหมือนคิดอะไรอยู่นอกห้อง "ครับ" เด็กหนุ่มคนดังกล่าวหันมารับคำแล้วเดินตามเธอเข้าไป
ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็งน้ำตาลเข้มเรียบ โต๊ะไม้ตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารมากมายที่เรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กำแพงทั้งด้านซ้ายและขวาคือชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่มีหนังสือมากมายเรียงตัวกันจนแน่น พาให้บรรยากาศของห้องดูขรึมขลังจนเด็กหนุ่มไม่ค่อยกล้ามองอะไรเต็มตาเท่าใดนัก
"ข้าขอตัวก่อนล่ะ" เฟลิเซียหันมาบอก "เอ่อ...." ไดแอซทำท่าเหมือนจะเรียกให้เธอช่วยยืนเป็นเพื่อนกันสักหน่อย หากเด็กสาวหันกลับมายิ้มคล้ายให้กำลังใจ "แล้วเจอกัน" ร่างบางถอนสายบัวก่อนลับหายไปพร้อมประตูไม้บานใหญ่ค่อยๆปิดลง
ทิ้งให้เขาได้แต่ยืนเก้ออยู่กลางห้องด้วยไม่รู้จะทำประการใดดี ครั้นจะเงยหน้ามองหรือก็ไม่กล้า จะขยับร่างกายมันก็ดันไม่ตอบสนอง จึงได้แต่ยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้อยู่อย่างนั้น
ผู้กำลังทรงงานละสายตาจากเอกสารข้อมูลต่างๆขึ้นมองเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า เสียงปิดแฟ้มเบาๆ เรียกให้ไดแอซขยับตัวขึ้นมองก่อนจะรีบหลุบสายตาลงต่ำเหมือนเดิม "ทำตัวตามสบายเถอะ" น้ำเสียงเอื้ออารีดุจบิดาเอ่ยต่อบุตรดังขึ้น ไดแอซจึงค่อยเงยหน้าขึ้นช้าๆ
นับเป็นครั้งที่สองที่เขาได้พบกับองค์ราชาแห่งแพนเทีย ครั้งแรกด้วยพวกเขาอยู่บนที่นั่งค่อนข้างสูงและไกลเอาการจึงทำให้ไม่ได้เห็นองค์ชัดเจนนัก
บุรุษตรงหน้าแย้มยิ้มให้เขาด้วยท่าทางอ่อนโยน กระนั้นดวงหน้าก็ยังมีราศีของความงามสง่าน่าเกรงขามและสงบเฉกผู้เคยผ่านร้อนผ่านหนาว นัยน์ตาสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเฟลิเซีย ทว่าดูลุ่มลึกคล้ายบ่อน้ำอันเก่าแก่กำลังทอดมองเขา
"เฟลิเซียเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังบ้างแล้ว" น้ำเสียงทุ้มเอ่ย "ขอรับ" เด็กหนุ่มรับเสียงเบา "ไม่ต้องก้มหน้าขนาดนั้นหรอก ทำตัวตามสบายเถอะ" เขาเอ่ยย้ำอีกครั้ง
เด็กหนุ่มจึงค่อยเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าหม่นสบเข้ากับบุรุษตรงหน้า แววว่างเปล่าฉายชัดก่อนที่เจ้าตัวหลุบตาลงต่ำ "สีตาของเจ้า...." องค์ราชาเอ่ยด้วยเสียงเบา "ขอรับ" เด็กหนุ่มรับคำด้วยเข้าใจในความหมาย "หม่อมฉันถูกพบอยู่กลางทะเลแสงดาว เมื่อตื่นขึ้นมาก็จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย" น้ำเสียงหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
ครั้นเห็นอาการเป็นดังนั้นองค์ราชาจึงตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครา "เจ้า.....ชื่อไดแอซใช่ไหม? " เด็กหนุ่มรับคำเบาๆ "เป็นชื่อที่แปลกมากนะ"
"ขอรับ" เจ้าตัวยังคงเอ่ยเช่นเดิมคล้ายไม่รู้ว่าจะต่ออย่างไร จากนั้นจึงนิ่งเงียบไป
"เอาเถิด" องค์ราชาตรัสเปลี่ยนเรื่อง "จากรายงานของแรนดัล.....เจ้ามีพลังที่แปลกประหลาดสินะ" เขานิ่งไปครู่หนึ่ง "หม่อมฉันเองก็จำอะไรเกี่ยวกับพลังนั่นไม่ได้เลยเช่นกัน" คู่สนทนายิ้มน้อยๆคล้ายปลอบโยน "ไม่เป็นไรหรอก ข้าคิดว่าสักวันเจ้าต้องนึกออกแน่ๆ และยังหวังว่าเจ้าจะนมันไปใช้ในทางที่ดี" ทว่าเมื่อกล่าวต่อน้ำเสียงกลับฟังดูเคร่งขรึมจนเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกครา "ลูกสาวข้ายังบอกอีกว่าเจ้าเองก็สามารถติดต่อกับเจ้าหญิงลีเมย์ได้ เช่นนั้นคงพอช่วยเหลือนางได้บ้าง"
"ข้าเอง.....แม้ไม่เคยได้พบแต่ก็คิดว่าการถูกพันธนาการและรอคอยอันไม่รู้จบสิ้นนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามย่อมต้องทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งนั้น จึงอยากให้เจ้าช่วย ได้ไหม?......"
"ขอรับ หม่อมฉันเองก็รับปากกับเจ้าหญิงลีเมย์ไว้แล้ว ไม่ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใด ยามลำบากเพียงไหนก็จะช่วยให้จงได้" เด็กหนุ่มให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ก่อนใช้มือขวาแตะหน้าอกด้านซ้ายแล้วก้มต่ำแทนคำสัญญา ยังไม่ทันที่องค์ราชาจะตรัสสิ่งใดต่อก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆดังขัดจังหวะขึ้น
"มีเรื่องอะไรหรืออลัน" เสียงทุ้มเอ่ยถามชายหนุ่มในเครื่องแบบรักษาพระองค์ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า "ท่านเสนาบดีจอห์นขอเข้าเฝ้าขอรับ เห็นว่าจะถวายรายงานทั้งหมดเรื่องปัญหาด้านกสิกรรม" องค์ราชาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ "เดี๋ยวเจ้าช่วยพาไดแอซไปส่งด้วยนะ แล้ว..." กระแสเสียงเสียงคล้ายมีบางอย่างอยากจะเอ่ยต่อแต่กลับนิ่งไป "โชคดีนะ"
เด็กหนุ่มเดินตามแผ่นหลังกว้างย้อนทางเก่า ครั้นสายตาเหลือบปะเข้ากับแจกันดอกไม้ระหว่างทางเจ้าตัวยังอดนึกถึงผลงานที่ห้องรับรองไม่ได้ "ภาวนาไม่ให้มันแตกเถอะนะ" เขาแอบคิดพลางสวดมนตร์ไปให้เสียหลายบทก่อนจะเปลี่ยนมานึกอะไรเรื่อยเปื่อย กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนอยู่ตรงประตูใหญ่ของพระราชวังเสียแล้ว
ไดแอซเดินลงจากเนินเขาช้าๆพลางมองดูอากาศรอบกายที่ยังสดใส พลางนึกว่าจะหาอะไรกินในตัวเมืองเสียหน่อย "มีเวลาให้หลงอีกเยอะ" เจ้าตัวคิดอย่างนั้น
หมับ
สัมผัสจากใครบางคนที่ย่องมาทางด้านหลังทำเอาเขาสะดุ้งโหยงพร้อมกระโดดไปข้างหน้ารวดเดียว 5เมตร เสียงใสหัวเราะคิกๆคล้ายพอใจที่ได้แกล้งเด็กหนุ่ม "โอ๊ยเข่าอ่อน" ไดแอซทรุดลงไปนั่งแหมะอยู่บนหิมะ "ง่า พลังงานหมดกะทันหันอ่ะ" เจ้าตัวทำหน้าแปลกๆ จนมือบางในถุงมือหนาถูกยื่นมาตรงหน้า
"อะไรกัน แค่นี้ทำเป็นตกใจไปได้" เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือแล้วต้องออกอาการตกใจซ้ำสอง "เฟลิเซีย" เขาอุทานชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ เด็กสาวในชุดกันหนาวอย่างดีอาศัยพาพันคอหนาบดบังดวงหน้าหวานไปกว่าครึ่งแต่กระนั้นเขาก็ยังจำเธอได้แม่นอยู่ดี "ทำไมถึงได้ ....."
"เงียบๆน่า ข้าแค่แอบหนีท่านแม่ออกมาเที่ยวหน่อยเดียวเอง" เด็กสาวพูดอย่างเป็นเรื่องธรรมดา "ดีเหมือนกันที่ได้เจอเจ้า พวกเราไปกันเถอะ" เด็กสาวไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้ามือไดแอซแล้วพาวิ่งลงเนินไปทันที คาดว่าคงกลัวทหารวังมาเห็นเข้าและเกิดจำได้เป็นแน่
**********************
แดดยามบ่ายแก่ของฤดูหนาวสาดทะลุแพเมฆสีอมเทาลงมายังพื้นดินเบื้องล่างแลเห็นเป็นลำสีเหลืองทอง เด็กสาวจับมือเด็กหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงวิ่งถลาลงมาจนถึงตัวเมือง
"ง่า หัวใจจะวาย นี่ถ้าเบรกไม่ทันจะทำไงอ่ะ"
ไดแอซได้โอกาสบ่นยาวยืดอย่างลืมตัวเมื่อพวกเขามาหยุดอยู่ตรงสวนหย่อมเล็กๆเชิงเนิน เฟลิเซียหลุดขำทั้งๆที่ยังหอบจากการวิ่งลงเนินรวดเดียว "ทำตัวอย่างกับคนแก่เลยรู้ไหม" เด็กสาวย่นจมูกพร้อมเชิดหน้าเล็กน้อย "ก็แหม ถ้าเกิดสะดุดล้มก็เจ็บอะดิ แถมถ้าเจ้าเป็นอะไรไปข้ายิ่งไม่มีปัญญารับ......."
"หิมะหนาดีเนอะ"
"นี่ถ้าเจ้า........"
"อยากปั้นตุ๊กตาหิมะจังเลย"
ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ไดแอซพูดเลยแม้แต่น้อย แถมตอนนี้เธอยังจัดแจงถอดถุงมือออกแล้วเริ่มปั้นหิมะให้เป็นก้อนกลมๆเสียด้วย
"นี่ฟังที่ข้าพูดบ้างไหมเนี่ย"
เด็กหนุ่มที่เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังบ่นให้อากาศโล่งๆกับหย่อมหิมะฟังหันไปหาเด็กสาวข้างตัวที่ตอนนี้กำลังกลิ้งบอลหิมะที่ค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างสนุกสนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอหยุดเงยหน้าแล้วปัดปอยผมสีน้ำตาลอ่อนที่ตกลงมาข้ามไหล่กลับไป ก่อนเหลือบมามองเด็กหนุ่มที่ยังยืนแยกเขี้ยวอยู่ไม่ไกล
"มาช่วยกันหน่อยสิ ปั้นคนเดียวนี่มันลำบากน๊า"
เฟลิเซียตะโกนเรียกไดแอซเสียงใส เด็กหนุ่มรีบสะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆออกจากศีรษะแล้วลงมือช่วยกลิ้งก้อนหิมะอีกแรงจนได้ตุ๊กตาหิมะตัวป้อมๆมาหนึ่งตัว
"ต้องมีตาด้วยเนอะ"
"เบี้ยวอ่ะ ต้องขึ้นไปอีกหน่อยสิ" เสียงหวานบอก
"ข้าว่ามันสวยแล้วนา"
"ไม่เอา" เสียงใสยังคงไม่ละความพยายามคราวนี้ยังเอามือไปยื้อยุดไม้ที่เขียนหน้าเขียนตาของตุ๊กตาจากมือเด็กหนุ่ม ครั้นเห็นว่าเจ้าของยังไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จึงจัดการหันไปกอบหิมะจากข้างตัวแล้วถล่มใส่หัวดำๆของคู่กรณี
"เฮ้ย ขี้โกงนี่นา"
ไดแอซรีบปัดวัตถุสีขาวเย็นซึ่งดูตัดกับผมสีดำของเขาออกอย่างรวดเร็ว "แกล้งกันชัดๆ" เขาบอกก่อนหันหน้าไปทางอื่น "นี่ อย่างอนสิ" เฟลิเซียยื่นหน้าเข้ามาพร้อมทำท่าขอโทษได้อย่างน่ารักจนคนงอนต้องยอมหันกลับมา
เสียงหัวเราะของสองคนดังประสานกันท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บ แต่ทว่าก็อบอวลไปด้วยความสุข
ร่างบางข้างๆกำลังมองดูตุ๊กตาหิมะที่เพิ่งปั้นเสร็จใหม่ๆ "น่าเสียดายเนอะ อีกไม่นานก็คงต้องละลายไปแล้ว" เธอเอ่ยเบาๆคล้ายจะพูดกับตัวเอง
"ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ถึงมันจะอยู่ได้ไม่นาน อาจจะต้องละลายไปพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรืออาทิตย์หน้า แต่อย่างน้อยเราก็ยังจำได้นี่นาว่าเคยได้ปั้นมันด้วยรอยยิ้ม ด้วยเสียงหัวเราะของพวกเรา ใช่ไหมล่ะ?"
เฟลิเซียหันมาส่งยิ้มให้เด็กหนุ่ม "หิมะนี่ก็คงเหมือนความสุขที่มีวันต้องจางหาย ถึงรู้อยู่แก่ใจว่ามันต้องหายไปแน่ๆ กระนั้นก็ยังอยากจะเก็บกักตักตวงเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่มีอาจรู้ได้ว่าวันต่อๆไปจะเกิดอะไรขึ้น ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่ข้ารู้แน่ๆว่าความสุขเหล่านั้นจะคงอยู่ข้างในนี้..............ในหัวใจที่จะไม่มีวันลืมมันไปแน่นอน "
"อื้อ"
"แต่ว่าหนาวจัง" เด็กสาวอดพูดขึ้นมาไม่ได้หลังจากพยายามเป่าลมใส่มือสีแดงแจ๋ที่ตอนนี้เย็นแทบจะพอๆกับหิมะทีเดียว ไดแอซทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ "ยื่นมือมานี่สิ" ว่าแล้วก็ฉวยมือของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆก่อนเอ่ยถ้อยคำเบาๆ ดวงไฟสีขาวส่องแสงนวลปรากฏขึ้นระหว่างมือทั้งสอง "ทีนี้อุ่นขึ้นไหม? " เจ้าตัวถามยิ้มๆ
ประกายแสงเล็กเท่าหิ่งห้อยลอยช้าๆวนอยู่รอบมือของทั้งสอง เด็กหนุ่มมองภาพของคนตรงหน้าที่ก้มน้อยๆเพื่อมองดูดวงแสงให้ถนัดด้วยความสนใจ ประกายอ่อนโยนผุดขึ้นมาในดวงตา แต่เพียงชั่วครู่กลับถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าดังเดิม หัวใจดูเหมือนจะเต้นผิดจังหวะ คล้ายมีลูกบอลเล็กๆมากมายกระเด้งกระดอนกลับไปกลับมาอยู่ในนั้น
"สัญญาของเราสองคน................."
อีกแล้ว เสียงของใครบางคนแว่วมาท่ามกลางสายลมหนาว เสียงที่เขาแม้จะนึกไม่ออกแต่ทว่าไม่อาจลืมได้ ทั้งโหยหา แต่ก็เจ็บปวดนัก
มือที่กำลังจะยื่นไปแตะอีกฝ่ายหดกลับมาช้าๆ คล้ายกับมีบางอย่างเหมือนม่านบางๆขวางกั้นความรู้สึกเอาไว้ ใจซึ่งเต้นแรงเมื่อครู่นั้นเจ็บแปลบคล้ายถูกหนามแหลมสะกิดแผลเก่าให้เกิดหนอง สัญญากับใครบางคนไว้ เป็นสัญญา.............ที่แม้ตายก็ไม่อาจลบเลือนไปได้
"ไดแอซ เป็นอะไรไปเหรอ?"
เด็กสาวละสายตาขึ้นมาถามหลังเห็นอีกฝ่ายเงียบไปเฉยๆ "ไม่มีอะไรหรอก" เด็กหนุ่มปฏิเสธเบาๆ "งั้นเราไปที่ตลาดกันเถอะนะ ข้าหิวแล้ว" น้ำเสียงสดใสร่าเริงนั้นฉุดดึงให้เด็กหนุ่มออกมาจากห้วงความคิดคำนึง ร่างบางที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือแต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้
ไดแอซเดินตามคนนำหน้าไปช้าๆทิ้งเพียงรอยเท้า ความเงียบงัน และตุ๊กตาหิมะที่ยืนโดดเดี่ยวคล้ายตัวเขาไว้เบื้องหลัง
*******************
ตลาดยามบ่ายยังคงจอแจเหมือนเคย ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปผ่านมาขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายส่งเสียงเรียกลูกค้ากันอย่างไม่ขาดสาย ขนมปังอุ่นๆเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆถูกลำเลียงออกมาในถาดแบนซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสูงของร้านชวนน้ำลายสอ
เฟลิเซียดึงมือเด็กหนุ่มให้เดินเข้าไปก่อนกลับออกมาอีกครั้งพร้อมขนมปังหลายชนิดเต็มอ้อมแขน จนไดแอซอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาสองคนจะกินหมดกันหรือเปล่า แถมเด็กสาวยังอุตส่าห์จะแวะซื้อโก้โก้ร้อนกับผลคราสที่ออกเฉพาะแต่ในหน้าหนาวมาด้วย ดีแต่เด็กหนุ่มห้ามไว้ทันไม่อย่างนั้นคนถือของอย่างเขาคงต้องเอาปากคาบเป็นแน่
ทั้งสองค่อยๆเดินผ่านซอกแคบอันเป็นทางลัดไปสู่จตุรัสดวงดาว ไดแอซแอบเบ้หน้าเล็กน้อยเนื่องมาจากห่อขนมปังที่แทบจะล้นอ้อมแขนบังหน้าบังตา ทั้งทางยังแคบและค่อนข้างมืดทำให้เดินลำบากเอาการ คนข้างหน้าก็ไม่คิดจะรอเขาเอาเสียเลย "นี่ถ้าเกิดสะดุด........."
"ว๊าย"
ยังไม่ทันขาดคำเสียงใสของเด็กสาวก็ดังขึ้น เนื่องจากเธอเสียหลักจากการเบี่ยงตัวหลบหญิงชรานางหนึ่งจนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นหินเย็นๆ
"เป็นอะไรหรือเปล่า ลุกไหวไหม" เด็กหนุ่มถามด้วยไม่อาจทิ้งของกินอันมีค่าในอ้อมแขนลงไปได้ "แม่หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหม" หญิงชราคนเมื่อครู่เอ่ยด้วยท่าทางเป็นห่วงแล้วรีบวางตะกร้าสานเก่าๆ ก่อนยื่นมือไปพยุงร่างบางให้ลุกจากพื้น เด็กสาวยิ้มให้ก่อนปัดเนื้อปัดตัว ชุดคลุมกันหนาวอย่างดีเปื้อนหิมะที่ละลายจนเป็นวงสีเข้ม
แต่เฟลิเซียดูเหมือนจะไม่สนใจสภาพตัวเองเท่าใดนัก "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เธอหันไปถามหญิงชราทำเอาใบหน้าของผู้สูงวัยเกิดรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ครั้นเห็นว่ามือที่ช่วยพยุงเธออยู่เย็นเฉียบจากอากาศที่ค่อนข้างหนาวด้วยไม่ได้สวมถุงมือ ในตะกร้าเก่าๆนั้นเต็มไปด้วยดอกหญ้าหิมะที่จะขึ้นอยู่เฉพาะกลางทุ่งน้ำแข็งซึ่งอยู่นอกเมืองออกไปเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร
"หนาวจะแย่นะคะ" เด็กสาวเอ่ยๆเบาๆก่อนรวบมือเหี่ยวย่นซึ่งมีรอยแดงเป็นจ้ำๆจากการถูกหิมะกัดมาอยู่ในอุ้งมือเรียว ไดแอซค่อยๆวางข้าวของในหอบลงแล้วปาดนิ้วผ่านมือคู่นั้น เธฮมองมือของหญิงชราอย่างแปลกใจ เนื่องด้วยรอยสีแดงนั้นหายวับไปในพริบตา พร้อมละอองแสงพร่างพรมลงบนเสื้อผ้าของนางให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
"ขอบใจมากเลยนะจ๊ะแม่หนู พ่อหนุ่มด้วย" หญิงชรากล่าวพลางหยิบตะกร้าขึ้นมาคล้องแขน "ฉันให้" มือเหี่ยวย่นยื่นช่อดอกหญ้าหิมะเล็กๆช่อหนึ่งให้พวกเขา
"แต่...................." ทั้งสองปฏิเสธพร้อมกัน
"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เอ้าพ่อหนุ่ม เก็บไว้ประดับเสื้อให้แม่หนูนั่น" นางส่งมันให้ไดแอซ "พวกเธอเหมาะสมกันดีนะ" เสียงกระซิบพอให้ได้ยินกันแต่สองคนทำเอาคนฟังหน้าขึ้นสีเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ "แหะๆๆ" เจ้าตัวหัวเราะแห้งแก้เขิน "ดูแลเธอให้ดีล่ะ" นางยิ้มให้แล้วหันหลังเดินจากไป
"นี่ท่านยายคนนั้นพูดอะไรกับเจ้าเหรอ เห็นหน้าแดงใหญ่เลย" เด็กสาวถามอย่างสนใจ "มะ...ไม่มีอะไรหรอก" เจ้าตัวรีบปฏิเสธเป็นการใหญ่ด้วยท่าทีมีพิรุธ แต่ฝ่ายคนถามกลับไม่ได้ติดใจจะซักไซ้อะไรจึงออกเดินต่อไปจนทะลุถึงยังทางเดินกว้างซึ่งทอดสู่จัตุรัสดวงดาวอันเป็นเป้าหมายที่แลเห็นอยู่ไม่ไกล
"สวยจังเลย" เด็กสาวเอียงคอมองช่อดอกหญ้าที่ถืออย่างทะนุถนอม "ดูสิ ส่องประกายระยิบระยับอย่างกับสมบัติล้ำค่าเลย" เธอหันไปยื่นดอกไม้ให้เด็กหนุ่มได้ดูบ้าง "สมบัติล้ำค่า" เขาทวนคำของเด็กสาวอย่างแปลกใจ ทั้งๆที่คนอย่างเธอน่าจะเคยได้รับเพชรพลอยอัญมณีสวยๆมาก็มาก แล้ว..........
"บางที...... บางคนให้คุณค่ากับความสำคัญต่อสิ่งของต่างกัน สำหรับข้าแล้วของพวกนั้นน่ะ บางครั้งคนให้ก็ไม่ได้ให้ด้วยหัวใจหรอกนะ แค่อยากมีอำนาจอยากประจบประแจงเลยทำให้มันมีค่าเพียงแค่นั้น ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย แต่การที่เราได้รับอะไรสักอย่าง แม้จะไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่คนๆนั้นมอบให้ด้วยหัวใจน่ะดีกว่าตั้งเยอะ เพราะเขาบรรจุเอาความรู้สึกดีๆทั้งหลายใส่เอาไว้เต็มไปหมดเลยล่ะ เป็นความรู้สึกที่มีค่ามากกว่าอะไรอื่น"
ไดแอซเพียงมองดูดอกหญ้าหิมะซึ่งกำลังสะท้อนแดดคล้ายอวดความมีคุณค่าในตัวเองออกมา "ต้องใช้หัวใจสัมผัสสินะ" เด็กหนุ่มนึกแล้วยิ้มให้กับเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างๆกัน
กุบกับ กุบกับ
เสียงรถม้าซึ่งวิ่งเข้ามาจากถนนอีกสายด้วยความเร็วสูงชวนหวาดเสียวชนิดไม่ต้องคิดจะถามหาเบรกดังลั่นพร้อมกันกับที่ไดแอซทิ้งห่อของแล้วดึงมือเฟลิเซียให้หลบเข้ามาในมุมถนนได้ทันก่อนเขาจะต้องมาแซะเธอขึ้นมาจากถนน "นี่ จะปล่อยได้หรือยัง? " เสียงใสฟังดูอู้อี้เล็กน้อยดังขึ้นมาจาก.....จากอกเขา
"เฮ้ย"
เด็กหนุ่มอุทานอย่างตกใจพร้อมรีบดันร่างคนตรงหน้าออกห่าง ตามด้วยความรู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวพุ่งขึ้นมากระจุกกันอยู่บนใบหน้าจนแดงเป็นน้องๆลูกแอปเปิ้ล ไดแอซได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆแก้เขินเป็นรอบที่ 2 ของวัน
ตึง
ประตูรถม้าถูกกระแทกให้เปิดออกตามด้วยร่างในชุดคลุมดำตั้งแต่หัวจรดเท้าก้าวลงมาพร้อมชายรูปร่างค่อนข้างท้วมในชุดภูมิฐานอย่างพวกขุนนางหรือเศรษฐี อำนาจแผ่ผ่านอากาศมาจนถึงทำให้ไดแอซซึ่งยืนมองอยู่ในมุมไม่ห่างนักถึงกับนิ่งงัน
"พลัง................"
ขณะเดียวดวงหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่ไม่มีใครเคยได้พบเห็นนั้นหันซ้ายหันขวาคล้ายกำลังสอดส่องหาบางสิ่งบางอย่างอยู่
"อยู่ที่นี่แล้วสินะ........................"
--------------------------------------------------------------------
หวัดดีค่าทุกๆท่าน อัพสาย(อีกแล้ว) 555+ ความจริงอัพเมื่อคืนพอเข้ามาดูตอนเช้า จ๊ากกกกก มันเจ๊งแย้ว เลยต้องแก้ใหม่ยกใหญ่(เพราะเราไม่ยอมเช็คเอง) ตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดรำลึกความหลัง+บ้าอนิเมะค่ะ แบบว่าครบปีนึงแล้วที่ได้ไปเรียนที่ไทเป(เดือนครึ่งแต่รู้สึกว่ามันเร็วชะมัด) เวลามันผ่านไปเร็วจังเนอะ คิดถึงอ่ะ ตอนนี้รุ่นใหม่ก็คงจะไปแล้ว คิดว่าน่าจะได้ความรู้สึกดีๆกลับมาเยอะๆเหมือนเรานะ(อย่างกับคนแก่)
ตอนนี้กำลังดูเรื่อง the voice of a distant star กับ the place promised in our early days อยู่ค่ะ ดูแล้วซึ้งมากๆ ถึงจะเป็นพากย์ไทยก็เถอะนะ(ไม่มีปัญญาซื้อดีวีดีอ่ะ ทรัพย์จาง) เลยดูซ้ำอีก(ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว) ออกแนวเศร้าๆซึ้งๆ ถ้าชอบก็แนะนำค่ะ ดีมากๆเลย
อ่า........ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น