ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #20 : เพียงแค่อยากพบ...อีกสักครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 50



       แดดยามเช้าสาดผ่านม่านสีอ่อนเข้ามาในห้อง  ชายหนุ่มผู้ที่เมื่อคืนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรกำลังนั่งคุยกับเพื่อนรักพร้อมจิบชาร้อนตรงโต๊ะกลางห้อง 

                   
          “บ้าเอ๊ย  เสียงบ่นปนด่าของเวสดังขึ้นพร้อมเจ้าตัวยื่นมือไปโดยมีเป้าหมายเป็นหัวค่อนข้างยุ่งๆของมาร์คัสที่กำลังมองเพื่อนด้วยสีหน้างงๆ  เมื่อคืนไม่อยู่เป็นเพื่อนกันเล๊ย ดันชิงหลับไปก่อนซะได้ ไม่รู้ไอ้เจ้าไดแอซเป็นอะไร มันยืนพูดคนเดียวอยู่กับประตูหน้าห้องตั้งนานสองนาน  ข้างี้ขนหัวลุกไปหมดเลย หัวใจแทบหยุดเต้นน่ะ รู้ไหม  กว่าจะลากกันเข้าห้องได้ก็เหนื่อยแทบตาย  ชายหนุ่มทำท่าประกอบเรื่อง  น่ากลัวที่นี่จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้วล่ะ  ว่าพลางหันไปมองรอบๆห้องด้วยอาการหวาดผวา  ข้ายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครตายที่นี่นะ   มาร์คัสขัดขึ้นตรงๆก่อนที่คนเป็นเพื่อนจะจินตนาการอะไรไปมากกว่านี้ 

                   
          “เจ้าไม่รู้อะไร  ชายหนุ่มยังไม่เลิกราง่ายๆ  ลองมาเหลืออยู่คนเดียวตอนที่เพิ่งมีคนพูดกับอะไรไม่รู้ดูสิ  กว่าข้าจะอันเชิญไอ้โชวี่ให้มารับที่นี่ได้....    มาร์คัสหันไปถามเพื่อน  อ้าวงั้นเมื่อคืนเจ้านอนที่นี่เหรอ 

                   
          “เกือบอยู่เหมือนกันล่ะ  ก็ข้าไม่กล้าออกจากห้องนี่นา  กลัวเปิดประตูไปแล้วจ๊ะเอ๋กับอะไรก็ไม่รู้ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องละเสร็จเลย  ชายหนุ่มบอก

                   
          “ว่าแต่เจ้าเอาไวน์ให้มันกินหรือเปล่า  มาร์คัสเลิกคิ้วอย่างงงๆ  หือ ไวน์เหรอ?  เปล่านี่   ชายหนุ่มส่ายหน้าเชิงปฏิเสธ   เมื่อคืนรู้สึกว่ามันจะดื่มเข้าไปนิดหน่อยด้วย   อีกฝ่ายเอ่ยต่อก่อนหันไปมองเด็กหนุ่มคนที่ว่าซึ่งกำลังหลับปุ๋ย  น่ากลัวจะเมามากกว่ามั้ง   มาร์คัสบอก   แต่หน้าตาตอนพูดนั่น.....  เวสนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน  

                   
          ดูเหมือนไดแอซกำลังถามใครบางคนอยู่  และอีกฝ่ายเหมือนจะรู้จักเด็กหนุ่มด้วย หลังเจ้าตัวยืนพูดไปได้สักพัก เขาผู้เกิดอาการประสาทหลอนจึงกลั้นใจหลับหูหลับตาลากเด็กหนุ่มเข้าห้องลงกลอนเสียแน่นหนา  ครั้นมาลองคิดๆดูปรากฏว่าตัวเองยังคาใจอยู่กับสีหน้าและแววตาแปลกๆนั่น

                   
          “จำได้....  นึกออก....  งั้นหรือ?

                   
          “เอาเป็นว่าไดแอซตื่นเมื่อไหร่ค่อยถามแล้วกัน   มาร์คัสได้ข้อสรุป  เฮ้อ ตั้งแต่งานดอกไม้สีเลือดนี่นับวันพวกเราจะยิ่งเจอเรื่องแปลกๆเข้าไปทุกทีๆ 

                   
          พรวด

                   
          ไม่ทันขาดคำ ไดแอซผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงในฉับพลัน  ส่งผลให้เด็กหนุ่มสะดุดเอากับผ้านวมหนาหนักซึ่งกองอยู่บนตัวลงมานอนแอ้งแม้งบนพื้นห้องอันเย็นเฉียบ

                   
          โครม

                   
          “ง่า

                   
          ครั้นผู้ใช้เวททั้งสองได้สติก็รีบกรูกันเข้าไปหาร่างภายใต้กองผ้านวมทันที ไดแอซลืมตาขึ้นพร้อมท่าทางมึนงงซึ่งคงจะเป็นผลมาจากการตกเตียงเมื่อครู่  เด็กหนุ่มคลำหัวตัวเองป้อยๆ  ก่อนจะเลื่อนมือไปยังปากซึ่งค่อนข้างเจ่อเล็กน้อยจากการเสียจูบแรกให้กับพื้นห้อง
    เจ้าตัวเลยทำหน้าแหย่ๆ

                   
          ความจริงค่อยๆลุกก็ได้  เวสว่าหลังพยุงให้เขากลับขึ้นมานั่งบนเตียงได้สำเร็จ ค่อยๆลุก เจ้าตัวทวนคำอย่างประหลาดใจ 
    ทำไมอ่ะ?  แต่เสียดายกำลังจะได้กินลูกกวาดอยู่แล้วเชียว  อุตส่าห์ลอยมาตรงหน้าแท้ๆ  เด็กหนุ่มทำท่าคอตกเล็กน้อย  ตกลงนี่มันละเมอใช่ไหมเนี่ย

                   
          ครั้นเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองเขาอย่างสงสัยจึงเริ่มเล่าให้ฟัง 
    ข้ากำลังฝันว่าได้ไปนอนอยู่บนปุยเมฆนุ่มๆ คงเป็นสวรรค์แหละ แล้วมีขนมเต็มไปหมดเลย ทั้งคุ๊กกี้ เค้ก ลูกกวาด มาชเมลโล่ ไอศกรีม แอปเปิ้ลชุบคาราเมล น้ำแข็งไส ขนมปัง....

                   
          “พอเหอะ  สองผู้ใช้เวทปรามเด็กหนุ่มที่กำลังบรรยายสภาพสรวงสวรรค์ของกินที่เจ้าตัวเพิ่งได้ประสบพบเจอมา  แล้วยังมี......   มาร์คัสรีบถามขัดไดแอซซึ่งกำลังจะเริ่มบรรยายต่อ  เมื่อคืนเจ้าเห็นอะไร  เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆสองสามทีกับคำถามที่ส่งตรงมาโดยไม่ทันตั้งตัว

                   
          “ผู้ชายคนนั้น..... มีตาสีอัญชันเข้ม กับผมสีน้ำเงินเหลือบๆดำ...  ไดแอซพูดด้วยเสียงแผ่วเบา  คิดเหมือนกันไหม   ทันทีที่ฟังจบมาร์คัสกับเวสหันหน้าเข้าหากันเหมือนนึกอะไรออก  ก่อนทั้งคู่จะถลาไปยังโต๊ะกลางห้องอันเป็นที่ตั้งของกองเอกสารนานาชนิดซึ่งวางสุมๆกันอย่าไม่ใคร่เป็นระเบียบเท่าใดนัก  แล้วเริ่มต้นคุ้ยหาสิ่งที่ต้องการขึ้นมายืนยันความคิดของตนเอง

                   
          “เจอแล้ว

                   
          มือของสองคนคว้าหมับเข้าที่ม้วนบันทึกบางม้วนเดียวกัน เลยเกิดสงครามแย่งชิงเอกสารย่อยๆเกิดขึ้น   ไดแอซส่งสายตามองชายหนุ่มทั้งสองทะเลาะกันอย่างสงสัย โดยไม่คิดจะห้ามปรามแต่อย่างใด

                   
          “พรึบ

                   
          ม้วนบันทึกสะบัดกางออกคล้ายเป็นการห้ามศึกกลายๆนี้  ก่อนที่ตัวมันจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นเศษกระดาษเสียก่อน

                   
          โป๊ก

                   
          เสียงหัวปะทะหัวดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อมาร์คัสกับเวสยื่นหน้าเข้าไปอ่านบันทึกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างฝ่ายต่างค้างในท่าเดิมชั่วขณะก่อนทรุดตัวลงนั่งทั้งที่มือยังกุมหัวแน่น ตามมาด้วยเสียงบ่นอย่างอดไม่ได้ของเวส 
    หัวแข็งนะ ท่าทางกะโหลกหนานี่   ชายหนุ่มว่าหลังจากอาการมึนตึ๊บค่อยๆหายไปจากสมอง  ฝ่ายมาร์คัสที่กำลังเพลิดเพลินกับการนับดาวซึ่งกำลังโคจรและเปล่งแสงระยิบระยับรอบหัวไม่ได้ตอบอะไร

               
          นัยน์ตาสีฟ้าหม่นมองปฏิกิริยาของคนทั้งสองอย่างแปลกใจ  ก่อนหลุดขำออกมาเมื่อเห็นท่าทางการแย่งข้าวของคล้ายเด็กๆ  เวสกับมาร์คัสค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปอ่านอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

                   
          “ใช่เลย

               
          สองเสียงตะโกนลั่นห้องราวกับพบขุมทรัพย์ก็ไม่ปานหลังไล่สายตาอ่านไปจนจบย่อหน้า  ตามด้วยม้วนบันทึกอันดังกล่าวลอยละลิ่วมาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียง  ซึ่งเจ้าตัวก็รับไว้ได้อย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะฟาดหัวเข้า

                   
         
    ก็สีตากับสีผม..... แล้วทำไมเหรอ  เขาเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงซื่อ เล่นเอาผู้ใช้เวทซึ่งกำลังนั่งจ้องตาแทบถลนออกจากเบ้า เกือบจะลุกขึ้นมาตบกะโหลกเขาอยู่รอมร่อ  เอาเถอะ   มาร์คัสทำท่าเหนื่อยใจ  แล้วเขาพูดอะไรกับเจ้าบ้างล่ะ 

                   
          “เขาบอกว่า.......

                   
          ไดแอซนิ่งไป  
    ว่า…”   มาร์คัสต่อ  เจ้าตัวหันไปสบตาคนถามแล้วส่งยิ้มจืดๆไปให้  อีกแล้ว  คราวนี้เป็นเสียงโวยวายลั่นห้องของเวส   ฮึ อย่าให้รู้นะว่าใช้เซลล์สมองส่วนไหนจำ  พ่อจะควักมากระทืบแล้วส่งให้มังกรกินเลย คอยดู

                   
          “บางทีคนๆนั้นอาจใช่ท่านเวนตุสที่เรากำลังหาอยู่ก็ได้  มาร์คัสพูดขึ้นคล้ายบ่นกับตัวเอง แต่ก็ส่งผลให้เวสหยุดอาการอาฆาตไดแอซไว้ชั่วคราว แล้วหันขวับหาชายหนุ่มพร้อมทำท่าซักไซ้  อะไรนะ เจ้าหาคนๆนั้นทำไม  คนถูกซักได้แต่หลุบตามองพื้น  พวกเจ้ามีอะไรปิดบังข้าไว้หา  คำถามนี้ทำเอาเด็กหนุ่มกับมาร์คัสนิ่งสนิท      

                   
          โครม

                   
          เสียงสวรรค์ช่วยชีวิตที่เป็นใครบางคนกำลังถีบประตูอย่างกับแค้นใครมาสักร้อยปี  ครั้นเห็นเพื่อนซี้นั่งนิ่งทำไม่รู้เรื่อง เวสจึงเลิกซักและเป็นฝ่ายลุกไปเปิดประตูเสียเอง  โชวี่ถลาเข้ามาในห้องพร้อมของกินเต็มอ้อมแขน เนื่องมาจากคำขอร้องแกมบังคับจากเวส  ชายหนุ่มโยนของทั้งหมดลงบนโต๊ะสุมรวมไปกับกองตำราที่ผ่านการรื้อค้นจนกระจุยกระจายเมื่อครู่ ก่อนจะโดดเข้ามาร่วมวงและเริ่มเผาเพื่อนตัวเอง

                   
          “เมื่อคืนไปไหนกันมา กลับซะดึกโขเลย  มาร์คัสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจห้องก็ไม่ได้ติดกันซะหน่อย แล้วโชวี่รู้ได้ยังไง  คำตอบก็เฉลยขึ้นในประโยคถัดไป  เวสมันส่งสัตว์เสกมาปลุกสัก 10 รอบได้   ไอ้เราก็นึกว่ามันจะถูกใครลากไปทำมิดีมิร้าย  ที่แท้.....

                   
          “เงียบไปเลย

                   
          คนถูกเผาระยะประชิดขัด 
     ก็ไดแอซนั่นล่ะ ดันไปพูดกับอากาศโล่งๆ ข้าก็กลัวดิ   โชวี่หันไปซุบซิบอะไรบางอย่างกับมาร์คัสซึ่งรายนั้นทำหน้าไม่เชื่ออย่างที่สุด

                   
          “เวสเนี่ยนะ เคยลากเจ้าเข้าป่าช้าไปพิสูจน์.....

                   
           
    เบาๆ เดี๋ยวมันได้ยิน

                   
          “มันไม่เหมือนกันนี่นา  คนถูกนินทายื่นหน้าเข้ามาฟังด้วย 

                   
           
    เฮ้ย  เป็นผลให้วงแตกในทันที

                   
          เวสยักไหล่เล็กน้อยแล้วหันไปเพื่อจะถามไดแอซ  ปรากฏว่ารายนั้นหลับอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  เขาเลยจัดแจงเขย่าตัวมันให้ตื่นมาช่วยไขข้อข้องใจ แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะหลับลึกไปเสียแล้ว  ไม่ว่าจะกรอกหูด้วยประโยคยอดฮิตอาทิเช่น ไฟไหม้  น้ำท่วม ลูกเห็บตก แผ่นดินไหว  แพขนตายาวที่พริ้มหลับก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดขึ้นมารับรู้แต่อย่างใด

                   
          “ให้มันได้อย่างนี้สิ   เวสทำท่าปลงตกก่อนหันไปปรึกษาเรื่องงานกับเพื่อนเป็นการฆ่าเวลาเพื่อรอให้เด็กหนุ่มตื่นมาตอบคำถามต่อ


    ******************

                   
          เสียงนกร้องประสานกันอย่างรื่นเริง  พร้อมลำแดดสาดทะลุรูโหว่ของหลังคาเก่าๆลงมาบนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยเศษฟางและหยากไย่  ชุดเก้าอี้ไม้ฝุ่นจับหนาเตอะตั้งระเกะระกะอยู่กลางห้อง  เศษม่านขาดๆสีซีดจางปลิวสะบัดตามสายลมอุ่น ข้างนอกหน้าต่างนั้นเป็นแปลงผักรกร้างเต็มไปด้วยวัชพืช ถัดจากรั้วหักๆคือป่าละเมาะสีเขียวชอุ่ม

                   
          ไดแอซมองสภาพรอบกายด้วยความรู้สึกคุ้นเคย  เด็กหนุ่มก้าวผ่านประตูโล่งไปยังบริเวณที่ต้องสงสัยว่าจะเคยเป็นครัวมาก่อน  เขาปัดฝุ่นบนที่วางชามเก่าเบาๆ  นกตัวจ้อยบินเปร๋อจากหม้อเก่ามุมครัวออกไปทางประตูหลัง  เสียงลูกนกร้องจิ๊บๆเบาๆดังลอดออกมา  เด็กหนุ่มเดินตามออกไปสู่ภายนอก  ไม้เลื้อยนานาพรรณทอดตัวข้ามทางเดินปูด้วยหินเก่าๆพร้อมผลิดอกสีสดบานสะพรั่ง บนตอไม้เตี้ยๆขนาดย่อมมีชายหนุ่มที่เขาพบเมื่อคืนนั่งอยู่

                   
           นัยน์ตาสีอัญชันเข้มทอดมอง  ขณะที่ไดแอซทรุดตัวลงนั่งบนตอไม้อันถัดไป 
    ท่านมาพบข้ามีเรื่องอะไร  เขาตัดสินใจถามขึ้น เนื่องจากด้วยฤทธิ์ไวน์เมื่อคืนทำให้เขาเบลอจัด ตื่นมาเรียงลำดับอะไรไม่ได้  ข้าคิดว่าเจ้าคงพอช่วยข้าตามหาสิ่งสำคัญที่ขาดหายไปได้  แว่วตาคนพูดหม่นแสงลงจนน่าใจหาย  แล้วสิ่งสำคัญที่ว่านั่นอะไรหรือ พอจะบอกข้าได้ไหม  เด็กหนุ่มถามต่อ  

                   
          อีกฝ่ายส่ายหน้าเบาๆ
     ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่สิ่งนั้นเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของข้า  คนฟังมุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง  ทำไมถึงขอให้ข้าช่วย

                   
          “เพราะเจ้ามีบางอย่างเหมือนกับข้า  บางอย่าง.......ที่ข้าไม่รู้ว่าคืออะไร   ชายหนุ่มก้มหน้ามองมือที่ประสานกันหลวมๆบนตัก  ข้าเองก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร 

                   
          เด็กหนุ่มหัวเราะขื่นๆเมื่อได้ฟังอีกฝ่าย 
    อันที่จริงข้าก็เป็นเหมือนท่าน  คำพูดนี้เรียกความสนใจจากชายหนุ่มให้หันมา  ขณะที่สายตาคนพูดจับจ้องผีเสื้อปีกบางที่บินวนเวียนอยู่รอบๆกอดอกไม้ป่าหลากสีข้างตัวเขา  ข้าก็จำอะไรไม่ได้เช่นกัน  ไม่รู้ว่าตัวเองมาจากที่ไหน เคยเป็นใคร...... แค่เรื่องของตัวเองยังทำอะไรไม่ได้เลย  คงไม่มีหน้าไปช่วยคนอื่นหรอก

               
         
    ไดแอซปฏิเสธก่อนลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินกลับเข้าไปยังบ้านร้างนั้น   นั่นสินะ  เวลาพยายามนึกอะไรแล้วมันนึกไม่ออกนี่น่ารำคาญจริงๆ  ชายหนุ่มเอ่ยทำลายความเงียบ  แล้ว.......ท่านตามหาสิ่งนั้นมาตลอดเลยหรือ  เขาชะงักก่อนหันกลับมา   

                   
          “ข้าทำได้เพียงพยายามมาตลอด  ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะได้พบเมื่อไหร่    ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ  ก็แค่อยากได้พบอีกสักครั้ง  ก่อนที่เวลาของข้าจะหมดลง  จะได้จากไปอย่างไม่มีอะไรคาใจ 

                   
           
    เวลากำลังจะหมดลง....  คำพูดของชายหนุ่มสะท้อนก้องไปก้องมาในหัวซ้ำกับประโยคที่เขาเคยได้ยิน  อยากพบอีกสักครั้ง  ก่อนที่ดวงวิญญาณนี้จะดับสลายไป.....

                   
          วูบ

                   
          ละอองไอสว่างจ้าค่อยๆผุดขึ้นมารอบๆกาย  ร่างของไดแอซโปร่งแสงขึ้นทีละน้อยจนแทบจะกลืนไปเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศ  กระนั้นเจ้าตัวยังหันกลับไปตะโกนบอกชายหนุ่มซึ่งยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม 
    จะช่วย..... ท่าน  ข้า...........

                   
          ภาพทุกอย่างกลับเป็นสีขาวเจิดจ้าก่อนเปลี่ยนสู่ความมืดมนอย่างฉับพลัน  
    เฮ้ย มันตื่นแล้ว  เสียงคุ้นหูตะโกน พร้อมการเขย่าตัวเขาด้วยแรงระดับช้างป่าตกมันและยังมีทีท่าว่าจะเพิ่มดีกรีความแรงขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังทบทวนความฝันแปลกๆเมื่อครู่จำต้องลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้

                   
          “นี่กะว่าถ้าไม่ตื่นจะ......   ไดแอซจึงได้เงยหน้ามองมือของคนปลุกที่เสกลูกบอลน้ำขนาดย่อมมาถือไว้ในท่าเตรียมพร้อมเต็มที่   เอื๊อก  ขอบคุณสวรรค์ ดีนะที่ข้าตื่นก่อน  

                   
           แก๊ง  แก๊ง

                   
          “ระฆังอะไรมาตีตอนกลางวันหว่า  เด็กหนุ่มเกาหัว  แล้วเหลือบสายตาไปทางหน้าต่าง ท้องฟ้าเหลือเพียงหมู่เมฆสะท้อนแสงสีน้ำเงินเข้ม กับจุดแสงเล็กกระพริบวิบวับ  มัน...มืดแล้วนี่นา  เด็กหนุ่มอุทานเบาๆในใจ  เมื่อกี๊ยังเช้าอยู่เลยอ่ะ ต้องมีใครเล่นตลกอะไรแน่ๆ 

                   
          แต่ดูเหมือนสามสหายอันประกอบไปด้วยเวส มาร์คัสและโชวื่ที่กำลังนั่งสุมหัวล้อมรอบโต๊ะอันเต็มไปด้วยกองตำราที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกสามถึงสี่เท่าตัวจะไม่สนใจท่าทางสับสนของเขา  ไดแอซจึงตัดใจละทิ้งผ้านวมหนากับสวรรค์ชั้นขนมแล้วลงไปร่วมด้วยช่วยกันอีกแรง

                   
          “นี่ข้าหลับไปทั้งวันเลยสินะ  คนทั้งโต๊ะพยักหน้าพร้อมกัน เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างพลางขยี้ตาพร้อมหาวหวอดใหญ่ก่อนเอานิ้วสางผมยุ่งๆสองสามทีพอเป็นทรง  พวกท่านทำอะไรกันอยู่เหรอ  เจ้าตัวถาม  

                   
          “กินข้าวมั้ง ถามได้

                   
          “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย

                   
          “กำลังสงสัยเรื่องคนที่เจ้าพูดถึงเมื่อเช้านั้นล่ะ  มาร์คัสเงยหน้าขึ้นมาตอบ  ผู้ชายคนนั้น  ไดแอซทวนคำ  ข้าเล่าให้เวสกับโชวี่ฟังหมดแล้วล่ะ  ชายหนุ่มเอ่ยต่อ  เรื่องของเจ้าหญิงลีเมย์นั่นไง  เขาขยายความเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตามเรื่องไม่ค่อยทัน 

                   
          ไดแอซพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนเริ่มพูดบ้าง 
    ตอนหลับไปข้าฝันถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว  ประโยคนี้เรียกเอาความสนใจของคนทั้งสามให้หันมาจ้องเขาเขม็งเป็นตาเดียว  คงไม่ลืมอีกหรอกนะว่าพูดอะไรกันบ้าง  เวสเปรย  เด็กหนุ่มส่ายศีรษะแรงๆเป็นการยืนยันเต็มที่ 

                   
          “เขาขอให้ข้าช่วยตามหาสิ่งสำคัญที่หายไป  เด็กหนุ่มเล่าช้าๆ  เขายังบอกอีกว่า สิ่งนั้นสำคัญมาก  เป็นเหมือน......หัวใจ  โชวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย  คนๆนั้นบอกเจ้าแค่นี้หรือ  แล้วจะไปตามหาได้ไงไอ้ของที่ว่านั่น  คนเล่าส่ายหน้าอย่างจนปัญญา  เขาเองก็จำอะไรไม่ได้เช่นกัน  เลยไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งนั้นหน้าตาแบบไหน  มาร์คัสพลิกหนังสือเล่มบางในมือพรึบๆ  ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าที่ต้องการ 

                   
          เขายื่นมันให้เด็กหนุ่มและเพื่อนๆได้อ่าน 
    ท่านเวนตุสเองก็ก่อนเสียชีวิตก็จำอะไรไม่ได้เช่นกัน  และ.... ข้ารู้สึกเหมือนว่าได้เสียสิ่งสำคัญไป  สิ่งสำคัญที่เป็นชีวิต เป็นหัวใจของข้า 

                   
          “ต้องเป็นเขาแน่ๆ  ไดแอซโพล่งเสียงดังหลังอ่านจบ  แต่น่าแปลก  ปกติดวงวิญญาณหากไม่มีวัตถุอะไรเป็นสิ่งเชื่อมโยงกับโลกนี้ไว้  จะต้องดับสลายไปตั้งนานแล้ว  ไม่ควรอยู่มาได้ถึงขนาดนี้  มาร์คัสสงสัย   คงเป็นความรู้สึกที่รุนแรงสักอย่างกระมัง เลยทำให้วิญญาณสามารถอยู่ได้นานเกินกว่าแบบทั่วๆไป  เวสออกความเห็น  อาจเพราะเมื่อยังมีชีวิตเคยเป็นผู้ใช้มนตราด้วยก็ได้   โชวี่เสนอบ้าง  แต่เขาพูดเหมือนที่ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้   จู่ๆไดแอซก็เอ่ยขึ้น 

                   
          “อยากพบสักครั้ง......เวลาที่กำลังจะหมดลง..... 

                   
          “เจ้าหญิงลีเมย์ยังไงล่ะ

                   
          “เช่นนั้นทำไมนางกับเขาถึงไม่เคยได้พบกันเลย  ทั้งๆที่อยู่ในแพนโทเนียแท้ๆ  เวสสะดุดใจกับอะไรบางอย่าง  นั่นสิเจ้าหญิงลีเมย์เองก็หลุดพันธนาการมาตั้งนานแล้ว   มาร์คัสทบทวนเรื่องราวจากปากของเจ้าหญิงพระองค์นั้น    ได้เวลากินข้าวเย็นแล้วคุณชายทั้งหลาย  เมอร์สตะโกนเรียกจากหน้าประตูห้อง  ต่างฝ่ายต่างจัดแจงจับเอกสารมาสุมๆกันไว้อย่างลวกแล้วเปิดประตูออกไป 

                   
          “หมายความว่าพวกเขาอาจไม่ได้เจอกันอีกเลยใช่ไหม  เด็กหนุ่มหันไปถามมาร์คัสที่เดินรั้งท้ายอยู่กับเขา   ไม่แน่นักหรอก  คงพอมีหนทางอยู่บ้าง ไหนๆก็รับปากเขาไว้แล้วนี่ว่าจะช่วยถึงที่สุด 

                   
          “อื้อ  จะต้องช่วยให้ถึงที่สุด


    ********************

                   
          “ไดแอซ  เดี๋ยวข้ากับโชวี่จะออกไปหาท่านแรนดัลสักหน่อย  มาร์คัสโผล่หน้าเข้ามาบอกเด็กหนุ่มที่กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านเอกสารเต็มที่  แล้ว........   ผู้ใช้เวททำท่านึกได้  เขาหยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วโยนไปให้เด็กหนุ่ม   ในซองนั่นมีจดหมายรับรองตัวของเจ้ากับเอกสารยืนยันประทับตราของทางพระราชวัง  พอไปถึงที่นั่นแล้วยื่นของพวกนี้ให้เขาดู  เจ้าก็จะได้พบองค์ราชา  มาร์คัสอธิบายแจกแจงวิธีโดยละเอียดให้เด็กหนุ่มฟังโดยไม่ได้สนใจว่าใบหน้าอีกฝ่ายเริ่มซีดลงๆ 

                   
          “ให้ข้าไปคนเดียวเหรอ?  เจ้าตัวหลุดคำถามออกมาได้  มีจดหมายเรียกแต่เจ้านี่ ไม่ได้เรียกข้าเสียหน่อย   ชายหนุ่มบอก  เอาเถอะน่า  พระราชวังนะไม่ใช่ปราสาทกินคน  เขาไม่เอาเจ้าไปต้มยำทำแกงหรอกน่า  เป็นคำปลอบใจที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นโขเลย  จริงๆนะ

                   
          เสียงพูดกึ่งตะโกนจับใจความไม่ได้ดังแว่วๆอยู่นอกห้อง 
    ข้าต้องไปแล้ว  ชายหนุ่มบอกเขาพร้อมอวยพร  โชคดีนะ  ไดแอซพยักหน้ารับช้าๆเหมือนหุ่น  อ้อ   มาร์คัสผลุบเข้ามาอีกรอบ  เด็กหนุ่มทำท่ามีหวังเล็กน้อยด้วยคิดว่าอีกฝ่ายอาจยอมไปกับเขา   เกือบลืม  รายละเอียดอยู่ในหนังสือปกสีเทาๆข้างเจ้านั่นล่ะ  ส่วนเวลาอยู่มุมซองด้านซ้าย  แล้วอย่าไปสายล่ะ

                   
          เฮ้อ

                   
          ไดแอซถอนหายใจเมื่อมาร์คัสออกไปแล้ว ไปเข้าเฝ้าองค์ราชาคนเดียวเพียวๆ  เขาพลิกซองดูเวลานัดหมาย  บ่ายสองโน่น  บางทีพวกนั้นอาจกลับมาทัน เด็กหนุ่มยังอุตส่าห์มีความหวัง ถึงจะค่อนข้างริบหรี่แบบไฟฉายใกล้ถ่านหมดก็เถอะนะ

               
          วูบ

                   
          หลังจากอ่านเอกสารที่ส่วนมากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หนูจิ๋วยักษ์ขมูขีที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยเสียมาก  เด็กหนุ่มก็เริ่มหาว  ก่อนเจ้าตัวจะหยิบหนังสืออ้างอิงสองสามเล่มที่หนากำลังดีมาหนุนแทนหมอนแล้วเข้าสู่นิทรารมย์ ไป  สายลมอันไร้ที่มาพัดวนอยู่รอบๆตัวคนกำลังหลับสบาย

                   
          วาบ

                   
          กลับมาอีกแล้ว  ไดแอซนึกในใจเมื่อลืมตาขึ้นพบภาพหลังคาผุๆพังๆกับบ้านร้างหลังเดิม  คราวนี้เจ้าตัวเริ่มออกเดินสำรวจไปทั่วอย่างคุ้นมากขึ้น  เงาร่างโปร่งของชายหนุ่มปริศนายังคงนั่งอยู่บนตอไม้อันเดิมเหมือนเมื่อตอนที่เขาได้พบครั้งแรก 

                   
          บรรยากาศสดชื่นมีชีวิตชีวาของฤดูใบไม้ผลิเคลื่อนเข้ามาโอบล้อมตัวเขาไว้  หากแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวคนผู้นั้น  เด็กหนุ่มแตะกอหญ้าเล็กๆตรงปลายเท้าเล่นก่อนเดินไปหยุดข้างตัวชายหนุ่ม 
    ข้าจะช่วยท่าน  ไดแอซเอ่ยขึ้น  ท่านจะได้พบกับสิ่งนั้นแน่ๆ  ข้า.....   เด็กหนุ่มวางมือบนบ่าอีกฝ่ายเป็นการให้กำลังใจ 

                   
          ทั้งๆที่ไม่น่าเป็นไปได้ เด็กหนุ่มควรแตะได้เพียงธาตุอากาศ แต่มือของเขากลับสามารถสัมผัสกับบ่าของอีกฝ่ายคล้ายชายหนุ่มยังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกับเขา

                   
          วิ้ง วิ้ง

                   
          ภาพบางอย่างไหลทะลักเข้าสู่สมองไดแอซคล้ายสายน้ำทั้งเชี่ยวทั้งรุ่นแรง  เด็กหนุ่มทรุดลงกับพื้นเนื่องจากไม่อาจรับภาพและความรู้สึกซึ่งสับสนคล้ายปมด้ายนับร้อยที่ถาโถมเข้ามาเพียงเสี้ยววินาทีไม่ได้   ความมืดและคำพูดนับพันผุดขึ้นมาในสมองเด็กหนุ่มราวฟองอากาศจากก้นทะเลลึก  เจ้าตัวใช้สองมือกุมศีรษะแน่นจนขึ้นข้อขาวโดยหวังว่าจะหยุดยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นได้ 

                   
          ร่างของเขาล้มลงกระทบกับพื้น  กลิ่นดินผสมกับกลิ่นใบหญ้าโชยขึ้นมาแตะจมูก 
    เจ้า.......... เป็นอะไร  เสียงเรียกของชายหนุ่มฟังดูเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกลท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกราก  มือโปร่งที่กำลังจะเอื้อมมาแตะร่างที่กำลังบิดงออยู่บนพื้นด้วยความเป็นห่วงชะงักกลางอากาศ     

                   
         
    แฮ่ก แฮ่ก

                   
         
    ไดแอซหอบเล็กน้อยเมื่อภาพต่างๆหยุดสนิท  แรกลืมตาท้องฟ้าสีครามกับป่าสีเขียวกำลังลังหมุนวนอยู่รอบตัว  เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วสูดหายใจยาวลึกก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกรอบ 
    เป็นอะไรหรือเปล่า  น้ำเสียงแสดงความห่วงใยดังมาจากชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้ามองเขา  เด็กหนุ่มส่ายหน้าด้วยไม่มีแรงตอบ  เขาพยุงตัวขึ้นมานั่งอิงกับโคนต้นสนใหญ่  ชายหนุ่มมองเขาด้วยสายตางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                   
          ไดแอซพึมพำอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว  อากาศตรงหน้าเขาระเบิดออกเป็นดวงไฟสีรุ้งพร่างพรมลงบนพื้นดินรอบตัว

                   
           
    วูบ

                   
          ภาพอันน่าอัศจรรย์ของต้นไม้ใบหญ้าที่ต่างพากันแทงยอดออกดอกอย่างรวดเร็ว จนแทบจะกลายเป็นทุ่งดอกไม้อันงดงาม แต่เพียงพริบตาทุกสิ่งกลับเหี่ยวเฉาลงคงเหลือแต่พื้นดินและกอหญ้าเล็กๆดังเดิม 
    มนตรา  ชายหนุ่มหลุดถ้อยคำออกมา

                   
          วาบ

                   
          ก่อนที่จะทันถามหรือพูดอะไรแสงสีขาวสว่างก็เขากลืนกินทัศนียภาพรอบกายจนหมดสิ้น 

                   
           ไดแอซสะดุ้งตื่นขึ้นในห้องพักท่ามกลางกองเอกสาร 
    ฝันแปลกๆอีกแล้ว  เด็กหนุ่มนึกในใจ  คงเพราะคิดถึงเรื่องนี้มากไป  เจ้าตัวสะบัดศีรษะขับไล่ความง่วงงุนก่อนเหลือบไปมองนาฬิกาเรือนเล็กบนผนัง  ใกล้จะเที่ยงแล้วนี่นา 

                   
          เด็กหนุ่มจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดแบบผู้ใช้เวทอย่างรวดเร็ว  คิ้วเรียวมุ่นเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบเสื้อคอตั้งแขนยาวที่เพิ่งถอดออกไปขึ้นมาดู  ตรงชายแขนเสื้อมีเศษดินเปื้อนอยู่   
    งั้น เมื่อครู่......  เด็กหนุ่มเอ่ยถ้อยคำที่ผุดขึ้นมาในหัวซ้ำอีกครั้ง  คราวนี้ปรากฏดวงแสงสว่างเจิดจ้าหากแต่เยียบเย็นขึ้นมาตรงหน้าเขา  ครั้นเขาปาดมือผ่านดวงแสงนั้นก็หายไป

                   
          เจ้าตัวนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่  เสียงฝีเท้าหนักๆเดินผ่านหน้าห้องเรียกให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด 
    ช่างมันเถอะ ไหนๆก็ไหนๆ  รีบกินข้าวแล้วไปพระราชวังดีกว่า


    ***********************

                   
          “ว่าแล้ว เหมือนข้าสังหรณ์ไม่มีผิด  เด็กหนุ่มพูดคล้ายจะบ่นกับตัวเองพร้อมตลบผ้าพันคอขึ้นพันอีกชั้น  หลังจากที่เขาหลงทางอยู่กับตรอกซอกซอยในเมืองเป็นหลายรอบกว่าจะหลุดออกมาถึงทางกว้างอันมุ่งสู่พระราชวังได้ก็เสียเวลาไปนานโข  ตอนนี้เข็มสั้นอันโตของหอนาฬิกายักษ์ เลื่อนมาอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างเลขหนึ่งกับเลขสองพอดิบพอดี 

                   
          เขาเร่งฝีเท้าไปจนถึงประตูบานใหญ่ยักษ์ของพระราชวัง  เด็กหนุ่มอดหันกลับไปมองภาพเบื้องหลังไม่ได้  รอยเท้าบนหิมะนุ่มของเขาทอดเป็นทางยาวจนลับตาไป 
    เชิญ   เสียงทหารยามหน้าประตูวังเรียกให้หันกลับไป  เด็กหนุ่มยื่นจดหมายให้ชายร่างสูงผู้นั้น เขาหันไปสั่งการอะไรบางอย่างกับผู้เป็นลูกน้องก่อนที่ทหารนายหนึ่งจะออกเดินพาเด็กหนุ่มเข้าไปภายใน

                   
           ไดแอซรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแปลกๆอย่างไรก็ไม่รู้  มือที่ซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อหนาเสียดิบดีเย็นเยียบขึ้นมา  กระนั้นเจ้าตัวก็ยังคงรักษาสีหน้าท่าทางไว้คงเดิม  ดูเหมือนเขาจะชินกับบรรดาพิธีการจำพวกนี้  "คุ้นๆ"  คำที่ดังอยู่ในใจจนเจ้าตัวสงสัย 

                   
          “เย่ย

                   
           เด็กหนุ่มสะดุดพรมจนเซถลาเกือบล้มลงไปกองกับพื้น  เจ้าตัวยิ้มแหย่ๆแล้วรีบออกเดินต่อ เมื่อผู้นำทางหันมามอง  พวกเขาผ่านเข้ามาถึงห้องรับรองเล็กๆ  

                   
          “เชิญท่านรออยู่ที่นี่ก่อน

                   
          ชายผู้นั้นคำนับแล้วจากไป  เด็กหนุ่มเมียงๆชุดเก้าอี้หนาก่อนตัดสินใจเดินสำรวจรอบห้อง  ม่านหน้าต่างหนาจับกลีบเหมือนที่เขาเคยพบที่ตำหนักของเจ้าหญิงเฟลิเซีย  ชั้นวางจานกระเบื้องเขียนลวดลายสวยๆ  พร้อมผนังในโทนสีนุ่มละมุน

                   
          ไดแอซหยุดยืนข้างหน้าต่างบานใหญ่ก่อนสูดหายใจลึกๆเสียสองสามทีเพื่อระงับอาการตื่นเต้น  นัยน์ตาสีฟ้าหม่นทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง  สวนหย่อมฤดูหนาวเต็มไปด้วยหิมะสีขาว  หิมะ.....ที่เจ้าตัวรู้สึกผูกพันนัก    


    ----------------------------------------------------------------------
      เข้ามาดูอีกทีตอนที่ลงไว้หาย T-T ตอนลงครั้งแรกรีบไปหน่อยเลยไม่ได้เช็ค ไม่น่าเลยเราคิดแล้วเศร้า  เป็นยังไงกันบ้างคะ ตอนนี้กำลังติดการ์ตูนอยู่ค่ะ เรื่องHowl's moving castle ของค่ายghibli ชอบมากๆเลยถึงจะดูไม่รู้เรื่องก็เถอะนะ (คาดว่าตัวเองไม่แตกฉานซับอ่ะ)  คิดว่าคงปิดเทอมกันหมดแล้ว  หลายคนอาจกำลังจะไปเที่ยวหรือเรียนพิเศษมาราธอน(เหมือนกันเลยอ่ะ)  แต่ยังไงก็มีความสุขกับหน้าร้อนนี้นะคะ
    ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่าน+เม้นด้วยเจ้าค่ะ
    ป.ล. http://www.jj-book.com/jjstory1/view.php?qs_qno=4830 อันนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนเราเขียนไว้ค่ะ  แนวนี้น่ารักปนเศร้าดีๆ ฝากให้ช่วยติชมกันด้วยค่ะ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×