คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : นิทานจากต่างแดน
แพขนตายาวกระพริบน้อยๆก่อนดวงตาสีฟ้าหม่นจะลืมขึ้น แสงอาทิตย์อุ่นจากหน้าต่างสาดเป็นลำมากระทบใบหน้าเขา เงาสีเทาจางจากลูกไฟเวทแลเห็นเต้นวิบวับอยู่บนม่านคล้ายภูตพรายกำลังร่ายระบำ
ใบหน้าเลือนรางของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏแก่สายตา เธอผู้นั้นมีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวหยักศกรับกับใบหน้าหวานชวนมอง นัยน์ตาคู่โตสีน้ำตาลแก่ติดจะดำทอดมองเขา ริมฝีปากชมพูบางขยับเปล่งถ้อยคำคล้ายเรียกชื่อเขาด้วยภาษาที่ไม่เข้าใจ
เจ็บลึกในอก
ห่วงหานัก เด็กหนุ่มกระพริบตาอีกครั้ง ภาพเธอผู้นั้นค่อยลบเลือนไป
"ฟื้นแล้ว"
เสียงใสเสียงเดิมตะโกนด้วยความยินดี ก่อนที่ความหม่นมัวถูกแทนที่ด้วยใบหน้าของมาร์คัสซึ่งโผล่เข้ามาในรัศมีการมองเห็นของเขา "ไดแอซ" เสียงทุ้มเรียกชื่อเขาก่อนหันไปมองอะไรบางอย่างข้างตัว
"มอเดรส เฮ้ย ตื่นได้แล้ว"
ว่าพลางประเคนมะเหงกใส่หัวคนข้างๆซึ่งกำลังฟุบหลับบนผ้านวมอย่างสบาย เด็กหนุ่มจ้องมองเพดานสีค่อนข้างเก่าอย่างคุ้นเคย ครั้นเขาค่อยๆเบือนสายตามองเลยมาร์คัสไปรอบๆห้องพักพบว่า ผู้ใช้เวทหลายคนยึดครองเก้าอี้บ้าง โต๊ะบ้างเป็นสรณะในการนอนหลับ และดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงของใครกรนเบาๆดังฟี้ๆด้วย
โครม
เป็นเสียงหัวของโชวี่ซึ่งกำลังนั่งสัปหงกกระแทกพื้นโต๊ะเข้าอย่างจัง พอเจ้าตัวลืมตาขึ้นมาพบว่าเพื่อนของตนกำลังยืนคุยกับคนบนเตียงอยู่ก็จัดแจงแหกปากป่าวประกาศลั่นไปทั่วห้องด้วยระดับเสียงเกิน 80 เดซิเบล ทำเอาต่างฝ่ายต่างสะดุ้งไปตามๆกัน
"ไดแอซ"
หลายเสียงเรียกชื่อเขาเกือบจะพร้อมๆกัน ตามด้วยร่างของบรรดาผู้ใช้เวททั้งหลายกรูกันเข้ายืนเรียงๆกันข้างเตียง "หลับไปเสียตั้งนานนะ" เวสว่า "สวัสดีปีใหม่" มอเดรสที่เพิ่งได้ฤกษ์โงหัวขึ้นมาบอกอย่างงัวเงีย ส่งให้เครื่องหมายคำถามอันโตผุดขึ้นบนหน้าไดแอซ "เสียดายที่เจ้าไม่ได้มาฉลองกับพวกเรา" โชวี่หันมาบอกบ้าง "งานปีนี้สนุกมากเลยนะ"
"ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม" เมอร์สยื่นหน้าเข้ามาถามบ้าง เด็กหนุ่มพยักหน้ารับทั้งที่ยังงงงวยอยู่ "งั้นก็ดีแล้วล่ะ หาวววว" มอเดรสเสริมก่อนตบท้ายด้วยการหาวเสียงสนั่นหวั่นไหว "เอ้อ ไหนๆไดแอซก็ฟื้นแล้ว เจ้าไปพักก่อนเถอะ" มาร์คัสหันไปบอกกับญาติผู้น้องและเพื่อนๆผู้หวังดีทั้งหลายที่อดนอนมาคอยเป็นกำลังใจให้เสียหลายวัน
"ดื่มน้ำหน่อยนะ" เสียงหวานของเฟลิเซียดังขึ้นพร้อมยื่นแก้วน้ำอุ่นให้ เด็กหนุ่มจิบน้ำในแก้วช้าๆจนหมด ความชุ่มชื้นกลับคืนสู่ริมฝีปากแห้งผาก ห้องค่อยพร่าเลือนคล้ายมองผ่านกระจกขุ่นแล้วกลับชัดขึ้น เขาสะบัดศีรษะเบาๆขับไล่ความมึนงง ก่อนหันไปมองมอเดรสและเพื่อนๆอีกสองคนที่บัดนี้กำลังคุยอยู่กับพวกของมาร์คัสขณะเดินออกจากห้อง
ไดแอซจึงหันมาถามเฟลิเซียซึ่งทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เล็กๆข้างเตียง "นี่ข้าหลับไปนานเลยเหรอ" เด็กสาวพยักหน้า "เจ้าหลับไปตั้งหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ พวกเราเป็นห่วงกันมากเลยรู้ไหม" เธอขึ้นเสียงสูงในตอนท้ายอย่างไม่รู้ตัว เขาเลยยิ้มเจื่อนๆให้หนึ่งทีก่อนจะขยับร่างขึ้นเป็นท่านั่ง
"เดี๋ยว......" เสียงใสร้องห้าม
"อย่าเพิ่งลุกสิ" มาร์คัสที่ยืนอยู่ใกล้กับเตียงปราดเข้ามาใช้มือหนากดบ่าให้เด็กหนุ่มนอนลงอีกครั้ง
"จ๊ากกกกกกกก" เจ้าตัวร้องเสียงหลงแล้วรีบปัดมือผู้ใช้เวทก่อนเบ้หน้า "มือหนัก แรงก็เยอะอย่างกับเป็นญาติไบซัน" เจ้าตัวยกชายหนุ่มไปเปรียบเทียบกับควายป่าโน่น
มาร์คัสค่อยๆเลิกแขนเสื้อสีขาวตัวโคร่งของไดแอซขึ้นดู พบรอยแดงช้ำเลือดช้ำหนองเป็นจ้ำๆไล่ไปเป็นทางยาวจนเกือบทั่วแขน คนเจ็บกลั้นใจชะโงกมามองตาปริบๆ แล้วทำท่าสยอง "เพิ่งใช้พลังเต็มๆได้ครั้งแรก แถมยังเป็นระดับสูงอีกต่างหาก คงที่ก็ไม่คงที่" เขาบอกเด็กหนุ่มคล้ายเป็นการบ่นกลายๆ
"เจ้าต้องพักอีกหน่อยนะไดแอซ ยังไม่หายเลย" ผู้ใช้เวทว่าก่อนจะจัดแขนเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง เจ้าของชื่อยังหันมองเขาอย่างสงสัยในคำพูดนั้น "ผลสะท้อนกลับของพลัง ระดับสูงไปร่างกายเจ้ายังปรับตัวไม่ค่อยได้" ชายหนุ่มอธิบายเรียบๆพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก แต่ต้องชักมือกลับออกมาแทบจะทันทีเนื่องจากตัวอีกฝ่ายค่อนข้างร้อนเอาการ "ยังมีไข้อยู่เลย" เขาพึมพำแล้วหันไปรื้อค้นของในห่อบนโต๊ะข้างตัวแล้วส่งให้เฟลิเซีย
"แล้วข้าไปใช้ไอ้พลังนั่นตอนไหน" ไดแอซยังสงสัยไม่เลิก "ก็เจ้าปราบสัตว์อสูรปีศาจได้นอกเมืองนั่นไงล่ะ" เวสโผล่เข้ามาแทรกแล้วขยายความต่อ "ที่ระเบิดมันเล๊ะเป็นโจ๊ก มีเลือดกระจายหน่อยๆ เครื่องในเกลื่อนนิดๆ ส่วนกระดูกก็...."
พรวด
เสียงใครบางคนซึ่งกำลังกินข้าวเช้าพ่นสิ่งที่อยู่ในปากออกมา ชายหนุ่มรีบหันไปยกมือเป็นเชิงขอโทษ แล้วหันกลับมาหาไดแอซ "ทีนี้จำได้หรือยัง" เด็กหนุ่มส่ายศีรษะเบาๆ "ไอ้หนูจิ๋วยักษ์ขมูขีที่ตัวใหญ่เท่าช้าง สูงพอๆกับหอระฆัง ขาข้างนึงนะ......" เวสยังไม่เลิกพยายาม "พอเหอะ" มาร์คัสหันไปขัดเพื่อนซี้ ขืนปล่อยให้มันพูดต่อกว่าจะลากกลับเข้าเรื่องได้คงออกไปถึงปากอ่าวแล้ว
ไดแอซยังคงนั่งฟังตาแป๋วด้วยท่าทางไม่รู้เรื่องสุดๆ สองผู้ใช้เวทกับหนึ่งเจ้าหญิงเริ่มหันหน้าเข้าหากันเป็นเชิงปรึกษา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยใส่ใจกับท่าทีของคนข้างเตียงรวมถึงความจำขาดๆหายๆเท่าใดนักจึงจัดแจงยิงคำถามต่อ
"แล้วการประชุมล่ะ"
"จบไปตั้งแต่ปีที่แล้วโน่นนนนน" ไดแอซเกาแก้มเล็กน้อย ก็ปีก่อนโน้นมันฟังดูห่างไกลนักนี่นา แต่จริงๆ........มันก็แค่ 5 วันที่แล้วเอง "พวกสภาคณาจารย์นั่นมีมติให้เจ้าเข้ามาเป็นผู้ช่วยแรนดัล" มาร์คัสกล่าวต่อ
"หา!! อะไรนะ" คนถูกเลื่อนตำแหน่งหมาดๆอ้าปากค้างพลางนึกในใจ "พวกนั้นกินยาผิดแหงเลย" ครั้นเห็นเครื่องหมายคำถามซึ่งผุดเป็นรอบที่ 6 นับแต่มันฟื้นขึ้นมาปรากฏหราอยู่กลางหน้า ชายหนุ่มจึงพูดต่อ "และตอนนี้ก็มีคำสั่งให้ข้าคอยควบ....เอ๊ย ดูแลเจ้า" คนที่เพิ่งได้คนดูแลเป็นของแถมเบิกหน้าโตเท่าไข่ห่าน
"ถามมากลมเข้าท้องน่า เอ้า กินยาแล้วนอนซะ" ชายหนุ่มตัดบทแล้วหันไปรับถ้วยยาจากเจ้าหญิง เฟลิเซียมาส่งให้ "รีบกินเข้าสิ เดี๋ยวเย็นหมด" เด็กหนุ่มจึงก้มลงมองน้ำสีคล้ำเหมือนขี้โคลนในถ้วยยาอย่างไม่ใคร่ไว้ใจเท่าไหร่นัก เขาลองยกมันขึ้นจ่อจมูกแล้วเบ๊ะปาก "นอกจากสีแล้วกลิ่นยังไม่โสภาอีกต่างหาก" เจ้าตัวเลยจ้องมันเงียบๆอย่างนั้น
"จะกินดีๆหรือจะให้จับกรอกปาก" ด้วยความอดรนทนไม่ไหว ผู้ใช้เวทจึงส่งสายตาวิบวับพร้อมตัวช่วยที่บังคับเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมาให้ ไดแอซกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ แล้วกลั้นใจหลับหูหลับตายกซดรวดเดียวหมดเกลี้ยง
ของเหลวร้อนวูบล่วงผ่านลำคอลงสู่กระเพาะ เด็กหนุ่มทำหน้าพิกลๆกับรสชาติแปลกปร่า ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามอะไรต่อ ความรู้สึกง่วงงุนก็เข้าครอบงำทุกส่วนของร่างกายอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกเหมือนมีมือเรียวบางของใครบางคนคลี่ผ้าห่มคลุมให้
"ฝันดีนะ"
******************
ไดแอซรู้สึกเลือนรางระหว่างหลับและตื่น หลายครั้งเหมือนเห็นใครคนหนึ่งก้มลงมองเขาอย่างห่วงใย ปอยผมยาวนุ่มตกลงมาต้องแก้มเด็กหนุ่ม กับกลิ่นดอกไม้หอมติดจมูกคล้ายคอยกล่อมให้หลับสบาย บางคราก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆเดินไปเดินมาและมีคนค่อยๆป้อนยาขมปร่าพร้อมเช็ดตัวให้
จนล่วงเข้าวันที่สาม เด็กหนุ่มจึงได้รู้สึกตัวเต็มที่ เขามองซ้ายมองขวาด้วยความสงสัยก่อนเอ่ยถามคนข้างๆ "วันที่เท่าไหร่แล้ว"
"เจ้าหลับไปสามวัน วันนี้วันที่ 7 เวลา 10 นาฬิกา" มาร์คัสซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการจัดยาตอบก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้นพร้อมร่างของบริกรถือถาดอาหารเดินเข้ามาส่งให้ ไดแอซค่อยๆลุกขึ้นนั่งพลางสำรวจรอยช้ำตามแขน "หายหมดแล้ว" เจ้าตัวพึมพำ
"เอ้า กินข้าวซะ" ผู้ใช้เวทยกถาดอาหารและยามาวางตรงหน้า "ข้าวแบบนี้จะอิ่มอาไร๊" คนเจ็บแอบบ่น "จะกินไม่กิน" มาร์คัสเริ่มเปิดรายการขู่ "คนไม่สบายมีที่ไหนเขาให้กินอาหารหนักๆหา" เขาแหวใส่ "ไม่ต้องมามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นเลย ข้าไม่พิศวาสหรอก " ชายหนุ่มว่าแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงพร้อมแจ้งกำหนดการ "ตอนบ่ายๆต้องไปพบท่านแรนดัล" ไดแอซเงยหน้าขึ้นมองคนพูดทั้งที่ปากยังคาบช้อนค้างไว้
"เดี๋ยวก่อน" เขาทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเด็กหนุ่มเป็นการวัดอุณหภูมิ ครั้นเห็นว่าดีขึ้นจนเป็นปกติแล้วจึงปล่อยให้กินข้าวต่อ
ระหว่างนั้นชายหนุ่มจัดแจงรื้อค้นตู้เสื้อผ้ายกใหญ่ จนบริกรคนเดิมมาเก็บถาดอาหารไปนั่นล่ะ เขาก็ดึงอะไรบางอย่างออกมาได้ แล้ววัตถุต้องสงสัยห่อด้วยกระดาษบางสีขาวที่ว่าก็ลอยละลิ่วมาหาคนบนเตียงอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ย"
ไดแอซร้องลั่นแต่ก็รับห่อนั้นไว้ได้ เมื่อลองคลี่ออกดูพบว่าเป็นเสื้อผ้าใหม่แกะกล่องชุดหนึ่ง แถมยังมีเสื้อคลุมแบบผู้ใช้เวทติดมาอีกด้วย "หยิบผิดแล้ว นี่มันเสื้อของท่านต่างหาก มั่ว" ไม่ว่าเปล่าเด็กหนุ่มจัดการโยนมันกลับมาให้เขาทันที
"ไม่ผิดหรอก ของเจ้านั่นล่ะ" ชายหนุ่มส่งมันกลับมาให้เขาอีกครั้งด้วยการปาอย่างเต็มแรง แต่คราวนี้รู้สึกว่าจะผิดเป้าหมายไปเล็กน้อย เสื้อคลุมทั้งชุดเลยไปลงเอยบนหัวเด็กหนุ่มแทน เจ้าตัวรวบมันมาดูอีกครั้ง มาร์คัสเห็นอย่างนั้นจึงชิงพูดขึ้นก่อน "สภาคณาจารย์ส่งเครื่องแบบมาให้เจ้า" เมื่อก้มลงสังเกตดีๆแล้วพบว่า เสื้อคลุมดังกล่าวเป็นสีดำสนิทไม่มีการเดินดิ้นใดๆ
"ตกลงเรื่องนั้นเอาจริงอ่ะ" ไดแอซเกาหัวแกรกๆ "นึกว่าฝันซะอีก" ประโยคสุดท้ายราวพึมพำกับตัวเอง "รีบแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเรียกเวสมัน" ชายหนุ่มพูดรวดเดียวจบแล้วเดินออกจากห้องไป สักพักเด็กหนุ่มจึงได้ยินเสียงรายนั้นเคาะประตูห้องคนเป็นเพื่อนโครมๆ
ครู่ใหญ่เด็กหนุ่มก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เจ้าตัวยืนด้วยท่าทางเก้ๆกังๆในเครื่องแบบที่ค่อนข้างหลวมเล็กน้อย เสื้อผ้าชุดใหม่อันประกอบด้วยเชิ้ตสีขาวธรรมดาๆทับด้วยเสื้อคลุมดำขอบเป็นขนสัตว์ขาวนุ่ม ทิ้งชายยาวลงจรดพื้น กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน
"ก็ดีนะ"
เวสซึ่งมายืนอยู่ตรงประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอ่ยขึ้น "ข้าว่า....มันแปลกๆอ่ะ" เจ้าตัวทำหน้าพิกลๆ เมื่อก้มลงมองดูเสื้อผ้าที่สวมอีกครั้ง "เออน่า หล่อแล้วอย่ากังวลเลย" กล่าวจบชายหนุ่มก็ตรงเข้ามาลากตัวไดแอซออกไปจากห้อง "เดี๋ยวสาวๆคงมองกันตาไม่กระพริบ" ประโยคทิ้งท้ายไม่ได้ช่วยให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีอะไรขึ้นมาเลย "จริงๆนะ"
"ได้ฤกษ์ลงมาแล้วเหรอ" มาร์คัสถามเมื่อเห็นเวสเยี่ยมหน้าลงมาจากบันไดชั้นบน " อื้อ" ชายหนุ่มรับคำอย่างง่ายๆก่อนจะลากไดแอซซึ่งพยายามหลบมุมเต็มที่ให้ออกมาโชว์ตัว
เสียงคนพูดคุยกันเงียบสนิทลงจนน่าสงสัย
เด็กหนุ่มยิ้มเก้อๆก่อนจะเดินผ่านไปหามาร์คัสอย่างรวดเร็ว บรรยากาศรอบกายกลับมาครึกครื้นเหมือนเมื่อหลายนาทีที่แล้ว มีหลายคนแอบชำเลืองมองมาที่เขา ทำเอาเจ้าตัวร่ำๆจะขึ้นเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสียให้ได้ "เอาเถอะน่า ผู้ใช้เวทอายุน้อยๆแบบเจ้าใช่จะมีให้เห็นบ่อยเสียเมื่อไหร่"
"เหรอ"
เขาทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่นัก "เออสิ ปกติแล้วผู้ใช้เวทเต็มตัวส่วนมากอายุ 20 ขึ้นไป น้อยที่สุดก็ 19 นั่นล่ะ เพิ่งมีเจ้าที่อายุแค่ 16 ก็ได้เป็นผู้ใช้เวทแล้ว" คำอธิบายสั้นๆ ก่อนที่มาร์คัสจะลากเขาออกไปยังสวนหิมะเล็กๆด้านหลังร้านร้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"ไดแอซ ไหนๆเจ้าก็ได้เป็นผู้ช่วยแรนดัล ทวนเวทให้ข้าฟังหน่อยเป็นไร เอาทุกบทที่เคยสอน!!" ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้มพร้อมเริ่มกางเขตเวท เขาเลยหันไปทำตาปริบๆขอความช่วยเหลือจากเวส
"เห็นด้วย"
เวรกรรม แทนที่จะช่วยข้าบ้างดันไปเข้าข้างเจ้านั่น "แล้วทีนี้จะทำไงอ่ะ ไอ้มนตร์อะไรที่เคยใช้เมื่อวันก่อนก็ดันจำไม่ได้ไม่รู้จัก หรือมั่วแบบคราวที่แล้วดีไหมนี่" ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังคิดหาทางรอดมาร์คัสกับเวสก็พร้อมใจกันส่งสายตามาเร่ง
"ก็ เอ่อ..... ละอองแห่งธาราเอย จง....จงมอบอำนาจแก่...เอ๊ย...แด่ข้า" เด็กหนุ่มตะกุกตะกักท่องเวทที่พอจะขุดๆขึ้นมาจากเมมโมรี่การ์ดสมองว่างๆออกมาเรื่อยๆ "สายธารจันทร์ เอ๊ย....ตะวัน ผู้เป็นต้นแห่งอัคคีอันแรงกล้า.......เอ๊ะหรือร้อนแรงหว่า" เจ้าตัวยังคงมีความพยายามมั่วเวทตั้งแต่ธาตุน้ำยันธาตุลม มาจบตรงธาตุไฟจนได้
"เฮ้อ"
ไดแอซถอนหายใจเมื่อเจ้าตัวท่องๆสิ่งที่เคยรู้ออกมาจนหมดเกลี้ยงก่อนโผเผลกลับเข้ามาในร้านแล้วฟุบลงบนโต๊ะด้วยท่าทางหมดแรงอย่างไม่สนใจสายตาคนมอง
ปึง
เสียงถ้วยชามจานช้อนกระทบโต๊ะเบาๆเรียกให้เด็กหนุ่มค่อยๆโงหัวขึ้นมอง มาร์คัสเลื่อนถ้วยซุปกับชามข้าวต้มพร้อมขนมปังกับมาให้ "อะ หยอด(น้ำ)ข้าวต้มซะ จะได้มีแรงไง" เมื่อได้เห็นของกินมาตั้งเรียงรายตรงหน้า คนฟังก็รีบตักมันเข้าปากแต่โดยดี
***************
ขณะที่เปิดประตูไม้ออกสู่ภายนอก ลมหนาวต่างพากันแทรกตัวเข้ามาตามเสื้อคลุมหนา ยิ่งส่วนที่ไม่มีอะไรปกปิดอย่างใบหน้าแล้ว แดงเป็นลูกตำลึงสุกไปตามๆกันทีเดียว
ครั้นออกเดินกันได้พักใหญ่ ทั้งสามเริ่มรู้สึกว่ามีเงาดำเคลื่อนเข้ามาบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้มาร์คัสกับเวสพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นแพเมฆสีเทาหม่นค่อยลอยตัวผ่านไป "หวังว่า...พายุหิมะคงยังไม่มาเร็วๆนี้หรอกใช่ไหม" มาร์คัสหันไปถามเพื่อนที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ "อากาศหมู่นี้มันแปลกๆ เจ้ารู้สึกหรือเปล่า" เวสไม่ตอบกลับถามไปอีกเรื่องแทน
"เมื่อเช้าพยากรณ์อากาศว่าไง" เขากล่าวต่อ "เห็นบอกว่าแจ่มใสไม่มีเมฆกับหิมะตก" อีกฝ่ายบอกก่อนที่ลมหนาวจะพัดแรงอีกรอบ ทำเอาชายหนุ่มสังหรณ์แปลกๆในใจ "คงไม่แคล้วพายุหิมะครั้งใหญ่เป็นแน่" มาร์คัสหันไปพยักหน้ากับเวสแล้วลากตัวไดแอซซึ่งกำลังยืนงงเข้าไปหลบในร้านอาหารข้างทางได้อย่างทันท่วงที
"พายุหิมะ" เสียงฮือฮาของคนในร้านดังขึ้นหลังเสียงปิดประตูดังโครมใหญ่ของคนทั้งสาม "เฉียดนิดเดียว" เวสพูดปนหอบ "ถือว่าครั้งนี้โชคช่วย กลับฟอนเทนเบิร์กไปข้าว่าคงต้องทำบุญในโบสถ์กับเขาบ้าง" เจ้าตัวว่าอย่างนั้นก่อนจะหันไปมองหาที่นั่งในร้านซึ่งครึกครื้นเอาการ ห้องโถงกว้างมีโต๊ะกลมเกือบห้าสิบ แถมคนยังนั่งเต็มไปทุกโต๊ะอีก ชายหนุ่มจึงเบนเป้าหมายมายังโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆติดมุมเงียบๆแทน
เสียงดีดสายพิณเบาๆเรียกความสนใจจากคนข้างในทั้งหมดให้หันไปมองยกพื้นสูงกึ่งกลาง ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวจรดพื้นสีสันสดใสแปลกตา ผ้าโพกศีรษะได้รับการปักลวดลายงดงามด้วยด้ายหลากหลายสลับกับลูกปัดทรงเรียว ผมสีออกน้ำตาลแดงปล่อยยาว บางปอยร้อยด้วยลูกปัดสีออกแดง ใบหน้าคร้ามคมดูนิ่งสงบ แสงจากลูกไฟเวทบนเพดานส่องลงมาต้องผิวสีน้ำผึ้งจัด
ด้วยลักษณะแปลกๆทั้งหลายประการ เด็กหนุ่มจึงจ้องชายผู้นั้นไม่วางตาด้วยความสนใจ จนฝ่ายถูกมองคล้ายจะรู้ตัวจึงผินหน้ามาทางเขา
มือหนาที่กำลังกรีดสายพิณหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนดวงตาคมวับจะสบกับนัยน์ตาสีฟ้าหม่น ประกายกล้ากร้านคล้ายรู้เท่าทันความคิดอ่านของเด็กหนุ่มทำเอาเจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายหลบตาลงไป
"รู้สึกว่า.....เขาจะเป็นนักเดินทางชาวอายัน" มาร์คัสเอ่ยขึ้นหลังมองอีกฝ่ายพลางจิบโกโก้ร้อนๆ "ใช่แล้ว" เวสรับ "ชาวทะเลทรายนั่นหรือฮะ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" ไดแอซถามอย่างแปลกใจ "ไม่รู้สิ" ผู้ใช้เวทตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
"ระหว่างนี้...." เขาเริ่มต้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบชวนฟังทำให้ทุกคนเงียบเสียงลง "ข้าจะเล่านิทานสักหนึ่งเรื่องให้พวกท่านได้ฟังกัน นิทานซึ่งเล่าสืบต่อกันมาในดินแดนอันไกลโพ้นของทวีปเหนือ" สายพิณบรรเลงท่วงทำนองแผ่วเบาสอดประสานไปกันถ้อยคำนุ่มนวลซึ่งเจ้าตัวเอื้อนเอ่ยออกมา ทุกผู้ที่อยู่ในร้านคล้ายได้กลิ่นคาวเค็มของทะเลเหนือ เสียงลมแรงปะทะโขดหินสลับกับเสียงคลื่นซัดซ่า
"ดินแดนแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของนครแห่งผู้ใช้มนตรา.....ท่ามกลางทุ่งหิมะ" ภาพปราสาทราชวังและบ้านเรือนมากมายค่อยๆก่อร่างขึ้นในหัวใจของผู้ฟังทีละน้อย
กาลครั้งนั้น....เมื่อโลกยังเยาว์นัก แผ่นดินทั้งหลายร้างไร้ซึ่งผู้อยู่อาศัย แสงจันทร์ทอทาบผืนน้ำอย่างเดียวดาย ด้วยว่าสุริยเทพยังคงนิทราอยู่ในอนธาการแห่งโลก เวลานั้น....ราชินีหิมะผู้ทรงสิริโฉมยิ่งประทับองค์อยู่บนบัลลังก์แห่งแผ่นดินเหนือ เฝ้ามองการเปลี่ยนแปรอย่างเงียบงัน ฝ่ายราชาแห่งพิภพที่ทรงงานในพระตำหนักอันโอ่โถงของโลกล่างได้รังสรรค์สิ่งประดิษฐ์อันงดงามมากมาย หนึ่งในนั้น.....คือลูกแก้วซึ่งสลักเสลาอย่างละเอียดอ่อน ฐานประดับประดาด้วยดอกไม้แก้วกลีบบางใสพิสุทธิ์ แต่งแต้มด้วยหยาดน้ำค้างราตรีและมณีแห่งนภา ภายในคือบ้านเมืองอันวิจิตรตระการตา
ราชาแห่งพิภพจึงมอบเป็นกำนัลแด่ราชินีหิมะ เมื่อได้เห็นลูกแก้วนั้นพระองค์ก็ทรงโปรดปรานยิ่งนัก จนวันหนึ่ง......ขณะที่ดำเนินไปท่ามกลางแดนเหนือ ทรงย่างบาทผ่านเข้าไปพบแผ่นดินเหนืออ่าวอันงดงามอยู่ท่ามกลางรัศมีจันทร์ฉาบจนเป็นสีเหลืองทอง เมื่อทอดพระเนตรของในอุ้งหัตถ์ที่บัดนี้เปล่งประกายเรืองเรื่อขึ้น จึงดำริในพระทัย จะวางลูกแก้วลงบนแผ่นดินนี้ จะเสกสร้างนครอันโอฬารริก ครั้นแล้วราชินีหิมะจึงประทานพรแห่งพระองค์ พรแห่งหิมะที่จะสถิตอยู่ ณ แว่นแคว้นแห่งนี้ตราบโลกมลาย
เมื่อสิ้นสุรเสียง แสงแรกแห่งอโณทัยฉายฉานแต้มของฟ้า ขับไล่รัตติกาลอันยาวนานให้ถอยร่นไป พร้อมกับนครเฟลูทีเน่ได้อุบัติขึ้นท่ามกลางหิมะสีอมส้มอมนั้น.................
เสียงปรบมือกระหึ่มก้องจนโถงกว้างแทบจะถล่มลงมา มีเพียงเด็กหนุ่มที่ยังนั่งนิ่งคล้ายถูกสะกดด้วยเรื่องราวนี้ ฝ่ายผู้เล่าเพียงเหลือบตามามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปบรรเลงเพลงต่อ
"ได........"
คำเรียกชื่อชะงักลงเมื่อมาร์คัสเห็นมือของเด็กหนุ่มกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น ผู้ใช้เวทตัดสินใจเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆแล้วเริ่มแกะมือออก "ไดแอซ" คราวนี้เป็นเสียงเรียกด้วยความตกใจของเวสที่เห็นใบหน้าเจ้าของชื่อซีดลงจนเกือบขาว เมื่อเลื่อนมือไปแตะหน้าผากอีกฝ่ายชายหนุ่มถึงกับสถบในใจ "บ้าจริง!! ไข้กลับ"
"นึกว่าหายดีแล้วซะอีก" เวสเอ่ยเบาๆอย่างรู้ความคิดของเพื่อนพร้อมเลื่อนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง พายุหิมะหลงฤดูยังคงพัดจัดอยู่นั่น
หมับ
คราวนี้เด็กหนุ่มยึดมือของมาร์คัสไว้ เขาอุตส่าห์สะบัดเบาๆพอให้รู้ตัวแต่รายนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยง่ายๆ "ถึงจะไม่สบายก็เถอะนะ แต่ถ้ามันขยับมากอดแขนเมื่อไหร่ พ่อจะยันให้กระเด็นไปถึงหน้ายกพื้นเลย" เขาคิดพลางยกบาทาขึ้นมาเตรียมพร้อม แต่จู่ๆร่างของเด็กหนุ่มก็อ่อนยวบลงจนต้องโน้มตัวไปช่วยพยุงไว้ "อย่ามาเป็นอะไรตอนนี้นะเว้ย"
ติ๊ง
สายพิณซึ่งบรรเลงทำนองประหลาดคล้ายสะท้อนภาพดินแดนของนิทานเมื่อครู่หยุดลง ก่อนร่างของชายหนุ่มต่างถิ่นจะมายืนอยู่ข้างๆพวกเขาโดยไม่รู้ตัว "ท่าน......" ฝ่ายนั้นคล้ายจะเรียกเด็กหนุ่มที่ตอนนี้พิงอยู่กับไหล่ของมาร์คัส แต่ก็ชะงักไปแล้วหันมาหาพวกเขาแทน "ผู้นี้อยู่กับพวกท่านใช่หรือไม่" ทั้งสองพยักหน้ารับพร้อมกัน
ชายหนุ่มนั่งลงอีกด้านของโต๊ะไม้ มือหนาปาดผ่านวูบในอากาศปรากฏขลุ่ยไม้เรียวเล็กอันหนึ่ง ผู้ใช้เวทเริ่มมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสงสัย เขาค้อมศีรษะเล็กน้อย "ข้า....เอ็ดเวิร์ด ผู้ขับคีตาแห่งอายัน" ชายหนุ่มแนะนำตัวก่อนยกเครื่องดนตรีขึ้นจรดริมฝีปาก
ขลุ่ยลำเรียวเปล่งเสียงหวานแผ่วเบาแทรกท่ามกลางเสียงคุยของผู้คนในร้าน หากกลับก้องกังวานในใจของพวกเขา ดูเหมือนว่าความร้อนและอาการไข้ในตัวไดแอซลดลงอย่างน่าแปลกใจ ใบหน้าขาวซับสีเลือดขึ้นเล็กน้อย สายลมอันไร้ที่มาพัดต้องหน้าคนทั้งสามพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้าจากป่าลึก ให้ความรู้สึกสดชื่นยามได้สูดดม
อาการขยับตัวเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าเด็กหนุ่มรู้สึกตัว พร้อมดวงตาสีฟ้าค่อยๆเปิดขึ้น ทำเอาผู้ใช้เวททั้งสองถึงกับถอนใจด้วยความโล่งอกก่อนนึกขึ้นได้ เขาว่าถอนหายใจมากๆแก่เร็วนี่หว่า.....เฮ้อ
บริกรแบกถาดใบโตเอาเครื่องดื่มร้อนๆมาเสิร์ฟให้ "คงจะค่อยยังชั่วแล้ว" ชายผู้นั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มละไมบนใบหน้า ก่อนยกของเหลวในแก้วขึ้นมาจิบช้าๆ ข้างบนอกหน้าต่างนั้นสายลมหวีดหวิวถาโถมเข้าปะทะฝาไม้หนาไม่หยุดยั้ง เกล็ดหิมะฟุ้งกระจายไปทั่ว จนทัศนียภาพกลับกลายเป็นสีขาวขุ่น
"กว่าพายุจะสงบลง เรา........คงได้สนทนากันอีกนาน"
----------------------------------------------------------------------
หวัดดีค่าทุกท่าน สบายดีกันรึเปล่าคะ แหะๆ อัพช้าเล็กน้อยแบบว่าการบ้านเยอะเจ้าค่ะ ง่าจะสอบแล้วด้วย ไปอ่านหนังสือแล้วน๊า
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์เจ้าค่ะ
ความคิดเห็น