คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ละอองแห่งมหาสมุทร
แว่วเสียงเพลงแผ่วพลิ้วพลิ้ว ตามลมปลิวสู่นภาไกล
สู่ราล์ฟแห่งท้องทะเลใส โอ้ผู้ใดเล่าขับขานเจ้า
ดวงเนตรดั่งดาราพราย งดงามเฉิดฉายยิ่งจันทรา
เสียงใสขับเพลงกล่อมชาวประชา แลห้วงธาราจงหลับฝันดี
ราล์ฟพลันต้องมนต์แห่งเสียงนาง หยัดร่างร้องเรียกก้องท้องนที
เซเรน เซเรน นามนี้ ผู้ใดเล่าที่ข้าเอ่ยนาม
โฉมงามเงยพักตร์ทันใด คือใครกันจึงเรียกขาน
ได้พานพบสบตาสองใจจาร จำจารึกรักแท้ตราบกาลนาน
เสียงร้องขับขานลำนำของเหล่ากะลาสีเรือดังก้องไปทั่วท้องทะเลอันเงียบสงบในยามราตรีที่ท้องฟ้าพร่างพราวไปด้วยดวงดาว ท่อนหนึ่งของบทลำนำอันกล่าวถึงความรักของเซเรนผู้งดงามและราล์ฟเจ้าชายแห่งแพนเทียที่ลูกเล่าขานมาจวบจนถึงปัจจุบัน ลำนำแห่งเรเวรัส
ปึก
เสียงแผ่นไม้กระแทกกับกราบเรือเบาๆดึงความสนใจของเหล่ากะลาสีที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าใหัหันมองหาต้นเสียง พวกเขาพากันชะโงกหน้าเพ่งฝ่าความมืดลงไปยังแผ่นน้ำเบื้องล่าง
"เฮ้ ออกัสเอาตะเกียงมาทางนี้หน่อยสิ" พวกกะลาสีตะโกนเรียกเพื่อน แสงนวลจากตะเกียงส่องให้เห็นว่าเรือกำลังแล่นฝ่าเข้าไปในหมู่ซากแผ่นไม้ที่ลอยอยู่เต็มผืนน้ำ
"เฮ้ย เอาตะเกียงมานี่เร็ว" กะลาสีคนหนึ่งตะโกนเร่งก่อนจะฉวยตะเกียงดวงโตมา แล้วยื่นออกไปจนสุดแขน ลำแสงสีเหลืองเผยให้เห็นเงาตะคุ่มบนไม้แผ่นหนึ่ง
"มีคนรอดชีวิต เอาเรือเล็กลงเร็ว" ผู้เป็นกัปตันร้องสั่งลูกน้อง พร้อมกับมีหลายร่างโหนตัวลงไปในเรืออย่างว่องไว เมื่อเรือเล็กแตะผิวน้ำเหล่าฝีพายต่างจ้ำพายอย่างสุดแรง จนเรือลำน้อยลอยฝ่าผืนน้ำสีดำทะมึนเข้าไปจนถึงร่างของผู้ซึ่งซบอยู่บนแผ่นไม้
ขณะที่ผู้ถือตะเกียงซึ่งนั่งอยู่หัวเรือกวาดตามองหาผู้รอดชีวิตคนอื่น "เขายังหายใจอยู่" เสียงรายงานหลังจากดึงร่างค่อนข้างบางที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กหนุ่มขึ้นมาบนเรือ "ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครเหลือรอดอยู่อีกแล้ว" ออกัสรายงาน พวกเขาจึงพายเรือกลับออกมาจากเศษซากไม้ที่กระเพื่อมน้ำไหวๆ
"รอดมาได้แต่ก็สาหัสเอาการเหมือนกันนะ" ผู้ช่วยเปรยกับกัปตันเรือขณะที่ทำแผลให้กับร่างนั้น "พรุ่งนี้เราจะเข้าเทียบท่าที่พรีดีอาแล้ว หัตถ์แห่งพระแม่แองเจลล่าจะโอบอุ้มและคุ้มครองเขาไว้เอง"
ในยามดึกของคืนนั้นเรือแล่นเข้าสู่นานน้ำของพรีดีอา น่านน้ำซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมของเหล่าไซเรนและเงือกแห่งทะเลเหนือ น่านน้ำแห่งเรเธน ที่มาของบทลำนำซึ่งถูกขับขานจวบจนถึงปัจจุบัน
*****************
หมอกยามดึกลงต่ำเรี่ยผืนน้ำ ทำเอาอาเรสผู้เป็นกัปตันเริ่มความหาจุกไม้ในกระเป๋าขึ้นมาอุดหู จุกไม้อันหนึ่งหลุดมือกลิ้งหลุนๆไปบนพื้น ออกัสที่จัดการอุดหูเสร็จแล้วจึงวิ่งตามไปหมายจะเก็บให้ "อยู่ไหนนะ" เขาบ่น พลางควานหาไปบนพื้นไม้ในเงามืด แต่ยังไม่ทันที่จะเก็บขึ้นมาเรือก็เกิดโคลงเคลงด้วยถูกคลื่นลูกใหญ่ตีทางกราบซ้าย
"นี่มันอะไรกัน" ออกัสบ่นอีกก่อนจะรีบเก็บจุกขึ้นมา แล้วเดินไปเพื่อจะส่งให้อาเรสซึ่งกำลังบังคับพังงาเรืออยู่ คลื่นตีมาทางขวาอีกลูกทำเอาออกัสทิ้งจุกไปอย่างไม่ไยดี แล้วโผเข้าเกาะผู้เป็นกับกัปตันทันที
พลันหูของอาเรสแว่วเสียงไพเราะแหวกฝ่าอากาศอันทึมเทามา เมื่อชายหนุ่มมองตรงไปพบว่ามีแสงนวลสลัวอยู่ในเงาหมอกเบื้องหน้า
"เจอดีเข้าให้แล้ว" ออกัสอุทานพลางถอยมาหลบอยู่หลังอาเรส เหล่าไซเรนซึ่งเป็นข้ารับใช้ของเทพแห่งชะตากรรมและเงือกที่นั่งอยู่บนโขดหินหยัดกายขึ้นมองดูเรือ
พวกนางมีผมยาวดุจสาหร่าย อาภรณ์ประดับประดาด้วยเปลือกหอยและอัญมณีงดงามยิ่งนัก ไซเรนนางหนึ่งช้อนตาขึ้นมองหน้าอาเรสที่กำลังกลั้นหายใจ "เด็กหนุ่มบนเรือของท่าน ดูแลเขาให้ดี ท่านรับปากข้าได้หรือไม่" นางถามด้วยเสียงไพเราะดุจระฆังเงิน ด้วยท่าทีอันเป็นมิตรนั้นทำให้พวกเขาคลายความหวาดกลัวลงไปได้โข
"ด้วยเกียตริของข้า" อาเรสใช้มือขวาแตะที่หัวใจแล้วค้อมศรีษะคำนับตามแบบแผนของชาวเรือ "ขอบคุณท่านมาก" นางตอบ
"เช่นนั้น ขอพรแห่งพระแม่แองเจลล่าจงสถิตกับท่านและลูกน้องของท่าน" เงือกสาวอวยพรด้วยน้ำเสียงกังวานใส ก่อนจะพากันกระโดดหายลงไปในท้องน้ำสีดำสนิทนั้น หมอกเองก็ค่อยๆจางลงเผยให้เห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าอย่างชัดเจน "ออกัส ไปปลุกยามได้แล้ว ให้ยืนไปถึงรุ่งเลยนะ" อาเรสสั่งพร้อมอ้าปากหาวเสียงดัง
********************
ยามรุ่งอรุณ เรือละอองแห่งมหาสมุทรเข้าเทียบท่ายังเมืองเรวาห์ เมืองซึ่งตั้งอยู่ในอ้อมกอดแห่งขุนเขาของพรีดีอา อาเรสปล่อยให้ลูกเรือส่วนใหญ่ได้ขึ้นบกเพื่อไปพักผ่อน ส่วนตนอยู่เฝ้าเรือและเด็กหนุ่ม จึงได้วานลูกเรือคนหนึ่งให้เรียกหมอเจ้าประจำขึ้นมาตรวจอาการของเด็กหนุ่มที่ยังหลับใหลไม่ได้สติ
ในเวลาไม่นานนัก นายแพทย์ชราพร้อมเด็กผู้ช่วยก็มาถึงเรือในที่สดุ เขาเริ่มตรวจอาการของเด็กหนุ่มและทำแผล "อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง" อาเรสเอ่ยถาม "ภายนอกไม่สาหัสอย่างที่คิด อีกสักสี่ซ้าห้าวันคงทุเลาขึ้นบ้าง" นิโคลัส ตอบพลางเขียนใบสั่งยาแล้วส่งให้ผู้ช่วยจัดยา ข้าต้องขอบคุณท่านมาก อาเรสกล่าวพร้อมก้มศรีษะลง
"อ้าว ท่านหมอตรวจเสร็จแล้วหรือ" ออกัสโผล่หน้าเข้ามาทักทาย นายแพทย์ชราพยักหน้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้พบกันเสียนาน เขาเอ่ยถามระหว่างรอเด็กจัดยา "ข้ายังสบายดีเหมือนเมื่อครั้งที่ท่านออกทะเลนั่นล่ะ" ออกัสตอบพร้อมเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นจากเหล่าลูกเรือที่พึ่งกลับขึ้นมา
การออกทะเลของนายแพทย์นิโคลัสนั่นใช่จะธรรมดาเสียที่ไหน เขาแค่บังเอิญเกิดเดินหลงไปอยู่ในห้องเก็บของใต้ท้องเรือเข้า กว่าจะรู้อีกทีก็โน้นเรือละอองแห่งมหาสมุทรลำนี้แล่นออกไปไกลจนเกือบลับเกาะ ทำให้เกิดโกลาหลไปทั่วทั่งลำ อาศัยว่าวันนั้นอากาศดีคลื่นลมสงบ จึงเอาเรือเล็กลงแล้วพาไปส่งกลับพรีดีอาอย่างปลอดภัย
"ท่านหมอ นี่ ข้าให้" ออกัสผลุบเข้ามาอีกครั้ง แล้วส่งปลาตัวโตที่หามาได้ให้ นายแพทย์ชรากล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไป อาเรสส่งสัญญาณให้ลูกเรือคนหนึ่งส่งนิโคลัสลงจากเรือไป
"เขาเป็นอย่างไรบ้าง" ชายหนุ่มเอ่ยถามกัปตัน "อาการไม่หนักหนาอย่างที่คิด" อาเรสตอบพร้อมเอ่ยสั่งงาน "เอาล่ะ เจ้าช่วยไปเฝ้าเขาหน่อย ฟื้นเมื่อไหร่ก็ไปตามข้าด้วยแล้วกัน" ออกัสพยักหน้ารับก่อนจะเดินลงจากดาดฟ้าไป
******************
แดดยามบ่ายฉายส่องให้ผืนน้ำเกิดประกายระยิบระยับจับตายิ่งนัก ละอองแห่งมหาสมุทรลอยลำฝ่าผืนน้ำอันเวิ้งว้างมุ่งสู่แผ่นดินใหญ่ ขณะที่ออกัสนั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้องอย่างสบายใจ ลมโชยผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบให้ม่านซึ่งอยู่เหนือศรีษะของเด็กหนุ่มที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงปลิวไสวเพียงแผ่วเบา
เด็กหนุ่มค่อยๆพลิกตัว แพขนตายาวกระพริบถี่ แสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบกับดวงตาสีฟ้าหม่นเหมือนท้องฟ้าในฤดูหนาว เขายันตัวลุกขึ้น ที่ไหน..... เมื่อเด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆแล้ว พบว่าเขานอนอยู่ในห้องเล็ก ซึ่งเครื่องเรือนทุกชิ้นล้วนทำมาจากไม้เนื้อแข็ง สายตาของเขาสะดุดเข้ากับบุคคลผู้ซึ่งนั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องพัก
ชายหนุ่มผู้นั้นสวมเสื้อผ้าป่านสีขาวและกางเกงสีดำยาว เรือนผมสีดำยาวถูกรวบแล้วโพกด้วยผ้าที่มีสีดำเข้มพร้อมตราประทับเช่นชาวทะเลทั่วไป
"ที่นี่
ที่นี่.........ที่ไหน"
ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้น "ตอนนี้เจ้าอยู่บนเรือละอองแห่งมหาสมุทร เราออกจากพรีดีอาเมื่อ 3-4 วันก่อน กำลังมุ่งสู่ฟอนเทนเบิร์กบนคาบสมุทรซีเนีย" ชายหนุ่มตอบ "ข้าออกัส" คนตรงหน้าแนะนำตัว "แล้วเจ้าชื่ออะไรล่ะ" เขาถามอย่างเป็นมิตร
"ข้า
.ไม่รู้สิ ข้าจำไม่ได้" เด็กหนุ่มก้มมองผ้าห่ม "จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง" เขาส่ายหน้าช้าๆ "เอาเถิดอีกสักครู่กัปตันจะมาพบเจ้า" ชายหนุ่มบอกแล้วก้าวออกไป แววตาของเด็กหนุ่มสลดลง การที่ต้องตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างถาโถมเข้าใส่ในฉับพลัน ราวกับว่าเขาไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้
ครู่ใหญ่ประตูจึงเปิดออกอีกครั้งพร้อมด้วยร่างสูงดูสง่าก้าวเข้ามา ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างเตียง "ข้าชื่ออาเรส เป็นกัปตันเรือลำนี้" เด็กหนุ่มจ้องมองเขาด้วยแววตาหวาดหวั่น "เจ้าไม่ต้องกลัวสิ่งใด ตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่ที่นี่"
อาเรสยิ้มบาง ดวงตาสีสนิมฉายแววอบอุ่นอ่อนโยน เขาลุกขึ้นจาเก้าอี้แล้วทำท่าจะออกเดิน ร่างสูงหยุดที่ประตูคล้ายนึกอะไรได้ เขาหันกลับมาอีกครั้ง "ส่วนชื่อของเจ้า ไดแอซแล้วกัน" ชายหนุ่มขยิบตาให้ก่อนจะเดินออกไป "ไดแอซเหรอ" เด็กหนุ่มพึมพำแล้วยิ้ม
ไดแอซเปลี่ยนเสื้อแล้ว เขาอดชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้ พลางคิดว่าวันนี้ลมทะเลพัดจัดเสียจนไม่น่าจะมีอะไรบินอยู่ได้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย ประตูเปิดออกเป็นครั้งที่3ของวัน เด็กหนุ่มที่ดูแก่กว่าเขาเพียงไม่กี่ปีโผล่หน้าเข้ามาพร้อมส่งเสียงทักทาย
"กัปตันให้ข้ามาพาเจ้าสำรวจเรือ" ไดแอซพยักหน้าก่อนจะหันกลับมาหยิบเสื้อคลุมแล้วเดินตามออกไป "ข้าชื่อชาห์ " เขาแนะนำตัวพร้อมกับเดินนำไป "นั่นเรามาถึงห้องอาหารแล้ว" เขาชี้ให้ไดแอซดูห้องซึ่งค่อนข้างใหญ่
"นี่โกดังสินค้า"
"นั่นก็ที่เก็บเสบียง"
"ห้องนั้นเป็น
"
เพราะละอองแห่งมหาสมุทรเป็นเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่ถูกต่อขึ้นจากอู่เรือในเกาะใต้ ทั้งยังมีการลงมนต์ให้ภายในลำเรือให้มีพื้นที่มากกว่าที่ตาเห็น จึงเต็มไปด้วยห้องหับมากมาย ดีที่ห้องของข้าอยู่ชั้นบนสุด ไดแอซนึกในใจ เมื่อชาห์พาเขาเดินสำรวจเรือจนขาลากไปตามๆกัน ไม่อย่างนั้นข้าหลงทางแน่
***********
"นี่ พวกท่านทำอะไรกันเหรอ" ไดแอซเอ่ยถามเมื่อจู่ๆก็ถูกลากตัวขึ้นมาบนดาดฟ้าเสียอย่างนั้น เขามองคนโน้นคนนี้ผื่อว่าคำตอบอาจผุดขึ้นมาบนใบหน้าของใครสักคนก็เป็นได้
ตึก
เสียงฝีเท้าอันสุดแสนจะคุ้นเคยตามด้วยร่างสูงสง่าของอาเรสเดินเข้ามาร่วมวงอีกคน "ใจคอพวกเจ้าจะฉลองกันโดยไม่เชิญข้าอย่างนั้นรึ" รอบข้างเงียบกริบจนเด็กหนุ่มนึกว่าเขาขึ้นมายืนบนดาดฟ้าคนเดียวมากกว่าจะมีคนหลายสิบห้อมล้อมอยู่
"เอาเถอะ วันนี้ข้าจะแกล้งลืมๆกฎไปสักหนึ่งวัน" ชายหนุ่มกล่าวต่อพร้อมทำท่าลอยหน้าลอยตาซึ่งไม่ใคร่จะได้เห็นบ่อยนัก ด้วยปกติมักเก๊กแต่หน้าดุอยู่ตลอดเวลา เสียงเฮลั่นดังมาจากปากเหล่าลูกเรือ มือของแต่ละคนถือถาดอาหาร กับแกล้ม และเครื่องดื่มไว้เต็มสองข้าง จนเด็กหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่าที่เห็นเอามือไขว้หลังปั้นหน้าขรึมราวทหารนั้น จะมีปัญญาที่ไหนถือถาดได้ตั้งสองถาด
เสียงพึมพำเบาๆดังขึ้นข้างหู เมื่อเด็กหนุ่มหันไปดูพบว่าในมือของอาเรสที่ค่อยๆแบออกนั้นปรากฏ ดวงแสงกลม ฉับพลันดวงแสงกลับกลายเป็นมีดสั้นสีฟ้าใส ไดแอซเบิกตากว้างอ้าปากค้างน้อยๆมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า
"นี่มันเวทมนตร์ชัดๆ"
อาเรสหัวเราะหึหึ เมื่อเห็นภาพคนตรงหน้า เอ
.รู้สึกชาห์จะบอกข้าแล้วนี่นาว่าลูกเรือทุกคนใช้เวทพื้นๆพวกนี้ได้ เด็กหนุ่มนึกแล้วรีบหุบปาก "ข้าให้เจ้า" ชายหนุ่มยื่นมีดให้เขา "ให้ข้า" เด็กหนุ่มทวน "เมื่อเจ้าอยู่บนเรือนี้ก็ถือว่าเป็นคนของข้า อาวุธคือสิ่งที่ผู้เป็นกัปตันสมควรมอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับเจ้าแล้วกัน " เมื่อไดแอซรับมีดไปถือไว้ ละอองแสงเล็กๆที่รายรอบมีดนั้นค่อยเกี่ยวกระหวัดถักทอกลายเป็นปลอกหนังงดงาม
"ข้า
.. "
"ไม่เป็นไรหรอก" อาเรสยิ้ม
แดดยามเย็นย่ำทอทาบผ่านท้องฟ้าสีชมพูอมทอง ดาวดวงจ้อยกระพริบแสงจางๆ ในค่ำคืนนี้ละอองแห่งมหาสมุทรได้บรรทุกเอาความสุขไว้จนเต็มลำเรือทีเดียว
************************
"กัปตันครับ" เสียงเคาะประตูห้องของอาเรสดังขึ้น "เข้ามาสิ" ผู้เป็นเจ้าของออกปากห้องอนุญาต ไดแอซก้าวเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่กองสุมไปด้วยเอกสารและแผนที่ต่างๆ
"เจ้ามีอะไรหรือ" อาเรสเงยหน้าจากแฟ้มเอกสาร "วันมะรืน เรือจะเข้าเทียบท่าที่ฟอนเทนเบิร์ก ข้า
..คงต้องเริ่มออกเดินทางเสียที" เด็กหนุ่มบอกเสียงเบาแต่ฟังดูแน่วแน่ อีกฝ่ายมองเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ "เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ"
ไดแอซตั้งต้นเก็บสัมภาระอันมีอยู่น้อยนิดลงย่าม เสียงโครมครามดังมาจากหน้าประตูห้อง เหมือนใครสักคนชนประตูเข้าอย่างจัง บานประตูเปิดปังออก ออกัสเซถลาเข้ามาเป็นรายแรกตามด้วยพวกลูกเรืออีกนับสิบที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือ
"พวกข้าเอามาให้เจ้า" ออกัสบอกหลังพยุงตัวลุกขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มถึงกับทำหน้าเหวอไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ "ครับ" เขารับคำสั้นๆ บรรดาข้าวของทั้งหลายทั้งปวงจึงถูกวางสุมๆลงไปจนเต็มเตียง เล่นเอาเจ้าของห้องทำหน้าแหย่ "แล้วข้าจะขนไปหมดเหรอเนี่ย"
ลูกเรืออีกหลายคนเวียนเข้าเวียนออกห้องของเด็กหนุ่ม ทำให้ห้องเล็กจ้อยดูแคบไปถนัดตา ข้าว่าเจ้าน่าจะจัดแบบนี้นะ ออกัสออกความเห็น
"แต่ข้าว่าอย่างนี้ดีกว่า"
"ข้าว่าแบบข้านะแหละดี"
"ไม่หรอก ต้อง
."
เสียงจากคนโน้นคนดีแทรกขึ้นด้วยความหวังดี ทำให้ไดแอซที่ไม่รู้จะฟังใครดีหัวหมุนติ้วๆทีเดียว
ลมทะเลยามค่ำคืนโชยมาเพียงแผ่วเบาพร้อมหอบกลิ่นอายคาวเค็มอันคุ้นชินมาต้องจมูก ผมสีดำยาวประบ่าของเด็กหนุ่มปลิวตามลม นัยน์ตาสีฟ้าหม่นมีแววเลื่อนลอยด้วยนึกอาลัย เวลาเกือบเดือนที่ได้อยู่บนเรือลำนี้ดูสั้นนัก ความอบอุ่นและเป็นกันเองของบรรดาลูกเรือทำให้เขาใจหาย
"พรุ่งนี้เจ้าต้องออกไปเผชิญโลกกว้างแล้ว" เสียหนึ่งดังขึ้น อาเรสเดินเข้ามาใกล้เขา "นั่นคือหนทางที่เจ้าเลือกเดิน" ชายหนุ่มเอนตัวพิงกราบเรือ
"กัปตันครับ ผม
." เด็กหนุ่มก้มหน้าลงซ่อนแววตาเศร้าเอาไว้" อาเรสวางมือหนากร้านบนไหล่ไดแอซ
"ในโลกใบนี้ต้องมีที่ยืนสำหรับเจ้าแน่ หากวันใดที่เจ้าสิ้นหวัง จงจำไว้ละอองแห่งมหาสมุทรและพวกเราทุกคนยังยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ" รอยยิ้มบางอันอ่อนโยนที่แสนจะหายากบนผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามคมอีกครา
"ครับกัปตัน"
ความคิดเห็น