ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #17 : อีกตัวตน

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 50


            
         

          พวกท่านคงเหนื่อยกันมากสินะ  เฟลิเซียเอ่ยหลังฟังเรื่องราวทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นจากปากเด็กหนุ่มจบ  ก็นิดหน่อย  เจ้าตัวบอกแล้วยกถ้วยกระเบื้องอย่างดีขึ้นจิบชาควันฉุยพร้อมกวาดตาสำรวจสภาพห้องหับอันหรูหราของพระตำหนัก

               
           สายตาของเขาจับอยู่ที่รูปดอกไม้ใบไม้บนฐานเสาซึ่งสลักเสลาจากฝีมือช่างโบราณ ก่อนจะเลื่อนไปยังผนังสีหวานเขียนลวดลายเถากุหลาบ  ฟากตรงข้ามของห้องเป็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่ซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งหมดของผนัง  ม่านบางสีอ่อนจับกลีบอยู่เหนือหน้าต่างกระจกบานใหญ่ซึ่งสามารถมองออกไปได้ทั่วสวนหย่อมที่คั่นระหว่างพระตำหนัก

               
         
    ในห้องเล็กนั้นอบอุ่นด้วยพลังเวทที่แผ่จากลูกไฟกลมเล็กบนเชิงเทียน  โต๊ะกลมกลางห้องอันเป็นที่นั่งของคนทั้งสองปูด้วยผ้าเดินดิ้นเงินเย็บปักเป็นลวดลายพิสดาร  ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับออกอาการเกร็งนิดๆไปเลยทีเดียว

               
         
    ท่านหายดีแล้วหรือ  ไดแอซถามบ้างเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายยังดูซีดเซียวอยู่  อื้อ  เด็กสาวยิ้มให้  ผลกระทบทางเวทเล็กน้อยน่ะ  นางพระกำนัลสองคนเดินเข้ามาพร้อมถาดขนม  เฟลิเซียหันไปยิ้มน้อยๆให้  ทั้งสองยอบกายต่ำก่อนจะวางของลงแล้วถอยจากไป

               
         
    ส่วนเรื่องของเจ้าหญิงลีเมย์…”  ถ้อยคำสะดุดเล็กน้อย  ที่เคยตรัสว่าทรงจับไอของท่านเวนตุสได้นั้น  ร่างบางส่ายศีรษะเบาๆคล้ายจนปัญญาจะช่วยเหลืออันใด  ข้าไม่รู้สึกอะไรเลย 

               
         
    แต่ข้า......รู้สึก

               
         
    เด็กหนุ่มพึมพำคล้ายจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า  เฟลิเซียมองข้ามโต๊ะมาด้วยสายตาสงสัยหากก็ไม่ได้ถามอะไร  เพียงค่อยๆวางถ้วยน้ำชาลง

               
         
    แก๊ง  แก๊ง

               
         
    เสียงของระฆังเย็นดังสะท้อนก้องไปเป็นสัญญาณบอกเวลา 6 โมงเย็น  ไดแอซสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยก่อนหันไปมองหน้าต่างบานใหญ่  ครั้นเห็นว่าความมืดค่ำเริ่มโรยตัวลงมาปกคลุมอากาศภายนอกแล้วและดูท่าจะหนาวเย็นขึ้นเสียด้วยซ้ำ 
    ข้าว่าคงต้องรีบกลับแล้ว  เด็กหนุ่มบอกพลางลุกขึ้น  หวังว่าเราคงได้พบกันอีก   เฟลิเซียเอ่ย  เขาค้อมกายลงพร้อมรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่บนใบหน้า  

               
          
    จากนั้นนางพระกำนัลนำเด็กหนุ่มไปตามทางเดินยาวเหยียดและค่อนข้างวกวนเล็กน้อยของพระราชวังอันวิจิตรงดงามชวนตื่นตาตื่นใจ  ภาพต่างๆไหลผ่านสายตาและหัวสมองของเขาไปคล้ายภาพฝัน  มารู้สึกตัวอีกทีก็ยืนอยู่หน้าประตูวังแล้ว  

               
         
    เจ้าตัวยกมือเกาศีรษะเล็กน้อย  ก่อนจะค่อยเดินกลับลงไปสู่ตัวเมืองด้านล่างพลางคิดว่าจะถึงที่หมายก่อนคำหรือไม่  รสขมอ่อนๆของใบชายังคงติดอยู่ตรงปลายลิ้น  กลิ่นหอมโชยมาจากผ้าพันคอซึ่งตลบขึ้นปิดอยู่ประมาณครึ่งหน้า  เจ้าตัวสูดลมหายใจลึกเข้าทีหนึ่ง
     

               
         
    ตอนนี้โคมไฟถนนเริ่มส่องแสงไล่กันไปทีละดวงจนทั่วทั้งถนน  ไดแอซจึงเดินโต๋เต๋กลับมาจนถึงที่พักได้ในที่สุด  หางตาของเด็กหนุ่มบังเอิญเหลือบไปเห็นเงาดำตะคุ่มอยู่ในมุมมืดด้านซ้ายของชายคาหน้าที่พัก ภาพพร่าเลือนในหัวผุดขึ้นแล้วเคลื่อนมาซ้อนทับกับร่างตรงหน้า

               
         
    เงานั่น

               
         
    เขาถึงกับชะงักงัน  ภาพที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็น  คุ้นตาอย่างไรบอกไม่ถูก.....
    สิ่งนั้น.....  หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวแรง  ความรู้สึกทั้งเกลียดทั้งกลัวฝังแน่นในจิตสำนึก  อย่า......  เขาพึมพำแล้วค่อยก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว   

               
         
    ไดแอซ

               
         
    เสียงเรียกกึ่งตะโกนคุ้นหูดังมาจากเงานั้นทำให้เด็กหนุ่มได้สติ  ภาพทั้งหมดหายวับไปในทันที  เสียงตะโกนเรียกชื่อแผดซ้ำอีกครั้ง คราวนี้มีผลให้ไดแอซทำอัศจรรย์กระโดดถอยหลังไปจนเกือบถึงทางเท้าของอีกฟากถนน

               
          
    หายหัวไปไหนมา  มาร์คัสสาวเท้าเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งเรียกสติอยู่ที่เดิม  เจ้าตัวส่งยิ้มจืดเจื่อนให้  ข้าวิ่งหลงเข้าไปในเขตอุทยานหลวง  เมื่อเล่าถึงตรงนี้ดวงตาคนฟังเบิกกว้าง  แล้วข้ายังเจอเจ้าหญิงเฟลิเซีย คราวนี้ลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า จากนั้นก็ได้ไปนั่งคุยกับกินขนมอร่อยๆที่พระตำหนักด้วยนะ 

               
         
    ท่าทางการเล่าซื่อๆเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร  ทำเอามาร์คัสอยากจะเอื้อมมือไปบีบคออยู่นั่นแล้ว 
    รู้ไหม  เสียงกึ่งจะคำรามดังออกมาพร้อมท่าทางแยกเขี้ยว  ข้าน่ะ  เที่ยววิ่งหาเจ้าซะทั่วเมือง  นึกว่าไปหลงทางอยู่ตรงไหนหรือว่าโดนจับได้  เมื่อกวาดตาดูดีๆแล้ว  เด็กหนุ่มเองก็เพิ่งสังเกตว่าบนเรือนผมสีทองอ่อนกับเสื้อคลุมหนายังมีเกล็ดหิมะจับติดอยู่  ใบหน้าก็ยังขึ้นสีเรื่อๆจากการวิ่งมาราธอนรอบเมืองที่ใหญ่ไม่ใช่เล่น

               
         
    ไดแอซส่งยิ้มแหย่ๆให้อีกรอบ 
    ข้าเหนื่อยอ่ะ  ท่านก็วิ่งมาเยอะตากลมหนาวนานเดี๋ยวไม่สบาย  เจ้าตัวเปลี่ยนเรื่องไปเสียอย่างนั้นพร้อมเดินเข้ามาลากแขนเสื้อร่างสูงซึ่งกำลังยืนงงเข้าตัวอาคารไป


    *****************

               
          วูม  วูม

               
          เสียงเป่าเข่าเป็นท่วงทำนองแปลกประหลาดดังสะท้อนก้องไปทั่วเมืองสลับกับเสียงกลองคล้ายสัญญาณตอบรับ  ฝีเท้าหนักวิ่งมาตามทางเดินจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของพวกเขาพร้อมกับที่คนภายนอกเคาะประตูรัวสลับกับทุบเข้าหลายโครมราวกับมีเรื่องร้อนใจ

                 
          ไดแอซงัวเงียลุกขึ้นมาจากกองผ้านวมเดินโซเซชนเก้าอี้สองทีและ โต๊ะอีกหนึ่งที  ก่อนจะมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย  ทันทีที่เด็กหนุ่มหมุนลูกบิด  ประตูไม้ซึ่งบอบช้ำจากเหตุการณ์เมื่อครู่ถูกกระชากให้เปิดออกด้วยแรงระดับช้างสาร  ทำเอาคนข้างในถลาลงไปกองแทบเท้าผู้มาเยือนยามเช้า

               
          เขาเหลือบตาขึ้นมองคนที่อยู่ในเสื้อคลุมสีดำอย่างผู้ใช้เวท 
    ประชุม  คำแรกผ่านวาบเข้ามาในสมองอันว่างเปล่า  วันนี้.... เฮ้ย  เด็กหนุ่มสปริงตัวลุกขึ้นในทันทีอาการง่วงงุนเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง  สายแล้วนี่หว่า เจ้าตัวเริ่มหน้าซีด  

               
          “มาร์คัส  เกิดเรื่องแล้ว  โชวี่ตะโกนผ่านประตูด้วยน้ำเสียงเร่งร้อนไปยังชายหนุ่มอีกคนในห้อง  สัตว์...... คำพูดชะงักงันเมื่อไอเวทแผ่คลุ้งเข้าปกคลุมเหนือพวกเขา  มาร์คัสดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ ด้วยเจ้าตัวรีบคว้าเสื้อคลุมดำอันเป็นเครื่องแบบประจำตัว ก่อนจะสาวเท้าตามร่างอีกฝ่ายไป

               
          “รอด้วยสิ  รอก่อน  จะรีบไปไหน

               
          เสียงตะโกนไล่หลัง  ไดแอซหันไปปะเข้ากับเสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวเก่าจึงรีบคว้ามาสวมทับเสื้อขาวแล้วรีบวิ่งตามลงไปสมทบกับกลุ่มคนข้างล่าง

               
          เมื่อทั้งหมดกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากที่พัก  เด็กหนุ่มออกจะแปลกใจเล็กน้อยกับสภาพรอบกาย  เมื่อชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายยังคงดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขไม่มีอาการเดือดเนื้อร้อนใจอย่างบรรดาผู้ใช้เวทสักรายเดียว  จะมีบ้างก็บางกลุ่มที่เงยหน้ามองฟ้าแล้วซุบซิบกันแต่สักพักก็กลับไปทำงานต่อ

               
          ไดแอซมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวหยุดยืนแหงนเงยขึ้นมองบ้าง  วันฟ้าเปิดอากาศค่อนข้างสดใส  เมฆจางลอยต่ำผ่านไป  บางอย่างไหววับสะท้อนแดดอ่อนเหลื่อมพรายเป็นสีรุ้งประหนึ่งผิวเบาของฟองสบู่  เด็กหนุ่มรีบวิ่งตามกลุ่มผู้ใช้เวทซึ่งเห็นหลังไวๆพร้อมคำถาม  แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากพูดอะไรก็มีเสียงโหวกเหวกขัดขึ้นเสียก่อน

               
          ประตูเมืองทางทิศเหนืออันเป็นจุดเกิดเหตุค่อนข้างวุ่นวายด้วยเหล่าพาลาดินและผู้ใช้เวทซึ่งพอจะตามกันมาได้ในเวลานี้ สิริรวมทั้งสิ้นแล้วกว่า30ชีวิต  ที่หน้าประตูเมืองแรนดัลกำลังกางเขตเวทสำรองไว้เป็นทางหนีทีไล่หากเกิดอะไรขึ้น 

               
          พวกเขารุดออกไปรวมตัวกับผู้ใช้เวทอีกราวสิบกว่าคนที่กำลังยืนจดๆจ้องๆกองหิมะสูงอยู่  ครั้นเขาเหลือบสายตากลับไปมองดูตัวเมืองพบว่า  ถูกห่อหุ้มไว้ในผิวบางใสอันมีลักษณะคล้ายกับเขตเวทที่แรนดัลกาง  ต่างกันเพียงพลังที่ปลดปล่อยออกมา
    เขตเวทคุ้มครอง ไดแอซระลึกถ้อยคำในหนังสือที่เคยอ่านขึ้นมาได้  

               
          พรึบ

               
          เสียงอะไรบางอย่างพุ่งออกจากกองหิมะดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปหาเสียงนั้น  ปรากฏร่างเล็กเท่ากับสุนัขของหนูจิ๋วที่มีลักษณะคล้ายตัวคาปีบาร่าซึ่งมีขนสีน้ำตาลอ่อนหน้าค่อนข้างยาวเดินออกมาด้วยท่าทางที่ไดแอซคิดว่าดูจะงงๆเสียด้วยซ้ำ 

               
         
    ไอ้นี่เนี่ยนะ  ที่เรียกระดมพลกันให้ครึกครื้นซะทั่วเมือง

               
          ผู้ใช้เวททั้งหลายจ้องมองมันเป็นตาเดียวกัน  เสียงหวีดแหลมสูงแปลกหูดังแผ่วๆพร้อมหมอกควันอันไร้ที่มาเข้าห้อมลอมปกคลุมบริเวณที่พวกเขายืนอยู่  ทำเอาต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก  เงารางๆของหนูจิ๋วเบื้องหน้าพร่าเลือนลง  มาร์คัสเริ่มหันกลับไปเล็งตำแหน่งเขตเวทสำรองซึ่งอยู่เบื้องหลัง  ร่างของเวสที่ยืนอยู่ข้างกันเริ่มกระดึ๋บๆเข้ามาชิดตัว  เขาหันไปมองเพื่อนอย่างแปลกใจ  ครั้นพบว่ามันกำลังมองตรงไปข้างหน้าอ้าปากค้างพลางดึงแขนเสื้อเขาจึงหันกลับไปดูบ้าง

               
          บัดนี้หนูจิ๋วท่าทางน่ารักน่าชังแปลงกายเป็นเป็นหนูจิ๋วยักษ์ขมูขีไปในพริบตา  เขี้ยวขาวยาวคมวาวแสยะพร้อมน้ำลายหนืดหยดติ๊งๆ  ชวนเสียวไส้ไม่น้อย

               
          “แผ่นโลด  คำสั้นๆหลุดออกมา พร้อมผู้ใช้เวททั้งหมดจะหันหลังโกยอ้าวกลับไปตั้งหลักดูเชิงในเขตเวทสำรอง   เหล่าพาลาดินที่ยืนกระจายตัวตามสัญลักษณ์เวทธาตุทั้ง 5 ทิศ  ดาบยาวสีเงินใบดาบสลักอักขระอ่อนช้อยถูกชักออกมาในท่าเตรียมพร้อม

               
          “ไดแอซ

               
          เวสมองหาเจ้าของชื่อที่คิดว่าเมื่อครู่ยังวิ่งมาด้วยกัน 

               
          เงียบ  ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

               
         
    ครั้นกวาดตาก็ไม่พบร่างในเสื้อคลุมสีน้ำตาล  ทำเอาคิ้วสองคู่ขมวดปมเป็นโบว์อยู่กลางหน้าผาก  โชวี่  มาร์คัสหันไปทางเพื่อนพบว่าอีกฝ่ายส่ายหน้า  คนในกลุ่มจึงเริ่มพับแขนเสื้อเป็นสัญญาณเตรียมลุยเต็มที่  แรนดัลเห็นดังนั้นก็หันมาทำหน้าดุห้ามไว้

               
         
    พลันสายลมแรงพัดกรรโชกวูบหนึ่งพาม่านหมอกจางหายเผยให้เห็นทัศนียภาพเบื้องหน้า   สายตาหลายสิบคู่กวาดมองไปปะเข้ากับร่างเล็กในเสื้อคลุมสีน้ำตาลยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเงาใหญ่ของหนูจิ๋วยักษ์ขมูขี

               
         
    ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย 
    ง่า........  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของโชวี่เบิกกว้างมองสัตว์อสูรปีศาจที่ขาแต่ละข้างมีขนาดเท่ากับต้นไม้ 3 คนโอบ  ชวนให้นึกว่าจะบี้แบนท่าไหนถ้าลองโดนเหยียบเข้า  เส้นเลือดเส้นเอ็นสีคล้ำที่ปูดโปนพ้นผิวบางใสขึ้นมาเต้นตุ๊บๆ  ดวงตากลืนเป็นสีดำสนิทเหลือกถลนออกจากเบ้าจ้องดูพวกเขา

               
          กลุ่มผู้ใช้เวทเริ่มเตรียมกระจายตัวล้อมบริเวณที่เด็กหนุ่มยืนอยู่  เวสหรี่ตามอง  เห็นไดแอซยกมือขึ้นตรงหน้าแต่จะทำอย่างไรนั้นมองไม่ถนัดนัก

               
          ละอองแสงเล็กจางรายรอบมือของเด็กหนุ่มก่อนจะรวมตัวกันแล้วหยดลงบนพื้นกลืนไปกับหิมะแทบเท้า  พลันปรากฏเส้นสีหลากหลายวิ่งวนเป็นวงกลมบนพื้น  สัตว์อสูรปีศาจคำรามอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นเหยื่อตรงหน้าไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด

               
          กรร

               
          เสียงคำรามแผดลั่นตามด้วยเล็บแหลมเหวี่ยงเข้าตะปบร่างของเด็กหนุ่ม  เขาหลบฉากอย่างรวดเร็วและหายตัวไปปรากฏห่างจากสัตว์ปีศาจราวสองร้อยเมตร  ดาบด้ามยาวส่องแสงสีฟ้าเรืองรองถูกเรียกออกมาจากอากาศ  ดวงตาสีฟ้าหม่นดูเย็นชาขณะจับจ้องสัตว์ร้ายเบื้องหน้าที่รีบถอยหลังกลับไปตั้งหลัก  มุมปากบางยกยิ้ม 
    ฉลาดดีนี่  ก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง

               
          ฉึก

               
           คมดาบดื่มเลือดสีคล้ำของสัตว์ปีศาจเต็มคำ  กงเล็บตรงเข้าใส่มนุษย์ตัวจ้อยผู้หาญกล้า เงาดำอันผุดขึ้นจากตัวมันรวมกันเป็นสายยาวพุ่งโจมตีซ้ำอย่างไม่ปรานี   ไดแอซเพียงแต่ยกดาบขึ้นกันอย่างง่ายๆดึงให้คู่ต่อสู้ก้าวตามเขามาสู่กับดักโดยไม่รู้ตัว 

               
         
    เกล็ดหิมะพึ่งตกบนพื้นกระจายตามแรงต่อสู้  เสียงปะทะระหว่างดาบกับเล็บดังเปรื่อง  สายสีดำได้โอกาสพุ่งเข้ารัดรอบตัวเด็กหนุ่มตามด้วยเสียงระเบิดพาเอาเกล็ดน้ำแข็งกระจายไปคนละทิศละทาง  ขาใหญ่เหยียบขยี้ลงบนพื้นเต็มแรงจนเกิดหลุมขึ้น  เศษผ้าคลุมสีน้ำตาลกะรุ่งกะริ่งโผล่พ้นฝ่าเท้าใหญ่ออกมา ทำเอาผู้ใช้เวทใจหายวาบเตรียมสอดมือเข้าช่วย

               
          เวทของใครคนหนึ่งเหวี่ยงออกไปปะทะกับม่านพลังที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นสะท้อนกลับออกมาจนเจ้าของก้มหลบแทบไม่ทัน 

               
          ร่างขาวโผล่วูบขึ้นตรงหน้าพวกเขา  เจ้าตัวหันมาตามเสียงตะโกนเรียกของคนด้านหลัง  ใบหน้านั้นงามราวรูปสลักน้ำแข็ง  แววตาชวนให้ผู้ใช้เวททั้งหลายรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ครั้นแล้วเด็กหนุ่มเบือนสายตากลับไปมองสัตว์อสูรตรงหน้า
      พร้อมยิ้มน้อยๆอีกครั้งอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก

               
          แสงสีขาวเจิดจ้าบาดตาค่อยสว่างรุ่งเรืองขึ้นมาจากวงเวทย์จนพวกเขาต้องหลับตาลง  ชั่วเสี้ยววินาทีกระแสพลังรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างเด็กหนุ่มอย่างเกรี้ยวกราด  พัดเกล็ดหิมะปลิวว่อนฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้นจนเห็นเป็นม่านสีขาวทึบ  หูยังแว่วเสียงร้องครวญครางอย่างทรมานของสัตว์บาดเจ็บเวลาเพียงสั้นๆดูเหมือนยาวนานในความรู้สึกของพวกเขาก่อนเสียงนั้นจะค่อยๆเงียบสนิท

               
          สายลมรุนแรงสงบลงตามด้วยเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกตามมาติดๆ  ทันทีที่ลืมตาก็ได้พบภาพอันไม่โสภาเท่าใดนัก  สัตว์อสูรบัดนี้เหลือเพียงเศษเนื้อกระจัดกระจาย  ขาไปทางหัวไปอีกทาง  หัวใจตับไตไส้พุงทั้งหลายแหล่กองรวมๆกันบนหย่อมเลือด  ห่างไปหน่อยเป็นลูกตากลมดิกกลิ้งโคโร่อยู่  พร้อมกลิ่นคาวผสมกับกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนใครเอาซากสัตว์ตายสัก 20 ตัวมาสุมกันตรงหน้า       

               
         
    วงเวทย์หลากสีค่อยกลายเป็นละอองแสงเล็กเท่าหิ่งห้อยก่อนจะพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบนจนหมดสิ้น  เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาเปื้อนเสื้อขาวเป็นวงกว้างก่อนจะทรุดลงนอนแน่นิ่งไปกับพื้น 

               
         
    กลุ่มของเวสวิ่งรี่เข้าไปหาร่างขาวซีดบนพื้น  ขณะที่ผู้ใช้เวทคนอื่นเริ่มกั้นเขตเพื่อทำการตรวจสอบหลักฐานที่หลงเหลืออยู่   แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าไปแตะต้องอะไร  เศษเนื้อและไอปีศาจสีดำก็พากันสลายเป็นธาตุอากาศไปเสียก่อนยังความแปลกใจแก่พวกเขาเป็นอันมาก

               
          มาร์คัสช้อนร่างของเด็กหนุ่มขึ้นจากพื้นส่งต่อให้หน่วยแพทย์สนามซึ่งเพิ่งมาถึงและตรงเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปรวมกลุ่มวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบรรดาเพื่อนๆทั้งหลาย  ขณะที่เหล่าพาลาดินกำลังวุ่นวายกับการกระจายกำลังรักษาความปลอดภัยตามคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า  เขตเวทคุ้มครองเมืองค่อยจางหายไปพร้อมๆกับหิมะขาวตกลงมา


    *********************

               
         
    อีกแล้ว  ไดแอซนึกในใจเมื่อเจ้าตัวลืมตาตื่นมาพบกับความมืดมิดอันคุ้นตาห้อมล้อมรอบกาย  เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างปลงตกด้วยหันไปทางใดก็ไม่รู้ทิศ  เขาค่อยๆทรงตัวลุกขึ้นนั่งในท่ากอดเข่า  จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่หางตาของเขาค่อยเหลือบไปเห็นจุดแสงเล็กเท่าปลายเข็มหมุด

               
          เด็กหนุ่มตัดสินใจลุกพรวดขึ้นแล้วออกวิ่งฝ่าความมืดไปในทิศทางนั้นทันที 

               
         
    แฮ่ก ๆๆ

               
          นัยน์ตาสีฟ้าหม่นมองแสงนั้นอย่างความสงสัย  ด้วยวิ่งตามมาก็ตั้งนานแต่ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใกล้สักที  ราวกับย่ำอยู่กับที่ก็ไม่ปาน  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสูดหายใจลึกยาวก่อนออกวิ่งต่ออีกครั้ง

               
          “อ๊ะ

               
         
    เขาชะงักเท้าเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนเดินตัดผ่านหน้าไป  ฉับพลันช่องแสงขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วทั้งยังส่องสว่างบาดตาจนเขาต้องยกมือขึ้นบังรัศมีอันเจิดจ้านั้น 

               
          ซ่า  ซ่า

               
          เสียงคลื่นซัดสาดเข้าสู่หาดทรายดังกระทบหูเขา  สีฟ้าครามสดใสของผืนฟ้าจรดทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลแผ่ขยายเข้าแทนที่ความมืดซึ่งห่อหุ้มรอบกายของเขา  เด็กหนุ่มกวาดตามองความเปลี่ยนแปลงรอบด้านอย่างประหลาดใจ  เงาร่างในชุดคลุมสีดำตัดผ่านหน้าเขาไป

               
          “ใคร?

               
         
    เขาวิ่งตามแต่ดูเหมือนว่าระยะทางจะยิ่งทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

               
          “รอด้วย

               
          ไดแอซตะโกนขณะที่คนเดินนำยังคงก้าวต่อคล้ายไม่ได้ยินเสียงอันใด  ภาพทะเลกว้างค่อยๆกลายเป็นเส้นสีต่างๆพุ่งผ่านตัวเขาไป  ทันใดนั้นทัศนียภาพรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง  ครานี้กลับเป็นทุ่งหิมะกว้างใหญ่ห้อมล้อมบ้านเมืองอันตระการตาเอาไว้  หัวใจเขาเริ่มเต้นรัวคล้ายได้พบสิ่งเคยคุ้น  เด็กหนุ่มทบทวนเรื่องราวต่างในสมองพลางเค้นเอาความทรงจำส่วนลึกออกมา  หากนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที

               
          “นึกสิ  นึกให้ออก  เราเคยเห็นมันที่ไหน 

               
          “นึก..............

               
          โอ๊ย

               
         
    เด็กหนุ่มกุมศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บปวดราวถูกเข็มแหลมนับร้อยๆเล่มทิ่มแทง เขาทรุดร่างลงกับพื้นภาพต่างๆเริ่มหมุนวนเข้าเป็นวงกลมก่อนจะกลับคืนสู่ความมืดดำเช่นเดิม  ทิ้งเพียงคำถามไว้ให้กับเด็กหนุ่ม

               
          ที่ไหน? 

               
          “ทำไมถึงจำไม่ได้   ทำไม 

               
          เจ้าตะโกนออกมาด้วยความคับแค้นใจ  เสียงสะท้อนก้องก่อนจะค่อยๆถูกความเงียบกลืนหายไป
      พร้อมร่างของเขาดิ่งลงสู่ห้วงเหวแห่งความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุด

               
         
    ดูนั่น

                
          
    แสงนวลตาแลเห็นอยู่ลิบๆ   เสียงหวานเสนาะโสตกระซิบแผ่วเบาแทรกผ่านอากาศรอบกายเข้ามาล่องลอยอยู่ท่ามกลางสายลมหวีดหวิวบาดผิว

               
         
    ใครคนหนึ่งกำลังเรียกหาเขา

               
         
    ไดแอซ ไดแอซ

     ----------------------------------------------------------------------          

    เอ้อ คือว่ามันแวบหายอีกแล้ว แย่จริงๆ แก้จนเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×