ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #19 : ความเปลี่ยนแปลงกับสายลม

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 50


                     
          หัวสีดำที่พิงอยู่กับไหล่ร่างสูงขยับยกขึ้นแต่กลับตกลงมาอีกครั้ง  เจ้าของไหล่แปลกใจเล็กน้อยจึงก้มลงดูแต่ก็มองเห็นไม่ถนัดนักด้วยผมดำปรกหน้าปรกตาหมด  เลยส่งสายตาเป็นเชิงถามเอากับเพื่อนร่วมโต๊ะแทน

                       
         "ข้าว่าท่าทางมันจะหลับต่อว่ะ"  เวสตอบหลังเอียงคอพินิจพิจารณา  "ก็น่ารักดี"  คำต่อมาเล่นเอาคนเป็นเพื่อนถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย   ชายหนุ่มแทบจะผลักคนหลับออกไปไกลๆ ติดแต่ว่าสงสารที่มันยังป่วยอยู่จำต้องปล่อยเลยตามเลย 

                  
         "ดีขึ้นแล้วล่ะ  แต่คงอีกนานสักหน่อยกว่าจะตื่นมาคุยกันได้"  เอ็ดเวิร์ดว่าอย่างนั้น  "ข้ารู้สึกว่า.... เด็ก ไม่สิ ท่านผู้นี้จะเป็นคนของเฟลูทีเน่ และ……." ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ  "คิดว่าอาจเป็นพ่อมดเสียด้วย" 

                       
         ทำเอามาร์คัสอดเหลือบตาลงมองคนกำลังหลับไม่ได้  เขาอยู่กับมันมาตั้งหลายเดือนจนออกจะลืมๆไปเสียด้วยซ้ำ   ว่าเด็กหนุ่มที่สนิทกันจนเหมือนเป็นน้องชายนั้น เสียความทรงจำทั้งหมดไป  ไม่อาจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วคือใคร  มีความเป็นมาอย่างไร   ยังเรื่องราว.....คนข้างหลัง.....   ปัญหาร้อยแปดประการซึ่งเมื่อมาคิดดูแล้วเขาเองยังอดรู้สึกปวดหัวแทนเจ้าตัวไม่ได้

                       
         "พ่อมด.... ผู้ใช้มนตราของทวีปทางเหนือ"  เวสพึมพำออกมาอย่างแปลกใจ  "แต่เฟลูทีเน่ที่ว่านั่นมันห่างไกลกับแพนเทียชนิดคนละซีกโลกเลยนะ  ข้ายังได้ยินมาว่านครแห่งนั้นเองก็เต็มไปด้วยวิทยาการล้ำหน้ากว่าที่นี่มาก  แล้วพ่อมดจะถ่อมาแถวนี้เพื่อ"  ชายหนุ่มยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

                       
          
    "ท่านเคยพบพ่อมดอย่างนั้นหรือ" มาร์คัสชิงถามขึ้นเสีย  เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าแล้วเอ่ยปาก  "สมัยยังเด็กท่านพ่อกับท่านแม่เคยเอาข้าไปทิ้ง...เอ๊ย  ฝากไว้กับญาติที่อาณาจักรพิเศษคาเรลล่าอยู่พักหนึ่ง"  ชายหนุ่มเอ่ยถึงเขตศูนย์รวมการค้าของโลก  "อาของลูกพี่ลูกน้องของ....ของหลานของพี่ชายคนที่2ของแม่ ใช่ๆๆ"  ลำดับญาติยาวเฟื้อยจนคนฟังไล่ตามแทบไม่ทัน  "อ่า....คนนั้นที่ข้าไปอยู่ด้วยทำงานเช็คสินค้าให้กับสมาคมพ่อค้า  แถมพลอยได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปเตร่แถวท่าเรือบ่อยๆ  เลยได้เจอกับคนจากต่างทวีปกับอะไรแปลกๆสารพัดอาณาจักรรวมไปถึงพ่อมดที่ว่า"  ผู้ใช้เวทเบิกตาอย่างแปลกใจ  "พวกนั้นหน้าตาเป็นยังไง แล้วมนตราที่ใช้ล่ะ" เอ็เวิร์ดทำหน้าแปลกๆกับคำถามข้อแรก 

                       
         "เอ่อ หน้าตาเหมือนคนทั่วๆไปล่ะ   ส่วนมนตรา เท่าที่ได้ฟังมาบอกว่า ไม่อิงกับธาตุเหมือนผู้ใช้เวทนัก และยังแบ่งเป็นหลายสายด้วย"  ชายหนุ่มตอบ  "เอาไว้มันตื่นค่อยลองถามดู"  มาร์คัสนึกพร้อมแอบหวังนิดๆ  "เผื่อจำได้"           

                  
         "แล้วพ่อมดแถวนั้นเขาเป็นกันตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกแบบนี้หรือไง"  เวสสงสัยไม่เลิก    

                       
          
    "เรื่องนี้ก็สุดจะรู้ได้"

                       
         เอ็ดเวิร์ดตอบสั้นๆ 
    "นอกจากนี้ข้าสัมผัสถึงมนตราอันทรงพลังบางอย่างซึ่งห่อหุ้มตัวเขาไว้"

                       
         "อะไร?  ไม่เห็นรู้สึก"  ผู้ใช้เวททั้งสองตอบพร้อมๆกันทำเอาเอ็ดเวิร์ดมีสีหน้าแปลกๆไปเลยทีเดียว  "อันนี้.....เอาเถิด"  ผู้ขับคีตาพยายามนึกหาคำมาอธิบายให้ทั้งสองเข้าใจได้  "เออนี่มาร์คัส ยังไม่ได้รับจดหมายตอบจากท่านแรนดัลอีกหรือ"  เวสเปลี่ยนเรื่อง  "นั่นสิ ข้าส่งไปตั้งนานแล้วคงต้องรออีกสักพักใหญ่ๆล่ะ"  


        
    ระหว่างนั้นโก้โก้แก้วที่ห้าของวันก็มาถึงมือเขาโดยสาวเสิร์ฟหน้าหวาน  ผมสีทองยาวเคลียไหล่ของหล่อนม้วนเป็นหลอดดูเหมือนตุ๊กตา  หญิงสาวเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่กำลังหลับพิงอยู่กับเขาอย่างสงสัย ชายหนุ่มรีบรับแก้วจากมือหญิงสาวแล้วยิ้มให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ

                       
         "ว๊าย  ขอโทษค่ะ"

                       
         สาวเจ้าเหมือนเผลอตัวมองรอยยิ้มของชายหนุ่ม  จนถาดเปล่าอันใหญ่ในมือเหวี่ยงเฉี่ยวหัวเวสไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เธอคำนับแล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้คนทั้งสามมองตามด้วยความแปลกใจ  ผู้ใช้เวทเอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันไปมองเพื่อนซี้ซึ่งทำหน้าแปลกๆ  

                       
          
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า

                       
         และแล้วเวสก็หัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมตบไหล่ชายหนุ่ม 
    "มาร์คัสเอ๋ย......  เจ้านี่น๊า"  พูดไปหัวเราะไปจนคนฟังที่ปั้นหน้าเฉยแทบอยากจะมุดลงใต้โต๊ะเสียเดี๋ยวนั้น  "อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้ไปหน่อยเลย  เจ้าน่ะหัดยิ้มแบบนี้    แล้วก็......." 

                       
         "พอเหอะ"

                       
         มาร์คัสขัดขึ้นอย่างอดไม่ไหว 
    "โธ่ ข้าอุตส่าห์จะสอนทริคพิเศษจีบสาวให้ดันไม่สน"  คนตั้งตัวเป็นอาจารย์แจกแจง  ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มแก่  "ไอ้พวกทริคพิเศษก้นหีบของเจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ  เห็นดีแต่สอนคนอื่นมาหลายปี ตัวเองยัง......"

                       
         "ก็เพราไอ้หน้าตาดีๆของเจ้านั่นแหละที่มาบดบังรัศมีความหล่อของข้าหมด"

                       
         "นี่คิดจะมาโทษข้างั้นสิ"

                       
         ปึง

                       
         แก้วน้ำของผู้ขับคีตาถูกกระแทกลงบนโต๊ะทำให้คู่กรณีทั้งสองหยุดชะงักหันมามองเจ้าของแก้วที่ยังก้มหน้าก้มตาขัดเครื่องดนตรีในมือ  แถมทำหน้าเฉยสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

                       
          
    "ท่านเอ็ดเวิร์ด ขอรบกวนสักประเดี๋ยว "  ชายท่าทางเหมือนผู้จัดการร้านหยุดยืนข้างโต๊ะแล้วก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม  ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับรู้ก่อนหันมาบอกคนทั้งสอง  "ข้าคงต้องขอตัวสักครู่"  เขาว่าแล้วลุกจากไป ทิ้งให้สองหนุ่มที่โต๊ะมองหน้ากันเองอย่างงงง

                       
         ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักทีอย่างหนักใจ    พลางปัดผมดำให้พ้นหน้า

                       
          
    "ตกลง.....มันเป็นใคร"

                  
         แค่เด็กเรือแตกเสียความจำ ......หรือ พ่อมด.....

                       
         ถ้าเป็นพ่อมดทำไมอายุแค่นี้......

                       
         และแล้วทั้งสองเริ่มสุมหัวประชุมกันเนื่องด้วยประเด็นใหม่ซึ่งถูกเปิดขึ้นสดๆร้อนๆโดยผู้ขับคีตา  ทำเอาชายหนุ่มทั้งสองถึงกับหาคำตอบไม่ถูกเลยทีเดียว  และหลังจากการนั่งจ้องตาสื่อภาษาใจโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด ต่างฝ่ายต่างหันมาขบคิดกับตัวเองแทน

                       
         ความเงียบค่อยๆแผ่เข้าครอบคุลมทั่วโต๊ะ  ขณะที่คนทั้งคู่จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง  เสียงจอแจจากการสนทนาของผู้คนในร้านอาหารทั้งหลายเคลื่อนผ่านไปช้าๆพร้อมกาลเวลา

                       
         จนร่างในชุดสีสดอันแลเห็นเด่นชัดแต่ไกลกลับมาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาอีกครั้งพร้อมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงเงียบๆ 
    "ทางกองคาราวานที่ข้าจะออกเดินทางด้วยเพิ่งแจ้งหมายกำหนดการมา เห็นว่าจะรอให้พ้นหน้าหนาวเสียก่อน"  ชายหนุ่มบอกเชิงบ่น  "อากาศช่วงนี้ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้เสียเลย" 

                       
         "แปรปรวนจนน่าตกใจทีเดียว"  เวสเอ่ยรับ   "นั่นสิ  หมู่ก็มีอะไรแปลกๆเยอะ"  มาร์คัสพูดเชิงบ่นบ้าง "มังกรฟ้าก็แล้ว หนูจิ๋วอีก คราวนี้เป็นพายุหิมะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะหยุด"   ทั้งสามพร้อมใจกันหันไปมองสถานการณ์นอกหน้าต่างที่ยังแลเห็นขุ่นมัวอยู่  ขณะเดียวกับขนตายาวของไดแอซเริ่มกระพริบเล็กน้อย    

                       
         แว่วเสียงคนคุยกันเบาๆ ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกของบรรดาเด็กเสิร์ฟทั้งหลาย  เสียงของคนสามคน..... เด็กหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ทีแรกก็ฟังเพลินๆอยู่หรอกแต่พอนึกขึ้นได้
    "โต๊ะนี่ มีข้า มาร์คัส เวส  แล้วข้ายังไม่ได้พูดอะไร  งั้นอีกเสียงนั่นใครอ่ะ"  เจ้าตัวกวาดตาไปทางซ้ายเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าผู้เล่านิทานเมื่อครู่  มานั่งยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเบิกตาโตอย่างแปลกใจ 

                       
         แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรก็รู้สึกว่ามีสิ่งนิ่มๆที่กำลังพิงอยู่นั้นขยับเล็กน้อยคล้ายรำคาญ  จึงเงยหน้าขึ้นดู  พบวัตถุเป็นเส้นๆสีน้ำตาลอ่อนมาจ่ออยู่จนเกือบชิดตา  และเมื่อมองเลยไป....... 

                       
         "เฮ้ย"

                       
         เจ้าตัวแหกปากร้องแล้วเด้งพรวดไปสุดขอบอีกด้านของม้านั่งยาวด้วยท่าทางจวนเจียนตกแหล่ไม่ตกแหล่  มาร์คัสเหลือบสายตามาทางเด็กหนุ่มซึ่งกำลังทำหน้าแปลกๆเล็กน้อย เขาปัดผมซอยไล่ๆที่ตอนนี้ยาวลงมาถึงบ่าไปด้านหลัง  ก่อนขยับม้านั่งถอยหลัง ส่งผลให้คนนั่งไม่ดีหล่นตุ๊บลงไปกองกับพื้นร้าน  ใบหน้าดูดีปรากฏรอยยิ้มคล้ายเยาะอยู่ในที   
    "ข้าไม่ได้วิปริตจิตตกต่ำถึงขนาดนั้น" 

                       
         สายตาคนรอบโต๊ะจับจ้องอยู่ที่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียว  เขารีบลุกขึ้นปัดฝุ่นแล้วนั่งลงอย่างมั่นคงบนม้ายาวอีกครั้ง 

                       
         "ชิ หน้าตาอย่างท่าน.........."

                       
         "ว่าอะไร...."

                       
         ผู้ฟังที่ดีทั้งสองได้แต่ยิ้มจืดๆให้ชาวบ้านรอบโต๊ะ ที่ตอนนี้มีหลายคนเริ่มหันหน้ามามองอย่างเปิดเผยคล้ายเห็นของแปลก  ลำพังเด็กอายุ 16 ในชุดผู้ใช้เวทเต็มยศก็ชวนให้มองพออยู่แล้ว  ยังมีชายนักเดินทางชาวอายันกับชุดสีสดมาร่วมวงด้วยอีกต่างหาก

                       
         เอ็ดเวิร์ดเลื่อนเครื่องดื่มร้อนๆมาให้  เขาจึงเงียบเสียงลง 
    "ยังมีไข้นิดหน่อย น้ำสมุนไพรจะดีกว่า"  เขากล่าวเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอ้าปากจะขอเปลี่ยน  เจ้าตัวหุบปากลงทันใดก่อนจะเปิดปากใหม่พร้อมคำถาม  "อะไร  ใครเป็นไข้  ข้าเหรอ"  ครั้นเห็นสายตาของคนทั้งโต๊ะหันมามองเขาเป็นจุดเดียวกัน  จึงถามเองตอบเองเสร็จ  ว่าแล้วก็เอามือแตะตามใบหน้าและคอตัวเองเป็นการใหญ่ 

                       
        "ไม่ร้อนนี่นา"  เด็กหนุ่มยืนยันด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ  "ช่างเถอะ"  เวสโบกมือด้วยท่าทางปลงตกกับอาการขี้หลงขี้ลืมของไดแอซ   "แล้ว......."   เสียงนาฬิกาตีห้าทีชวนแสบแก้วหูสนั่นไปทั่วร้าน  "พวกท่านไม่ไปพบท่านแรนดัลเหรอ"   เขานึกถึงหัวหน้าผู้ใช้เวทขึ้นมาได้ 

                       
        
    "พายุจัดอย่างนี้ออกไปก็คงดับอนาจ หรือเจ้าอยากจะลอง"  เขาหันไปถามเอากับเด็กหนุ่มผู้ลืมนึกถึงความจริงข้อนี้ไปเสียสนิท   "เออเนอะ"   เจ้าตัวเออออด้วยอย่างง่ายๆ   "งั้นกว่าเราจะได้กลับที่พักก็....."   มาร์คัสพยักหน้าพร้อมกับเวส  ความจริงอันน่าเศร้าอีกข้อของวัน   เด็กหนุ่มออกอาการคอตกเล็กน้อยก่อนสะดุ้งขึ้นอย่างตกใจ

                       
         ปุ๊ง

                       
         อากาศว่างข้างตัวมาร์คัสระเบิดออกเป็นเส้นแสงหลากสี  ก่อนเส้นเหล่านั้นจะมาถักทอรวมกันกลายเป็นสัตว์อสูรเสกสีทองตัวกลมขนาดเท่าๆกับลูกเบสบอลกระพือปีกบางใสคล้ายผีเสื้อไปมา  มันถลาบินวนรอบๆหัวของมาร์คัสไม่ยอมลงจอดเสียทีจนชายหนุ่มรำคาญต้องตะครุบหมับเข้า

                       
         กี๊ กี๊

                       
         สัตว์เสกดิ้นไปมาในอุ้งมือผู้ใช้เวท  ปีกใสกระพือพรึบๆอย่างน่าสงสารก่อนจะกลายร่างเป็นจดหมายในที่สุด  ชายหนุ่มรีบคลี่ออกอ่าน คิ้วสีน้ำตาลอ่อนเริ่มขมวดมุ่นเล็กน้อย 
    "มีอะไรมาร์คัส"  เวสถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเพื่อนซี้

                       
         ชายหนุ่มส่งกระดาษแผ่นนั้นให้คนถามแทนคำตอบ  เจ้าตัวกวาดสายตาผ่านหน้ากระดาษสีออกเหลืองอย่างรวดเร็ว   
    "หมายความว่าไอ้นี่ไม่ใช่พายุหลงฤดูธรรมดา"  เจ้าตัวพูดออกมา  "น่ากลัวจะเป็นอย่างนั้น  ไม่รู้ใช่พายุเวทหรือเปล่า"  มาร์คัสออกความเห็น  "พูดอะไรบ้าๆ"   คนเป็นเพื่อนหันไปด่า  "แล้วเจ้าว่ามันสมควรคิดไหมล่ะ  ปกติหน้าพายุหิมะของแพนโทเนียจะเป็นช่วงปลายปีเสียส่วนใหญ่   ต้นปีอย่างนี้ถือว่าเข้าใกล้ใบไม้ผลิมากแล้ว" 

                       
         "แต่ทางโน้นก็ยังไม่ได้ยืนยันอะไรมานี่  บอกแค่ว่าฝ่ายพยากรณ์แจ้งใหม่ว่าฤดูใบไม้ผลิจะมาล่ากว่าปกติ  เพราะธรรมชาติปรับสมดุล แค่นั้น"  เวสที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านทวนค้าน  ไดแอซซึ่งนั่งฟังตาแป๋วแหว๋วด้วยไม่รู้เรื่องอะไรหันไปหาเอ็ดเวิร์ด  เผื่อว่าฝ่ายนั้นจะได้ช่วยบอกอะไรให้เขาเข้าใจบ้าง

                  
         "สำหรับข้า"   ผู้คับคีตาเริ่มเอ่ยบ้าง  "คิดว่าไม่น่าจะเป็นพายุธรรมดา"  เวสกับมาร์คัสเลิกคิ้วเล็กน้อย  "ท่านคิดเหมือนข้าหรือ"  ชายหนุ่มหันไปถาม    

                       
         แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งงัน  คราวนี้ไดแอซเลยยกมือเกาหัวแกร๊กๆ 
    "งง"  คำเดียวที่ออกจากปากเจ้าตัวพร้อมหน้าตาใสซื่อมองคนโน้นทีคนนี้ทีคล้ายลูกหมาทำเอาบรรยากาศเคร่งเครียดในโต๊ะมลายหายไปสิ้น  มาร์คัสชำเลืองมาทางเด็กหนุ่ม  "แล้วอย่างไร"   เวสซักเอาจากผู้ขับคีตา  "ข้าสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงซึ่งสายลมพัดพาจากทะเลมาบอกกล่าว"   

                       
         สายลม...ความเปลี่ยนแปลง.....

                       
         "ชาวอายันทุกคนจะมีธาตุประจำตัวคนละอย่างแตกต่างกันไป  บางครั้งก็สามารถเปิดจิตอ่านความเป็นไปผ่านทางธาตุเหล่านี้"  ชายหนุ่มอธิบาย

                       
         "ข้ารู้สึกได้  มีสองสิ่งที่จะนำเอาความเปลี่ยนแปลงมาสู่ดินแดนนี้  หนึ่งพลังอันมหาศาลที่สามารถจะเปลี่ยนโลก  อีกหนึ่งคือเวลาซึ่งหลับใหลมาแสนนาน"

                       
         พลัง..... เวลา.......

                       
         "คืออะไรกันแน่"

                        
          ปัง

                       
          ทั้ง 4 หันไปมองยังทิศทางของเสียงนั้นเป็นตาเดียว  ประตูร้านซึ่งถูกเด็กน้อยผลักเข้ามาเปิดอ้าค้างไว้ชั่วครู่ก่อนปิดลง  พายุหิมะสงบลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ทัศนียภาพของยามเย็นจึงเต็มไปด้วยหิมะที่สะท้อนแสงสีรางๆของตะวันใกล้ค่ำซึ่งส่องลอดหมู่เมฆมัวหม่นลงมา

                  
         "จะมืดแล้ว"  ไดแอซพูดขึ้น  "ไม่รู้คืนนี้จะมีพายุหิมะอีกหรือเปล่า"  เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเบาๆ  "นั่นสินะ"  ขืนมาอีกงานไม่ต้องทำกันพอดี"  เด็กหนุ่มหันมองคนพูดอย่างสงสัย "ยังมีงานอะไรอีก"

                       
         "ว่าไง"

                       
         เสียงคุ้นเคยดังขึ้น  เมื่อเงยหน้าดูพบว่าเป็นแรนดัลในชุดคลุมหนาที่ยังเปื้อนเกล็ดหิมะเล็กน้อยยืนยิ้มอยู่  ทั้งสามพากันทำหน้าประหลาดใจคล้ายเห็นสิ่มมหัศจรรย์ชิ้นที่ 8 ของโลกผุดขึ้นมาตรงหน้า

                       
         "ท่านแรนดัล"

                       
         มาร์คัสกับเวสเรียกชื่อชายวัยกลางคนพร้อมๆกัน 
    "กลัวลืมชื่อข้าหรือไง"  รายนั้นหัวเราะแล้วนั่งลงข้างๆเอ็ดเวิร์ดที่ท่าทางเหมือนรู้จักกันดี

                       
         "รู้ได้ไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่"  แรนดัลยิ้มเล็กน้อยก่อนเฉลยให้ฟัง  "พอเจ้าส่งข่าวไปหาข้าว่าติดพายุกับผู้ขับคีตาที่ชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด เลยลองถามทางนี้ดู"  เขาหันไปหาชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มอยู่   "รู้จักกันด้วย"  3เสียงประสานกันลั่น

                       
         "เคยร่วมทางไปกับกองคาราวานเดียวกันอยู่พักหนึ่ง  ตอนข้าไปทำงานแถวๆหุบเขาหมอก"  แรนดัลเป็นฝ่ายตอบ   "ไอ้หุบเขาสยองขวัญที่วันๆมีแต่หมอก แถมยังมีบึงแฉะๆเต็มไปหมดนั่น"  เวสทำท่าสยองขวัญ  "แล้วก็แมลงหวี่ตัวเท่าถาด  กับต้นหลิวโรคจิตที่ชอบขวางทางเดิน"  มาร์คัสเสริม  ท่าทางผู้ใช้เวททั้งสองจะมีความหลังอันไม่ค่อยโสภากับสถานที่นี้สักเท่าไหร่นัก 

                         
        
    "ไหนๆวันนี้ได้มานั่งแช่ที่ซาเบอร์นทั้งที  เอาเป็นว่ามื้อนี้ข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเอง"  แรนดัลเอ่ยหลังจัดแจงสั่งอาหาร  "ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหน  ปกติขี้เหนียวจะตาย   แล้วยิ่งตอนที่เลี้ยงรหัสนะ....."  เวสหันไปซุบซิบกับมาร์คัสและไดแอซ  ฝ่ายผู้ถูกนินทาระยะเผาขนยังคงนั่งสนทนากับเอ็ดเวิร์ดอย่างไม่รู้สึกอะไร

                       
         "ไดแอซ"   แรนดัลหันมาเรียกเด็กหนุ่ม  "รู้เรื่องการเลื่อนตำแหน่งแล้วใช่ไหม"  เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นพร้อมเครื่องหมายคำถาม  "ครับ?"   มาร์คัสที่อยู่ใกล้หันไปเคาะหัวเขาทีหนึ่งก่อนเอ่ยเตือนความจำเบาๆ  "อ๋อ นึกออกแล้วๆ"   เด็กหนุ่มหันมาบอก 

                       
         "รู้ไหม องค์ราชามีพระบัญชาให้เจ้าไปเฝ้า"  แรนดัลบอกต่อ  "อื้อๆ"  คนฟังพยักหน้าและตอบรับอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าใดนัก

                       
         "หา  อะไรนะ ท่านช่วยพูดใหม่อีกทีซิ"

                       
         เจ้าตัวสะดุ้งโหยงจนก้นลอยจากม้านั่ง 
    "องค์-รา-ชา-เรียก-เจ้า-ไป-พบ"  คราวนี้ผู้ใช้เวทพูดช้าๆเน้นทีละคำอย่างชัดเจน  "ไปพบ......  ทำไม... มีอะไรเหรอ"  เด็กหนุ่มถาม   "เฮ้ย  ข้าลืมไปสนิทเลย"  เวสเอามือตบหน้าผาก  "ตอนเจ้าสลบอยู่พวกเราเรียกประชุมกัน คราวนี้แถมพกเรื่องหนูจิ๋วปีศาจกับเจ้าเข้าไปด้วย"  

                       
         "ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย"

                       
         "เออลืม เจ้าจำไม่ได้"

                       
         "พลังของเจ้าแปลกมากเหมือนจะ....." มาร์คัสไม่ได้พูดคำว่าพ่อมดที่ผู้ขับคีตาบอกออกไป 

                       
         "เหมือนจะ?" เด็กหนุ่มทวนอย่างสงสัย

                  
         "เหมือนจะไม่อิงกับธาตุอะไร"  ชายหนุ่มรีบพูดต่อโดยเร็ว  "ทั้งยังรุนแรงและมีอำนาจ  ..ส่วนหนูจิ๋ว" ผู้ใช้เวทขึ้นเรื่องใหม่เอาดื้อๆ  "เห็นฝ่ายพิสูจน์บอกว่าเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่ถูกสร้างขึ้น  ยังไม่รู้สาเหตุกับเป้าหมายที่แน่ชัด  แต่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ทางเราคงต้องระวังตัวไว้ให้มาก"

                       
         "บรรดาผู้ใช้เวทที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเลยส่งเจ้ามาเป็นผู้ช่วยข้า"  แรนดัลพูดต่อ  "ส่วนเรื่องพลังค่อยว่ากันอีกที" 

                       
         "คราวนี้งานเพิ่มขึ้นเป็นกองพะเนินเลย"

                       
         ไดแอซได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเป็นกำลังใจให้  ขณะที่แรนดัลสรุปตารางการประชุมและนัดหมายต่างๆ 
    "ตกลงมะรืนนี้พวกเจ้าต้องไปเข้าเฝ้า  ส่วนการประชุมไว้ข้าจะแจ้งไปอีกที  ส่วนไดแอซยังไงก็ลองฝึกๆเวทดูบ้างแล้วกัน" เด็กหนุ่มอ้าปากจะบอกว่าถูกจับฝึกพื้นฐานและเวทชั้นต้นไปเกือบหมดแล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้ผู้ใช้เวทกำลังเล่าเรื่องสมัยเป็นฝึกงานอย่างออกรส  เจ้าตัวปิดปากนิ่งฟังเสีย  "คุยเรื่องงานอยู่ดีๆไพล่ไปเรื่องนั้นได้ยังไงเนี่ย" 

                       
         อาหารหลายชนิดที่แรนดัลสั่งเริ่มทยอยลำเลียงมาวางไว้จนเกือบเต็มโต๊ะ  ยกพื้นเล็กๆตรงกลาง บัดนี้ถูกนักเต้นรำฝีเท้าดี2-3 คนยึดครองพร้อมกรีดกรายหมุนตัวตามจังหวะดนตรีของชาวทุ่งกว้างอย่างงดงามท่วงทำนองรื่นเริงดังไปทั่วร้านที่ยังคงแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าซึ่งเข้ามารับประทานอาหารเย็นและดื่มไวน์หมักจากซาเบอร์นที่ไดแอซเพิ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นร้านที่ขึ้นชื่อว่าไวน์รสชาติดีที่สุดในแถบนี้

                       
         และหลังจากหมดไวน์ไปกว่า 3 แก้ว  มาร์คัสเป็นคนแรกที่ออกอาการเมา  หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อตามมาด้วยเสียงบ่นว่าตาลาย จากนั้นเจ้าตัวก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะปล่อยให้คนอื่นนั่งแทะกับแกล้มกันต่อ  ไดแอซเลยรับหน้าที่ช่วยจัดการกับแกล้มที่เหลือแทนมาร์คัสอย่างยินดี

                       
         จนล่วงเข้าดึกโขจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก  แรนดัลจัดว่าคอทองแดงอันดับหนึ่งเนื่องจากสีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว  ส่วนผู้ขับคีตากับเวสก็ใช่ย่อยเพราะขึ้นทำเนียบกับเขาเหมือนกัน แต่ก็ยังเดินเซเล็กน้อย   ไดแอซจึงต้องกึ่งพยุงกึ่งลากมาร์คัสที่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเสียทีออกมาจากร้านเพียงคนเดียว

                       
         "เวส  นี่ช่วยหน่อยสิ"

                       
         เด็กหนุ่มเรียกผู้ใช้เวทที่ทำท่าจะออกเดินนำหลังล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย  ชายหนุ่มตรงเข้ามาช่วยหิ้วปีกอีกข้างของเพื่อนซี้ที่พอจะรู้สึกตัวบ้างแล้ว
    "คอแข็งชะมัด"  ไดแอซแอบนึกในใจ

                       
         "สงสัยใช่ไหมล่ะ"  เวสหันมาถามราวรู้ความคิดของเด็กหนุ่ม   "พอดีว่าเมื่อก่อนข้ามันอกหักบ่อยแล้วแถวๆวิทยาลัยมีไวน์ซาเบอร์นแบบถูกๆขาย  เลยซดยอมใจประจำ  แต่ไอ้หมอนี่"  ชายหนุ่มปรายตาไปทางเพื่อนซี้  "มันไม่เคยสนใคร ขนมจีบก็ไม่แจก วันๆเอาแต่ทำหน้านิ่ง  ไม่รู้ทำไม๊สาวๆถึงได้ชอบมันนัก" นี่คือสาเหตุที่มาร์คัสคออ่อนตามคำบอกเล่าจากเวส           

                       
         พวกเขาย่ำไปตามหิมะตกใหม่สีขาวหนานุ่มที่ยังไม่ค่อยมีรอยเท้าคนสักเท่าไหร่นัก  แสงสีเหลืองจางสลัวๆจากโคมไฟตามรายทางทอดลงบนพรมขาว 

                       
         "ตัวหนักยังกับอะไรดี"  เวสบ่น

                       
          
    เงาดำๆเล็กวิ่งตัดหน้าทั้งสามไป

                       
          
    "หนูจิ๋วยักษ์ขมูขี" ไดแอซร้องลั่น  เจ้าตัวแทบจะทิ้งมาร์คัสที่อุตส่าห์แบกมาตั้งไกลแล้ววิ่งไปหลบหลังเวส  "ดูดิ  มันแยกเขี้ยวขาวน้ำลายยืดเลย"  เวสขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม  ครั้นเห็นว่าออกสีแดงเรื่อเล็กน้อย  ส่วนเงาดำที่ว่าเป็นหนูซึ่งท่าทางตื่นตระหนกจากการถูกตัวอะไรก็ไม่รู้ไล่กวดมาแถมยังวิ่งหายลงท่อไม่ได้ยืนยิ้มเหมือนที่เด็กหนุ่มเห็น

                       
          
    "โอ๊ย ทำไมโคมไฟมันเอียงๆอ่ะ" เวสเลยได้ข้อสรุป เวรกรรมจริงๆ ใครดันเอาไวน์ให้เด็กอายุไม่ถึง 18 กินละเนี่ย   แล้วจะพากันกลับถึงที่พักไหมนี่  อาการเมาของชายหนุ่มหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อคิดว่าหากไดแอซเกิดฟุบไปอีกคนคงต้องลากกันกลับละทีนี้      

                       
         ที่พักปรากฏเด่นเป็นสง่าอยู่สุดทางตรงหน้า  ต่างคนต่างนึกดีใจที่ลากสังขารมาถึงจนได้  ชายคาหนาของหน้าร้านมีหิมะจับอยู่เต็ม  แสงไฟจากโคมเหนือเพดานส่องลอดประตูออกมาพอเห็นรางๆจากภายนอก

                       
        
    อากาศข้างในค่อนข้างอุ่น  ลูกค้าส่วนมากกลับขึ้นห้องกันหมดแล้วมีเพียงบริกรเดินไปเดินมาเท่านั้น  ไดแอซยกมือขึ้นเป่าเล็กน้อยให้หายหนาว  เด็กหนุ่มเริ่มเดินเซแซดๆ  ขณะหิ้วปีกมาร์คัสขึ้นบันได 

                       
         "ไดแอซ"

                       
         เวสเรียกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหยุดเดินไปเสียอย่างนั้น  เจ้าของชื่อจ้องประตูห้องเขม็ง 
    "นั่นใคร"  เขาถาม เล่นเอาผู้ใช้เวทถึงกับสะดุ้งเนื่องจากตรงหน้าเป็นอากาศโล่งๆไม่มีใครยืนอยู่ในรัศมี 100 เมตรนี้เลย 

                       
         "แล้วมันถามใคร  หรือเพิ่งมาเมาวะ"

                  
        
    เงารางของชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีดำทิ้งชายระพื้นยืนก้มหน้านิ่งคล้ายรอเขาอยู่หน้าประตูห้อง "ใคร"  ไดแอซถามย้ำอีกครั้ง  เวสถึงกับทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว  ร่างของเพื่อนซี้เอียงมาพิงเขาเต็มที่  จนต้องใช้มือหนึ่งยันผนังส่งแรงทั้งหมดดันเอาไว้ไม่ให้ล้มลงมาทั้งคู่ 

                       
         "ตัวหนักชิบ" 

                       
         คราวนี้ไดแอซทิ้งน้ำหนักทั้งตัวของชายหนุ่มให้เวสรับไปเต็มๆ   ขณะที่เจ้าตัวก้าวเข้าไปหาร่างนั้นโดยไม่ได้สังเกตว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็น

                       
         ชายหนุ่มผู้นั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้น

     
         แสงโคมตรงทางเดินเต้นวิบไหวอย่างเงียบๆ  เงาดำของไดแอซทอดยาวทะลุผ่านตัวคนตรงหน้าไป  ดวงตาที่ทอดมองมาทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับชะงักงัน 

                       
         
    ท่าน.........

                    
    ---------------------------------------------------
    สวัสดีค่าทุกท่าน  แวะมาอัพ+ประกาศอะไรนิดหน่อย  ตอนหน้าจะช้าไปนิดนึงนะคะเพราะกำลังจะสอบแล้ว  คงอัพอีกทีก็โน่นหลังวันที่2 มีนา(สอบเสร็จพอดีเป๊ะ)   กำลังปั่นงานมาราธอรเลยค่ะ  ช่วงนี้คงมีหลายคนสอบไปแล้วกำลังจะสอบ ยังไงก็โชคดีกันนะคะ  อ่า.......โชคดีวันตรุษจีนด้วยค่ะ(ช้าไปจิ๊ดนึง แหะๆ) รักษาสุขภาพเยอะน๊า
     และเช่นเคย ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์เจ้าค่ะ
              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×