ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ใต้เงาความฝัน
เช้าของวันต้นสัปดาห์ใหม่นี้เองเป็นวันแรกในการประชุมของผู้ใช้เวท ซึ่งพวกเขาทั้งหลายได้รับสิทธิให้ใช้ห้องประชุมอันโอ่โถงของสภากลาง แถมยังมีประธานเป็นกษัตริย์พระองค์ปัจจุบันของแพนเทียอีกต่างหาก และในวาระอันเป็นพิเศษเช่นนี้มาร์คัสกับเวสก็ถือโอกาสหนีบเอาไดแอซมาด้วยอีกเช่นเคย
“
“
“
***************************
วันนี้พวกเขาใช้บริการรถรับส่งเทียมม้าที่ทางสภากลางจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานก็เข้าเขตตัวเมืองฝั่งตะวันออก แต่ด้วยการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดเอาการ รถจึงสามารถส่งได้เพียงหน้าถนนสายใหญ่ซึ่งทอดเข้าสู่สภากลาง ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องพึ่งกำลังขาทั้งหมดเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงสภากลางตามเวลานัดหมาย
ตอนนี้ทางเดินกว้างด้านหน้าเนืองแน่นไปด้วยผู้ใช้เวททั้งชายและหญิงจนเห็นเป็นกลุ่มก้อนสีดำมืดเต็มไปหมด ตัดกับธงทิวสีสันสดใสมากมายที่ถูกนำมาประดับไว้และโบกสะบัดอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวยามเช้า พวกเขาแทรกผู้คนเข้าไปจนถึงหน้าห้องประชุมพร้อมๆกับที่เสียงระฆังบอกเวลาบนหอสูงดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้ใช้เวททั้งหลายเข้าห้องประชุม
ประตูไม้โอ๊คบานใหญ่เขียนลวดลายเป็นนกและดอกไม้หลากสีชวนมอง หน้าห้องมีการตรวจตราจดหมายรับรองอย่างเข้มงวด ผู้ใช้เวททั้งหลายซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้วค่อยๆทยอยเดินเข้าไปทีละรายสองราย ส่วนกรณีของไดแอซนั้น มาร์คัสยื่นจดหมายที่ดูเหมือนจะมาจากจอมปราชญ์ให้กับพาลาดินแล้วลากเด็กหนุ่มเข้าไป
ด้านในคือที่นั่งพร้อมโต๊ะเรียงเป็นรูปครึ่งวงกลมลดหลั่นกันไปตามความสูง ผนังโดยรอบเป็นรูปเขียนหิมะสลับกับป่าสนอย่างทางเหนือ หิมะอีกแล้ว ไดแอซแอบคิด และด้านหน้าห้องมียกพื้นประดับดอกไม้ตามมุมเล็กๆน้อยๆ ซึ่งดูแล้วคงถูกจัดทำขึ้นสำหรับการนี้โดยเฉพาะ อากาศในห้องอุ่นสบายกว่าภายนอกรวมถึงค่อนข้างสว่างด้วยลูกไฟเสกสีส้มดวงจ้อยจำนวนมากเต็มช่อไฟแก้วเจียระไนระยับบนเพดานสูง
พวกเขาเลือกที่นั่งในมุมสูงทำให้มองเห็นอะไรๆได้สะดวก เด็กหนุ่มเท้าคางมองบรรดาผู้ใช้เวทที่พากันสลัดเสื้อคลุมตัวหนาเดินเข้ามาเลือกที่นั่งเรื่อยๆ ระหว่างที่มาร์คัสกับคนอื่นๆกำลังพูดคุยกับกลุ่มที่นั่งอยู่แถวล่างถัดลงไปจากตนอย่างออกรส
หลังผู้ใช้เวทคนสุดท้ายนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าพาลาดินภายใต้สังกัดกรมทหารรักษาพระองค์เดินแถวเข้ามายืนประจำที่ตามจุดต่างๆของห้อง และประตูบานสีทองอ่อนฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าเปิดออกพร้อมเสียงประกาศก้อง
“
เวลานี้ทั้งห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด ผู้ใช้เวททั้งหมดพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนค้อมกายต่ำแสดงความเคารพต่อผู้เป็นราชาแห่งแผ่นดิน
ผู้ที่ก้าวเข้ามาคือชายวัยกลางคนร่างสูง วงพักตร์เคร่งขรึม มงกุฏบางสีทองอ่อนคาดทับเกศาน้ำตาลเข้มดุจเปลือกไม้และดวงตาสีเทาที่แฝงแววอ่อนโยน ราชาไซคลาเมนในฉลองพระองค์ฤดูหนาวสีเข้มเรียบง่ายแต่งามหรู รัศมีของความสง่าน่าศรัทธาฉายชัดจากพระองค์ ทว่าพระพักตร์นั้นไม่ยิ้มแย้มกลับหมองเศร้าจนเป็นที่สงสัยแก่ผู้พบเห็น แม้แต่พวกของมาร์คัสซึ่งอยู่ตรงแถวบนสุดยังสังเกตได้
“
“
นาทีนี้ผู้ใช้เวททั้งหมดลุกพรึบจากเก้าอี้ขึ้นพร้อมๆกันจนมองเห็นเป็นคลื่นสีดำ แล้วพากันลงไปคุกเข่าก้มหน้างุดๆอยู่กับพื้น
“
องค์ราชาทรงค้อมเศียร ทำเอาพวกเขาก้มศรีษะต่ำลงไปอีกจนหน้าแทบจะติดพื้นพรมอยู่นั่น “คงต้อง ฝากพวกเจ้าด้วย” ผู้ใช้เวททั้งหลายส่งเสียงรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลังจากองค์ราชาเสด็จกลับไปแล้ว ปราชญ์ประจำราชสำนักซึ่งเป็นชายแก่สวมแว่นตาหนาเตอะก็เข้ามารับหน้าที่อธิบายเรื่องราวต่างๆเพิ่มเติมให้เป็นที่กระจ่างชัด ไดแอซซึ่งพอจะรู้เกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้อย่างคร่าวๆด้วยการได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดที่ฟอนเทนเบิร์กเริ่มเข้าใจร่างๆ เสียงพูดแบบเรื่อยๆในสปีดธรรมดาติดจะช้า มีผลทำให้ผู้ใช้เวททั้งหลายที่เมื่อครู่ยังมีท่าทีกระตือรือร้นทำท่าจะหลับเอาให้ได้ แม้แต่ไดแอซก็แอบโงกกับเขาด้วย
ดอกไม้สีเลือด ...ที่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเป็นสิ่งใดกันแน่ เป็นวัตถุหรือเป็นเพียงสิ่งสมมติ ตำนานซึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนนั้นแฝงความหมายสิ่งใดไว้ และนี่คือคำถามที่พวกเขาต้องหาค้นคำตอบให้พบโดยเร็วที่สุด
หลังจากเวลาหลายชั่วโมงผ่านไป หน้าที่ของปราชญ์ประจำราชสำนักหมดลงก็ถึงคราวของผู้ใช้เวทบ้าง การหารือเริ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้เวทแถวหน้าคนหนึ่งกระโดดขึ้นยกพื้นแล้วคว้าเครื่องขยายเสียงเวทแหกปากร้องเพลงปลุกทุกคนในห้อง แน่นอนว่างานอะไรก็ตามจะเริ่มได้ต้องมีผู้นำ เสียงออกความเห็นดังมาจากมุมห้อง ซึ่งนับว่าเป็นความคิดที่ดีอย่างยิ่ง และหลังการลงคะแนนเสียงจากทุกคนในห้องเรียบร้อยก็ได้หัวเรือใหญ่มาคนหนึ่ง คราวนี้เป็นผู้ใช้เวทที่อาวุโสที่สุดซึ่งเป็นชายวัยกลางคน เขาก้มหน้าก้มตาศึกษารายละเอียดปลีกย่อยจากบันทึกของสำนักพระราชวังอีกครั้งอยู่ครู่ใหญ่
“
เรื่องเดิมถูกเอามาเล่าซ้ำ พร้อมสรุปอย่างง่ายๆ บรรดาผู้ใช้เวททั้งหลายนั่งฟังกันตาแป๋วพลางงาบ แซนวิชที่ต่างเตรียมมาเป็นเสบียงราวรู้ล่วงหน้าว่าเป็นการประชุมแบบมาราธอนไม่มีพักยก ชายวัยกลางคนตัดสินใจเสนอให้ผู้ใช้เวททั้งหมดออกสืบค้นถึงตำนานที่ถูกบันทึกไว้
“
“
บรรดาผู้ใช้เวทหันซ้ายหันขวาปรึกษากันแต่ก็ไม่มีใครทัดทานใดๆ เพราะทุกคนก็ยังมืดแปดด้าน นอกจากตำนานหน้าเล็กๆในหนังสือแล้ว ยังไม่เคยมีใครรู้เกี่ยวกับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ซ่อนอยู่หลังหน้าประวัติศาสตร์เลยสักคน และส่วนมากออกจะงงๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ
“
ว่าพลางเจ้าตัวก็เสกเอากระดานรายชื่อตามด้วยแผนที่อันโตที่มีวงแดงๆแทนสถานที่ขึ้นมาแล้วเริ่มแจกแจงอาณาเขตการค้นหา นับเป็นโชคดีอย่างยิ่งที่กลุ่มของมาร์คัสกับเวสเป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับคำสั่งให้สืบค้นในเขตเมืองหลวง ไม่ต้องตะลอนๆออกไปไกล เหมือนอย่างคนอื่นๆที่บางพวกต้องดั่นด้นฝ่าดงสัตว์อสูรเข้าไปยังหุบเขาหมอกหรือเดินทางท่ามกลางความหนาวเย็นเข้าเขตทุ่งหญ้าทุรกันดารของชนเผ่าเร่ร่อน
“
ผู้ใช้เวทรับคำพร้อมเพรียงกัน “ข้าคิดว่าเมื่อพวกเราได้ข้อมูลมามากพอจะต้องค้นพบสาเหตุเป็นแน่” เขาบอกด้วยท่าทางเชื่อมั่น “เช่นนั้นวันนี้เอาไว้แค่นี้ ขอบใจสำหรับความร่วมมือของพวกเจ้าทั้งหลาย อีกสองสัปดาห์กลับมาพบกันใหม่ ขอดาราแห่งทิศเหนือคุ้มครองพวกเจ้า” ต่างฝ่ายต่างค้อมศรีษะให้กันและกันแล้วบางส่วนทยอยเดินออกจากห้องประชุมไป
************************
“
“
“
“
**************************
วันรุ่งขึ้นฟากฟ้าเหนือแพนโทเนียนั้นเต็มไปด้วยเงาดำๆโฉบไปโฉบมาของมังกรบ้างกราไฟต์บ้างบินกันให้เกลื่อนตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางดีนัก ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ปลุกให้ชาวบ้านออกมาจับกลุ่มยืนดูกันตามถนนเป็นทิวแถว
“
ไดแอซตะโกนบอกแล้วชี้มือชี้ไม้ขึ้นฟ้าอย่างตื่นเต้น ด้วยเจ้าตัวเพิ่งเคยเห็นตัวจริงของสัตว์อสูรทั้งสองชนิดนี้ ด้วยความดีใจเขายังอุตส่าห์ไปลากมาร์คัสขึ้นมาจากเตียงเป็นให้เพื่อนดูด้วยอีกต่างหาก
ไม่นานเงาร่างดำๆเหล่านั้นก็พากันแยกย้ายลับหายไปตามทิศทางต่างๆจนหมดสิ้น ผู้คนทั้งหลายจึงแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรประจำวันของตน ด้วยวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
สำหรับงานของพวกเขาที่จำกัดอยู่เฉพาะเขตเมืองหลวงนั้นเริ่มขึ้นในตอนสายๆของวัน หลังจากมาร์คัสได้รับจดหมายอนุญาตพิเศษให้เข้าไปค้นม้วนบันทึกและหนังสือตำรายังห้องสมุดใหญ่ในเขตการควบคุมของสภากลาง ซึ่งส่งมาถึงโดยสัตว์อสูรตัวจ้อยสีทองที่บินควงสว่านเฉียดหัวไดแอซลงมาปักแผละในถ้วยโจ๊กข้าวโอ๊ตของเขาจนเด็กหนุ่มแหกปากร้องลั่นร้าน
หอสมุดของที่นี่เป็นอาคารหินอ่อนตั้งติดถนนในสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกับสภากลาง ตัวอาคารซึ่งมีขนาดทั้งใหญ่ทั้งสูงยิ่งกว่าหอสมุดที่ฟอนเทนเบิร์กหลายเท่าตัวคำยันด้วยเสาฐานดอกไม้ต้นใหญ่นับสิบ เพดานยกสูงประดับกระจกเขียนสีเล่นมุมกับแสงแดด ส่วนที่เก็บหนังสือนั้นมีลักษณะคล้ายๆกันคือประกอบด้วยชั้นหนังสือสูงจดเพดานและคอกไม้ลอยหลายสิบคอก แตกต่างกันก็แต่มีบันไดเวียนขนาดเล็กเลียบติดกับกำแพงขึ้นไปจรดยอด ซึ่งดูท่าทางคงไม่มีใครใช้บ่อยนัก หลังจากแบ่งอาณาเขตกันเรียบร้อยพวกเขาทั้งเจ็ดคนก็เริ่มแยกย้ายไปค้นหาตามชั้นต่างๆ ไดแอซเองก็เดินดุ่มๆเข้าไปช่วยด้วยเขาเช่นกัน
พวกเขาเดินเข้าเดินออกตามชั้นอย่างไม่ขาดสายพร้อมหนังสือตั้งสูงถูกหอบมาวางกองล้นโต๊ะจนบังคนนั่งซึ่งก็คือเวสกับราดีสที่อาสาเป็นฝ่ายค้นหาข้อมูลเสียมิด ทั้งสองไล่สายตา มือหนึ่งพลิกหน้าหนังสือพรึบๆ อีกมือตวัดอักษรอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลา เพราะหนังสือแทบทุกเล่มในหอสมุดแห่งนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของอาณาจักรทั้งสิ้น นี่ยังไม่นับม้วนบันทึกเก่าแก่อีกเป็นร้อยซึ่งอยู่ในเขตหวงห้ามนะ
บรรดาผู้ใช้เวททั้งหลายเลยแทบจะกินนอนอยู่ท่ามกลางกองหนังสือที่ตอนนี้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเท่าตัวจนต้องยกอีกหลายโต๊ะมาต่อ พอตกเย็นต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับห้องใครห้องมันไปนอนด้วยความเหนื่อยอ่อนไม่มีใครมีอารมณ์มานั่งเอ้อระเหยคุยกันเหมือนเคย แต่ไดแอซกลับเสกไฟเย็นดวงกลมแล้วตั้งต้นอ่านหนังสือซะ งั้น ยังความประหลาดใจให้กับมาร์คัสที่เป็นเพื่อนร่วมห้องอย่างยิ่ง
“
จนหลายวันต่อมาไดแอซเริ่มอยู่ในสภาพผีดิบเดินได้ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นผีดิบเดินได้เพราะเล่นบ้าเลือดอ่านหนังสือมาราธอนแบบนั้น มาร์คัสได้แต่ถอนใจเฮือกๆเนื่องจากจะพูดอย่างไรรายนั้นก็ไม่ยอมฟังยืนยันว่าไหวๆลูกเดียว
“
“
เสียงดังสนั่นมาจากทิศทางที่บันไดตั้งอยู่พร้อมหนังสือตกกระจายเกลื่อน เรียกให้ผู้คนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ชั้นล่างชะงักกิจกรรมทั้งหมดและหันไปมองเป็นตาเดียวกัน จนบริกรที่อยู่แถวนั้นวิ่งเข้าไปดูนั่นล่ะถึงรู้ว่าเป็นคนตกบันไดลงมา
“
“
“
เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างอ่อนล้า “เดินไหวไหม” เวสถามพลางช่วยเมอร์สหิวปีกเด็กหนุ่ม ร่างนั้นซวนเซทำท่าจะล้มลงไปนั่งอีกรอบ “จะขี่คอข้าไปหรือเปล่า หือ” ราดีสถามกลั้วหัวเราะ ฝ่ายมาร์คัสทำหน้ายุ่ง “นี่หมายความว่าข้าต้องอุ้มมันกลับห้องอีกใช่ไหม”
“
แต่ที่แน่ๆ พอคล้อยหลังมาร์คัสปุ๊บไดแอซก็เสกไฟอ่านหนังสือต่อปั๊บแถมยังอุตส่าห์ลงเวทกั้นแสงซึ่งร่ายเร็วทำลายสถิติที่โดยปกติแล้วใช้เวลาตั้งเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าเขาจะทำได้
**********************
“
พรึบ
เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นนั่ง ดวงตาสีฟ้าว่างเปล่าที่เบิกโพล่งมีแววหวาดผวาฉายชัด “ไดแอซ” มาร์คัสจับไหล่เด็กหนุ่มเขย่าเบาๆเรียกให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว “มาร์คัส” เขาได้สติเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ “ตัวสั่นไปหมดเลย ไม่เป็นไรแล้วนะ” ชายหนุ่มลูบหัวปลอบอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“
นาทีนี้ชายหนุ่มเข้าใจถึงสาเหตุที่ไดแอซไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออยู่นั่น “งั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเองดีไหม” เขาลูบหน้าลูบหลังจนเด็กหนุ่มเริ่มสงบลง นัยน์ตาของชายหนุ่มเหลือบไปเห็นปุยสีขาวนุ่มร่วงผ่านหน้าต่างลงไป
“
ไดแอซลุกตามไปยังหน้าต่าง เขายื่นมือออกไปรับเกล็ดเงินงามนั้น “สวย” นัยน์ตาสีฟ้าหม่นเริ่มมีแววเหม่อลอยราวกับเจ้าตัวกำลังนึกย้อนไปถึงบางสิ่งในอดีต “เย็น” มือขาวขยี้เกล็ดหิมะเบาๆ “ที่ที่เป็นสีขาวโพลนไปหมด ทั้งต้นไม้ดอกไม้ แต่หิมะซึ่งโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายนั้นเต็มไปด้วยความเหน็บหนาว”
หนังสือบนโต๊ะถูกลมหนาวพัดให้เปิดขึ้น หน้ากระดาษขาวพลิกไปเรื่อยๆหน้าแล้วหน้าเล่า มาร์คัสคล้ายได้ยินเสียงเสนาะใสราวระฆังเงินขับเพลงกล่อมหวานลอยล่องมาพร้อมหิมะ ภูตพรายขับคีตาท่ามป่ากว้าง หิมะขาวพราวพร่างทุกแห่งหน เพลงลำนำคลอประสานขับกล่อมคน จนหลับใหลในฝันอันงดงาม เจ้าเด็กน้อยเอย ยามนิทรา ด้วยสองมือข้าจักพาไป สู่ดินแดนอันแสนไกล โอ้ .ที่ใดเจ้าจากมา ----------------------------------------
อัพแล้วละค่ะ ถึงจะช้าไปนิดนึงอ่ะนะ คือว่าไปซื้อเน็ตcsloxinfoมาแล้วคิดว่าจะใช้ได้ แต่ก็กลายเป็นหลุดบ่อยไปซะนี่ ส่วนเน็ตองค์การก็เสียคิดว่าน่าจะต้องแจ้งtotแล้วล่ะ น่าเศร้าจริงๆ ตอนนี้ก็กำลังจะเปิดเรียนแล้วเนอะ ทั้งๆที่ยังอยากนอนเล่นอยู่ที่บ้านแท้ๆเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น