ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่อมดแห่งเฟลูทีเน่

    ลำดับตอนที่ #10 : ใต้เงาความฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 49



         เช้าของวันต้นสัปดาห์ใหม่นี้เองเป็นวันแรกในการประชุมของผู้ใช้เวท ซึ่งพวกเขาทั้งหลายได้รับสิทธิให้ใช้ห้องประชุมอันโอ่โถงของสภากลาง แถมยังมีประธานเป็นกษัตริย์พระองค์ปัจจุบันของแพนเทียอีกต่างหาก และในวาระอันเป็นพิเศษเช่นนี้มาร์คัสกับเวสก็ถือโอกาสหนีบเอาไดแอซมาด้วยอีกเช่นเคย


         “
    แล้วเขาจะให้ข้าเข้าไปด้วยเหรอเนี่ยเด็กหนุ่มมองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างสงสัยเต็มประดา เพราะเขาไม่ได้เป็นผู้ใช้เวทเสียหน่อย จดหมายรับรองตนก็ไม่มี เวทก็พอใช้ได้แบบครึ่งๆกลางๆ แต่การที่เด็กหนุ่มได้เห็นมาร์คัสทำหน้ามีลับลมคมในสุมหัวกับเพื่อนๆก่อนจะหันมากระซิบกระซาบกับเวสแล้วเหลือบมองเขาเป็นระยะๆตั้งแต่ที่โต๊ะอาหารเช้า นี่มันกระตุ้นต่อมสงสัยของเขาเข้าเต็มเปาเลยนะ


         “
    เถอะน่า รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ข้าจะไปรอเจ้าข้างล่างมาร์คัสสั่งก่อนจะเดินลงไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนๆที่รออยู่ชั้นล่าง เด็กหนุ่มมองชุดที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้แล้วหยิบมันขึ้นก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อไดแอซตรวจดูหน้าต่างตามความเคยชินเรียบร้อยแล้วเด็กหนุ่มรีบวิ่งลงไปหามาร์คัสทันที หากว่าเขาสังเกตสักเล็กน้อยอาจพบว่ากระดาษแผ่นบางที่เจ้าตัวทับไว้ตั้งแต่เมื่อวานนั้น เปล่งแสงเรืองเรื่อพร้อมกับปลิวไปยังเตียงนอนของเขา


         “
    ดูดีไม่หยอกเลยนี่ราดีสทักเด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดคล้ายกับวันก่อน อันประกอบด้วยเสื้อคอตั้งเชิ้ตขาวทับด้วยเสื้อนอกสีดำแบบหนาและกางเกงขายาวสีเดียวกัน ต่างกันก็แต่มีโบว์สีน้ำตาลตรงคอเสื้อ คนได้รับคำชมหัวเราะอย่างเขินๆ ส่วนนตัวราดีสเองนอกจากมีเสื้อคลุมของผู้ใช้เวทแล้วยังทับด้วยเสื้อสีดำซึ่งเป็นชุดหน้าหนาวเหมือนๆกับคนอื่น เอ้า ไปกันเถอะ


    ***************************


         วันนี้พวกเขาใช้บริการรถรับส่งเทียมม้าที่ทางสภากลางจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานก็เข้าเขตตัวเมืองฝั่งตะวันออก แต่ด้วยการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดเอาการ รถจึงสามารถส่งได้เพียงหน้าถนนสายใหญ่ซึ่งทอดเข้าสู่สภากลาง ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องพึ่งกำลังขาทั้งหมดเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงสภากลางตามเวลานัดหมาย


         ตอนนี้ทางเดินกว้างด้านหน้าเนืองแน่นไปด้วยผู้ใช้เวททั้งชายและหญิงจนเห็นเป็นกลุ่มก้อนสีดำมืดเต็มไปหมด ตัดกับธงทิวสีสันสดใสมากมายที่ถูกนำมาประดับไว้และโบกสะบัดอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวยามเช้า 
     พวกเขาแทรกผู้คนเข้าไปจนถึงหน้าห้องประชุมพร้อมๆกับที่เสียงระฆังบอกเวลาบนหอสูงดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้ใช้เวททั้งหลายเข้าห้องประชุม


         ประตูไม้โอ๊คบานใหญ่เขียนลวดลายเป็นนกและดอกไม้หลากสีชวนมอง หน้าห้องมีการตรวจตราจดหมายรับรองอย่างเข้มงวด ผู้ใช้เวททั้งหลายซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้วค่อยๆทยอยเดินเข้าไปทีละรายสองราย ส่วนกรณีของไดแอซนั้น มาร์คัสยื่นจดหมายที่ดูเหมือนจะมาจากจอมปราชญ์ให้กับพาลาดินแล้วลากเด็กหนุ่มเข้าไป


         ด้านในคือที่นั่งพร้อมโต๊ะเรียงเป็นรูปครึ่งวงกลมลดหลั่นกันไปตามความสูง ผนังโดยรอบเป็นรูปเขียนหิมะสลับกับป่าสนอย่างทางเหนือ หิมะอีกแล้ว ไดแอซแอบคิด และด้านหน้าห้องมียกพื้นประดับดอกไม้ตามมุมเล็กๆน้อยๆ ซึ่งดูแล้วคงถูกจัดทำขึ้นสำหรับการนี้โดยเฉพาะ อากาศในห้องอุ่นสบายกว่าภายนอกรวมถึงค่อนข้างสว่างด้วยลูกไฟเสกสีส้มดวงจ้อยจำนวนมากเต็มช่อไฟแก้วเจียระไนระยับบนเพดานสูง


         พวกเขาเลือกที่นั่งในมุมสูงทำให้มองเห็นอะไรๆได้สะดวก เด็กหนุ่มเท้าคางมองบรรดาผู้ใช้เวทที่พากันสลัดเสื้อคลุมตัวหนาเดินเข้ามาเลือกที่นั่งเรื่อยๆ ระหว่างที่มาร์คัสกับคนอื่นๆกำลังพูดคุยกับกลุ่มที่นั่งอยู่แถวล่างถัดลงไปจากตนอย่างออกรส


         หลังผู้ใช้เวทคนสุดท้ายนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าพาลาดินภายใต้สังกัดกรมทหารรักษาพระองค์เดินแถวเข้ามายืนประจำที่ตามจุดต่างๆของห้อง และประตูบานสีทองอ่อนฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าเปิดออกพร้อมเสียงประกาศก้อง


         “
    พระราชาเสด็จแล้ว


         เวลานี้ทั้งห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด ผู้ใช้เวททั้งหมดพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนค้อมกายต่ำแสดงความเคารพต่อผู้เป็นราชาแห่งแผ่นดิน


         ผู้ที่ก้าวเข้ามาคือชายวัยกลางคนร่างสูง วงพักตร์เคร่งขรึม มงกุฏบางสีทองอ่อนคาดทับเกศาน้ำตาลเข้มดุจเปลือกไม้และดวงตาสีเทาที่แฝงแววอ่อนโยน ราชาไซคลาเมนในฉลองพระองค์ฤดูหนาวสีเข้มเรียบง่ายแต่งามหรู รัศมีของความสง่าน่าศรัทธาฉายชัดจากพระองค์ ทว่าพระพักตร์นั้นไม่ยิ้มแย้มกลับหมองเศร้าจนเป็นที่สงสัยแก่ผู้พบเห็น แม้แต่พวกของมาร์คัสซึ่งอยู่ตรงแถวบนสุดยังสังเกตได้


         “
    พวกเจ้าคงได้พักผ่อนกันแล้วสินะพระองค์ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ที่เรียกมาวันนี้ข้ามีเรื่องอยากให้ช่วย ดอกไม้สีเลือด……รู้จักมันใช่ไหม ตำนานนั่นกำลังจะกลับมาถ้อยคำแฝงความหมายบางสิ่งเรียกเสียงฮือฮาขึ้นจากบรรดาผู้ใช้เวท องค์ราชายกหัตถ์ขึ้นแล้วกล่าวต่อ ครานี้สุรเสียงหม่นลงด้วยความเศร้าสร้อย ลูกสาวของข้ากำลังป่วย จะด้วยเหตุอันใดก็ตามที นางพร่ำเพ้อถึงชื่อ………ลีเมย์ นามแห่งธิดาของกษัตริย์พระองค์แรก และอาการของนางแม้แต่พวกหมอเองก็ยังจนปัญญาจะรักษาได้ ข้าจึงอยากให้พวกเจ้าช่วย


         “
    ถือว่า…….ข้าขอร้อง


         นาทีนี้ผู้ใช้เวททั้งหมดลุกพรึบจากเก้าอี้ขึ้นพร้อมๆกันจนมองเห็นเป็นคลื่นสีดำ แล้วพากันลงไปคุกเข่าก้มหน้างุดๆอยู่กับพื้น



         “
    ข้าพระองค์ไม่กล้า


         องค์ราชาทรงค้อมเศียร ทำเอาพวกเขาก้มศรีษะต่ำลงไปอีกจนหน้าแทบจะติดพื้นพรมอยู่นั่น
    คงต้อง ฝากพวกเจ้าด้วยผู้ใช้เวททั้งหลายส่งเสียงรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน


         หลังจากองค์ราชาเสด็จกลับไปแล้ว ปราชญ์ประจำราชสำนักซึ่งเป็นชายแก่สวมแว่นตาหนาเตอะก็เข้ามารับหน้าที่อธิบายเรื่องราวต่างๆเพิ่มเติมให้เป็นที่กระจ่างชัด ไดแอซซึ่งพอจะรู้เกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้อย่างคร่าวๆด้วยการได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดที่ฟอนเทนเบิร์กเริ่มเข้าใจร่างๆ เสียงพูดแบบเรื่อยๆในสปีดธรรมดาติดจะช้า มีผลทำให้ผู้ใช้เวททั้งหลายที่เมื่อครู่ยังมีท่าทีกระตือรือร้นทำท่าจะหลับเอาให้ได้ แม้แต่ไดแอซก็แอบโงกกับเขาด้วย


         ดอกไม้สีเลือด
    …...ที่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเป็นสิ่งใดกันแน่ เป็นวัตถุหรือเป็นเพียงสิ่งสมมติ ตำนานซึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนนั้นแฝงความหมายสิ่งใดไว้ และนี่คือคำถามที่พวกเขาต้องหาค้นคำตอบให้พบโดยเร็วที่สุด


         หลังจากเวลาหลายชั่วโมงผ่านไป หน้าที่ของปราชญ์ประจำราชสำนักหมดลงก็ถึงคราวของผู้ใช้เวทบ้าง การหารือเริ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้เวทแถวหน้าคนหนึ่งกระโดดขึ้นยกพื้นแล้วคว้าเครื่องขยายเสียงเวทแหกปากร้องเพลงปลุกทุกคนในห้อง แน่นอนว่างานอะไรก็ตามจะเริ่มได้ต้องมีผู้นำ เสียงออกความเห็นดังมาจากมุมห้อง ซึ่งนับว่าเป็นความคิดที่ดีอย่างยิ่ง และหลังการลงคะแนนเสียงจากทุกคนในห้องเรียบร้อยก็ได้หัวเรือใหญ่มาคนหนึ่ง คราวนี้เป็นผู้ใช้เวทที่อาวุโสที่สุดซึ่งเป็นชายวัยกลางคน เขาก้มหน้าก้มตาศึกษารายละเอียดปลีกย่อยจากบันทึกของสำนักพระราชวังอีกครั้งอยู่ครู่ใหญ่


         “
    พวกเจ้าคงทราบเรื่องราวจากปราชญ์ท่านเมื่อครู่ดีแล้วใช่ไหม?” เจ้าตัวตั้งคำถามแล้วกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ซึ่งเขาก็ได้รับความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ เล่นเอาเจ้าตัวเสียความมั่นใจไปโข งั้นข้าจะสรุปย่อๆใหม่แล้วกัน


         เรื่องเดิมถูกเอามาเล่าซ้ำ พร้อมสรุปอย่างง่ายๆ บรรดาผู้ใช้เวททั้งหลายนั่งฟังกันตาแป๋วพลางงาบ แซนวิชที่ต่างเตรียมมาเป็นเสบียงราวรู้ล่วงหน้าว่าเป็นการประชุมแบบมาราธอนไม่มีพักยก ชายวัยกลางคนตัดสินใจเสนอให้ผู้ใช้เวททั้งหมดออกสืบค้นถึงตำนานที่ถูกบันทึกไว้


         “
    ข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง อีกอย่างตำนานนี้เองก็มีหลายฉบับ ทั้งคัดลอก ทั้งเป็นบันทึกกระจายอยู่ตามหอสมุดหรือตระกูลเก่าๆแถบภาคเหนือ หากรวบรวมมาคงได้เบาะแสอะไรบางอย่างเป็นแน่ พวกเจ้าเห็นด้วยกับความคิดของข้าหรือไม่


         “
    ใครมีอะไรจะเสนอบ้าง?”

         บรรดาผู้ใช้เวทหันซ้ายหันขวาปรึกษากันแต่ก็ไม่มีใครทัดทานใดๆ เพราะทุกคนก็ยังมืดแปดด้าน นอกจากตำนานหน้าเล็กๆในหนังสือแล้ว ยังไม่เคยมีใครรู้เกี่ยวกับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ซ่อนอยู่หลังหน้าประวัติศาสตร์เลยสักคน และส่วนมากออกจะงงๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ


         “
    หากไม่มีใครเสนออะไรอีก ข้าจะเริ่มแบ่งสายงาน


         ว่าพลางเจ้าตัวก็เสกเอากระดานรายชื่อตามด้วยแผนที่อันโตที่มีวงแดงๆแทนสถานที่ขึ้นมาแล้วเริ่มแจกแจงอาณาเขตการค้นหา นับเป็นโชคดีอย่างยิ่งที่กลุ่มของมาร์คัสกับเวสเป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับคำสั่งให้สืบค้นในเขตเมืองหลวง ไม่ต้องตะลอนๆออกไปไกล เหมือนอย่างคนอื่นๆที่บางพวกต้องดั่นด้นฝ่าดงสัตว์อสูรเข้าไปยังหุบเขาหมอกหรือเดินทางท่ามกลางความหนาวเย็นเข้าเขตทุ่งหญ้าทุรกันดารของชนเผ่าเร่ร่อน


         “
    ข้าให้เวลาในการทำงานนี้ 2 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่จะต้องเดินทางออกนอกเขตเมืองหลวงให้มายืนยันตนกับอีกครั้ง เพื่อจะทำใบอนุญาตใช้สัตว์อสูรของทางราชการอันได้แก่ มังกรและ กราไฟต์ อย่าได้ทำทรัพย์สินรัฐเสียหายล่ะ ถ้าหากมีเรื่องด่วนรายงานกับข้าได้ทุกเมื่อ เข้าใจแล้วใช่ไหม?”


         ผู้ใช้เวทรับคำพร้อมเพรียงกัน
    ข้าคิดว่าเมื่อพวกเราได้ข้อมูลมามากพอจะต้องค้นพบสาเหตุเป็นแน่เขาบอกด้วยท่าทางเชื่อมั่น เช่นนั้นวันนี้เอาไว้แค่นี้ ขอบใจสำหรับความร่วมมือของพวกเจ้าทั้งหลาย อีกสองสัปดาห์กลับมาพบกันใหม่ ขอดาราแห่งทิศเหนือคุ้มครองพวกเจ้าต่างฝ่ายต่างค้อมศรีษะให้กันและกันแล้วบางส่วนทยอยเดินออกจากห้องประชุมไป


    ************************


         “
    เฮ้อ!!” ไดแอซถอนใจแล้วทิ้งตัวนั่งแปะลงบนเตียงหนานุ่ม ทำท่าอย่างกับคนแก่น่ะมาร์คัสทักขึ้น ข้ารู้สึกถึงอะไรแปลกๆเด็กหนุ่มว่า หืออีกฝ่ายที่กำลังจับชุดคลุมของผู้ใช้เวทยัดเข้าตู้หันมาหาอย่างสนใจ ไม่รู้สิ บางทีข้าอาจคิดไปเองก็ได้


         “
    ไม่เป็นอะไรนะชายหนุ่มถามเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ดีแล้วล่ะ พักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันเขาว่า ไดแอซ จะลงไปกินข้าวเย็นกับข้าไหม ไดแอซ!!!” ชายหนุ่มตะโกนกรอกหูเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจลอย


         “
    อะไร ข้าวเที่ยงเหรอ?” เจ้าตัวสะดุ้งหันมาถาม ข้าวเที่ยงของเจ้ากินตอนเย็นหรือไง!!” ชายหนุ่มแหวใส่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟัง ไม่อ่ะ ข้ามีเรื่องอะไรคาใจอยู่อยากนึกให้ออก


         “
    แล้วแต่เจ้า ถ้าหิวข้าวางขนมปังไว้บนโต๊ะนั่นชายหนุ่มโยกหัวไดแอซอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินออกไป ไดแอซมองตามบานประตูที่ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ เขาคว้าหนังสือเล่มหนาเตอะชนิดอ่านสามวันสามคืนก็ไม่หมดที่มาร์คัสอุตส่าห์หอบหิ้วจากฟอนเทนเบิร์กขึ้นมาเปิดอ่าน


    **************************


         วันรุ่งขึ้นฟากฟ้าเหนือแพนโทเนียนั้นเต็มไปด้วยเงาดำๆโฉบไปโฉบมาของมังกรบ้างกราไฟต์บ้างบินกันให้เกลื่อนตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางดีนัก ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ปลุกให้ชาวบ้านออกมาจับกลุ่มยืนดูกันตามถนนเป็นทิวแถว


         “
    มังกรอ่ะ กราไฟต์ด้วย


         ไดแอซตะโกนบอกแล้วชี้มือชี้ไม้ขึ้นฟ้าอย่างตื่นเต้น ด้วยเจ้าตัวเพิ่งเคยเห็นตัวจริงของสัตว์อสูรทั้งสองชนิดนี้ ด้วยความดีใจเขายังอุตส่าห์ไปลากมาร์คัสขึ้นมาจากเตียงเป็นให้เพื่อนดูด้วยอีกต่างหาก


         ไม่นานเงาร่างดำๆเหล่านั้นก็พากันแยกย้ายลับหายไปตามทิศทางต่างๆจนหมดสิ้น ผู้คนทั้งหลายจึงแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรประจำวันของตน ด้วยวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว


          สำหรับงานของพวกเขาที่จำกัดอยู่เฉพาะเขตเมืองหลวงนั้นเริ่มขึ้นในตอนสายๆของวัน หลังจากมาร์คัสได้รับจดหมายอนุญาตพิเศษให้เข้าไปค้นม้วนบันทึกและหนังสือตำรายังห้องสมุดใหญ่ในเขตการควบคุมของสภากลาง ซึ่งส่งมาถึงโดยสัตว์อสูรตัวจ้อยสีทองที่บินควงสว่านเฉียดหัวไดแอซลงมาปักแผละในถ้วยโจ๊กข้าวโอ๊ตของเขาจนเด็กหนุ่มแหกปากร้องลั่นร้าน


         หอสมุดของที่นี่เป็นอาคารหินอ่อนตั้งติดถนนในสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกับสภากลาง ตัวอาคารซึ่งมีขนาดทั้งใหญ่ทั้งสูงยิ่งกว่าหอสมุดที่ฟอนเทนเบิร์กหลายเท่าตัวคำยันด้วยเสาฐานดอกไม้ต้นใหญ่นับสิบ เพดานยกสูงประดับกระจกเขียนสีเล่นมุมกับแสงแดด ส่วนที่เก็บหนังสือนั้นมีลักษณะคล้ายๆกันคือประกอบด้วยชั้นหนังสือสูงจดเพดานและคอกไม้ลอยหลายสิบคอก แตกต่างกันก็แต่มีบันไดเวียนขนาดเล็กเลียบติดกับกำแพงขึ้นไปจรดยอด ซึ่งดูท่าทางคงไม่มีใครใช้บ่อยนัก หลังจากแบ่งอาณาเขตกันเรียบร้อยพวกเขาทั้งเจ็ดคนก็เริ่มแยกย้ายไปค้นหาตามชั้นต่างๆ ไดแอซเองก็เดินดุ่มๆเข้าไปช่วยด้วยเขาเช่นกัน


         พวกเขาเดินเข้าเดินออกตามชั้นอย่างไม่ขาดสายพร้อมหนังสือตั้งสูงถูกหอบมาวางกองล้นโต๊ะจนบังคนนั่งซึ่งก็คือเวสกับราดีสที่อาสาเป็นฝ่ายค้นหาข้อมูลเสียมิด ทั้งสองไล่สายตา มือหนึ่งพลิกหน้าหนังสือพรึบๆ อีกมือตวัดอักษรอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลา เพราะหนังสือแทบทุกเล่มในหอสมุดแห่งนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของอาณาจักรทั้งสิ้น นี่ยังไม่นับม้วนบันทึกเก่าแก่อีกเป็นร้อยซึ่งอยู่ในเขตหวงห้ามนะ


         บรรดาผู้ใช้เวททั้งหลายเลยแทบจะกินนอนอยู่ท่ามกลางกองหนังสือที่ตอนนี้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเท่าตัวจนต้องยกอีกหลายโต๊ะมาต่อ พอตกเย็นต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับห้องใครห้องมันไปนอนด้วยความเหนื่อยอ่อนไม่มีใครมีอารมณ์มานั่งเอ้อระเหยคุยกันเหมือนเคย แต่ไดแอซกลับเสกไฟเย็นดวงกลมแล้วตั้งต้นอ่านหนังสือซะ งั้น ยังความประหลาดใจให้กับมาร์คัสที่เป็นเพื่อนร่วมห้องอย่างยิ่ง


         “
    ยังจะอ่านหนังสืออีกหรือมาร์คัสถาม นอนไม่หลับเจ้าตัวตอบง่ายๆ อีกอย่างข้าอยากเพิ่มพูนความรู้จะได้มาช่วยงานพวกท่านสะดวกๆไงว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านต่อไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มันเหนื่อยไม่เป็นรึไง ถ้ายังไหวก็ช่างเถอะชายหนุ่มจึงเลิกซักไซ้ไปโดยปริยาย


         จนหลายวันต่อมาไดแอซเริ่มอยู่ในสภาพผีดิบเดินได้ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นผีดิบเดินได้เพราะเล่นบ้าเลือดอ่านหนังสือมาราธอนแบบนั้น มาร์คัสได้แต่ถอนใจเฮือกๆเนื่องจากจะพูดอย่างไรรายนั้นก็ไม่ยอมฟังยืนยันว่าไหวๆลูกเดียว


         “
    ทำไมโลกมันถึงได้หมุนซ้ายหมุนขวาอย่างนี้เนี่ยเด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าบันไดที่เขายืนอยู่นั้นแกว่งแปลกๆอย่างไรชอบกลจนต้องเอามือยึดราวไม้เอาไว้ ภาพสิ่งของรอบกายเขาเริ่มพร่าเลือนจนเห็นสีหลากหลายผสมกันไม่เป็นรูปเป็นร่าง


         “
    โครม


         เสียงดังสนั่นมาจากทิศทางที่บันไดตั้งอยู่พร้อมหนังสือตกกระจายเกลื่อน เรียกให้ผู้คนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ชั้นล่างชะงักกิจกรรมทั้งหมดและหันไปมองเป็นตาเดียวกัน จนบริกรที่อยู่แถวนั้นวิ่งเข้าไปดูนั่นล่ะถึงรู้ว่าเป็นคนตกบันไดลงมา


         “
    ท่านครับ เด็กที่มากับท่าน…..” เขาหันมาเรียกบรรดาผู้ใช้เวทหลังจากพยุงร่างที่กองแปะอยู่เชิงบันไดขึ้นมา กลุ่มชายหนุ่มท่าทางอิดโรยวิ่งตรงเข้าไปดูอาการพลางช่วยเก็บหนังสือ


         “
    ไดแอซ เป็นไงบ้าง


         “
    ไม่สบายหรือ เจ็บตรงไหนรึเปล่า


         เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างอ่อนล้า
    เดินไหวไหมเวสถามพลางช่วยเมอร์สหิวปีกเด็กหนุ่ม ร่างนั้นซวนเซทำท่าจะล้มลงไปนั่งอีกรอบ จะขี่คอข้าไปหรือเปล่า หือราดีสถามกลั้วหัวเราะ ฝ่ายมาร์คัสทำหน้ายุ่ง นี่หมายความว่าข้าต้องอุ้มมันกลับห้องอีกใช่ไหม


         “
    นอนซะ ถ้ายังดื้อแบบนี้อีกจะไม่สบายเอานะ อากาศกำลังจะหนาวจริงๆแล้วรู้ไหม


         แต่ที่แน่ๆ พอคล้อยหลังมาร์คัสปุ๊บไดแอซก็เสกไฟอ่านหนังสือต่อปั๊บแถมยังอุตส่าห์ลงเวทกั้นแสงซึ่งร่ายเร็วทำลายสถิติที่โดยปกติแล้วใช้เวลาตั้งเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าเขาจะทำได้


    **********************


         “
    อ้าว ไดแอซหลับแล้วเหรอมาร์คัสทักเมื่อกลับขึ้นมาอีกครั้ง เขามองเด็กหนุ่มก่อนจะเก็บหนังสือที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาแล้วห่มผ้าให้ ไม่…….” ชายหนุ่มชะงักมือ มองคนกำลังหลับอย่างสงสัย


         พรึบ


          เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นนั่ง ดวงตาสีฟ้าว่างเปล่าที่เบิกโพล่งมีแววหวาดผวาฉายชัด
    ไดแอซมาร์คัสจับไหล่เด็กหนุ่มเขย่าเบาๆเรียกให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว มาร์คัสเขาได้สติเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ ตัวสั่นไปหมดเลย ไม่เป็นไรแล้วนะชายหนุ่มลูบหัวปลอบอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน


         “
    ข้าฝัน…….ฝันว่าตัวเองถูกมือที่มองไม่เห็นมากมายฉุดให้จมดิ่งลงไปในเหวลึก รอบๆตัวมีแต่สีดำไม่มีที่สิ้นสุด มือพวกนั้นกรีดข่วนเนื้อตัวข้าจนเป็นรอยแผลเต็มไปหมด ข้าหายใจไม่ออก มัน…..ทรมาน ข้ากลัว………” เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับท่อนแขนของคนข้างเตียง


         นาทีนี้ชายหนุ่มเข้าใจถึงสาเหตุที่ไดแอซไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออยู่นั่น
    งั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเองดีไหมเขาลูบหน้าลูบหลังจนเด็กหนุ่มเริ่มสงบลง นัยน์ตาของชายหนุ่มเหลือบไปเห็นปุยสีขาวนุ่มร่วงผ่านหน้าต่างลงไป


         “
    นั่น…..หิมะแรกมาร์คัสบอกกับไดแอซ เขาร่ายเวทช่วยเก็บความอบอุ่น แล้วเดินไปผลักบานหน้าต่างออกเบาๆ ลมหนาวเยือกเล็ดลอดเข้ามาปะทะอากาศอุ่นสบายในห้อง สวยไหมเขาหันมาถามคนบนเตียง มาดูด้วยกันสิ


         ไดแอซลุกตามไปยังหน้าต่าง เขายื่นมือออกไปรับเกล็ดเงินงามนั้น
    สวยนัยน์ตาสีฟ้าหม่นเริ่มมีแววเหม่อลอยราวกับเจ้าตัวกำลังนึกย้อนไปถึงบางสิ่งในอดีต เย็นมือขาวขยี้เกล็ดหิมะเบาๆ ที่ที่เป็นสีขาวโพลนไปหมด ทั้งต้นไม้ดอกไม้ แต่หิมะซึ่งโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายนั้นเต็มไปด้วยความเหน็บหนาว


         หนังสือบนโต๊ะถูกลมหนาวพัดให้เปิดขึ้น หน้ากระดาษขาวพลิกไปเรื่อยๆหน้าแล้วหน้าเล่า มาร์คัสคล้ายได้ยินเสียงเสนาะใสราวระฆังเงินขับเพลงกล่อมหวานลอยล่องมาพร้อมหิมะ

             ภูตพรายขับคีตาท่ามป่ากว้าง

         หิมะขาวพราวพร่างทุกแห่งหน

         เพลงลำนำคลอประสานขับกล่อมคน

         จนหลับใหลในฝันอันงดงาม

             เจ้าเด็กน้อยเอยยามนิทรา

         ด้วยสองมือข้าจักพาไป

         สู่ดินแดนอันแสนไกล

         โอ้….ที่ใดเจ้าจากมา

    ----------------------------------------
    อัพแล้วละค่ะ ถึงจะช้าไปนิดนึงอ่ะนะ คือว่าไปซื้อเน็ต
    csloxinfoมาแล้วคิดว่าจะใช้ได้ แต่ก็กลายเป็นหลุดบ่อยไปซะนี่ ส่วนเน็ตองค์การก็เสียคิดว่าน่าจะต้องแจ้งtotแล้วล่ะ น่าเศร้าจริงๆ ตอนนี้ก็กำลังจะเปิดเรียนแล้วเนอะ ทั้งๆที่ยังอยากนอนเล่นอยู่ที่บ้านแท้ๆเลย


      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×