ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #15 : ความสุขของคริสต์มาส(แก้ไขเล็กน้อยค่ะ)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 49


         
         หลังจากเดินวนหาของกินกับมอเดรสอยู่พักใหญ่   ทั้งหมดก็ลงเอยกับร้านคาเฟ่ลาเต้ที่ว่า  อาซาเลียนั้นไม่ใคร่พูดอะไรออกมานัก ถามก็ไม่ยอมตอบปล่อยให้มาร์คัสกับไดแอซเกิดอาการอัดอั้นตันใจเพราะข้อสงสัยเต็มอกจนพาลกินไม่ค่อยลง  จนเมื่อระฆังประจำเมืองส่งเสียงเหง่งหง่างเป็นการบอกเวลาเที่ยงคืนพวกเขาจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก  
     
         หญิงสาวเพียงบอกลาด้วยเสียงเบาๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินจากไป  "รอด้วยสิ"  มอเดรสหันกลับไปตะโกนบอกอาซาเลีย  "ข้าไปล่ะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแวะไปหาเจ้า"  ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นแล้วออกวิ่งไปทิ้งให้ทั้งคู่ยืนมองหน้ากันอยู่บนถนนสายหลักซึ่งยามนี้ค่อนข้างเงียบงัน
     
         ไดแอซส่ายหน้าเหมือนจนใจจะพูดอะไร  ฝ่ายมาร์คัสเองก็ถอนใจเบาๆ ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกเขาจะเจอกับปริศนาอะไรมากมายแต่ละอย่างก็ชวนคิดไม่ตกเอาเสียจริงๆ  เด็กหนุ่มก้าวยาวๆพลางเอามือกุมซี่โครงตามหลังผู้ใช้เวทที่จ้ำอ้าวกลับที่พัก  
     
         "นี่มาร์คัส  ท่านเดินให้มันช้ากว่านี้ไม่ได้หรือไง ข้าจุกอ่ะ"  เจ้าตัวส่งเสียงโอดครวญ  ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยสายตาสงสารปนสมน้ำหน้าแล้วหยุดรอ  ขนาดบอกว่ากินไม่ค่อยลงยังยัดเข้าไปตั้งหกเจ็ดแก้ว สงสัยถ้ามันกินลงคงเหมายกร้าน แต่นั่นไม่เป็นปัญหาอะไรก็คนจ่ายตังค์ไม่ใช่เขาสักหน่อยนี่นา เอาเถอะไอ้เจ้ามอเดรสคงไม่จนลงไปสักเท่าไหร่หรอก
     
         พระจันทร์ดวงกลมโตลอยเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือฟากฟ้า  เมื่อพวกเขากลับเข้าห้อง ไดแอซสลัดผ้าพันคอและเสื้อโคดกระโดดขึ้นเตียงซุกผ้านวมหนาในทันที  มาร์คัสเองก็เช่นกันคงเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักติดๆกันมาหลายวัน 
     
         แต่พอคิดจะนอนกลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างพลิกตัวไปมา  เด็กหนุ่มนึกย้อนถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น  เจ้าตัวอดมุ่นคิ้วเมื่อนึกถึงสัมผัสแปลกๆที่พยายามแทรกเข้ามาในความฝันของเขา  ตอนที่กำลังสัปหงกในห้องประชุม  จากนั้นเด็กหนุ่มก็พยายามจับเรื่องต่างๆมาลำดับแล้วโยงไปโยงมาลากแผนที่ขึ้นในสมอง สุดท้ายก็พบว่ามันดันมาพันกันอุตลุดกลายเป็นปมแน่น จึงถอดใจหันมานอนนับแกะแทน
     
         ฝ่ายมาร์คัส รายนั้นไม่ว่านึกเรื่องอะไรก็มีแต่หน้าของอาซาเลียลอยตุ๊บป่องขึ้นมาแทรกทุกทีไป  หนักเข้าเจ้าตัวก็ยิ้มเขินกับธาตุอากาศมันเสียเลย  พอรู้สึกตัวนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าคนร่วมห้องมาเห็นเข้ามีหวังเขาถูกเผาวอดเป็นจุณแน่จึงรีบหุบยิ้มแล้วพลิกตัวไปจ้องฝาห้อง

                                                             **********************
     
         ตอนสายวันสุกดิบของคริสต์มาสนี้ดูเหมือนว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงกว่าทุกวัน  อากาศจึงค่อนข้างทารุณเอาการ ซ้ำยังมีลมพัดมาเป็นระยะๆ  เรียกว่าหนาวเข้ากระดูกดำโดยแท้  ขนาดไดแอซที่ดูท่าจะชินกับอากาศแนวนี้ยังสวมเสื้อคลุมหนาตั้งหลายชั้น  พวกมาร์คัสยิ่งไม่ต้องพูดถึง  แต่ละคนกลมปุ๊กอย่างกับถังเบียร์
     
         หิมะหยุดตกแล้ว  บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนหลายกลุ่มที่เริ่มระเบิดสงครามปาสโนว์บอลก้อนกลมขนาดพอดีฝ่ามือกันอย่างสนุกสนาน 
     
         ในวันนี้แทบทุกคนต่างพากันออกมาสนุกกับการละเล่นที่ถือว่าเป็นประเพณีในวันสุกดิบของแพนเทียเลยก็ว่าได้  จึงเห็นสโนว์บอลนับสิบๆลูกลอยว่อนไปมาอยู่ในอากาศ  บางคนที่ลงทุนถึงกับลากถังใส่หิมะขึ้นไปซุ่มตัวอยู่ชั้นสองของบ้านก็มี
     
         ปึ๊ก
     
         เสียงสโนว์บอลลูกหนึ่งในนั้นโคจรมาปะทะกับหน้าของมาร์คัสเข้าพอดี  เมื่อปาดหิมะที่ติดอยู่เต็มออกจนหมดเขาก็พบว่าเจ้าของสโนว์บอลที่ปะทุษร้ายเขาคือเวสนั่นเอง  ผู้ใช้เวทซึ่งค้างอยู่ในท่าเดิมที่ปาเขาเมื่อครู่ยิ้มเจื่อนๆให้  ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดอะไร สโนว์บอลอีกลูกก็ลอยวืดมาด้วยแรงระดับช้างสารกระแทกศรีษะด้านหลังเต็มเปาจนมาร์คัสเห็นดาวระยิบระยับ
     
         มาร์คัสค่อยๆดับดาวที่โคจรรอบศรีษะพร้อมเปล่งประกายทีละดวงแล้วหันไปเหวใส่คนที่ทำร้ายร่างกายเขาเป็นรายที่สองของวัน  

          "ไดแอซ"
     
         เด็กหนุ่มไม่รอฟังเสียงอะไรทั้งสิ้นรีบหันหลังวิ่งไปหาที่กำบังทันที  "นี่โชวี่ มาร์คัสแกล้งข้าอ่ะ" เขาจัดการฟ้องพร้อมตอกไข่ใส่สีเสร็จสรรพ  "ดูดิ ปั้นสโนว์บอลซะก้อนโตเลย" เจ้าตัวว่าพลางมองไปยังคนที่ว่าซึ่งกำลังเดินมาหาพร้อมในมือทั้งสองข้างที่มีสโนว์บอลลูกยักษ์อย่างที่เขาบอก  "ใจคอจะทำร้ายเด็กน้อยอย่างข้า ไร้เมตตาจริงๆ"  ว่าพลางทำตาใสซื่อให้ชายหนุ่ม
     
         วืด   
     
         เสียงแหวกอากาศของวัตถุก้อนโตใช่ย่อยตามมาด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน  
     
         โพละ
     
         ไดแอซเหลือบตามองชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนเป็นบังเกอร์ให้เขา  ครั้นเห็นว่าเจ้าตัวค่อยๆปาดหิมะออกจากใบหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับบรรยากาศชวนใหรู้สึกหนาวๆร้อนๆชอบกลเริ่มปกคลุมบริเวณที่ทั้งสามยืนอยู่ แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรออกมา  หิมะตกใหม่ที่จับตัวกองกันอยู่แถบชายคาบ้านซึ่งบังเอิญตรงกับหัวของมาร์คัสพอดิบพอดีเกิดถล่มพรวดลงมาเสียก่อน
     
         โครม 
     
         สิ้นเสียงวัตถุทั้งขาวทั้งเย็นที่ตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลกนั้นกองทับถมกันอยู่เต็มผมสีทองอ่อนรวมไปถึงโคดหนาสีดำ  ชายหนุ่มยืนนิ่งเหมือนปลงตกแล้วว่าวันนี้ยังไงเขาคงหนีไม่พ้นเจ้าหิมะพวกนี้อยู่ดี เจ้าตัวถอนหายใจเฮื้อกก่อนจะสะบัดศรีษะยกใหญ่ 
     
         ก๊ากๆๆๆ

         เสียงหัวเราะอย่างสมหน้าที่สุดดังมาจากโชวี่เรียกให้สายตาของคนทั้งถนนหันมามองพวกเขาเป็นจุดเดียวกัน  เวสโผล่หน้าออกมาจากมุมตึกตามด้วยราดีสและคนอื่นๆ  ครั้นพวกนั้นเห็นเพื่อนยืนทื่อโดยมีหิมะกองสุมทั้งตัวต่างฝ่ายต่างพยายามกลั้นหัวเราะสุดความสามารถแล้วมารุมกันปัดหิมะออกให้ เวสพึมพำเบาๆเพียงสองสามคำเสื้อผ้าหนาหนักของชายหนุ่มก็แห้งปราศจากหิมะหรือความชื้นใดๆ 
     
         หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาก่อสงครามสโนว์บอลต่ออย่างสนุกสนาน  เสียงหัวเราะอย่างรื่นเริงจากผู้คนทุกเพศทุกวัยล่องลอยอยู่ในอากาศรอบกาย ไดแอซซึ่งตอนนี้วิ่งหลบสโนว์บอลจนแก้มขึ้นสีแดงเรื่อๆถอยเข้ามาอยู่ในกันสาดเล็กๆของบ้านตรงหัวมุมถนนพลางมองกลุ่มผู้ใช้เวทที่ตอนนี้รวมตัวกับชาวบ้านแล้วแบ่งเป็นสองพวก  
     
         เสียงสั่งบุกจากชายวัยกลางคนซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกับมาร์คัสดังขึ้น  จากนั้นสโนว์บอลหลายขนาดก็ลอยละลิ่วไปทั่วบริเวณ ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเห็นว่าเวสลื่นโครมลงไปพร้อมฉุดเพื่อนๆอีกสองคนให้ลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ด้วยกัน    
     
         จนบ่ายคล้อยต่างฝ่ายต่างเหนื่อยและรามือกันไป  แสงอาทิตย์สีอมแดงสาดลำออกมาจากหมู่เมฆมัวส่งให้หิมะรอบกายเปลี่ยนเป็นสีชมพูในฉับพลัน  แว่วเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นเบาๆ เมื่อเด็กหนุ่มหันไปมองต้นเสียงพบว่าเป็นหญิงชรากำลังสีเชลโล่อยู่ใต้กันสาดที่เจ้าตัวยืนเมื่อครู่
     
         นางยิ้มให้เขาอย่างใจดี  พร้อมกับเสียงของเครื่องดนตรีอีกนับร้อยชิ้นจากทั่วทุกมุมของแพนโทเนียสอดประสานขึ้นเป็นท่วงทำนองเดียวกัน  บทเพลงกระหึ่มก้องทั่วเมืองท่ามกลางแสงแห่งสนธยาอันงดงาม  "บทเพลงฤดูหนาว"  มาร์คัสที่ออกมายืนข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอ่ยขึ้น

         สักพักเขาได้ยินเสียงก้องกังวานมาจากทางด้านเดียวกับพระราชวัง  และแล้วกระแสของท่วงทำนองทั้งหลายทั้งมวลก็พากันเปลี่ยนไป  กลับกลายเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งทว่าก็อ่อนโยนในเวลาเดียวกัน  "เพลงแห่งแพนเทีย " ชายหนุ่มผู้รับหน้าที่เป็นไกด์ประจำตัวบอก  เพลงซึ่งหล่อหลอมจิตวิญญาณของผู้คนทุกเชื้อชาติทุกชนชั้นที่อาศัยอยู่บนผืนดินแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งเดียว

         เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาด้วยรู้สึกถึงกระแสอันแปลกประหลาด  "เริ่มกันแล้วล่ะ"  เสียงเวสลอยมากระทบหูพร้อมกับที่ผู้คนมากมายวิ่งออกมาจากบ้านเรือนจนเต็มถนน  ไดแอซจ้องสิ่งที่ค่อยๆร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาเท่าใดนัก  เขามองแล้วมองอีกด้วยความสงสัยเป็นที่สุด  จนหนึ่งในนั้นตกกระทบหัวเขา 
     
         "ลูกกวาดนี่หว่า"  เด็กหนุ่มพึมพำ ก่อนจะแกะออกชิม  รสอมหวานอมเปรี้ยวของมันชุ่มคออย่างบอกไม่ถูก  เสียงโห่ร้องดังขึ้นรอบๆตัวเขา  "ข้าได้รสมิ้นท์อ่ะ เจ้าสนใจจะแลกกันไหม"  เสียงจากคนข้างตัวถาม  ไดแอซ มองของในอ้อมแขนอีกฝ่าย  "ทำตัวอย่างกับเด็ก"  เจ้าตัวอุบอิบโดยที่ไม่นึกว่าตัวเองก็ถูกเรียกว่าเด็กเช่นกัน
     
         สรรพเสียงแห่งความยินดีรอบกายพลอยทำให้เขารู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก  เจ้าตัวยิ้มพลางมองดูภาพตรงหน้าคล้ายจะซึมซาบเอาไว้ในหัวใจตราบนาน

                                                           *******************************

         หลังจากนั้นในตอนค่ำพวกเขาล้อมวงฉลองคริสต์มาสกันในห้องของราดีสกับเมอร์ส  ซึ่งแปรสภาพจากห้องว่างๆมีแต่เตียงมาเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ยาววางเรียงๆกันไป  บนโต๊ะเต็มไปด้วยสารพันอาหารที่สรรหากันมาจากทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง  โดยมีไก่งวงอบตัวโตซึ่งตอนนี้เหลือเนื้อหนังมังสาปิดกระดูกไม่มากนักตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง

         กร๊อบ
     
        เสียงเหมือนใครเคี้ยวโดนของแข็งอะไรสักอย่างดังสนั่นลั่นโต๊ะเรียกให้ทุกคนหยุดการกระทำแล้วหันมามองต้นเสียงที่ถือว่าเป็นผู้โชคดีรายแรกของคืนเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นมาร์คัสนั่นเอง

         ชายหนุ่มส่งยิ้มเจื่อนให้เพื่อนๆทั้งหลายที่กำลังลุ้นสุดตัวว่าสิ่งที่อยู่ในปากชายหนุ่มนั้นจะเป็นอะไรกันแน่  เขาทำหน้าพิกลๆก่อนจะคายสิ่งที่อยู่ในปากออกมา ส่งให้เพื่อนตัวดีทั้งหลายผิวปากฟิ้วๆเป็นการใหญ่  สิ่งนั้นคือแหวนเงินวงเล็กๆ  ซึ่งตามธรรมเนียมเชื่อกันว่าผู้ที่พบมันในคริสต์มาสพุดดิ้งจะได้แต่งงานภายในหนึ่งปี  ยังไม่ทันไรเสียงเดิมก็ดังขึ้นอีก คราวนี้มาจากไดแอซซึ่งนั่งอยู่เกือบปลายโต๊ะ 
     
         "เหรียญอ่ะ  ข้าได้เหรียญ" 
     
         เจ้าตัวตะโกนลั่นอย่างดีใจ นั่นเป็นสัญญาณว่าเขาจะรวยในเร็วๆนี้ล่ะ  เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมโต๊ะได้โขทีเดียว  จนระฆังเที่ยงคืนดังเหง่งหง่างขึ้นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นแต่ก็อบอวลไปด้วยความสุขมากมาย งานฉลองจึงเลิกราไป

                                                                  *****************
     
        เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันหยุดอีกวันหนึ่งต่างคนต่างนอนตื่นสายเนื่องมาจากการฉลองเมื่อคืน ไดแอซจึงเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมารับอรุณอันหนาวเหน็บเช่นนี้
     
        แพนโทเนียในยามเช้าวันนี้เงียบสงบยิ่งกว่าทุกวัน  สรรพเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจซึ่งเคยดังเซ็งแซ่อยู่รอบๆที่พักในเวลานี้สงัดราวถูกดูดกลืนไปภายใต้หิมะหนา  โลกทั้งโลกคล้ายตกอยู่ภายใต้มนตร์สะกดแห่งความเงียบงัน  เด็กหนุ่มทอดสายตามองทิวทัศน์สีเงินยวงประดุจแก้วใสรอบกาย
     
        "ตื่นเช้าดีนี่"  เสียงทักจากด้านหลัง  เมื่อเขาเอี้ยวตัวไปดูก็พบมาร์คัสในชุดกันหนาวสีดำอย่างเคยเดินออกมาสมทบ  ครั้นลมหนาวพัดผ่านมาวูบหนึ่งเจ้าตัวห่อไหล่แล้วอังมือกับลมหายใจที่เห็นเป็นควันขาวๆ "หนาวเป็นบ้าเลย เจ้าไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ"  ชายหนุ่มหันมาถามเมื่อเห็นคนข้างตัวสวมเพียงเสื้อคลุมแบบธรรมดากับผ้าพันคอบางๆผืนหนึ่ง 

         เด็กหนุ่มส่ายหน้าขณะที่ดวงตาสีฟ้ามีแววขบขันฉายอยู่  ที่พักของพวกเขามีด้วยกันทั้งหมดสี่ชั้นซึ่งจัดว่าเป็นอาคารสูงพอตัวทีเดียว  เนื่องมาจากบ้านเรือนส่วนมากในแพนโทเนียยังคงเป็นแบบเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโน้นอย่างดีก็สูงเพียงสองชั้นครึ่ง  จากบนระเบียงนี้จึงทำให้มองเห็นได้เกือบทั้งเมือง

         "สวยดีนะ"  ไดแอซเอ่ยเสียงเบา  "อีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว"  มาร์คัสว่าพลางขยับกายไล่ความหนาว  "บางทีข้าก็เคยคิดว่าหากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย  จะได้มีแต่ความสุขแบบนี้ตลอดไป  อย่างเช่นตอนนี้" 
     
        "ท่านก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้  เวลาจะต้องดำเนินต่อไปตามครรลองของมันเฉกเช่นหิมะ  แม้งดงามทว่าก็จำต้องละลายเมื่อฤดูหนาวผ่านพ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำ ว่ามันเคยประดับประดาอยู่บนพื้นโลกใบนี้  ทำให้ทุกสิ่งดูงดงาม  ความสุขก็เช่นเดียวกันหากท่านหยุดเวลาไว้เพียงแค่นี้แล้ว  คงไม่อาจรู้ได้ว่าฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาเยือนนั้นงดงามสักเพียงไหน
     
        ถ้ามัวแต่ยึดติดกับความสุขที่เคยพานพบแล้ว  เราก็จะมองไม่เห็นความสุขอีกมากมายที่เกิดขึ้นและจะผ่านเข้ามาในอนาคต  แม้ข้าไม่มีอดีตอะไรให้ได้ระลึกถึง แต่ข้าก็จะขอเก็บเวลาอันมีค่าเหล่านี้ไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" 
     
        น้ำคำจากปากคนตรงหน้าทำให้เขาอดหันมองเจ้าตัวไม่ได้  นัยน์ตาสีเดียวกับท้องฟ้าหน้าหนาวดูอ้างว้าง  เหงาเศร้าอย่างบอกไม่ถูก  มาร์คัสจึงยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ "เอ้านี่  ข้าให้ลูกกวาดปลอบใจเจ้า"  ชายหนุ่มยื่นห่อขนมสีสันสวยงามส่งให้เด็กหนุ่ม  "จะบ้าเหรอข้าไม่ใช่เด็กสองขวบสักหน่อย"  ปากว่าอย่างนั้นแต่มือกลับยื่นมารับของแถมกำเอาไว้เสียแน่น  
     
        เสียงหัวเราะของสองคนดังอยู่ท่ามกลางอากาศอันเงียบสงัดโดยไม่อาจรู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่

                                                    ***************************
      
         "Merry Christmas"
     
         เสียงที่ฟังเหมือนดัดของจอมปราชญ์นามวาริดแผดสะท้อนก้องไปมาตามถนนสายโล่งทำเอาหลายคนที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยยามเช้าสะดุ้งกันเป็นทิวแถว  มาร์คัสโคลงศรีษะด้วยรู้ดีว่าศิษย์กับอาจารย์คู่นี้ชอบแกล้งกันมาแต่ไหนแต่ไร
     
         "We wish you a merry christmas ,We wish you a merry christmas"
      
         "เอาเข้าไป  คราวนี้มีเพลงพ่วงมาด้วยอีกต่างหาก  มลพิษทางเสียงยามเช้าเลยนั่น"  ไดแอซแอบนึกในใจพลางยกมืออุดหูแล้วหันไปพยักหน้ากับชายหนุ่มที่อยู่ในท่าเดียวกัน  ขณะที่ลมหนาวพัดแรงหอบเสียงขึ้นไปสู่เบื้องบน
     
         เมื่อพวกเขากลับลงมาพบว่าเวสกำลังพยายามหาวิธีจัดการกับวัตถุเจ้าปัญหาที่ท่านวาริดอุตส่าห์ประดิษฐ์ขึ้นแล้วส่งมาเป็นของขวัญศิษย์รัก  
     
         วัตถุที่ว่านี้คือกล่องของขวัญขนาดโตกว่าฝ่ามือเล็กน้อยประดับริบบิ้นแพรสีแดงสลับเขียวแถมด้วยปีกสีขาวขนาดใหญ่กระพือพรึบๆ  ทันทีที่เห็นผู้มาใหม่ทั้งสองมันรีบโบกปีกเข้ามาหาตามด้วยเสียง "Merry Christmas" ไม่หยุดหย่อน  ไดแอซรีบตะบบเจ้ากล่องกวนหูตอนเผลอปีกใหญ่ตีพรึบๆเข้าเต็มแขนเด็กหนุ่ม
     
         "ถ้าไม่นิ่งเดี๋ยวพ่อกระทืบซะ"  ดูเหมือนคำขู่จะได้ผลชะงัดเจ้ากล่องนิ่งสนิทไปทันตาเห็น ไดแอซจึงรีบส่งต่อมันให้มาร์คัสซึ่งรอท่าอยู่แล้ว  ชายหนุ่มคว้าเชือกมาพันๆปีกไว้แล้วยัดกลับไปในถุงผ้าดังเดิม
     
         "มือไวดีนะ"  เวสชมขณะที่ปล้ำกับถุงผ้าซึ่งดิ้นไปดิ้นมา  ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะได้ยินเสียงกล่องนั่นคำรามแง่งๆๆ กับเสียงเหมือนฟันกระทบกันลอดออกมา  ครั้นเห็นสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยปลอดภัยเจ้าตัวจึงรีบหลบฉากกลับห้องปล่อยให้ผู้ใช้เวททั้งสองจัดการกันไปตามยถากรรม
     
         คล้อยหลังเขาไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงโครมครามพร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกสนั่น  พวกราดีสกับแขก
    เหรื่อทั้งหลายวิ่งหน้าตาตื่นออกมาดูกันใหญ่ ไดแอซที่เปลี่ยนใจเดินกลับไปใหม่ได้แต่ยืนให้กำลังใจอยู่นอกวงตะลุมบอนพร้อมแพนเทียมุงจนกลุ่มผู้ใช้เวทจัดการส่งกล่องนั่นกลับไปได้สำเร็จ
     
         ต่างคนต่างนั่งแหมะลงกับพื้นห้องที่ตอนนี้มีสภาพตอนนี้ทั้งรกทั้งยุ่งจากการผ่านศึกครั้งใหญ่มาหมาดๆสารรูปเจ้าของห้องก็ใช่ย่อย  เสื้อผ้ารุ่งริ่งผมเผ้ากระเซิงราวโดนหมาบ้าทั้งฝูงไล่ฟัดนั่งทำหน้าขอความเห็นใจเพื่อนๆอยู่บนพื้น
     
         "อ้าว มอเดรส"  ไดแอซทักเมื่อหันไปปะกับชายหนุ่มลูกพี่ลูกน้องของมาร์คัสเข้า  "ข้าหอบขนมมาฝาก….." คำพูดชะงักไปเมื่อเจ้าตัวไล่สายตาขึ้นๆลงๆดูสภาพของคน และห้องด้วยท่าทีแปลกใจ "ไปห้องข้าก่อนแล้วกัน"  มาร์คัสเสยผมให้เข้าที่เข้าทางแล้วพามอเดรสเดินไปยังห้องของตนพร้อมเสียงอธิบายแว่วๆดังมาตามทางเดิน
     
         ฝ่ายเวสได้แต่ถอนใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย  ไอ้กล่องบ้านี่ทำเอาเช้าวันดีๆของเขาปนปี้หมดทีเดียว

                                                           ********************
     
         "คุณหนูอาซาเลียอยากพบพวกเจ้า"  ชายหนุ่มบอก  "นาง……."  ยังไม่ทันที่มาร์คัสจะถามอะไรมอเดรสก็ชิงอธิบายเสียก่อน  "นางเป็นธิดาของท่านเรเวียสผู้ดูแลซามานน่า"  มาร์คัสเบิกตาโตแต่ก็พยักหน้ารับผู้ใช้เวทจึงกล่าวสืบไป  "ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของพวกเจ้านี่นา"
     
         "ว่าแต่เจ้าเถอะ  มีลับลมคมในอะไรกับข้ากันแน่" มาร์คัสเริ่มเข้าสู่โหมดคาดคั้น  ฝ่ายลูกพี่ลูกน้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วรีบชิงตัดบทว่าเหนื่อยเพราะเมื่อวานกางเขตเวทส่งลูกกวาดอยู่นาน  แวะเอาของมาให้แล้วจะรีบกลับไปนอนต่อ  แล้ววิ่งพรวดพราดออกไป
     
         ชายหนุ่มสวนทางกับไดแอซที่เพิ่งเสร็จจากภาระกิจจำเป็นในการเก็บกวาดห้องของเวส  เด็กหนุ่มมองตามแผ่นหลังที่รีบร้อนจากไปด้วยความสงสัยก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
     
         "คุณหนูอาซาเลียเชิญพวกเราไปพบแน่ะ"  มาร์คัสบอกเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามา  "ไอ้เจ้ามอเดรสก็มีความลับเยอะเสียเหลือเกิน  บอกข้าบ้างก็ไม่ได้"  เจ้าตัวบ่นอุบพลางรื้อขนมที่อีกฝ่ายขนมาฝาก   "ข้าว่าบางทีนางอาจนำพวกเราไปสู่ต้นเหตุแห่งเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นได้" 
     
         "นั่นสินะ  บางที….. ข้าชักอยากพบท่านเร็วๆเสียแล้วสิ คุณหนูอาซาเลีย"

    -------------------------------------
    หวัดดีค่าทุกท่าน 
      กลับมาแก้ไขอะไรเล็กๆน้อยๆ  เพิ่งสอบเสร็จเลยละค่ะ อยู่ในโหมดขี้เกียจเต็มที่(แหะๆ) สอบเสร็จแล้วปีใหม่นี่ก็ไม่ดีเหมือนกันนะคะ  ต้องคอยฉลองไปลุ้นไปว่าวันเปิดเรียนอาจารย์เคมีจะมายืนถือหนังสือดักทุบหัว(โทษฐานสอบตก)อยู่หน้าโรงเรียนรึเปล่า คิดแล้ว....T-T 
      วันนี้หลายๆคนน่าจะหยุดปีใหม่กันแล้ว  เฮ้อ เผลอไม่ทันไรก็สิ้นปีซะแล้ว อะไรหลายๆอย่างที่ปีนี้อยากทำ คิดจะทำ และวางแผนจะทำก็ยังไม่ได้ทำซักที(ชวนงงเล็กน้อย)
      พอลองมองย้อนกลับไปรู้สึกว่าเวลาจะเดินกันเร็วจริงๆเลย ทั้งๆที่รู้สึกว่าเพิ่งเมื่อวานไม่ใช่เหรอที่เรายังยกขบวนกันไปเที่ยว+หลงทางตอนปิดเทอม คิดๆไปก็ใจหายเหมือนกันเนอะ ผ่านไปตั้งปีนึงแล้ว 
       ก็เหมือนกับที่ไดแอซพูดไว้ข้างบน(โน้น) ถ้าหยุดอยู่แค่นี้เราก็อาจไม่ได้พบกับความสุขความงามของวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป ยังไงก็ต้องเดินต่อไปอยู่แล้ว(พล่ามนะนั่น)
       ยังไงก็สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ คุณAke cramsky เป๊กกี้ พินนี่ ฟางน้อย ผิงผิง บีจังและทุกๆท่าน ขอให้มีความสุขเยอะๆนะคะ
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×