คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ความเปลี่ยนแปลงกับสายลม
หัวสีดำที่พิงอยู่กับไหล่ร่างสูงขยับยกขึ้นแต่กลับตกลงมาอีกครั้ง เจ้าของไหล่แปลกใจเล็กน้อยจึงก้มลงดูแต่ก็มองเห็นไม่ถนัดนักด้วยผมดำปรกหน้าปรกตาหมด เลยส่งสายตาเป็นเชิงถามเอากับเพื่อนร่วมโต๊ะแทน
"ข้าว่าท่าทางมันจะหลับต่อว่ะ" เวสตอบหลังเอียงคอพินิจพิจารณา "ก็น่ารักดี" คำต่อมาเล่นเอาคนเป็นเพื่อนถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มแทบจะผลักคนหลับออกไปไกลๆ ติดแต่ว่าสงสารที่มันยังป่วยอยู่จำต้องปล่อยเลยตามเลย
"ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่คงอีกนานสักหน่อยกว่าจะตื่นมาคุยกันได้" เอ็ดเวิร์ดว่าอย่างนั้น "ข้ารู้สึกว่า.... เด็ก ไม่สิ ท่านผู้นี้จะเป็นคนของเฟลูทีเน่ และ
." ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ "คิดว่าอาจเป็นพ่อมดเสียด้วย"
ทำเอามาร์คัสอดเหลือบตาลงมองคนกำลังหลับไม่ได้ เขาอยู่กับมันมาตั้งหลายเดือนจนออกจะลืมๆไปเสียด้วยซ้ำ ว่าเด็กหนุ่มที่สนิทกันจนเหมือนเป็นน้องชายนั้น เสียความทรงจำทั้งหมดไป ไม่อาจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วคือใคร มีความเป็นมาอย่างไร ยังเรื่องราว.....คนข้างหลัง..... ปัญหาร้อยแปดประการซึ่งเมื่อมาคิดดูแล้วเขาเองยังอดรู้สึกปวดหัวแทนเจ้าตัวไม่ได้
"พ่อมด.... ผู้ใช้มนตราของทวีปทางเหนือ" เวสพึมพำออกมาอย่างแปลกใจ "แต่เฟลูทีเน่ที่ว่านั่นมันห่างไกลกับแพนเทียชนิดคนละซีกโลกเลยนะ ข้ายังได้ยินมาว่านครแห่งนั้นเองก็เต็มไปด้วยวิทยาการล้ำหน้ากว่าที่นี่มาก แล้วพ่อมดจะถ่อมาแถวนี้เพื่อ" ชายหนุ่มยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก
"ท่านเคยพบพ่อมดอย่างนั้นหรือ" มาร์คัสชิงถามขึ้นเสีย เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าแล้วเอ่ยปาก "สมัยยังเด็กท่านพ่อกับท่านแม่เคยเอาข้าไปทิ้ง...เอ๊ย ฝากไว้กับญาติที่อาณาจักรพิเศษคาเรลล่าอยู่พักหนึ่ง" ชายหนุ่มเอ่ยถึงเขตศูนย์รวมการค้าของโลก "อาของลูกพี่ลูกน้องของ....ของหลานของพี่ชายคนที่2ของแม่ ใช่ๆๆ" ลำดับญาติยาวเฟื้อยจนคนฟังไล่ตามแทบไม่ทัน "อ่า....คนนั้นที่ข้าไปอยู่ด้วยทำงานเช็คสินค้าให้กับสมาคมพ่อค้า แถมพลอยได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปเตร่แถวท่าเรือบ่อยๆ เลยได้เจอกับคนจากต่างทวีปกับอะไรแปลกๆสารพัดอาณาจักรรวมไปถึงพ่อมดที่ว่า" ผู้ใช้เวทเบิกตาอย่างแปลกใจ "พวกนั้นหน้าตาเป็นยังไง แล้วมนตราที่ใช้ล่ะ" เอ็เวิร์ดทำหน้าแปลกๆกับคำถามข้อแรก
"เอ่อ หน้าตาเหมือนคนทั่วๆไปล่ะ ส่วนมนตรา เท่าที่ได้ฟังมาบอกว่า ไม่อิงกับธาตุเหมือนผู้ใช้เวทนัก และยังแบ่งเป็นหลายสายด้วย" ชายหนุ่มตอบ "เอาไว้มันตื่นค่อยลองถามดู" มาร์คัสนึกพร้อมแอบหวังนิดๆ "เผื่อจำได้"
"แล้วพ่อมดแถวนั้นเขาเป็นกันตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกแบบนี้หรือไง" เวสสงสัยไม่เลิก
"เรื่องนี้ก็สุดจะรู้ได้"
เอ็ดเวิร์ดตอบสั้นๆ "นอกจากนี้ข้าสัมผัสถึงมนตราอันทรงพลังบางอย่างซึ่งห่อหุ้มตัวเขาไว้"
"อะไร? ไม่เห็นรู้สึก" ผู้ใช้เวททั้งสองตอบพร้อมๆกันทำเอาเอ็ดเวิร์ดมีสีหน้าแปลกๆไปเลยทีเดียว "อันนี้.....เอาเถิด" ผู้ขับคีตาพยายามนึกหาคำมาอธิบายให้ทั้งสองเข้าใจได้ "เออนี่มาร์คัส ยังไม่ได้รับจดหมายตอบจากท่านแรนดัลอีกหรือ" เวสเปลี่ยนเรื่อง "นั่นสิ ข้าส่งไปตั้งนานแล้วคงต้องรออีกสักพักใหญ่ๆล่ะ"
"ว๊าย ขอโทษค่ะ"
สาวเจ้าเหมือนเผลอตัวมองรอยยิ้มของชายหนุ่ม จนถาดเปล่าอันใหญ่ในมือเหวี่ยงเฉี่ยวหัวเวสไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เธอคำนับแล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้คนทั้งสามมองตามด้วยความแปลกใจ ผู้ใช้เวทเอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันไปมองเพื่อนซี้ซึ่งทำหน้าแปลกๆ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
และแล้วเวสก็หัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมตบไหล่ชายหนุ่ม "มาร์คัสเอ๋ย...... เจ้านี่น๊า" พูดไปหัวเราะไปจนคนฟังที่ปั้นหน้าเฉยแทบอยากจะมุดลงใต้โต๊ะเสียเดี๋ยวนั้น "อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้ไปหน่อยเลย เจ้าน่ะหัดยิ้มแบบนี้ แล้วก็......."
"พอเหอะ"
มาร์คัสขัดขึ้นอย่างอดไม่ไหว "โธ่ ข้าอุตส่าห์จะสอนทริคพิเศษจีบสาวให้ดันไม่สน" คนตั้งตัวเป็นอาจารย์แจกแจง ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มแก่ "ไอ้พวกทริคพิเศษก้นหีบของเจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ เห็นดีแต่สอนคนอื่นมาหลายปี ตัวเองยัง......"
"ก็เพราไอ้หน้าตาดีๆของเจ้านั่นแหละที่มาบดบังรัศมีความหล่อของข้าหมด"
"นี่คิดจะมาโทษข้างั้นสิ"
ปึง
แก้วน้ำของผู้ขับคีตาถูกกระแทกลงบนโต๊ะทำให้คู่กรณีทั้งสองหยุดชะงักหันมามองเจ้าของแก้วที่ยังก้มหน้าก้มตาขัดเครื่องดนตรีในมือ แถมทำหน้าเฉยสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ท่านเอ็ดเวิร์ด ขอรบกวนสักประเดี๋ยว " ชายท่าทางเหมือนผู้จัดการร้านหยุดยืนข้างโต๊ะแล้วก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับรู้ก่อนหันมาบอกคนทั้งสอง "ข้าคงต้องขอตัวสักครู่" เขาว่าแล้วลุกจากไป ทิ้งให้สองหนุ่มที่โต๊ะมองหน้ากันเองอย่างงงง
ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักทีอย่างหนักใจ พลางปัดผมดำให้พ้นหน้า
"ตกลง.....มันเป็นใคร"
แค่เด็กเรือแตกเสียความจำ ......หรือ พ่อมด.....
ถ้าเป็นพ่อมดทำไมอายุแค่นี้......
และแล้วทั้งสองเริ่มสุมหัวประชุมกันเนื่องด้วยประเด็นใหม่ซึ่งถูกเปิดขึ้นสดๆร้อนๆโดยผู้ขับคีตา ทำเอาชายหนุ่มทั้งสองถึงกับหาคำตอบไม่ถูกเลยทีเดียว และหลังจากการนั่งจ้องตาสื่อภาษาใจโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด ต่างฝ่ายต่างหันมาขบคิดกับตัวเองแทน
ความเงียบค่อยๆแผ่เข้าครอบคุลมทั่วโต๊ะ ขณะที่คนทั้งคู่จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง เสียงจอแจจากการสนทนาของผู้คนในร้านอาหารทั้งหลายเคลื่อนผ่านไปช้าๆพร้อมกาลเวลา
จนร่างในชุดสีสดอันแลเห็นเด่นชัดแต่ไกลกลับมาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาอีกครั้งพร้อมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงเงียบๆ "ทางกองคาราวานที่ข้าจะออกเดินทางด้วยเพิ่งแจ้งหมายกำหนดการมา เห็นว่าจะรอให้พ้นหน้าหนาวเสียก่อน" ชายหนุ่มบอกเชิงบ่น "อากาศช่วงนี้ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้เสียเลย"
"แปรปรวนจนน่าตกใจทีเดียว" เวสเอ่ยรับ "นั่นสิ หมู่ก็มีอะไรแปลกๆเยอะ" มาร์คัสพูดเชิงบ่นบ้าง "มังกรฟ้าก็แล้ว หนูจิ๋วอีก คราวนี้เป็นพายุหิมะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะหยุด" ทั้งสามพร้อมใจกันหันไปมองสถานการณ์นอกหน้าต่างที่ยังแลเห็นขุ่นมัวอยู่ ขณะเดียวกับขนตายาวของไดแอซเริ่มกระพริบเล็กน้อย
แว่วเสียงคนคุยกันเบาๆ ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกของบรรดาเด็กเสิร์ฟทั้งหลาย เสียงของคนสามคน..... เด็กหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ทีแรกก็ฟังเพลินๆอยู่หรอกแต่พอนึกขึ้นได้ "โต๊ะนี่ มีข้า มาร์คัส เวส แล้วข้ายังไม่ได้พูดอะไร งั้นอีกเสียงนั่นใครอ่ะ" เจ้าตัวกวาดตาไปทางซ้ายเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าผู้เล่านิทานเมื่อครู่ มานั่งยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเบิกตาโตอย่างแปลกใจ
แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรก็รู้สึกว่ามีสิ่งนิ่มๆที่กำลังพิงอยู่นั้นขยับเล็กน้อยคล้ายรำคาญ จึงเงยหน้าขึ้นดู พบวัตถุเป็นเส้นๆสีน้ำตาลอ่อนมาจ่ออยู่จนเกือบชิดตา และเมื่อมองเลยไป.......
"เฮ้ย"
เจ้าตัวแหกปากร้องแล้วเด้งพรวดไปสุดขอบอีกด้านของม้านั่งยาวด้วยท่าทางจวนเจียนตกแหล่ไม่ตกแหล่ มาร์คัสเหลือบสายตามาทางเด็กหนุ่มซึ่งกำลังทำหน้าแปลกๆเล็กน้อย เขาปัดผมซอยไล่ๆที่ตอนนี้ยาวลงมาถึงบ่าไปด้านหลัง ก่อนขยับม้านั่งถอยหลัง ส่งผลให้คนนั่งไม่ดีหล่นตุ๊บลงไปกองกับพื้นร้าน ใบหน้าดูดีปรากฏรอยยิ้มคล้ายเยาะอยู่ในที "ข้าไม่ได้วิปริตจิตตกต่ำถึงขนาดนั้น"
สายตาคนรอบโต๊ะจับจ้องอยู่ที่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียว เขารีบลุกขึ้นปัดฝุ่นแล้วนั่งลงอย่างมั่นคงบนม้ายาวอีกครั้ง
"ชิ หน้าตาอย่างท่าน.........."
"ว่าอะไร...."
ผู้ฟังที่ดีทั้งสองได้แต่ยิ้มจืดๆให้ชาวบ้านรอบโต๊ะ ที่ตอนนี้มีหลายคนเริ่มหันหน้ามามองอย่างเปิดเผยคล้ายเห็นของแปลก ลำพังเด็กอายุ 16 ในชุดผู้ใช้เวทเต็มยศก็ชวนให้มองพออยู่แล้ว ยังมีชายนักเดินทางชาวอายันกับชุดสีสดมาร่วมวงด้วยอีกต่างหาก
เอ็ดเวิร์ดเลื่อนเครื่องดื่มร้อนๆมาให้ เขาจึงเงียบเสียงลง "ยังมีไข้นิดหน่อย น้ำสมุนไพรจะดีกว่า" เขากล่าวเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอ้าปากจะขอเปลี่ยน เจ้าตัวหุบปากลงทันใดก่อนจะเปิดปากใหม่พร้อมคำถาม "อะไร ใครเป็นไข้ ข้าเหรอ" ครั้นเห็นสายตาของคนทั้งโต๊ะหันมามองเขาเป็นจุดเดียวกัน จึงถามเองตอบเองเสร็จ ว่าแล้วก็เอามือแตะตามใบหน้าและคอตัวเองเป็นการใหญ่
"ไม่ร้อนนี่นา" เด็กหนุ่มยืนยันด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ "ช่างเถอะ" เวสโบกมือด้วยท่าทางปลงตกกับอาการขี้หลงขี้ลืมของไดแอซ "แล้ว......." เสียงนาฬิกาตีห้าทีชวนแสบแก้วหูสนั่นไปทั่วร้าน "พวกท่านไม่ไปพบท่านแรนดัลเหรอ" เขานึกถึงหัวหน้าผู้ใช้เวทขึ้นมาได้
"พายุจัดอย่างนี้ออกไปก็คงดับอนาจ หรือเจ้าอยากจะลอง" เขาหันไปถามเอากับเด็กหนุ่มผู้ลืมนึกถึงความจริงข้อนี้ไปเสียสนิท "เออเนอะ" เจ้าตัวเออออด้วยอย่างง่ายๆ "งั้นกว่าเราจะได้กลับที่พักก็....." มาร์คัสพยักหน้าพร้อมกับเวส ความจริงอันน่าเศร้าอีกข้อของวัน เด็กหนุ่มออกอาการคอตกเล็กน้อยก่อนสะดุ้งขึ้นอย่างตกใจ
ปุ๊ง
อากาศว่างข้างตัวมาร์คัสระเบิดออกเป็นเส้นแสงหลากสี ก่อนเส้นเหล่านั้นจะมาถักทอรวมกันกลายเป็นสัตว์อสูรเสกสีทองตัวกลมขนาดเท่าๆกับลูกเบสบอลกระพือปีกบางใสคล้ายผีเสื้อไปมา มันถลาบินวนรอบๆหัวของมาร์คัสไม่ยอมลงจอดเสียทีจนชายหนุ่มรำคาญต้องตะครุบหมับเข้า
กี๊ กี๊
สัตว์เสกดิ้นไปมาในอุ้งมือผู้ใช้เวท ปีกใสกระพือพรึบๆอย่างน่าสงสารก่อนจะกลายร่างเป็นจดหมายในที่สุด ชายหนุ่มรีบคลี่ออกอ่าน คิ้วสีน้ำตาลอ่อนเริ่มขมวดมุ่นเล็กน้อย "มีอะไรมาร์คัส" เวสถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเพื่อนซี้
ชายหนุ่มส่งกระดาษแผ่นนั้นให้คนถามแทนคำตอบ เจ้าตัวกวาดสายตาผ่านหน้ากระดาษสีออกเหลืองอย่างรวดเร็ว "หมายความว่าไอ้นี่ไม่ใช่พายุหลงฤดูธรรมดา" เจ้าตัวพูดออกมา "น่ากลัวจะเป็นอย่างนั้น ไม่รู้ใช่พายุเวทหรือเปล่า" มาร์คัสออกความเห็น "พูดอะไรบ้าๆ" คนเป็นเพื่อนหันไปด่า "แล้วเจ้าว่ามันสมควรคิดไหมล่ะ ปกติหน้าพายุหิมะของแพนโทเนียจะเป็นช่วงปลายปีเสียส่วนใหญ่ ต้นปีอย่างนี้ถือว่าเข้าใกล้ใบไม้ผลิมากแล้ว"
"แต่ทางโน้นก็ยังไม่ได้ยืนยันอะไรมานี่ บอกแค่ว่าฝ่ายพยากรณ์แจ้งใหม่ว่าฤดูใบไม้ผลิจะมาล่ากว่าปกติ เพราะธรรมชาติปรับสมดุล แค่นั้น" เวสที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านทวนค้าน ไดแอซซึ่งนั่งฟังตาแป๋วแหว๋วด้วยไม่รู้เรื่องอะไรหันไปหาเอ็ดเวิร์ด เผื่อว่าฝ่ายนั้นจะได้ช่วยบอกอะไรให้เขาเข้าใจบ้าง
"สำหรับข้า" ผู้คับคีตาเริ่มเอ่ยบ้าง "คิดว่าไม่น่าจะเป็นพายุธรรมดา" เวสกับมาร์คัสเลิกคิ้วเล็กน้อย "ท่านคิดเหมือนข้าหรือ" ชายหนุ่มหันไปถาม
แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งงัน คราวนี้ไดแอซเลยยกมือเกาหัวแกร๊กๆ "งง" คำเดียวที่ออกจากปากเจ้าตัวพร้อมหน้าตาใสซื่อมองคนโน้นทีคนนี้ทีคล้ายลูกหมาทำเอาบรรยากาศเคร่งเครียดในโต๊ะมลายหายไปสิ้น มาร์คัสชำเลืองมาทางเด็กหนุ่ม "แล้วอย่างไร" เวสซักเอาจากผู้ขับคีตา "ข้าสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงซึ่งสายลมพัดพาจากทะเลมาบอกกล่าว"
สายลม...ความเปลี่ยนแปลง.....
"ชาวอายันทุกคนจะมีธาตุประจำตัวคนละอย่างแตกต่างกันไป บางครั้งก็สามารถเปิดจิตอ่านความเป็นไปผ่านทางธาตุเหล่านี้" ชายหนุ่มอธิบาย
"ข้ารู้สึกได้ มีสองสิ่งที่จะนำเอาความเปลี่ยนแปลงมาสู่ดินแดนนี้ หนึ่งพลังอันมหาศาลที่สามารถจะเปลี่ยนโลก อีกหนึ่งคือเวลาซึ่งหลับใหลมาแสนนาน"
พลัง..... เวลา.......
"คืออะไรกันแน่"
ปัง
ทั้ง 4 หันไปมองยังทิศทางของเสียงนั้นเป็นตาเดียว ประตูร้านซึ่งถูกเด็กน้อยผลักเข้ามาเปิดอ้าค้างไว้ชั่วครู่ก่อนปิดลง พายุหิมะสงบลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทัศนียภาพของยามเย็นจึงเต็มไปด้วยหิมะที่สะท้อนแสงสีรางๆของตะวันใกล้ค่ำซึ่งส่องลอดหมู่เมฆมัวหม่นลงมา
"จะมืดแล้ว" ไดแอซพูดขึ้น "ไม่รู้คืนนี้จะมีพายุหิมะอีกหรือเปล่า" เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเบาๆ "นั่นสินะ" ขืนมาอีกงานไม่ต้องทำกันพอดี" เด็กหนุ่มหันมองคนพูดอย่างสงสัย "ยังมีงานอะไรอีก"
"ว่าไง"
เสียงคุ้นเคยดังขึ้น เมื่อเงยหน้าดูพบว่าเป็นแรนดัลในชุดคลุมหนาที่ยังเปื้อนเกล็ดหิมะเล็กน้อยยืนยิ้มอยู่ ทั้งสามพากันทำหน้าประหลาดใจคล้ายเห็นสิ่มมหัศจรรย์ชิ้นที่ 8 ของโลกผุดขึ้นมาตรงหน้า
"ท่านแรนดัล"
มาร์คัสกับเวสเรียกชื่อชายวัยกลางคนพร้อมๆกัน "กลัวลืมชื่อข้าหรือไง" รายนั้นหัวเราะแล้วนั่งลงข้างๆเอ็ดเวิร์ดที่ท่าทางเหมือนรู้จักกันดี
"รู้ได้ไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่" แรนดัลยิ้มเล็กน้อยก่อนเฉลยให้ฟัง "พอเจ้าส่งข่าวไปหาข้าว่าติดพายุกับผู้ขับคีตาที่ชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด เลยลองถามทางนี้ดู" เขาหันไปหาชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มอยู่ "รู้จักกันด้วย" 3เสียงประสานกันลั่น
"เคยร่วมทางไปกับกองคาราวานเดียวกันอยู่พักหนึ่ง ตอนข้าไปทำงานแถวๆหุบเขาหมอก" แรนดัลเป็นฝ่ายตอบ "ไอ้หุบเขาสยองขวัญที่วันๆมีแต่หมอก แถมยังมีบึงแฉะๆเต็มไปหมดนั่น" เวสทำท่าสยองขวัญ "แล้วก็แมลงหวี่ตัวเท่าถาด กับต้นหลิวโรคจิตที่ชอบขวางทางเดิน" มาร์คัสเสริม ท่าทางผู้ใช้เวททั้งสองจะมีความหลังอันไม่ค่อยโสภากับสถานที่นี้สักเท่าไหร่นัก
"ไหนๆวันนี้ได้มานั่งแช่ที่ซาเบอร์นทั้งที เอาเป็นว่ามื้อนี้ข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเอง" แรนดัลเอ่ยหลังจัดแจงสั่งอาหาร "ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหน ปกติขี้เหนียวจะตาย แล้วยิ่งตอนที่เลี้ยงรหัสนะ....." เวสหันไปซุบซิบกับมาร์คัสและไดแอซ ฝ่ายผู้ถูกนินทาระยะเผาขนยังคงนั่งสนทนากับเอ็ดเวิร์ดอย่างไม่รู้สึกอะไร
"ไดแอซ" แรนดัลหันมาเรียกเด็กหนุ่ม "รู้เรื่องการเลื่อนตำแหน่งแล้วใช่ไหม" เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นพร้อมเครื่องหมายคำถาม "ครับ?" มาร์คัสที่อยู่ใกล้หันไปเคาะหัวเขาทีหนึ่งก่อนเอ่ยเตือนความจำเบาๆ "อ๋อ นึกออกแล้วๆ" เด็กหนุ่มหันมาบอก
"รู้ไหม องค์ราชามีพระบัญชาให้เจ้าไปเฝ้า" แรนดัลบอกต่อ "อื้อๆ" คนฟังพยักหน้าและตอบรับอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าใดนัก
"หา อะไรนะ ท่านช่วยพูดใหม่อีกทีซิ"
เจ้าตัวสะดุ้งโหยงจนก้นลอยจากม้านั่ง "องค์-รา-ชา-เรียก-เจ้า-ไป-พบ" คราวนี้ผู้ใช้เวทพูดช้าๆเน้นทีละคำอย่างชัดเจน "ไปพบ...... ทำไม... มีอะไรเหรอ" เด็กหนุ่มถาม "เฮ้ย ข้าลืมไปสนิทเลย" เวสเอามือตบหน้าผาก "ตอนเจ้าสลบอยู่พวกเราเรียกประชุมกัน คราวนี้แถมพกเรื่องหนูจิ๋วปีศาจกับเจ้าเข้าไปด้วย"
"ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย"
"เออลืม เจ้าจำไม่ได้"
"พลังของเจ้าแปลกมากเหมือนจะ....." มาร์คัสไม่ได้พูดคำว่าพ่อมดที่ผู้ขับคีตาบอกออกไป
"เหมือนจะ?" เด็กหนุ่มทวนอย่างสงสัย
"เหมือนจะไม่อิงกับธาตุอะไร" ชายหนุ่มรีบพูดต่อโดยเร็ว "ทั้งยังรุนแรงและมีอำนาจ ..ส่วนหนูจิ๋ว" ผู้ใช้เวทขึ้นเรื่องใหม่เอาดื้อๆ "เห็นฝ่ายพิสูจน์บอกว่าเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่ถูกสร้างขึ้น ยังไม่รู้สาเหตุกับเป้าหมายที่แน่ชัด แต่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ทางเราคงต้องระวังตัวไว้ให้มาก"
"บรรดาผู้ใช้เวทที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเลยส่งเจ้ามาเป็นผู้ช่วยข้า" แรนดัลพูดต่อ "ส่วนเรื่องพลังค่อยว่ากันอีกที"
"คราวนี้งานเพิ่มขึ้นเป็นกองพะเนินเลย"
ไดแอซได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเป็นกำลังใจให้ ขณะที่แรนดัลสรุปตารางการประชุมและนัดหมายต่างๆ "ตกลงมะรืนนี้พวกเจ้าต้องไปเข้าเฝ้า ส่วนการประชุมไว้ข้าจะแจ้งไปอีกที ส่วนไดแอซยังไงก็ลองฝึกๆเวทดูบ้างแล้วกัน" เด็กหนุ่มอ้าปากจะบอกว่าถูกจับฝึกพื้นฐานและเวทชั้นต้นไปเกือบหมดแล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้ผู้ใช้เวทกำลังเล่าเรื่องสมัยเป็นฝึกงานอย่างออกรส เจ้าตัวปิดปากนิ่งฟังเสีย "คุยเรื่องงานอยู่ดีๆไพล่ไปเรื่องนั้นได้ยังไงเนี่ย"
อาหารหลายชนิดที่แรนดัลสั่งเริ่มทยอยลำเลียงมาวางไว้จนเกือบเต็มโต๊ะ ยกพื้นเล็กๆตรงกลาง บัดนี้ถูกนักเต้นรำฝีเท้าดี2-3 คนยึดครองพร้อมกรีดกรายหมุนตัวตามจังหวะดนตรีของชาวทุ่งกว้างอย่างงดงามท่วงทำนองรื่นเริงดังไปทั่วร้านที่ยังคงแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าซึ่งเข้ามารับประทานอาหารเย็นและดื่มไวน์หมักจากซาเบอร์นที่ไดแอซเพิ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นร้านที่ขึ้นชื่อว่าไวน์รสชาติดีที่สุดในแถบนี้
และหลังจากหมดไวน์ไปกว่า 3 แก้ว มาร์คัสเป็นคนแรกที่ออกอาการเมา หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อตามมาด้วยเสียงบ่นว่าตาลาย จากนั้นเจ้าตัวก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะปล่อยให้คนอื่นนั่งแทะกับแกล้มกันต่อ ไดแอซเลยรับหน้าที่ช่วยจัดการกับแกล้มที่เหลือแทนมาร์คัสอย่างยินดี
จนล่วงเข้าดึกโขจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก แรนดัลจัดว่าคอทองแดงอันดับหนึ่งเนื่องจากสีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว ส่วนผู้ขับคีตากับเวสก็ใช่ย่อยเพราะขึ้นทำเนียบกับเขาเหมือนกัน แต่ก็ยังเดินเซเล็กน้อย ไดแอซจึงต้องกึ่งพยุงกึ่งลากมาร์คัสที่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเสียทีออกมาจากร้านเพียงคนเดียว
"เวส นี่ช่วยหน่อยสิ"
เด็กหนุ่มเรียกผู้ใช้เวทที่ทำท่าจะออกเดินนำหลังล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มตรงเข้ามาช่วยหิ้วปีกอีกข้างของเพื่อนซี้ที่พอจะรู้สึกตัวบ้างแล้ว "คอแข็งชะมัด" ไดแอซแอบนึกในใจ
"สงสัยใช่ไหมล่ะ" เวสหันมาถามราวรู้ความคิดของเด็กหนุ่ม "พอดีว่าเมื่อก่อนข้ามันอกหักบ่อยแล้วแถวๆวิทยาลัยมีไวน์ซาเบอร์นแบบถูกๆขาย เลยซดยอมใจประจำ แต่ไอ้หมอนี่" ชายหนุ่มปรายตาไปทางเพื่อนซี้ "มันไม่เคยสนใคร ขนมจีบก็ไม่แจก วันๆเอาแต่ทำหน้านิ่ง ไม่รู้ทำไม๊สาวๆถึงได้ชอบมันนัก" นี่คือสาเหตุที่มาร์คัสคออ่อนตามคำบอกเล่าจากเวส
พวกเขาย่ำไปตามหิมะตกใหม่สีขาวหนานุ่มที่ยังไม่ค่อยมีรอยเท้าคนสักเท่าไหร่นัก แสงสีเหลืองจางสลัวๆจากโคมไฟตามรายทางทอดลงบนพรมขาว
"ตัวหนักยังกับอะไรดี" เวสบ่น
เงาดำๆเล็กวิ่งตัดหน้าทั้งสามไป
"หนูจิ๋วยักษ์ขมูขี" ไดแอซร้องลั่น เจ้าตัวแทบจะทิ้งมาร์คัสที่อุตส่าห์แบกมาตั้งไกลแล้ววิ่งไปหลบหลังเวส "ดูดิ มันแยกเขี้ยวขาวน้ำลายยืดเลย" เวสขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม ครั้นเห็นว่าออกสีแดงเรื่อเล็กน้อย ส่วนเงาดำที่ว่าเป็นหนูซึ่งท่าทางตื่นตระหนกจากการถูกตัวอะไรก็ไม่รู้ไล่กวดมาแถมยังวิ่งหายลงท่อไม่ได้ยืนยิ้มเหมือนที่เด็กหนุ่มเห็น
"โอ๊ย ทำไมโคมไฟมันเอียงๆอ่ะ" เวสเลยได้ข้อสรุป เวรกรรมจริงๆ ใครดันเอาไวน์ให้เด็กอายุไม่ถึง 18 กินละเนี่ย แล้วจะพากันกลับถึงที่พักไหมนี่ อาการเมาของชายหนุ่มหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อคิดว่าหากไดแอซเกิดฟุบไปอีกคนคงต้องลากกันกลับละทีนี้
ที่พักปรากฏเด่นเป็นสง่าอยู่สุดทางตรงหน้า ต่างคนต่างนึกดีใจที่ลากสังขารมาถึงจนได้ ชายคาหนาของหน้าร้านมีหิมะจับอยู่เต็ม แสงไฟจากโคมเหนือเพดานส่องลอดประตูออกมาพอเห็นรางๆจากภายนอก
อากาศข้างในค่อนข้างอุ่น ลูกค้าส่วนมากกลับขึ้นห้องกันหมดแล้วมีเพียงบริกรเดินไปเดินมาเท่านั้น ไดแอซยกมือขึ้นเป่าเล็กน้อยให้หายหนาว เด็กหนุ่มเริ่มเดินเซแซดๆ ขณะหิ้วปีกมาร์คัสขึ้นบันได
"ไดแอซ"
เวสเรียกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหยุดเดินไปเสียอย่างนั้น เจ้าของชื่อจ้องประตูห้องเขม็ง "นั่นใคร" เขาถาม เล่นเอาผู้ใช้เวทถึงกับสะดุ้งเนื่องจากตรงหน้าเป็นอากาศโล่งๆไม่มีใครยืนอยู่ในรัศมี 100 เมตรนี้เลย
"แล้วมันถามใคร หรือเพิ่งมาเมาวะ"
เงารางของชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีดำทิ้งชายระพื้นยืนก้มหน้านิ่งคล้ายรอเขาอยู่หน้าประตูห้อง "ใคร" ไดแอซถามย้ำอีกครั้ง เวสถึงกับทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว ร่างของเพื่อนซี้เอียงมาพิงเขาเต็มที่ จนต้องใช้มือหนึ่งยันผนังส่งแรงทั้งหมดดันเอาไว้ไม่ให้ล้มลงมาทั้งคู่
"ตัวหนักชิบ"
คราวนี้ไดแอซทิ้งน้ำหนักทั้งตัวของชายหนุ่มให้เวสรับไปเต็มๆ ขณะที่เจ้าตัวก้าวเข้าไปหาร่างนั้นโดยไม่ได้สังเกตว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็น
ชายหนุ่มผู้นั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้น
แสงโคมตรงทางเดินเต้นวิบไหวอย่างเงียบๆ เงาดำของไดแอซทอดยาวทะลุผ่านตัวคนตรงหน้าไป ดวงตาที่ทอดมองมาทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับชะงักงัน
ท่าน.........
---------------------------------------------------
สวัสดีค่าทุกท่าน แวะมาอัพ+ประกาศอะไรนิดหน่อย ตอนหน้าจะช้าไปนิดนึงนะคะเพราะกำลังจะสอบแล้ว คงอัพอีกทีก็โน่นหลังวันที่2 มีนา(สอบเสร็จพอดีเป๊ะ) กำลังปั่นงานมาราธอรเลยค่ะ ช่วงนี้คงมีหลายคนสอบไปแล้วกำลังจะสอบ ยังไงก็โชคดีกันนะคะ อ่า.......โชคดีวันตรุษจีนด้วยค่ะ(ช้าไปจิ๊ดนึง แหะๆ) รักษาสุขภาพเยอะน๊า
และเช่นเคย ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์เจ้าค่ะ
ความคิดเห็น